กันยายน 2557

 
1
2
3
4
5
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
เนรมิตอักษรา บทส่งท้าย


บทส่งท้าย


“วรา! เร็วหน่อยซีงานสำคัญของเธอนะ เหมือนไม่ทุกข์ร้อนได้ไงกัน”


ญาดาบ่นอุบขณะเก็บข้าวของ อาทิเครื่องสำอาง กระเป๋าสตางค์ สมุดโน้ต กล่องนามบัตร ลงในกระเป๋าแบรนด์เนมอย่างรีบร้อนเมื่อเคยเทกระจาดของเหล่านั้นบนเตียงนอนเพื่อหาสารพัดเครื่องสำอางมาแต่งประทินโฉมให้เพื่อนสนิท


คนถูกเร่งเดินออกจากห้องน้ำพร้อมกลอกตาขึ้นสูงพ่นลมหายใจ ‘เหนื่อย’ ร่างผอมบางในชุดเดรสสั้นเหนือเข่าสีขาวแบบสายคล้องคอเผยผิวกระจ่างเนียนด้านหลังสาวเท้าถี่ๆ จนกระโปรงทรงเอพลิ้วไหว ยิ้มมุมปากเมื่อเพื่อนยังบ่นไม่หยุดเสียทีได้แต่นึกในใจ ‘ไม่ใช่ไม่ทุกข์ร้อนต่อเวลากระชั้นชิดหากแต่รีบจนสุดตัวแล้วต่างหาก’


“ไม่ต้องเร่งเลยนะใครล่ะที่บังคับให้ฉันแต่งหน้า”


“ถ้าไม่แต่งเธอจะกลายเป็นซอมบี้เดินเข้างานแถลงข่าวนะยะฉันอุตส่าห์หวังดีเสกความเลิศเลอให้ยังจะกล้าแขวะใส่อีกนะ”


คำพูดของญาดาทำคนถูกบ่นหลุดขำและส่ายศีรษะเบาๆวราลีหยิบสัมภาระส่วนตัวใส่กระเป๋าสะพายใบกะทัดรัด และเครื่องมือสื่อสารทำให้นึกถึงใครบางคนขึ้นมา


“พี่ศาสไม่ว่างโทรมาหาเลยตั้งแต่เช้า”


“ไม่ต้องห่วงแฟนหรอกน่าเอาตัวให้รอดก่อนเถอะ พร้อมหรือยัง อีกครึ่งชั่วโมงเองนะ”


ญาดากังวลถึงระยะทางและเวลาซึ่งจวนเจียนเต็มทีเกรงจะพาเพื่อนไปไม่ทันงานแถลงข่าวเกี่ยวกับผลงานเรื่องแรก จากนวนิยายกลายเป็นละครซึ่งกำลังจะเริ่มต้นในอีกไม่ช้า


“ไปแล้วน่า หยุดบ่นซะทีเถอะ”


วราลีปัดเรื่องคนรักออกจากความคิดก้าวหาญาดาพร้อมคว้ามือเพื่อนให้เดินตามออกจากคอนโดหรูหราก่อนหูจะพังเพราะถูกบ่นไม่หยุด



ภายในตึกสูงของโรงแรมชื่อดังย่านกลางเมืองผู้คนหนาตายืนเต็มโถงล็อบบี้ด้านล่างส่วนใหญ่จะเป็นสื่อมวลชนและช่างภาพซึ่งตามมาเก็บบรรยากาศของงานในวันนี้แม้กระแสข่าวลือจะแพร่สะพัดถึงการแถลงข่าวของดาราชื่อดังแต่กลับไม่ใช่ทุกคนที่ได้เข้าร่วมงาน ญาดาถูกเตรียมการไว้ล่วงหน้าให้ขับรถขึ้นจอดบนอาคารแทนลานจอดด้านล่าง


“ข้างหน้าโรงแรมมีที่ตั้งเยอะทำไมต้องวนขึ้นตึกแคบแบบนี้”


วราลีตั้งข้อสังเกตโดยปกติญาดาจะชอบจอดรถในลานโล่งกว้างมากกว่าบนตึกแบบนี้ ไม่ว่าจะไปที่ใดมักเป็นอย่างนั้นเสมอนอกจากเหตุสุดวิสัยไม่มีที่จอดจริงๆ


“ฉันขี้เกียจเดินขึ้้นชั้นสอง และไม่อยากขึ้นลิฟต์ด้วย”


เหตุผลของญาดาทำให้วราลีเลิกเซ้าซี้พลางนึกในใจ ‘เรื่องเยอะตลอด’ นักเขียนสาวแอบขบขันคนเดียว ขณะญาดาถอยรถยนต์เข้าซองจอดและดับเครื่องสนิท


สองสาวก้าวลงจากรถวราลีทำท่าเดินเข้าตัวอาคารด้านหน้า ทว่าญาดาเหนี่ยวรั้งไว้ก่อน


“จะไปไหน! มาทางนี้เข้าทางสะดวกด้านหน้ามีหวังถูกนักข่าวตามเข้าห้องน่ะซี”


ญาดาดึงมือเพื่อนให้เดินตามไปทางประตูหนีไฟซึ่งมีทางเดินเล็กๆ เชื่อมต่อไปยังด้านหลังของห้องจัดงาน


“ให้ฉันแต่งหน้าแต่งตัวซะสวย คิดว่าจะได้เป็นนางแบบหน้ากล้องซะอีก”


วราลีหรี่ตามองเพื่อนและอมยิ้มแอบประชดประชัดในน้ำเสียงนั้น


“ฉันเสริมสวยเรื่องอื่นต่างหากล่ะ”


ประตูบานใหญ่ถูกญาดาดึงเปิดและดันหลังอ้อนแอ้นให้เข้าไปยืนอยู่ท่ามกลางความมืดสนิท เสียงดนตรีแผ่วเบาค่อยๆดังขึ้นขณะประตูบานหนาปิดลง แสงสลัวจากไฟสีนวลตรงกลางห้องค่อยๆเพิ่มแสงขึ้นเรื่อยๆ จนสว่างพอประมาณ



เก็บไว้ตรงนั้น...หัวใจของฉัน...เก็บมันเอาไว้

จะอยู่ที่ไหน หากไม่มีใครให้รู้ว่าฉันยังอยู่

กับเธอตลอดมา กับคำสัญญาที่มีให้เธอ

ไม่ว่านานแค่ไหน ทุกสิ่งเปลี่ยนไป แต่ฉันยังคงเหมือนเดิม


เสียงทุ้มละมุนคุ้นเคยมาพร้อมเสียงกีตาร์คุ้นหูเพลงซึ่งไม่เคยได้ยินมาก่อนสักครั้งในชีวิตนี้ ความตระหนกทำวราลีหันซ้ายหันขวาฝ่าความมืดสลัวมองหาญาดาทว่าไม่เจอใครสักคน



เก็บทุกรอยยิ้มที่เธอให้ฉัน เก็บมันเอาไว้

โลกยังเคลื่อนไหว ไม่เคยรอใคร แต่ฉันยังรอแค่เธอ

เพียงแค่หลับตาและใช้ใจฟังทุกความรู้สึก ว่ามันคือรักแท้ที่ไม่แปรเปลี่ยนไป



ท่วงทำนองไพเราะกอปรกับความหมายลึกซึ้งกินใจยังคงดำเนินต่อเรื่อยๆจนกระทั่งแสงจางๆ ฉายสว่างขึ้นตรงกำแพงรอบด้าน แสงเหล่านั้นคงมาจากเครื่องฉายภาพกลางห้องวราลีนิ่งคิดและตื่นตาไปกับภาพที่กำลังปรากฏอยู่เบื้องหน้า


รูปของเราความฝันของเรา ยังเก็บมันไว้ตรงนั้นไม่ไปไหน

อยากให้เธอรู้ อยากให้เธอเห็นว่าเธอเป็นคนรักของฉันตลอดไป


ภาพถ่ายของเธอกับศาสวัตวนเวียนอยู่รอบกายราวกับความฝันแสงจางๆ ปรากฏรูปภาพมากมายไม่ว่าจะรูปคู่หรือรูปเดี่ยว ตั้งแต่สมัยคบหากันใหม่ๆจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งภาพของเธอในมุมต่างๆ ซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อนสักครั้ง แต่ละภาพเป็นการเก็บรอยยิ้มของเธอมีทั้งความสดใสและอบอุ่น มองเห็นใบหน้านวลทั้งยามตื่นและยามหลับทำให้เจ้าตัวแปลกใจว่า ‘ใคร’ แอบเก็บภาพของเธอและ‘ใคร’ สร้างความประหลาดใจเช่นนี้คำถามเกิดขึ้นในใจ


ทว่าคำตอบก็ปรากฏชัดเจนพร้อมกับแสงสีนวลสาดส่องไปยังบุคคลต้นเรื่องศาสวัตวางกีตาร์ลงบนเก้าอี้และร้องเพลงต่อด้วยเสียงนุ่มละมุนละไม...

เธอเท่านั้นยังคงสำคัญ หัวใจฉันยังเป็นของเธอ

เธอคนนี้พิเศษเสมอ อยากบอกรักเธอไปทุกวัน

ต่อจากนี้แม้เราต้องไกล ใจของฉันจะเก็บไว้ให้เธอ

สุดที่รัก...ฉันรักเธอ

เธอ...คือเธอเท่านั้น

คือเธอเท่านั้น : PARATA

วราลียกมือปิดปากตัวเอง ตกตะลึงและประทับใจในคราวเดียวกันเมื่อแสงไฟสว่างทั่วห้องทำให้มองเห็นผู้คนมากมายยืนหลบอยู่ตรงมุมต่างๆ ทั้งกัมพลญาดา เพื่อนร่วมงานในกองถ่าย และสื่อมวลชนช่างภาพ นักเขียนสาวจ้องมองคนรักที่กำลังเดินเข้ามาหาด้วยรอยยิ้มกว้างทั้งเขินและอาย ใบหน้าสดใสร้อนผะผ่าว รู้สึกปลาบปลื้มเป็นอย่างมาก เมื่อเข้าใจว่าแฟนหนุ่มทำเซอร์ไพรส์ร่วมแสดงความยินดีกับความสำเร็จของเธอในงานแถลงข่าววันนี้


ศาสวัตเดินมาหยุดยืนเบื้องหน้าจนเห็นความสูงเหลื่อมล้ำเขากุมมือเธอไว้...


“แต่งงานกันไหม?”


คำพูดสั้นๆ แต่ประโยคนั้นทำวราลีนิ่งไปหลายอึดใจเธอเบิกตากว้างเมื่อทบทวนคำพูดของเขา เกิดอาการมือไม้สั่นและหวิวไหวที่หัวใจคล้ายถูกสูบลมจนค่อยๆพองโตราวกับร่างกายกำลังล่องลอย เขาขอเธอแต่งงานอย่างนั้นหรือ วราลีนึกทวนประโยคนั้นซ้ำๆ


“ตกลงหรือเปล่า?”


ศาสวัตถามซ้ำเสียงทุ้มละมุนทำให้มั่นใจว่าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่ความฝัน ใบหน้านวลอุ่นร้อนจนขอบตาเริ่มพร่ามัวเมื่อหยาดน้ำค่อยๆเอ่อริน วราลีพยักหน้าซ้ำๆ พร้อมยิ้มกว้างอวดฟันสวย พูดไม่ออกสักคำได้แต่ยิ้มทั้งน้ำตาก่อนโผเข้ากอดคนตัวสูงแนบแน่น ทั้งยังพยักหน้าอยู่อย่างนั้นและการกระทำของเธอคือคำตอบ ‘ตกลง’


ความสุขมากมายกับครั้งหนึ่งในชีวิตของหญิงสาวคงไม่พ้นการถูกขอแต่งงานอย่างที่วราลีกำลังเป็นสุขท่วมท้นขณะนี้ เสียงปรบมือและเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีดังพร้อมแสงแฟลชสว่างวิบวับไม่ขาดระยะทุกคนตรงนั้นส่งยิ้มให้คู่รักอย่างยินดี ความสุขเปี่ยมล้นจนกระจายเต็มหัวใจเมื่อความอบอุ่นโอบล้อมใจสองดวงไว้พร้อมกับรักแท้จะคงอยู่ตลอดกาล


“ตา...รถติดหรือครับทำไมยังมาไม่ถึง งานแถลงของศาสวัตกับวราลีใกล้จะเลิกแล้วนะครับ”


เอกราชต่อสายถึงพันธิตราที่มาล่าช้าเกินเหตุเป็นชั่วโมงแล้วนับตั้งแต่นัดหมายกันไว้ เมื่อเธอขอแวะไปคอนโดของศาสวัตเพื่อนำแก้วนครามาเก็บไว้หลังจบเรื่องงานแต่งของพี่ชายเมื่อไร เธอจะเดินทางกลับอเมริกาและนำสิ่งของล้ำค่าไปให้มารดากับน้าสาวเห็นถึงความสวยงาม


เสียงหวานจากปลายสายสั่นเครือขณะอยู่ในโรงพยาบาลเธอบอกสาเหตุที่ยังไปถึงโรงแรมเสียที ปัญหาเกิดขึ้นระหว่างทางเมื่อเจออุบัติเหตุรถชนชายหนุ่มทำให้การจราจรติดขัดจนเป็นอัมพาตร่วมชั่วโมงแล้ว พันธิตราเล่าว่าเธอลงจากรถแท็กซี่เพื่อเข้าไปดูเหตุการณ์เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งนอนหายใจรวยริน จึงเข้าไปช่วยกดบาดแผลบริเวณขาซึ่งมีเลือดแดงฉานไหลทะลักเป็นสายน้ำ


เมื่อนึกขึ้นได้ถึงความอัศจรรย์ที่เคยเกิดขึ้นกับวราลีมาแล้วเธอจึงนำลูกแก้วสีดำแวววาวให้ชายคนนั้นกำกุมไว้ จนหน่วยกู้ภัยและรถพยาบาลมาถึงพันธิตราจึงติดรถไปด้วยเพื่อให้ปากคำ เธอทราบประวัติของชายคนนั้นจากญาติสนิทซึ่งเดินทางมาถึงโรงพยาบาลหลังรู้ข่าวเขาเป็นนักเขียนชื่อดังแนวสยองขวัญ กำลังเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อหาแรงบันดาลใจกับการเขียนงานทว่าถูกรถชนจนสาหัสเสียก่อน


พันธิตราเล่าเรื่องราวทั้งหมดจนเอกราชนึกห่วงกระวีกระวาดออกจากโรงแรมในทันทีอย่างไม่ลังเล


“ตารอผมอยู่ที่โรงพยาบาลนะครับเดี๋ยวผมไปรับ”



-เอี๊ยดดดด-เสียงเหยียบเบรกลากล้อดังสนั่นฉุดให้นักเขียนหนุ่มหันขวับไปยังต้นทางเสียงนั้น ทว่าทุกอย่างว่างเปล่ารถราบนถนนยังแล่นฉิว ไม่มีคันใดเบรกกะทันหันตามเสียงที่ได้ยินเมื่อครู่นี้ เว้นเสียแต่ตอนเขาหันกลับมา...


“พ่อหนุ่ม...ตารบกวนหน่อย”


“มีอะไรให้ผมช่วยครับคุณตา”


ลูกแก้วสีแดงแวววาวถูกยื่นส่งตรงหน้าฉุดสายตาของชายหนุ่มให้มองตามอย่างตกตะลึง


“เก็บรักษาลูกแก้วนี้ไว้ทีตาอยากมอบให้เพื่อตอบแทนที่พ่อหนุ่มช่วยเหลือตาเมื่อตอนเย็น หากพ่อหนุ่มเก็บของสิ่งนี้ไว้คงมีเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจอย่างแน่นอน”


ชายหนุ่มนึกทวนกลับไปถึงเหตุการณ์ที่เขาช่วยชายชราผู้นี้ข้ามถนนรู้สึกภูมิใจในตัวเองเมื่อความดีไม่สูญเปล่า เขาจ้องมองคุณตาผู้นั้นยิ้มเยือกเย็นโดยยังไม่รู้ตัวว่าอีกไม่นานเรื่องอัศจรรย์จะเกิดขึ้น อย่างไม่อาจลืมเลือน...

Theend




Create Date : 07 กันยายน 2557
Last Update : 7 กันยายน 2557 22:47:02 น.
Counter : 1091 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments