Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
23 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 
Switzerland ทริป: เมื่อได้อยู่บน Top of Europe


สวัสดีค่ะ

เดือนนี้อัพบล็อกถี่(กว่าปกติ)มากๆ คึกค่ะคึก คราวนี้กลับมาอัพซีรี่ส์ทริปเที่ยวสวิส จริงๆ เริ่มลืมๆ ดีเทลแล้วค่ะเพราะนานจัด โชคดีเคยไปโพสกระทู้ไว้ใน Blueplanet เลยจัดการ copy & paste ซะเลย อิอิ


-------------------


23 ธ.ค. 2550

วันนี้ตื่นแต่เช้ามืดเลยค่ะ น้ำเนิ้มไม่อาบ (เขินจัง) แต่แปรงฟัน ล้างหน้า และที่สำคัญแต่งหน้าค่ะ อิอิ จากนั้นสองสาว(เรากับพี่ P)ก็ลากกระเป๋าฝ่าหมอกและสายลมหนาวของลูเซิร์นยามเช้ามืดไปขึ้นรถไฟค่ะ

(เสียดายจริงๆ อดกินอาหารเช้าฟรีที่โรงแรม)



On the train


ชอบรถไฟของสวิสตรงที่มีแผนที่ให้ด้วยทุกที่นั่งเลย

สะดวกมากๆ ได้ดูได้ว่าตอนนี้อยู่ช่วงไหนของการเดินทางแล้ว

สถานีต่อไปเป็นอะไร อีกกี่สถานีถึงที่หมาย ฯลฯ



Map


นั่งรอรถไฟออก ถ่ายรูปกันอย่างเมามันจริงๆ ค่ะ



Me!


อย่างที่เค้าว่าคนเอเชียชอบเก็บความประทับใจด้วยกล้องถ่ายรูป
แต่ชาวตะวันตกเก็บความประทับใจไว้ในความทรงจำ

คนที่ขึ้นรถไฟมาเช้ามืดแบบนี้ส่วนใหญ่แบกอุปกรณ์สกี/สโนว์บอร์ดกันมาด้วยทั้งนั้นเลย ที่นั่งข้างๆ เราก็มีเด็กหนุ่มหน้าตาดีสองคนมาพร้อมบอร์ดค่ะ หุหุ แล้วสงสัยเห็นเราสองคนถ่ายรูปกันเมามัน มีการเสนอหน้ามาทำเป็นแบคกราวน์ในรูปด้วย แหม...อยากถ่ายกับพี่สาวก็ไม่บอกกันดีๆ ฮ่าๆ แถมตอนลงหันมาโบกมือบ๊ายบายให้ด้วยล่ะ แหม...เกือบลงตามไปซะละ อิอิ

(ทำไมที่อังกฤษไม่มีแบบนี้บ้างน้า)

พอรถไฟออกจากสถานีที่พวกน้องๆ เค้าลงกันไป เราก็เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ค่ะ สงสัยไม่ชินกับการตื่นเช้า อิอิ

ตื่นขึ้นมาอีกที...โอ้โห



Postcard outside


รูปไม่สวยเท่าของจริงเลยค่ะ สงสัยกล้องห่วยด้วย (โทษกล้องซะงั้น ^^")

มันเป็นความรู้สึกที่ตื่นตาตื่นใจมากเลยค่ะ ไม่ใช่ไม่เคยเห็นหิมะมาก่อนนะ แต่มันสวยงามระยิบระยับ และคนบนรถไฟไม่รู้ลงกันไปตอนไหนกันหมดค่ะ เหลือแค่เรากับพี่ P เท่านั้นจริงๆ สองคนบนรถไฟทั้งตู้ สุดยอดค่ะ เหมือนโลกทั้งใบเป็นของเรา

เดินกันให้ว่อนเลย อย่างกับเด็กได้ของเล่น ไปดูหิมะมุมนู้นมุมนี้ รางรถไฟก็เลี้ยวไปเลี้ยวมา เปลี่ยนข้างซ้ายขวาดูวิวกันสนุกจริงๆ ฮ่าๆ ถ้าคนเยอะคงไม่ได้ทำแบบนี้นะคะ แต่ช่วยไม่ได้จริงๆ ค่ะ วินาทีนี้...ขอเก็บเกี่ยวความสวยงามของทิวทัศน์ให้ชุ่มปอดและเต็มสองลูกกะตา



Lovely scenery


พึ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้บอกว่าเราสองคนกำลังมุ่งหน้าไปไหนกัน

Lucerne - Interlaken ค่ะ

จากเมื่อวานอยู่ลูเซิร์นไม่มีหิมะเลยซักแอะ อยู่ๆ โผล่มาวันนี้หิมะเต็มไปหมด ทำไมมันต่างกันหน้ามือเป็นหลัง...มือแบบนี้ล่ะคะ



Morning fog


อิจฉาจริงๆ ค่ะ อยากไปเดินเล่นบ้างจัง

Yes, we have dreams and we want them to come true.
Yes, we will live for this moment .. me & you ^^



A walk to remember


ในที่สุดหลังจากเวลาผ่านไป 2 ชม. เราสองคนก็มาถึง Interlaken กันค่ะ

ซึ่ง ณ ที่นี้เราได้ทำสิ่งหนึ่งหายไป...

ไม่ใช่หัวใจแบบในนิยายนะคะ แต่เป็นถุงมือ พึ่งซื้อมาหมาดๆ เพื่องานนี้ ใส่ไปได้ทีเดียว หายซะแหล่ว T-T


-------------------


ขอเข้าโหมดสารคดีนิดนึง

Interlaken แปลว่า << Between the lakes >> ค่ะ ซึ่งในที่นี้ก็คือ Lake Thun กับ Lake Brienz นั่นเอง

จบแล้วค่ะ สารคดีฉบับย่อ ฮ่าๆ

ที่พักที่เราจองไว้ที่นี่ เป็นอะไรที่ถูกเหลือเชื่อมากๆ ตอนจองยังคิดอยู่ว่า มันจะเป็นยังไงฟระถูกซะขนาดนี้ (ต้องลุ้นเอาว่าไปเจอะสถานที่จริงแล้วจะได้รำพึงว่า "กรูว่าแล้ว ถูกและดีมีที่ไหน" หรือตื่นเต้นดีใจว่า "โหไม่น่าเชื่อ ถูกและดีก็มีจริงๆ ด้วย") แต่วินาทีที่จอง พอดีความงกมันบังตาเลยได้แต่อุทานว่า "กรี๊ด ถูกโคตรๆ เอาเลยๆ จองเลยๆ ที่นี่แหละ"

* AlpLodge / BackPackers Interlaken

หนทางไปไม่ไกลมากค่ะ แต่ไอ้ไม่ไกลของฝรั่งนี่ ของคนไทย 15 นาทีเป็นอย่างต่ำ ^^" ส่วนห้องที่พักไม่มีรูปให้ดูค่ะ ไม่คิดจะถ่ายมา เพราะไม่ประทับใจอย่างแรง เป็น 4 bed female dorm, shared facilities ค่ะ แต่อย่างที่บอกไงคะว่ามัน "ถูก" ย้ำอีกทีค่ะว่าคุณภาพสมราคา CHF 20 (~ 600 บาท/คน/คืน)

เอากระเป๋าฝากไว้ในล็อคเกอร์ที่ไม่มีล็อค ^^" ไปเที่ยวก่อนแล้วค่อยกลับมาเช็คอินเพราะมันยังเช้าจัด ออกมารถไฟมาพอดีค่ะ



Stop!


เดี๋ยววันนี้เราจะไปขึ้น Jungfraujoch กันนะคะ

ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเค้าอ่านว่าไรค่ะ แต่ฟังๆ ตอนประกาศบนรถไฟ เหมือนจะได้ยินว่า ยุง-เฟรา-ยอค นะคะ

เอาอีกแล้วค่ะ ไม่ต้องดูหมอก็รู้ว่าได้ฤกษ์เสียทรัพย์ก้อนใหญ่ ตั๋วขึ้น Jungfrau คนละ CHF 108 (~ 3,200 บาท) นี่ราคาส่วนลด เพราะมี Swiss pass นะคะ ไม่งั้นแพงกว่านี้

รถไฟมาแล้วค่ะ กระโดดขึ้นมากันครบยังคะ? อิอิ

ว่าแต่ขอถ่ายหน่อยเถอะ นั่งรถไฟมาไม่เคยเจอที่แขวนเสื้อโค้ทเป็นเรื่องเป็นราว แถมมีกระจกให้เสริมหล่อ เสริมสวย แบบนี้มาก่อน



You look gorgeous.


ตีหนึ่งครึ่งที่อังกฤษแล้วค่ะ ง่วงชิบโป๋ง แต่ก็ขออัพต่ออย่างไม่ย่อท้อค่ะ ^^


-------------------


เราพักที่ Interlaken West เลยต้องนั่งรถไฟมาที่ Interlaken Ost ก่อนค่ะ ซึ่งไกลกันพอสมควรเลย ใช้เวลาตั้งประมาณ 2-3 นาทีแน่ะ หุหุ ความจริงคือโคตรใกล้นั่นเองค่ะ



West to East


รถไฟภาคปกตินั่งไปถึงแค่สถานี Grindelwald เท่านั้นค่ะ

ที่ความสูง 1034 ม.

จากนั้นต้องนั่งรถไฟภาคพิเศษต่อ เพื่อขึ้นไปยัง Jungfrau



Getting there


แค่ออกสตาร์ทก็ตื่นเต้นแล้วค่ะ ^^

(เวอร์ไปมั้ยคะ)



How exciting!


ข้างบนสถานีคนเยอะโค-ตะ-ระ เลยค่ะ

หนุ่ม สาว เด็ก ผู้ใหญ่ วัยรุ่น เต๊มมมไปหมด

แต่ขอบอกว่ามาถึงที่นี่คุณจะกลายเป็นชนส่วนน้อยไปเลยนะคะ ต้องทำใจ

ไม่ใช่เพราะคุณเป็นคนเอเชียนะ แต่เพราะคุณไม่เล่นสกี T-T

จริงๆ ก็อยากเล่นอยู่นะคะ แต่เสียดายตังค์ ที่สำคัญ... ที่เคยเล่นครั้งสุดท้ายคือ 10 ปีผ่านมาแล้ว จะมารื้อฟื้นเอาเอง แบบไม่มีครูหนุ่มๆ หน้าตาดีมาสอนตัวต่อตัว ตาต่อตา fun ต่อ fun นี่ บายค่ะ กลัวจะมาลาโลกแบบไม่ได้ร่ำลาที่สวิส ^^"


-------------------


นอกเรื่องไปหน่อย โทษทีค่ะ อิอิ

ขึ้นไปบนรถไฟก็จับจองที่นั่งกันดีๆ นะคะ บนรถไฟมีทีวีให้ดูด้วย (มีหลายจอค่ะไม่ต้องแย่งกัน) ฉายเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของ Jungfrau กว่าจะสร้างสำเร็จกันมาได้

ไงลองไปดูกันที่เวปนี้นะคะ //www.jungfraubahn.ch



Amazingly beautiful


คิดแล้วคล้ายๆ ตอนนั่งรถไฟ Flåm Railway ตอนไปเที่ยวนอร์เวย์เลยค่ะ

มีจอดรถไฟให้ลงไปดูวิวด้วย แต่ Flåm นั่นลงไปดูน้ำตกแค่ครั้งเดียว

ส่วนนี่ลงทุกสถานีย่อยก่อนถึงยอดเลยค่ะ จอดสถานีละ 5 นาที


-------------------


ประวัติ Jungfrau คร่าวๆ นะคะ

หลังจากความพยายามในการก่อสร้างถึง 16 ปี (o_O นานมั่กๆ) รถไฟก็เปิดให้บริการในปี 1912 ณ วันชาติสวิสค่ะ

เส้นทางรถไฟข้ามผ่าน Alpine ขึ้นไปทาง Eiger เพื่อไปยังจุดหมายปลายทางนั่นก็คือ สถานีรถไฟที่อยู่สูงที่สุดในยุโรป ที่ความสูง 3454 ม. เหนือระดับน้ำทะเลค่ะ

ปี 2012 สถานีรถไฟแห่งนี้ก็จะมีอายุครบ 100 ปีแล้วนะคะ (อีก 4 ปีเอง แถมตรงกับปีที่อังกฤษเป็นเจ้าภาพโอลิมปิคพอดี)



History of Jungfrau Railway


ถึงแล้วค่ะ



Jungfraujoch - Top of Europe


I'm on the top of the world lookin down on creation
And the only explanation I can find
Is the love that I've found ever since you've been around
Your loves put me at the top of the world






Swiss flag on Top of Europe


เริ่มหิวแล้วค่ะ

บนนี้เค้าก็มีอาหารขาย ขืนไม่มีนี่ตายแหง๋แก๋ เพราะคนเล่นสกีมาเหนื่อยๆ คงจะเป็นลมตายไปซะก่อน ส่วนเราไม่ได้เล่นสกี แต่ก็ตายแหง๋แก๋ได้เหมือนกันค่ะ เพราะหิวจนจะเป็นลมแล้ว แค่เดินนี่แหละ ^^"



A never-ending blanket of snow


ตอนจะกลับ พอดีเห็นรถไฟกำลังจะออกค่ะ เลยกลัวไม่ทัน ตั้งท่าจะวิ่ง...

จนท.แถวนั้นรีบห้ามกันยกใหญ่เลย อย่าวิ่งนะอย่าวิ่ง ค่อยๆ เดิน ค่อยๆ เดิน

เพราะอากาศบนนั้นมันเบาบางมาก

อย่างพี่ P เค้าดูไม่รู้สึกอะไรมาก แต่เราเหมือนจะตายค่ะ เดินเร็วหน่อยก็ไม่ได้แล้ว อาการหายใจไม่ออกเริ่มมา จะเดินจะเหินต้องค่อยๆ เนิบๆ

ลงมาถึงด้านล่างอีกครั้ง ดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าค่ะ

ภาพสุดท้ายบน Top of Europe



Time to say goodbye


กลับมาถึงก็มาเช็คอินที่โรงแรมค่ะ

เอากระเป๋าเข้าห้องเสร็จ เจอคนจีนมาพัก แต่โดนยัยคนไทยสองคนนี่จองเตียงชั้นล่างไปทั้งสองเตียงแล้ว สาวจีนเลยต้องระเห็จปีนไปนอนชั้นบนค่ะ คุยกันได้ความว่าเธอเรียนโทอยู่กลาสโกว์

พี่ P ไม่กินอาหารฝรั่งค่ะ มื้อเย็นวันนี้เลยฝากท้องที่ร้านอาหารลูกครึ่งฝั่งตรงข้ามโรงแรม ข้ามถนนไปก็ถึง เป็นร้านลูกครึ่งเกาหลี-จีน ลุงคนเกาหลีเจ้าของร้านอัธยาศัยดีมั่กๆ ชวนคุยนู่นนี่ตลอดเลย ค่าอาหารปาไปคนละ CHF 25 (~ 750 บาท) เทียบกับร้านที่ลูเซิร์นแล้วร้านนี้โคตรแพงค่ะ เพราะได้กินแค่ข้าวผัดกับเกาเหลา(เศษ)เนื้อใส่ถั่วงอก ในขณะที่ร้านที่ลูเซิร์นบรรยากาศก็ดี อาหารก็เริ่ด

กินเสร็จเดินไป coop ค่ะ แต่ไม่ได้ซื้ออะไรนอกจากน้ำเปล่าคนละขวด

หมดไปอีกวัน เข้านอนด้วยความทรมาน เพราะฝุ่นเยอะโคตรๆ ใครไปไม่แนะนำให้พักที่นี่นะคะ ยกเว้นไม่แพ้ฝุ่นหรือต้านทานความยั่วยวนของราคาไม่ไหวก็เชิญที่นี่เลยค่ะ

ไปนอนก่อนละค่ะ จะตีสามแล้ว ตอนหน้าไป Zermatt กันค่ะ ^^




Create Date : 23 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2551 9:53:59 น. 14 comments
Counter : 1025 Pageviews.

 
เคยไปมาแล้วเหมือนกันค่ะ

สวยมากๆ ^^

แต่รู้สึกว่าในภาพนี้จะสวยกว่าแหะ


โดย: เด็กน้อยขี้แย วันที่: 23 พฤศจิกายน 2551 เวลา:10:29:41 น.  

 
เข้ามาชม สวยมากๆ ไม่เคยไปค่ะ


โดย: YUCCA วันที่: 23 พฤศจิกายน 2551 เวลา:10:40:08 น.  

 
ตามมาเที่ยวด้วยคนค่ะ...
เคยไปสวิตเซอร์แลนด์ครั้งเดียวนานมาแล้ว อยากพาลูกไปดูหิมะสักที คงต้องรอให้ตั๋วถูกกว่านี้อีกสักนิด
...


โดย: Devonshire (Devonshire ) วันที่: 23 พฤศจิกายน 2551 เวลา:10:46:27 น.  

 
แวะมาเที่ยวสวิสฯ ด้วยคน
อยากไปบ้างจัง ฮื่อๆ


โดย: magic_rapier วันที่: 23 พฤศจิกายน 2551 เวลา:12:56:07 น.  

 
อยากไปชมบรรยากาศสไตล์ยุโรปบ้างค่า


โดย: กล้วยหอมรสนม วันที่: 23 พฤศจิกายน 2551 เวลา:15:21:30 น.  

 
ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ หนุกมากเลยยยยยยยยยยยยยยยย

รออ่านตอนต่อไปนะ

ชอบเพลงด้วย


โดย: มินามิจัง IP: 124.121.226.5 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2551 เวลา:17:10:57 น.  

 
เคยทำสิ่งนึงหายไปที่สวิสเหมือนกันค่ะ
ไม่ใช่หัวใจและถุงมือ
แต่เปนหมวกน่ะค่ะ ฮ่าๆๆ
ทำหายไปตอนไหนมะรุ
รู้ตัวอีกทีขึ้นเครื่องบินก้อไปซะละ
เส้าใจจิงๆ


โดย: funkylady วันที่: 23 พฤศจิกายน 2551 เวลา:18:20:32 น.  

 
ภาพวิวสวยค่อดค่อด งามหยดย้อย เหมือนในฝันจริงจริง อยากไปอยากไป

สารคดีฉบับย่อ ?? ผมว่ามันคือ Dictionary ฉบับย่อ มากกว่านะ แหม เราเองก็กำลังเข้าโหมดสาระเต็มที่ จบซะงั้น



โดย: fzero วันที่: 24 พฤศจิกายน 2551 เวลา:0:06:44 น.  

 
หวัดดีจ้ะ สาวฟินนิช แฟชั่นนิสต้า

ไม่ต้องถามก้อพอเดาว่าทำงานบริษัท Marimekko ใช่ป่าวเอ่ย

ถ้ามิใช่ ขอโทษด้วยเด้อ พอดีเตะตาเนื่องจากเป็นแบรนด์ที่คนญี่ปุ่นชอบซื้อมากเลย

เขียนบล็อคได้ความรู้มากเลยค่ะ มีประวัติแถมที่มาของชื่อเมือง โชคดีจังได้ไปยุ้งฟราวตอนฟ้าใส

เดี๋ยวจะมาไล่ตามเก็บอ่านทริปให้หมดเลย

ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ


โดย: enjoymiracle วันที่: 24 พฤศจิกายน 2551 เวลา:4:36:46 น.  

 
ไปเที่ยว Jungfrau หน้าหนาวถึงหนาวสุดๆ เลยซินะ ขนาดชั้นไปช่วงฤดูใบไม้ผลิยังหนาวแทบแย่ ตอนชั้นไปสวิสคราวก่อนพักอยู่ Interlaken หลายคืนมากเพราะเจอที่พักดีและถูก ปีหน้าชั้นก็จะไปสวิสอีกเหมือนกัน


โดย: vanillahome วันที่: 24 พฤศจิกายน 2551 เวลา:12:31:45 น.  

 
แวะมาเยี่ยมๆ
คุณปลาเที่ยวทั่วยุโรปแล้วนะคะเนี่ย
อยากไปสแกนมั่ง ยังไม่เคยไปเลย
อยากไปซื้อของ marimekko หิหิ


โดย: Bumu_Chan IP: 67.83.70.17 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา:3:55:56 น.  

 
ทริบนี้เป็นความทรงจำที่ดีซิคะ
ชอบเดินทางโดยรถไฟมากที่สุด เเต่ไม่ว่าประเทศไหนรถไฟจะเเพงกว่ารถยนต์ ดูเหมือนการโดยสารรถไฟทำให้เราเพลิดเพลินบรรยากกาศรอบๆมากกว่าทัวว์รถยนต์

ปีหน้าหรือปีหน้าหน้า..อยากไป คงต้องเตรียมเสื้อหนาวเพียบ ต้องมีสักวัน ขอตลุยเเถวๆนี่ก่อน เเค่นี้ก็เเย่เเล้วค่ะ


โดย: " ยูกะ " (YUCCA ) วันที่: 27 พฤศจิกายน 2551 เวลา:5:28:11 น.  

 
ผมได้ 2 นิ้วโป้งเลยเหรอ

ขอบคุณครับ

ปล. แวะไปอ่านเรื่องเมาเมามาด้วย

ได้ดูเงาตัวเอง ตอนเมาด้วย อิอิ



โดย: fzero วันที่: 27 พฤศจิกายน 2551 เวลา:21:14:44 น.  

 
รูปสวยจังพี่

อ่านแล้วสนุกดีจังเลย

อ่านเสร็จไฟลุกโชนอยากเก็บเงินไปเที่ยวบ้าง

ถ้าไปเห็นของจริงน่าจะสุดยอดเลยครับ



โดย: niceguyfinishlast วันที่: 30 พฤศจิกายน 2551 เวลา:2:01:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

MaRiMeKKo
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]





Announcement
This blog is best viewed at 1280*800 screen resolution.

Latest posts
l 7 พ.ค. 54 | ครั้งแรกกับการ review hair products เล็กๆ น้อยๆ จ้า
l 1 ม.ค. 54 l เดินสายดูที่วันปีใหม่
l 4 เม.ย. 53 l "กลับมา" ได้รึเปล่า?
l 1 ก.พ. 53 l ติด BAKUMAN แอบบ่น Moommam

Next stops
ธ.ค. 54 ไปเชียงใหม่

Now reading
โจเซฟ นีดแฮม ผู้ชายที่หลงรักเมืองจีน


Special thanks
code สำหรับ blog จาก ป้ามด
icons จาก Nami Yoshida
f0nt จาก
เลย์อิจิ
Friends' blogs
[Add MaRiMeKKo's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.