Group Blog All Blog
|
**self talk** คุยกับตนเองเพื่อการเปลี่ยนแปลง "As I hear myself talk, I learn what I believe" เพราะคนเราเชื่อตนเองมากกว่าเชื่อคนอื่น แต่มักถูกคนอื่นหลอกเพราะมัวแต่ไปฟังคนอื่นไม่ค่อยได้ฟังตนเอง เป็นปัญหาที่พบเจอซ้ำๆในสังคมเรา เพียงแต่ต่างกรรมต่างวาระกันไป ทั้งหลอกเขาบ้าง ถูกเขาหลอกบ้าง ต่างก็เจ็บปวดหัวใจไปตามๆกัน แต่กลับกันเวลาถูกใครเขาเตือนว่ากำลังถูกหลอกกลับเชื่อตนเองว่าที่เขาพูดน่ะไม่จริง ตราบจนเวลาผ่านไปหรือความจริงปรากฏเราจึงมาถึงบางอ้อว่าถ้าเราฟังตนเองมากขึ้น เชื่อที่ตนเองรู้สึกก็คงไม่ถูกหลอก แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเรา ขอเพียงเราตั้งสติ เดินถอยออกห่างจากสถานการณ์สักนิด เพื่อให้ฝุ่นที่ตลบอบอวลอยู่สงบลง เราจะมองเห็นเหตุการณ์ชัดเจนขึ้น และตระหนักได้ว่าเกิดอะไรกับตนเอง โดยส่วนตัวใช้วิธีคุยกับตนเอง- talk to myself ในแต่ละวัน เพื่อสรุปกับตนเองว่าแต่ละวันเราทำอะไรไปบ้าง มีหลายอย่างไหมที่เหตุการณ์พาไปหรือเราต้องไหลลื่นไปกับกระแส หรือใครที่กำลังบงการเราอยู่ เรากำลังรู้สึกอย่างไรอยู่ เพื่อเป็นการเรียกสติกลับคืนมา และปรับจูนความรู้สึกให้เข้าสู่สมดุลให้ได้โดยเร็วที่สุด ลดการตกค้างของอารมณ์ที่อาจจะนำเราไปสู่ภาวะจิตตกเรื้อรังโดยไม่รู้ตัว หลายๆครั้งเราใช้การสวดมนต์เพื่อให้อยู่กับตัวเองให้ได้ จิตไม่ไปฟุ้งอยู่ภายนอกมากจนควบคุมไม่อยู่ ครั้งที่หนักที่สุดครั้งนึง คือ ลูกแมวเราถูกหมาหน้าบ้านกัดตายต่อหน้าโดยเราไปช่วยไม่ได้ เราช็อคจนต้องใช้ยาคลายเครียดก่อนนอนอยู่3วันเพื่อให้หลับได้ ลดความเจ็บปวดทางใจที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงให้ผ่อนคลายลงบ้าง ก่อนจะเยียวยาจิตใจตัวเอง เมื่อไม่กี่วันมานี้เราได้ไปรับฟังบรรยายของผู้รู้ท่านหนึ่ง ก็ยิ่งช่วยตอกย้ำว่าสิ่งที่เราใช้มาตลอดนั้นได้ผล มีคนอื่นๆใช้ในการช่วยเหลือจูงใจให้คนปรับพฤติกรรมตนเองได้จริง หลายๆครั้งที่ไม่สบายใจ บอกใครไม่ได้ ปรึกษาใครไม่เป็นที่เราทำได้ก็คือการส่งจดหมาย(e-mail)หาตัวเอง บรรยายความทุกข์ใจอย่างเต็มที่ให้โล่งใจก่อน เมื่อมาเปิดอ่านอย่างละเอียดถี่ถ้วนและวางใจให้เป็นกลาง เราก็จะมองเห็นความทุกข์ใจตนเอง ได้ยินสิ่งที่ตนเองพูด และตระหนักรู้ว่าปัญหาของเราคืออะไร การตระหนักว่าตนเองมีปัญหาอะไร - problem recognition เป็นการจุดประกายในใจเราให้ตื่นรู้ ตื่นตัว (เลิกเซ่อเสียที) เป็นการยอมรับกับตนเองว่าเป็นความจริงที่ต้องเผชิญ หนีไม่ได้ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถเผชิญปัญหาได้อย่างแท้จริง ไม่โทษคนอื่น แต่ก็ไม่โทษตนเอง การconcernในปัญหานั้นเป็นขั้นตอนที่สำคัญ เพราะแม้ว่าเราจะรู้ว่ามีปัญหาแต่เราไม่ได้ให้น้ำหนักกับมัน การจะใช้สติปัญญาเพื่อจัดการกับปัญหานั้นๆก็คงไม่เกิดขึ้นอย่างจริงจัง บางคนอาจพอใจเพียงแค่เป็น"หนอนในกองอึ"อยู่ต่อไป เมื่อไหร่ที่เราไม่ยอมจำนนต่อปัญหาและหาทางแก้ไข อาจจะแค่เริ่มจากลองผิดลองถูก ก็บ่งบอกถึงความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลง -intention to change บางทีก็ต้องบอกตัวเองว่า "เอาวะ ทำเท่านี้ก่อน" (บางทีตอนที่self talk นั้นก็อาจหมดแรงจากความเศร้าซึมเสียใจ) ก็ต้องให้เวลาตนเองบ้าง ความคิดเชิงบวกเป็นสิ่งจำเป็น เพราะมันจะเป็นรอกที่ช่วยลากจูงเราขึ้นจากหุบเหวแห่งปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลายๆคนก้าวไม่พ้นเพราะจำนนไปเสียก่อน ไม่กล้าเปลี่ยนแปลง กลัวในความไม่เคยชิน ดังนั้น optimism for change จึงเป็นมาตรการให้สลัดพ้นความเคยชินกับปัญหาเก่าๆ สามารถจัดการกับปัญหาและก้าวพ้นมันไปได้ (ถึงแม้จะสะบักสะบอมไปบ้างก็เหอะนะ ยังไงก็ผ่านไปได้น่า) ส่วนตัวเราจะคุยกับตัวเองหลังจากที่เลิกงาน ช่วงที่เดินออกกำลังกาย/ปั่นจักรยานบริเวณหน้าศาลากลาง เอ่อ ไม่ได้พูดคนเดียวนะคะ เด๋วจะหาว่าเราบ้าไปซะแล้ว การคุยแบบนี้ทำให้เราได้รู้จักตัวตนของเราอย่างแท้จริง ตัวตนที่ไม่ได้เป็นอย่างที่ใครเขาอยากให้เราเป็น หรืออย่างที่เราอยากเป็น/คิดไปเองว่าเราเป็น |
Chompoopoo
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Link |