Group Blog All Blog
|
สงครามสมอง-ขุนเขา เขจรบุตร สงครามสมอง (Brain's Battle) ที่มา Secret ผู้เขียน ขุนเขา เขจรบุตร เราชอบอ่านSecret ด้วยงานหน้าที่ต้องให้ช่วยเหลือคน ด้วยการปรับพฤติกรรมของคน ส่วนหนึ่งต้องอิงทฤษฎีการเรียนรู้ (Cognitive theory) ถามว่าทำยากไหม ตอบได้เลยว่ายากมาก เพราะการที่มนุษย์มีพฤติกรรมการแสดงออกมีพื้นฐานมาจากทั้งความคิดและอารมณ์ ปัญหาพฤติกรรมส่นวใหญ่เกิดเนื่องจากอารมณ์ ซึ่งถามว่าทราบไหมว่าถูกหรือผิด เช่น ติดรสหวาน ติดบุหรี่ ติดสุรา ติดสารเสพติด ติดเซ็กส์ ทำร้ายตนเอง ฯลฯ คำตอบคือ ส่วนมากทุกคนก็รู้แต่ไม่อยากเปลี่ยนพฤติกรรม หรือเปลี่ยนไม่สำเร็จ พอประสบปัญหาแบบเดิมก็ใช้วิธีแก้ปัญหาแบบเดิมๆทั้งๆที่ก็รู้ว่าไม่work ข้อเขียนคุณขุนเขา ตรงกับแนวคิดที่เราใช้ในการช่วยให้คนเหล่านั้นให้เข้าใจตนเอง จึงขอนำมาบอกต่อ คำถามก็คือ ทำไมธรรมชาติสร้างสมองมนุษย์ขึ้นมา แต่ไม่ให้มนุษย์ควบคุมมันได้ดั่งใจ สมองของมนุษย์นั้นมีหลักการเจริญเติบโตโดยเริ่มจากภายในสู่ภายนอก โดยส่วนภายในสุดทำหน้าที่ควบคุมสิ่งสำคัญที่สุดต่อชีวิต จากนั้นอะไรที่สำคัญน้อยกว่าจะถูกพัฒนาช้ากว่าไปตามลำดับ ฉะนั้นสมองส่วนในสุด(บริเวณก้านสมอง) ก็คือ ส่วนที่จำเป็นต่อการหายใจ การเต้นของหัวใจ การย่อยอาหารฯลฯ ถัดมาภาบนอกอีกชั้นนั้นเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับสัญชาตญาณการดำรงชีพ เช่น ความหิว การขับถ่าย และความง่วง ซึ่งอาจสำคัญน้อยกว่าการเต้นของหัวใจ แต่ก็ยังถือว่าสำคัญมากต่อการดำรงชีวิต ชั้นต่อมาที่ถูกพัฒนาอยู่บริเวณส่วนกลาง (Limbic system) ชั้นนี้เกี่ยวข้องกับอารมณ์และการสืบพันธ์ เช่น ความโกรธ ความกลัว ความต้องการทางเพศ(แม้แต่ความรักก็อยู่ในชั้นนี้) และชั้นนอกสุด(Neocortex) ซึ่งเป็นชั้นสุดท้ายที่ได้รับการพัฒนาคือ ชั้นของทักษะการคิดขั้นสูง (ซึ่งมนุษย์เท่านั้นที่วิวัฒนาการมาจนสมองสามารถพัฒนาถึงชั้นนี้ได้) เช่น การวางแผน การคิดโดยใช้เหตุผล การจินตนาการ ฯลฯ และชั้นสุดท้ายนี่แหละที่ทำให้มนุษย์ต่างจากสัตว์อื่นทั้งหมดบนโลกใบนี้ ทว่าประเด็นสำคัญอยู่ที่ ยิ่งเป็นส่วนของสมองที่อยู่ลึกมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งควบคุมยากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นส่วนก้านสมองซึ่งอยู่ลึกที่สุดจึงควบคุมไม่ได้เลย (เพราะธรรมชาติไม่อยากให้เราลืมหายใจ ลืมบีบหัวใจ หรือลืมหดกระเพาะย่อยอาหารนั่นเอง) ส่วนต่อมาคือความหิว ความง่วง และการขับถ่าย สิ่งเหล่านี้ถ้าไม่ได้ฝึกมาจริงๆก็ยากจะสะกดหรือควบคุมได้ เพราะธรรมชาติหวังดีอีกแล้ว ไม่อยากให้เราลืมทานอาหารนานเกินไปหรือลืมพักผ่อนจนเสียชีวิต และคราวนี้ก็มาถึงส่วนที่น่าสนใจที่สุด ส่วนของอารมณ์นั่นเอง ่่่่ทำไมอารมณ์จึงถูกพัฒนาก่อนความคิดและทำไมจึงอยู่ลึกกว่า (ซึ่งแปลว่ามันควบคุมได้ยากกว่าความคิดนั่นเอง) เหตุผลก็ไม่พ้นความหวังดีของธรรมชาติอีกเช่นเคย เพราะความกลัว ความโกรธ และความต้องการทางเพศนั้นสำคัญต่อการดำรงอยู่ของมนุษย์และมนุษยชาติมากกว่าเหตุผลหรือจินตนาการมากนัก ทีนี้คงเข้าใจแล้วว่าทำไมความฉลาดปราดเปรื่องจึงไม่สามารถช่วยลดความรู้สึกเจ็บปวดจากความอกหัก (ซ้ำร้ายบางครั้งอาจทำให้อาการหนักยิ่งขึ้นด้วยซ้ำ) ทำไมการตระหนักในข้อเสียขอสิ่งต่างๆจึงไม่ได้ช่วยทำให้เราเลิกในสิ่งที่กำลังติดหนึบอยู่ ทำไมความรู้สึกจึงควบคุมยากกว่าความคิด และทำไมอารมณ์จึงมักมีชัยชนะเหนือเหตุผล คำตอบก็คือ เพราะสมองของเราถูกสร้างมาอย่างนั้นไงล่ะ แต่..เราจะยอมจำนนต่อการออกแบบของธรรมชาติหรือไม่ นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ถ้าผูกโยงเรื่องสมองเข้ากับพระพุทธศาสนา สถานที่สิงสถิตของกิเลส ตัณหา และราคะต่างๆก็ต้องอยู่ในสมองชั้นในอย่างแน่นอน ส่วนสมองชั้นนอกก็ต้องเป็นที่อยู่ของสติ ความตื่นรู้ และปัญญา ข้อพิสูจน์ที่เห็นชัดที่สุดก็คือ มนุษย์เท่านั้นที่มีสมองส่วนนอกสุด มนุษย์จึงเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวที่สามารถพัฒนาสติ ความตื่นรู้ และปัญญาได้ เพราะสมองส่วนกลางที่เกี่ยวข้องกับการสืบพันธุ์และอารมณ์ต่างๆนั้น แม้แต่คางคก นก และสัตว์เลื้อยคลานก็มีเหมือนเรา โลกสมัยนี้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โลกแคบลงด้วยโซเวียลเน็ตเวิร์ค มนุษย์เริ่มตระหนักถึงปัญหาโลกร้อนและภัยธรรมชาติซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่กำลังเป็นภัยต่อคนทั้งโลก ฉะนั้นในยุคปัจจุบัน ความจำเป็นด้านอารมณ์เพื่อรักษาชีวิตและเผ่าพันธุ์เล็กๆของตนจึงไม่สำคัญเท่าควมคิดและจิตสำนึกที่พึงมีต่อมวลมนุษยชาติอีกต่อไป ทุกครั้งที่เราปล่อยให้อารมณ์ครอบงำความคิดก็เท่ากับเรากำลังปล่อยให้สมองส่วนในมีชัยชนะเหนือสมองส่วนนอก ซึ่งหมายถึงเรากำลังพ่ายแพ้ให้กับสัตว์ป่าในตนเองและกำลังปล่อยให้การออกแบบของธรรมชาติมีอิทธิพลเหนือความสามารถของจิตใจมนุษย์ ทุกปัญหาของมนุษย์นั้นมีสาเหตุมาจากการที่เราไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ซึ่งนอกจากจะส่งผลเสียร้ายแรงต่อตนเองแล้วยังส่งผลต่อสังคม ประเทศ และโลก ฉะนั้น จะไม่ดีกว่าหรือถ้ามนุษย์สามารถเลือกที่จะทำตามหรือไม่ทำตามแรงผลักดันจากภายใน โดยไม่จำเป็นต้องเชื่อสัญชาตญาณที่ถูกฝังอยู่ในตัวตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์เสมอไป |
Chompoopoo
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Link |
//cheechadjen2.blogspot.com
//vanchana.blogspot.com
//kamalvichitsarasatra.blogspot.com
//piyayanti.blogsot.com
ขอบคุณ สวัสดีครับ
กมล วิชิตสรสาตร์