Group Blog
 
 
ธันวาคม 2550
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
10 ธันวาคม 2550
 
All Blogs
 
Day 4 : The Down Under Trip – 15 วันรอบเกาะใต้ New Zealand

วันที่ 4 Oamaru –Dunedin
วันนี้ตามแผนเราจะเลาะลงทางใต้ไปเรื่อย ๆ โดยขับรถไม่ไกลเท่าไหร่ เพราะ
Dunedin เป็นเมืองใหญ่ มีอะไรให้ทำเยอะ คนวาง itinerary คงกะจะให้เราไปถึง
เร็ว ๆ แล้วใช้เวลาอยู่ที่ Dunedin นาน ๆ (คิดว่างั้นนะ)

ตอนเช้า เราออกจาก Motel ไป i-site เพื่อจะเก็บข้อมูล หาจุดที่ต้องแวะระหว่าง
ทางไป Dunedin

ไปถึง I-Site 8 โมงครึ่ง ปรากฎว่ายังไม่เปิด เลยต้องเดินตากลมหนาวแถว ๆ หน้า
Isite นั่นแหล่ะ เดินเกร่อยู่พักนึง เวลาหนาว ๆ นี่มันทำให้เวลาดูยาวนานกว่าความ
เป็นจริงแฮะ เห็นประชากรชาว Oamaru เดินทางไปทำงานกันตอน 8 โมงครึ่งแล้ว
นึกอิจฉาเป็นกำลัง เค้าเดินกันกระฉับกระเฉง แต่ไม่ใช่แบบตาลีตาเหลือกเหมือน
คนในกรุงเทพที่ต้องรีบเดินเพื่อให้ทันรูดบัตร ระหว่างทางที่ไปทำงานก็จะเดินผ่าน
สวนดอกไม้ สีสันสวยงาม สวนที่มีคนทำนุบำรุง ช่างต่างจากการเดินทางของอิฉัน
จากสำโรงเข้าไปทำงานแถบเอกมัยซะเหลือเกิน





9 โมง Isite เปิด เจ้าหน้าที่เหมือนจะเกิดมาเพื่อเป็นผู้ให้ ^_^ น่ารักจริง ๆ
พยายามแนะนำและให้ความช่วยเหลือมาก อันนี้คือเป็นความรู้สึกวันแรก ๆ ที่เรา
เจอเจ้าหน้าที่ isite ที่ทำให้รู้สึกประทับใจมาก ๆ และคิดว่าโหยยย...เจ้าหน้าที่ที่นี่ดี
จริง ๆ เทรนกันมาดีจริง ๆ แต่พอไปวันหลัง ๆ ทำให้รู้ว่าไอ้การให้ความช่วยเหลือ
และให้คำแนะนำเนี่ย มันเป็นเหมือนฝังอยู่ในสายเลือดชาวกีวีเลย ทุกคนเป็นอย่าง
นั้นกันหมด

วันนี้เนื่องจากเดินทางกันไม่ไกล เราเลยมีเวลาเก็บตกตัวเมือง oamaru กัน จาก
Isite เราเดินไปประมาณ 5 นาทีไปดู Public Garden เค้าบำรุงรักษาสวนกันได้
สวยงามมาก แถมบรรยากาศดี ๆ เนี่ยมันไม่ได้มาจากแค่สวนเท่านั้นอ่ะค่ะ ผู้คนที่
เดินผ่านเซย์ฮัลโหล มอร์นนิ่งกันตลอดทาง มีที่เดินผ่านแล้วหยุดคุยกันด้วยว่า ไอ้
ต้นตรงนั้นน่ะ ห๊อม หอมนะเธอ ลองเดินไปดูสิ





สาย ๆ ประมาณ 10 โมงเราก็เริ่มขยับตรูด ออกเดินทางมุ่งหน้าไป Dunedin พอ
เริ่มออกเดินทาง ชักจะเริ่มเห็นเมฆก่อตัวทางทิศที่เรากำลังจะไปซะแล้ว ออกนอก
เมืองมานิดนึง เราแวะหยุดกันที่ Totara Estate เป็นฟาร์มเก่า ตั้งแต่สมัยที่พวก
ฝรั่งเข้ามาบุกเบิก เริ่มทำฟาร์มแกะกันเป็นเป็นล่ำเป็นสันที่นิวซีแลนด์นี้ และเริ่มจัด
ส่งเนื้อแกะไปที่อังกฤษ เนื่องจากสมัยก่อนการเลี้ยงแกะที่นี่ เลี้ยงไว้เพื่อจะเอาขน
เท่านั้น เจ้าพวกแกะพอโดนกร้อนขนเรียบร้อยแล้ว เค้าก็ต้อนมันลงหน้าผา (อิฉัน
กลับมาถึงบ้านแล้วก็เพิ่งมาสงสัยแฮะ ว่าแล้วทำไมเค้าไม่เก็บเจ้าแกะโกร๋นพวกนี้
ไว้สำหรับทำขนใหม่ปีหน้าหว่า ไปถีบมันลงเหวทำไม) แต่พออังกฤษขณะนั้น
ประมาณปี1880 กำลังขาดแคลนเนื้อสัตว์กันอย่างหนัก เจ้าของฟาร์ม (ผู้ซึ่งเป็น
ชาวสก็อต)เลยจัดส่งเนื้อลงเรือเป็นเวลาถึง 3 เดือน ถึงจะไปถึงอังกฤษ นับเป็น
อุตสาหกรรมการจัดส่งออกเนื้อแกะเป็นรายแรก ๆ เลย

Totara Estate เป็น Musuem ที่มีอาคารเก่า ๆ (แต่บำรุงรักษาดี) สมัยยุคบุกเบิก
ไว้ให้ดูหลายหลัง โดยที่เค้าคงสภาพเดิม ๆ เอาไว้ ให้ได้บรรยากาศ มีโรงฆ่าสัตว์
และมีเสียงอัดเทปไว้ให้ได้บรรยากาศโรงฆ่าสมัยก่อน เพราะจะมีการนับ ๆ ว่า วันนี้
ใครฆ่าไปได้กี่ตัวแล้ว มีแกะวิ่ง ๆ ร้อง ๆ เรียกนักท่องเที่ยว ขออาหาร ตอนก่อนจะ
เข้า เค้ามีวีดีโอเล่าประวัติของที่นี่ให้ดูประมาณ 15 นาที น่าสนใจค่ะ ค่าเข้า 7
NZD ซึ่งถ้าเอาแบบมีไกด์ด้วยจะเป็น 15 NZD ก็ไม่รู้ว่ามันต่างกันขนาดไหน เพราะ
เราไปกันแบบเดินดูกันเอง ก็คิดว่าถึงมีไกด์ก็ไม่น่าจะได้รู้อะไรต่างกันมากนะ พอ
ดีวันที่ไปไม่รู้เกิดอะไรขึ้น ผู้ชายคนที่มาต้อนรับ (ท่าทางเหมือนเป็นเจ้าของเลย
อ้ะ) บอกว่าวันนี้ ไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่ เพราะงั้น เค้าจะไม่เก็บตังค์แล้วกัน แล้วแต่
เราอยากบริจาคเท่าไหร่ก็แล้วแต่ อืม...เล่นกันอย่างงี้ ได้ใจคุณสามีอิฉันเป็นที่สุด เค้าเลยให้ไปคนละ 7 NZD นั่นแหล่ะ






สำหรับอิฉันแล้ว จริง ๆ แล้วที่นี่ไม่น่าจะเรียกว่าเป็น “ภาคบังคับ” ที่ต้องแวะ แต่ถ้าพอมีเวลาซัก 1 ชั่วโมง การมาแวะที่นี่คุ้มค่าค่ะ worth a look นะ ส่วนคุณสามีดิฉันชอบที่นี่มาก ฟันธงว่า “ต้องแวะ”

จุดแวะต่อมา Mouraki Boulder เป็นหินกลม ๆ หลายลูก ขนาดค่อนข้างใหญ่อยู่ที่
ชายหาด อันนี้ ใคร ๆ บอกว่าเป็น “A Must” ที่จะต้องแวะ แต่อิฉันก็คิดเห็นต่างไป
อีกแล้วค่ะ ท่านผู้ชม เพราะค่อนข้างผิดหวังกะมันอ้ะ อันนี้ โทษตัวเองว่าเพราะ
ก่อนมาหาข้อมูลไว้เยอะ ไม่ว่าจะเป็น Trip ไหน ๆ ใคร ๆ ก็บอกว่าต้องมาแวะที่นี่
ให้ได้ ทำให้คาดหวังเอาไว้สูง ว่าจะมีไอ้ลูกกกลม ๆ นี่เยอะแยะไปหมด น่าตื่นตา
ตื่นใจเป็นที่สุด แต่พอเข้าไปดู (เสียค่าเข้าชมคนละ 2 NZD ด้วย) มันไม่น่าประทับ
ใจเท่าที่คิดแฮะ ก็แค่หินกลม ๆ อ้ะ มีแค่ซัก 20 ลูกได้





ทางเดินลงไปดู Mouraki Boulder ดอกไม้สีเหลือง ๆ นี่สวยดีจังค่ะ มีบานอยู่เต็ม
ภูเขาทั่ว NZ เลย ต้นกำเนิดมันอยู่ที่สก็อตแลนด์ คนสก็อตนำเข้ามานานแล้ว



ตรงลานจอดรถ มีตัวอะไรก็ไม่รู้ หน้าคล้าย ๆ กวางบวกม้า ตัวใหญ่เชียวค่ะ


จุดต่อไปเราแวะกันต่อที่ Sculpture Gallery ข้างทาง เป็น Gallery เล็ก ๆ เจ้าของ
หล่อเด็ด คล้ายบองโจวีเลย ตอนเดินเข้าไป เจ้าหมาอ้วนรีบวิ่งมารับแขก หน้ามัน
ไม่ยิ้มเท่าไหร่ แต่รับแขกเก่งใช้ได้


และเจอป้ายนี้


ไม่ได้ถ่ายคุณบองโจวีไว้อ่ะค่ะ เด๋วคุณฝาชีอิฉันจะตาเขียว ยังต้องเดินทางร่วมกัน
อีกหลายวัน
ที่ NZ นี่ จะมีพวก Gallery หินสลักอยู่เยอะ สวยดีค่ะ แต่ราคาช่างไม่น่ารักเอาเสีย
เลย ความจริงของเค้าก็คล้าย ๆ หินทรายแกะสลัก แถวด่านเกวียนของเรา แต่เค้า
จะแกะเป็นลายออกเมารี ชิ้นประมาณฝ่ามือ ราคา ประมาณ 400-500 NZD ทีเดียว
เชียว

เราแวะกินพายเป็นอาหารกลางวันกันที่ Palmerston เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่นี่ไม่ค่อยมี
อะไรเท่าไหร่ มีร้านอาหารอยู่ 2 ร้าน ร้านขายของที่ระลึก 3-4 ร้าน ตอนนี้ฝนฟ้า
เริ่มไม่เป็นใจแล้ว T_T เริ่มตกหยอย ๆ หนาวก็หนาว





ระหว่างทาง วิวจะเป็นเยี่ยงนี้ สวย...แต่เศร้าใจค่ะ เพราะมันน่าจะดูสวยงามเป็นที่
สุดเลยนะ ถ้าฟ้าใสแดดออก



ตลอดทาง ฝนพรำมาตลอด วิวเวิว หมดกัน ที่น่าจะสวยงามก็เห็นเป็นสีเทา ๆ ค่ะ

แล้วเราก็มาถึง Dunedin, Dunedin เป็นเมืองใหญ่ที่มีระบบการขับรถสับสนงุนงงมาก เพราะเป็นทางวันเวย์ เนื่องจากเราเห็นว่าฝนมันตกขนาดนี้ เราเลยหาที่พักก่อน ได้ที่นี่ค่ะ น่ารักเป็นที่สุด ราคา จำไม่ได้ค่ะ ประมาณ 100 NZD อยู่ใกล้ Botanic Garden ด้วย จากห้องพักเป็นมุมที่มองไปเห็นสวนพอดี แต่เราไม่ได้ไปเดินดูกันเพราะฝนตกเยอะมาก หนาวซะจนไม่อยากขยับ





ตัดสินใจ ขับรถฝ่าฝนเข้าเมือง โดยที่เจ้าของ Motel ให้แผนที่ตัวเมืองมาพร้อมคำ
เตือนว่าดูดี ๆ นะ เพราะเมืองนี้ขับยาก (แต่ละเมืองจะมีแผนที่แบบเจาะลึก ซึ่ง
สามารถขอได้จาก Isite และตาม Motel ค่ะ) ซึ่งตามคาดค่ะ ขากลับเราก็หลงออก
ไปเกือบถึงอีกเมืองนึง ถึงจะวนหาที่กลับมาได้

ที่นี่มีอาคารสวยงามเยอะ แต่เนื่องจากอากาศวันนี้ไม่เป็นใจเลย เราเลยเดินวน ๆ
เปียก ๆ หนาว ๆ เซ็ง ๆ กันรอบเมืองรอบใหญ่รอบนึง ถ่ายรูปก็ไม่ค่อยได้...

อาคารสวยงามแบบสก็อต ที่ขึ้นชื่อของ Dunedin





ถนนที่นี่สูงชัน ดูจากรูปอาจดูไม่ชันเท่าไหร่ แต่จริง ๆ แล้ว ชันทีเดียวเชียวค่ะ
หวาดเสียวว่ารถมันไม่ยักกลิ้งแบบตะแคงข้างหลุน ๆ ลงมาแฮะ

ที่นี่มี Cadbury World ด้วย แต่เราไม่ได้แวะกัน เพราะไม่น่าต่างจากอันที่อังกฤษ
เท่าไหร่ เราเคยไปที่อังกฤษมาแล้วเลยไม่ได้ตื่นเต้นอยากเข้าที่นี่อ้ะค่ะ

วันนี้ เราแวะกินข้าวเย็นกันที่ร้านอาหารอินเดีย เจอไก่ดิบอ้ะ...


Create Date : 10 ธันวาคม 2550
Last Update : 12 มิถุนายน 2554 17:31:22 น. 3 comments
Counter : 1639 Pageviews.

 
ว้าว สวยมากๆเลยนะครับ เกาะใต้ ได้ยินมานานแล้วว่าวิวธรรมชาติงดงามมาก วันนี้มาเห็นรูปก็สวยจริงๆนะครับ งั้นขอตามไปเที่ยวด้วยคนเลยนะครับ


โดย: ซอร์บอนน์ (ซอร์บอนน์ ) วันที่: 10 ธันวาคม 2550 เวลา:23:34:18 น.  

 
ตามมาเที่ยวให้ตลอดทริปนะคะคุณซอร์บอนน์ ยังเหลืออีกหลายวัน จะมีเวลา up ไหมนี่


โดย: คนดีผีคุ้ม วันที่: 11 ธันวาคม 2550 เวลา:22:36:57 น.  

 
รูปสวยน่าติดตามจะต้องอ่านให้ครบสิบห้าวันแน่นอน


โดย: หลั่มหมั่นเหม่ง วันที่: 26 ธันวาคม 2550 เวลา:14:48:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คนดีผีคุ้ม
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]




อิฉันทำรีวิวเพื่อที่จะเก็บบันทึกการเดินทางไว้เหมือนไดอารี่ เอาไว้มาดูอัลบั้มการท่องเที่ยวของตัวเองที่ผ่านมา ดังนั้น จึงมีรูปตัวเองและอาเฮียเยอะแยะ ไม่ได้เป็นรีวิวเพื่อแนะนำการท่องเที่ยวซักเท่าไหร่ แต่ถ้าใครผ่านไปผ่านมาและอาจได้ประโยชน์จากบล็อกบ้าง ก็นับเป็นโชคดีของอิฉันที่ยังอุตส่าห์มีอะไรมาแบ่งปันนะคะ
Friends' blogs
[Add คนดีผีคุ้ม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.