2014 จันทบุรี : เที่ยวตัวเมือง ชุมชนริมแม่น้ำจันทบูรและโบสถ์เมืองจันท์
วันนี้เราจะเข้าตัวเมืองกัน
ได้ยินมานานละ ว่าเมืองจันท์มีของดีอยู่ในตัวเมือง เราต้องเข้าไปดู
ตื่นมาแต่เช้า โซ้ยอาหารเช้าเพิ่มพลังริมทะเล
ข้าวต้มทะเลที่โรงแรมที่เราพักให้แบบไม่หวงเครื่องเลย กุ้งหอยปูปลามาเป็นอ่าว รสชาติดีด้วยค่ะ
อาเฮียก็โด๊บอาหารฝาหรั่งไปตามเรื่อง
ปิดท้ายด้วยผลไม้
แกล้มวิวทะเลมื้อเช้า
เมื่ออิ่ม เราก็มุ่งหน้าเข้าเมืองกัน จากคุ้งกระเบนเข้าเมืองไม่ไกลเท่าไหร่ น่าจะซัก 30 กิโลได้ ท่านนาวิเกเตอร์สั่งให้พวกเราเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาผ่านชุมชนเล็ก ๆ น่าจะเป็นตลาดอำเภอท่าใหม่ เห็นมีโรงเรียน มีโบสถ์ มีศาลเจ้าพร้อมพรั่งทุกศาสนาเลยเชียว
แวะโบสถ์เล็ก ๆ สีพาสเทล
ศาลเจ้าอยู่ติดกัน
บ้านเรือนแถวนั้น สีสันไม่เบา
นาวิเกเตอร์พาเข้าเมืองมาถูกละ แต่ขอให้มันพาไปโบสถ์ หลงฮ่ะ บังคับพาอิฉันหลงเข้าขนส่งอยู่ 2 รอบ เลยแวะถามชาวบ้านซะเลย
สุดท้ายเข้าเมืองได้ หาที่จอดแล้วเดินต่อหน่อยนึง เพราะดันมาจอดทางฝั่งชุมชนริมแม่น้ำจันทรบูรซอยเค้าปราบเซียนมาก สมควรนำรถจอดไว้ที่อื่นแล้วเดินไป
เดินเข้าซอยเล็ก ๆ ถนนเส้นเล็ก ๆ ของชุมชนริมแม่น้ำจันทบูรแล้ว
ชุมชนนี้เป็นบ้านไม้แบบโบราณ ยังมีความเป็นชุมชนอยู่มาก มีร้านค้า ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านขนม พิพิธภัณฑ์เล็ก ๆ บอกประวัติความเป็นมาของชุมชน มีร้านขายของที่ระลึกน่าสนใจมาก ๆ ค่ะ
ชุมชนริมแม่น้ำนี้เป็นชุมชนเก่าแก่อายุยาวนานตั้งแต่เมื่อ 300 ปีที่แล้ว ตั้งแต่สมัยพระนารายณ์เลยทีเดียว ถ้าเทียบเคียงกะฝรั่งหน่อย ก็รุ่นสมัยปฎิวิติฝรั่งเศสเลยเชียวนะนี่ บ้านเรือนจะตกแต่งงดงามเป็นลายชดช้อย แต่เดิมบ้านคหบดีจะอยู่บนถนนสายนี้กันหมด
เมืองจันท์น่าสนใจ ทีเแรกอิฉันก็สงสัยอยู่ว่าทำไมศิลปะ ประเพณี ศาสนามันถึงได้ปน ๆ กันอยู่เยอะเชียว ทั้งคริสต์ ทั้งจีน แถมยังมีฝรั่งเศสอะไรมาปน ๆ กันอีก ก็พอได้ความรู้จากพิพิธภัณฑ์ที่นี่ล่ะค่ะ ที่เล่าให้ฟังว่า ที่มีพวกประเพณีจีนค่อนข้างเข้มข้นอ่ะ มันมาจากที่คนจีนที่นี่เป็นพวกจีนล่องเรือมาจากแผ่นดินใหญ่เลยทีเดียว มาขึ้นฝั่งที่เมืองจันท์และมาขออยู่ด้วย ส่วนอิทธิพลศาสนาคริสต์นั้นมาจาก พวกเวียดนามที่หนีไฟสงครามในประเทศข้ามชายแดนเข้ามาอยู่กัน ก็นำศาสนาคริสต์เข้ามาด้วย
มาเดินดูกันต่อ..
ของขึ้นชื่ออีกอย่างของที่นี่ ไอติมจรวด
มีอยู่แค่ร้านเดียวที่ขาย เป็นโรงงานเก่าแก่ อย่าพลาดเชียวนะคะ รสขึ้นชื่อของเค้าคือไอติมนมกระเบื้อง ข้างในเป็นไอติมนมแล้วข้างนอกเคลือบมาด้วยกระเบื้อง เอ๊ย.. น้ำแข็งสีน้ำตาล ๆ มีรสคาราเมลอยู่หน่อย ๆ (หรืออิฉันคิดไปเองก็ไม่รู้ )
อร่อยอ่าาาาา.. หมดแล้วกลับมาซ้ำกันอีกคนละแท่ง ชอบที่สุด.. ไม่อ้วนหรอกเนอะ อันนิดเดียว
เมืองจันท์แมวเยอะ
หมาก็เยอะ
กินแต่ไอติมเท่านั้น ไม่อิ่ม พวกเราจึงมาแวะกินขนมเค้กต่อ
ร้านนี้ Sweet @ Moon แนะนำค่ะ
ได้ที่นั่งริมคลองเลย บรรยากาศดี๊ดี ร้านตกแต่งน่ารัก มีมุมถ่ายรูปเพียบ
มานั่งชิลล์ ๆ ซักชั่วโมง ริมแม่น้ำลมเย็น ๆ สงบเงียบกับโยเกิร์ตสมูตตี้และเค้กช็อดโกแลตลาวาก็ไม่เลว เครปกล้วยหอมราดช็อคโกแลตซ้อสก็อร่อยค่ะ ขนมเค้กที่นี่ราคาไม่แพงมาก 80-90 บาท รสชาติดีมากด้วย
พวกเราเป็นพันธุ์เน้นของหวาน แต่ถ้าใครอยากนั่งกินก๋วยเตี๋ยวปูกั้งของขึ้นชื่อ บนถนนเส้นนี้ก็มีเหมือนกัน แต่อาเฮียแกเรื่องมากไม่ยอมกินก๋วยเตี๋ยว อิฉันก็อดล่ะค่ะ
เดินต่อ ๆ มีร้านน่ารักอีกหลายร้าน
มีสาว ๆ ขาขาว เอ๊ย.. บ้านเรือนลวดลายอ่อนช้อยตลอดทาง
ภายศิลป์ริมถนน
แวะช็อปปิ้งอุดหนุนคนในชุมชน มีของน่ารัก ๆ ขายเพียบ ได้กระเป๋าหนังใส่เศษตังค์หน้าแมวมาใบนึง คุณเจ้าของร้านช่างคุยมากแนะนำว่าให้ไปเที่ยวโน่นนี่นั่น มีแผนที่การเดินของชุมชนริมแม่น้ำให้ฟรีซะด้วย ทีแท้ร้านนี้เป็นหนึงใน Information centre นี่เอง
แวะพิพิธภัณฑ์เล็ก ๆ เข้าฟรี แต่ทำดี๊ดี ได้ความรู้สุด ๆ
มีให้เช่าชุดแบบเวียดนามใส่ถ่ายรูปด้วย
แต่อิชุดข้างบนไม่ใช่นะคะ นั่นใส่มาเอง แอบแฮ๊บหมวกเค้ามาใส่เป็นพร็อบ
ได้ความรู้มากมายจากที่นี่
ฝั่งตรงข้ามมีร้านไอติมไข่
แวะชิมซะหน่อย
รสชาติไอติมเฉย ๆ ได้รสไข่หน่อยนึง แต่ที่เด็ดคนป้าคนขายใจดีมาก ไอติมลูกนึง + 3 ท็อปปิ้ง ยี่สิบบาท ป้าบอกมาเลยลูก อยากกินเท่าไหร่ตักกันเองเลย
ไอติมลูกเดียว นั่งกันครึ่งชั่วโมง ป้าชวนคุยไม่หยุด ให้ไปเที่ยวโน่นนี่ในเมืองจันท์
คนจันท์ต่างจากคนจังหวัดอื่นเท่าที่อิฉันพบมาอย่างเห็นได้ชัด คนจันท์มีความภาคภูมิใจในจังหวัดตัวเองมาก หลาย ๆ คนที่อิฉันรู้จัก พอพูดถึงจังหวัดบ้านเกิด มักจะบอกว่า มันไม่มีอะไร ร้อน แล้ง สกปรก เหมือนอิฉันเองก็เถอะ พอพูดถึงสมุทรปราการ ก็มักจะคิดว่ามลพิษเยอะ รถติด มีแต่โรงงาน จริง ๆ ของดีมันต้องพอมีให้ภูมิใจกันอยู่บ้างล่ะนะ แต่กลับไม่พูดถึง ถ้าเจ้าของบ้านยังไม่รู้สึกภูมิใจ แล้วใครจะมาพัฒนากันล่ะเนอะ
มีแผนที่ขนาดใหญ่ของชุมชนด้วย เมื่อเดินสุดปลายชุมชน จะมีตรอกเล็ก ๆ เดินข้ามสะพานไปโบสถ์
โบสถ์สวยมาก วันแรกที่เราไป เค้าไม่เปิดให้เข้า แต่พอวันที่สอง เราย้อนกลับมาเพื่อหาของกินแถวนี้ ก็เลยแวะไปดูอีกรอบ ปรากฏว่าเปิดให้เข้าค่ะ ข้างในสวยมากกก ใครอยากชม ต้องติดตามบล็อกหน้าของอิฉันนะก๊ะ วันนี้ยังไม่โชว์
โบสถ์นี้สร้างกันมา 2-300 ปีแล้ว จากชาวเวียดนามนับถือคริสต์ที่หนีการเบียดเบียนทางศาสนาในประเทศมา ช่วงสงครามโลก มีการเอายอดแหลม ๆ 2 อันของโบสถ์ออก เพื่อไม่ให้เป็นเป้าหมายโจมตีทางอากาศ เพิ่งจะเอาหมวกมาครอบคืนเมือไม่กี่ปีนี้เอง
บ้านแถว ๆ นั้น ลวดลายพริ้วสวยเชียว
เดินจากโบสถ์ข้ามสะพานกลับมาฝั่งชุมชนแล้วเดินต่อไปอีกนิดจะเจอตลาดพลอย วันที่ไปเป็นวันเสาร์ตลาดคึกคักกันมาก มีนักค้าพลอยชาวไทยชาวต่างชาติสารพัดชาติ ทั้งนั่งทั้งยืนต่อรองราคา นั่งวัดขนาดพลอยกันริมถนนน่าสนุกทีเดียว
ท่าทางขายกันไม่แพง แต่อิฉันไม่ค่อยเหมาะกะของฟรุ้งฟริ้งอย่างนี้เท่าไหร่ แหวนแต่งงานยังใส่ได้แค่ไม่กี่เดือนก็ทำเพชรเม็ดเล็กหายไปซะ
เดินกลับมาชุมชนริมน้ำต่อ
ต่อมาเป็นโรงเจ ที่สมัยก่อนคนจีนล่องเรือมา ไม่รู้จะไปไหนต่อก็จะมาพักกันที่นี่ก่อน
มีกราฟิติสวย ๆ ด้วย
เริ่มหิวข้าวละ แวะหาแอร์หน่อย เลยออกจากชุมชน เดินเข้าเมืองมาหยุดที่โรงแรมเกษมศานต์
ราตรีนี้ยังอีกยาวนาน เดินดูเดินกินกันขนาดนี้แล้ว ยังแค่ 3 โมงเท่านั้น
เราจึงไปกันต่อ
Next stop คุกขี้ไก่และตึกแดง
ขับรถซอกแซกเข้าซอยเล็กซอยน้อยตามที่นาวิเกเตอร์สั่งมาให้ไปทางแหลมสิงห์ ซักพักเราก็มาถึงคุกขี้ไก่ ที่อยู่ริมถนนเลย
คุกขี้ไก่มีขนาดเล็ก ๆ โดยที่ทหารฝรั่งเศสมันมาสร้างไว้เพื่อขังคนไทยที่ต่อต้านฝรั่งเศสสมัยที่พวกมันบุกบ้านเมืองเราเมื่อ รศ 112 (พศ 2436) โดยที่ข้างบนจะเลี้ยงไก่เอาไว้ให้มันอึรดคนที่โดนขังทั้งวันทั้งคืน
ห่างออกไปจากคุกขี้ไก่ประมาณ 200 เมตร ก็จะเจอตึกแดง
ตึกแดงเป็นกองบัญชาการของทหารฝรั่งเศสในยุคเดียวกะคุกขี้ไก่นั่นแหละ แต่ดูต่างกันมาก เพราะคุกขี้ไก่ดูแลซะสภาพดีเชียว แต่ตึกแดงดูปรักหักพังยังไงชอบกล
แวะกินน้ำปั่น ตอนเดินกะปลกกะเปลี้ยไปขึ้นรถ คนขายช่างคุยอีกแล้ว บอกว่าให้ไปดูสะพานอันใหม่นะ ตอนนี้แดดกำลังสวยเลย ขับรถต่อไปนิดเดียว
พวกเราว่าง่ายค่ะ ขับต่อไปดู
สวย.... จอดรถดูบนสะพานได้ด้วย มีที่ให้จอดหลบ..
ซึ่งสะพานนี้จะกลับไปคุ้งกระเบนได้ด้วยค่ะ
เราจึงกลับไปตายรังที่ร้านอาหารที่โรงแรมเรา
กุ้งซอสมะขาม อันนี้ recommend
บล็อกหน้าจะพาไปเที่ยวน้ำตกพลิ้วค่ะ
Create Date : 05 ธันวาคม 2557 |
|
3 comments |
Last Update : 5 ธันวาคม 2557 19:52:40 น. |
Counter : 3796 Pageviews. |
|
|
|