Love Generation
LOVE GENERATION (Bob Sinclar)
From Jamaica to the world, It's just love, It's just love, Yeah!
Why must our children play in the streets, Broken hearts and faded dreams, Peace and love to everyone that you meet, Don't you worry, it could be so sweet, Just look to the rainbow, you will see Sun will shine till eternity, I've got so much love in my heart, No-one can tear it apart, Yeah,
Feel the love generation, Yeah, yeah, yeah, Feel the love generation, C'mon c'mon c'mon c'mon yeah,
(Whistling.....)
Feel the love generation, Yeah, yeah, yeah, yeah Feel the love generation, Ooohhh yeah-yeah,
Don't worry about a thing, It's gonna be alright, Don't worry about a thing, It's gonna be alright, Don't worry about a thing, It's gonna be alright, Gonna be, gonna, gonna, gonna be alright,
Why must our children play in the streets, Broken hearts and faded dreams, Peace and love to everyone that you meet, Don't you worry, it could be so sweet, Just look to the rainbow, you will see Sun will shine till eternity, I've got so much love in my heart, No-one can tear it apart, Yeah,
(Whistling.....)
*Bob Sinclar เริ่มอาชีพดีเจ ตั้งแต่ปี 1986 ซึ่งตอนนั้นเขามีอายุ 18 ปีเท่านั้น ในเวลานั้นเขาถนัดดนตรีแนว Funk และ Hip Hop โดยใช้ชื่อ Chris The French Kiss ในวงการ...ค้นหาไปค้นหามาก็ได้รู้ว่าเขาเคยร่วมงานกับ Thomas Bangalter แห่งวง Daft Punk (เป็นแนวอิเล็กทรอนิกส์ทดลองที่บางคนเรียกว่าขยะ ขณะที่บางคนเรียกว่าอาจารย์)
เวลาผ่านไป Sinclar ไปจับดนตรีหลายแนว รวมถึงเพลง "I Feel For You" (เป็นงาน tribute แก่นักดนตรีชาวฝรั่งเศสชื่อ Cerrone) จากอัลบั้มที่สองของเขา, Champes Elyse'es ซึ่งก้าวขึ้นสู่อันดับที่ 9 ใน UK top40
ด้วยไอเดียที่อยากจะรวมเอาแนว Latin, Jazz, African และ กลิ่นอายของเพลงชนเผ่า (Tribal music) เข้าไว้ด้วยกันในเพลงเดียว เวลาต่อมาเขาก็คลอดเพลงนี้ Love Generation ออกสู่โสตประสาทชาวโลกในปี 2005
เพลงนี้ขึ้นอันดับ 1 ใน Australian ARIA Singles Charts ภายในเวลาอันรวดเร็ว นอกจากนี้ยังติดอันดับแรกใน German Media Control Single Charts 2006และติดอันดับ 2 ใน Dutch Top40 อีกด้วยแน่ะ!
อันที่จริง ผมได้ฟังเพลงนี้ครั้งแรกบน 747 ของ Emirates Airline แค่ได้ยินจังหวะ กับ อารมณ์เพลง ก็ประทับใจจนต้องกด repeat เครื่องเล่นตรงหน้าที่นั่ง ปล่อยให้มันเปิดกลับไปกลับมาเป็นสิบรอบ ก่อนจะจดชื่อเพลงและชื่อนักร้องใส่กระดาษ แล้วยัดใส่กระเป๋ากางเกงเอาไว้...
เวลาผ่านไป ผมดันลืมว่าเจ้าเศษกระดาษน้อยๆ แผ่นนั้นสำคัญแค่ไหน ล้วงเอามันออกมาโดยไม่คลี่ออกชม ปั้นเล่นเป็นก้อนกลม แล้วก็โยนทิ้งไป ซะงั้น!
แต่ไม่เป็นไร วันต่อมาและอีกหลายๆ วันต่อมา ไม่ว่าจะบนรถบัส หรือ เดินเหินไปที่ไหนๆ ในออสเตรเลีย ก็จะได้ยินเขาเปิดเพลงนี้กันตรึม...(เนียงสะระแอ พะนอเนี๊ยะแชะๆ จึ๋ยๆ!!!)
ขณะที่กำลังเพลิดเพลินกับการเปิดหูเปิดตาในร้าน Condom World (ไม่ต้องบอกก็คงรู้กันว่า ร้านนี้นั้นขาย คอนโดมิเนียม!) อยู่ๆ เจ้าของร้านก็เปิดเพลงนี้ขึ้นมา ผมเลยเดินเท่อเล่อท่าล่า ทำหน้าตาเอ๋อๆ เข้าไปถามเจ๊แก เพลงนี้ ท่านได้แต่ใดมา? เจ๊ยืนนึกสักครู่จึงตอบว่า ฉันจำไม่ได้ว่าใครร้องหรอกนะ แต่เพลงนี้ชื่อ love generation Love Generation? ผมทวนคำนี้ซ้ำไปซ้ำมาอีกหลายรอบเพื่อบันทึกลง ROM ส่วนตัวในสมอง เอางี้สิ...คุณเดินไปตรงหัวมุมตึก เลี้ยวขวาเข้าไปข้างในจะมีร้านซีดีอยู่ ลองถามซื้อเอาจากเขาก็ได้ รับรองว่ามี เจ๊แนะนำ ไม่หรอกครับ...ผมแค่อยากรู้ เอาไว้ไปขโมยมาจากเน็ตดีกว่า ผมตอบในใจ ก่อนจะเดินจากไปในอาการยิ้มกริ่ม... ^ ^ (รู้จักคนไทยน้อยไปซะแย้ววว...วู้ว...)
... มีหลายคนถามผมทำนองที่ว่า เมื่อไรจะเลิกเหงา? ได้ยินแล้วก็เศร้า อยากถามกลับไปว่า แล้วเมื่อไรนายจะเลิกมีความรักสักทีล่ะ?
ผมว่าอันที่จริงแล้ว ความเหงา กับ ความรัก มันเป็นซับเซ็ต (Subset)ของกันและกัน มันเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน เหมือนเกลียวเชือกสองเส้นที่พันม้วนเข้าด้วยกัน แล้วเดินทางไปด้วยกัน ถ้าเรารู้จักรัก เราก็จะรู้จักเหงาไปด้วย โดยปริยาย จะมีข้อแตกต่างก็แต่เพียง เรามักเรียนรู้ที่จะอยู่กับความรัก แต่เรามักไม่เรียนรู้ที่จะอยู่กับความเหงา
ความเหงาก็เลยถูกมองในแง่ร้าย กลายเป็น Pirate of The Love Generation ฉะนั้นแล...
... บางที ในบางเวลา ผมก็ชอบความเหงานะ ผมว่าเราสามารถดื่มด่ำกับความเหงาได้เหมือนกัน เพียงแต่อย่าปล่อยให้มันควบคุมเรามากเกินไป ไม่อย่างนั้น เราจะแยก "ความเหงา" กับ "ความรัก" ไม่ออก...
มันจะกลายเป็นมายา เป็นเหมือนกับภาพข้างล่างนี้ ที่เรียกว่า มายาภาพ แต่เราเรียกมันว่า มายาใจ (กิกิ๊ว...)
... เช้าวันหนึ่ง ที่ Bicheno, Tasmania Island หลังจากพาตัวเองลุกจากเตียงอย่างงัวเงียแต่เช้าตรู่ นั่งเลื้อยอยู่บนรถยังไม่ถึงหนึ่งก้านธูป ไกด์หนุ่มชาวออสซี่ก็พาผมและเพื่อนร่วมทาง ทั้งฝรั่ง เกาหลีและญี่ปุ่น เดินทางไปถึงบริเวณชายหาด Bicheno Beach มีชื่อเสียงในเรื่องความสวยงามยามพระอาทิตย์ขึ้นจากปลายฟ้า ถึงขนาดติดอันดับโลก ติดอันดับจักรวาล จนมนุษย์ดาวอังคารต้องชักชวนมนุษย์ดาวศุกร์มาเยี่ยมชมกันอยู่เนืองๆ
แสงสีทองค่อยๆ เรืองรองผุดขึ้นเป็นก้อนกลม ผสมกับอากาศเย็นยะเยือกที่ถูกกระหน่ำซ้ำเติมด้วยแรงลมโชยแผ่วๆ เข้าด้วยแล้ว ขนหัวใจลุกพิลึก! เสื้อกันหนาวสี่ชั้นทำให้ร่างกายอุ่นได้ แต่ไม่เพียงพอที่จะทำให้หัวใจอุ่นไปด้วยได้เลย
ตะวันขึ้นที่ Bicheno Beach สร้างความรู้สึกแปลกๆ ยากจะอธิบายให้เกิดขึ้น คล้ายเอาอารมณ์และความรู้สึกอันหลากหลาย เอาไปใส่ในเครื่องปั่นน้ำผลไม้ ปั่นมันจนแหลกเละละเอียดยิบ แล้วเอามาเทใส่หัวใจ ซะอย่างงั้น!
พลันเหลือบไปเห็นหนุ่มสาวเกาหลี Jekwang กับ Jinmy กำลังยืนชมตะวันอยู่เคียงข้างกัน มันทำให้น้ำผลไม้หลากหลายอารมณ์ระเหิดหายไปจนหมด
ผมถือวิสาสะ เติมคำลงในช่องว่างเอาเอง สงสัยว่า หนึ่งในสองชาวเกาหลี จะมีคำพูดเหล่านี้อยู่ในหัว(ใจ)บ้างหรือเปล่า...
"Love is similar to the sun. It shines everyday, but we usually don't see it..."
... แถมให้อีกรูปครับ (ใจดี) เจ้าตัวนี้มีชื่อว่า หอยปีปี้...(PiPi)
ใต้ทรายหาดนี้ เต็มไปด้วยหอยชนิดนี้ เป็นชนิดเดียวกับที่ ภัตตาคารจีนนำไปผัดขาย ราคาที่ละ 8-10 เหรียญ (240-300 บาท)
อันที่จริงแล้ว หอยชนิดนี้มีชื่อเดิมว่า Pi แต่ Pi ไม่ชอบที่จะใช้ชีวิตอยู่อย่างลำพัง มันมักจะกระดึบๆ ไปหาคู่อยู่เป็นสองเสมอๆ
เมื่อคนเราไปพบเจอมันอยู่เป็นคู่ๆ จาก Pi ปี ตัวเดียว ก็เลยกลายเป็น PiPi ปีปี้
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา...
เตร๊งงง.. เตรงงง.. เตร่งง ... เตร๊งงงง...
(^_^')/ ไปล่ะ!...แฮ่กๆ...
คลิป MV เพลงนี้ เปิดดูได้ที่นี่ครับ...
//video.google.com/videoplay?docid=5827711531508302539
Create Date : 10 กรกฎาคม 2549 |
Last Update : 10 กรกฎาคม 2549 22:44:22 น. |
|
49 comments
|
Counter : 943 Pageviews. |
|
|
|
เท่าที่อ่านดู ท่าทางจะเป็นคนโรแมนติคน่าดูนะคะ
ถ้ามีความรักก็น่าจะหายเหงาได้
อย่างน้อยเราก็ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว
ยังมีคนให้คิดถึง ห่วงใย พูดคุย ปลอบใจ ฯลฯ อิอิ