Avril Lavigne - The Best Damn Thing : วันที่เพื่อนเปลี่ยนไป..
ปีนี้ ตั้งแต่ต้นปีมา ศิลปินโปรดพากันออกอัลบั้มใหม่เต็มไปหมด ทั้ง Evanescence - The Open Door, Damien Rice - 9 ยังไม่รวม Keane (อันนี้ที่จริงก็ตั้งแต่ปีที่แล้ว) กับการรอคอยที่ยาวนาน อย่าง evanescence ก็ประมาณ 2-3 ปีเห็นจะได้ เพราะงั้นพอได้ข่าวว่าทั้งหมดจะมีอัลบั้มใหม่ปีนี้ ก็แสนจะตื่นเต้น ดีใจ สบโอกาสเข้าเมืองเมื่อไหร่ปุ๊บ ก็รีบไปคว้ามาครอบครองให้ชุ่มอุรา~
แต่การรอคอยและความตื่นเต้นทั้งหมด เทียบไม่ได้เลยกับตอนที่รู้ว่า Avril กำลังจะออกอัลบั้มใหม่ เป็นการรอคอย 'เพื่อนสนิท' ที่แสนจะยาวนาน นับจากครั้งสุดท้ายที่เราได้พบกันใน under my skin -ซึ่งจนถึงบัดนี้ก็ยังเปิดฟังอยู่เป็นรอบที่ร้อยกว่า-
3-4 ปีที่ผ่านมา แทบไม่ได้ข่าวคราวอะไรของเธอเลย ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ เพราะฉันก็ไม่ได้เกาะติดความเป็นไปของเธอทุกวันขนาดนั้น (อ้อ! แต่อย่างน้อยก็ได้ไปดูเธอเล่นคอนเสิร์ตที่เมืองทอง) รู้เพียงแค่ เธอแต่งงาน / กับ Deryck Whibley/ นักร้องนำของ sum41/ เธอเป็นสาวขึ้น สวยขึ้น กลายเป็นสาวบลอนด์เต็มตัว/ ออกงานกับแพเรสส ฮิลตัน (ด้วยเว้ย!??)
มีคนบอกว่า อัลบั้มนี้เธอสาวขึ้น หวานขึ้น อาจเป็นเพราะแต่งงาน ฉันก็ยังเฉยๆ .. ในเมื่อ let go กับ under my skin ก็แตกต่างกันเนื่องด้วยเธอโตขึ้น แต่เราก็ยังสื่อสารกันเข้าใจผ่านเพลงของเธอ แล้วในเมื่ออัลบั้มนี้ Avril ก็แต่งเอง produce เอง ทำไมเราถึงจะคุยกันไม่รู้เรื่องล่ะ ??
คำตอบเมื่อได้ฟัง The Best Damn Thing บางที.. เขาเหล่านั้นอาจจะพูดถูกก็ได้..
ว่ากันตรงๆ การแต่งงานทำให้มุมมอง และดนตรีของ Avril เปลี่ยนไปเยอะ จริงอยู่เธออาจต้องการให้เล่นคอนเสิร์ตได้มันขึ้น เพราะอย่างตอนมาเมืองทองก็เห็นหลายคนเกือบนั่งหลับ เพราะเพลงช้าค่อนข้างเยอะ (แต่ฉันชอบแฮะ) และเธอก็ไม่ค่อยเอนเตอร์เทนคนดู 555 แต่ถึงยังไงก็ตาม ก็อดคิดไม่ได้อยู่ดีน่ะแหละว่า ดนตรีของอัลบั้มใหม่นี้มัน... กลิ่นของ sum41 นี่หว่า ...ฉันก็เรียกไม่ถูกนะคะ แต่อารมณ์ดนตรีแบบ nobody's home/ my happy ending หรือแม้แต่กราดเกรี้ยวแบบ forgotten, unwanted มันหายไป ที่เพิ่มมาเป็นจริตจะก้านในการร้อง คล้ายๆ เกวน สเตฟานี พลิกไปดูข้างหลังปก ..อ้อออ คุณสามีช่วย produce ด้วยนี่เอง .. แต่เอาเถอะ ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันก็ยังร็อคอยู่ดี ไม่ได้หมุน 360 องศาเป็นป็อบลูกกวาด หรือแนวอื่นแบบเตรียมใจไม่ทันซักหน่อย
มาดูเนื้อเพลงมั่ง ..
ไม่มีอีกแล้วแฮะ it's a damn cold night, try to figure out this life
หรือจะเป็น how do you feel to be diferent from me, are we the same?
แต่กลายมาเป็น I found a place so safe, not a single tear The first time in my life and now it's so clear Feel calm I belong, I'm so happy here It's so strong and now I let myself be sincere
. . .
คิดไปถึงเพื่อนคนหนึ่ง เราเติบโตมาด้วยกัน (แม้วัยจะไม่เท่ากัน ^^) เธอสับสนกะความ complicated ..ชั้นก็เจอเหมือนกัน.. เธอเหงา สงสัย ไม่แน่ใจ กับ tomorrow หรือ i'm with you ..ชั้นก็เป็นและก็ร่วมหดหู่ไปกับเธอ..
เธอโกรธและประชดชีวิตใน my happy ending ...ให้ตายเถอะ! ทำไมใจตรงกันยังงี้ว้อยยยยย!!!..
สองสามปีที่ผ่านมาเราต่างก็เจออะไรมาเยอะทีเดียว แต่มาวันนี้ ..วันที่เพื่อนมาเยี่ยมหลังจากไม่ได้เจอกันนาน ชีวิตฉันก็ยังมีอารมณ์โกรธ มีอารมณ์เศร้า แต่เพื่อนกำลังมีความสุข เธอแต่งงาน มีความรัก มีอารมณ์กระโดดโลดเต้นมากมาย เธอแต่งตัวและมีวิธีการพูดที่แปลกออกไป เธอสื่อสารบางอย่างที่ฉันเข้าไม่ถึง
I can make you feel all better, just take it in And I can show you all the place, you've never been And I can make you say everything, that you never said And I will let you do anything, again and again Now you're in and you can't get out
แหมวุ้ยยย พูดแบบนี้ คนยังไม่ได้แต่งงานนะเฟ้ยยย เข้าใจน่ะพอเข้าใจ แต่ชั้นอิจฉาาา เข้าใจมะ 555
เราไม่ได้เจอกันนาน เมื่อเพื่อนเปลี่ยนไปเพราะมีความสุขขึ้น จะให้ฉันทำยังไงได้ นอกจากยิ้มรับและแสดงความยินดี แม้อาจยังงงๆ ปรับตัวไม่ทันกับความเปลี่ยนเเปลงนี้บ้าง ฉันอาจจะกลับไปค้นอัลบั้มเก่าๆ ดู หวนคิดถึงความทรงจำที่เราผ่านมาด้วยกัน ..ที่ฉันยอมรับว่าชอบเพื่อนที่เป็นแบบนั้นมากกว่า..
..ฉันยอมรับว่าอาจฟังเพลงเธอได้ไม่จบ ได้แค่ 8 เพลงแรกก่อนปิดอัลบั้มไป (แม่จ้าวว ก็ปาไปครึ่งค่อนอัลบั้มแล้วหนิ) เพราะฉันรู้สึกว่า ..พอเถอะ ไม่ไหวแล้ว..
..และฉันยอมรับว่า ยังปรับอารมณ์ไม่ทันที่เธอเหมือนเป็นสาวสังคมมากขึ้น จริตจก้านมากขึ้น ตรงข้ามกับความคมคายของเนื้อเพลงที่ --ฉันรู้สึกว่า-- ..หมัดฮุคมันไม่โดนเป้าเหมือนเมื่อก่อน . .
แต่เชื่อเถอะ .. ฉันยังยินดีในความสำเร็จของเธอเสมอ ต่อไปไม่ว่าจะมาแปลก แหวกแนวอีกซักขนาดไหน ฉันก็ยังจะตามไปให้กำลังใจกันอยู่ดี เพราะลึกๆ แล้ว เธอก็ยังเป็นคนเดิม คนที่เอาแต่ใจ ขี้เหงา โวยวาย แต่ชอบทำไม่แคร์กับคนรอบข้างเหมือนเดิมน่ะแหละ
และลึกๆ ชั้นยังรออัลบั้มอะคูสติกกีต้าร์ ที่เธอเคยบอกว่าอาจจะทำอยู่นะ .. เพราะชั้นก็ยังเชื่อว่า เธอเล่นกีต้าร์ร้องเพลงอย่างเดียวเพียวๆ ไพเราะไม่เป็นรองใครทั้งนั้น
แต่ฝากไว้ก่อนนะเฟ้ยย อีตา Deryck แค่ปีเดียวแกทำเพื่อนชั้นเป็นไปได้ขนาดนี้ (แผ่นซีดีสีชมพูแจ๊ด ผมและเล็บก็เป็นสีชมพู ฟังเพลงเธอยังพาลเห็นโลกเป็นสีชมพูด้วยซ้ำ) ถ้าต่อไปแกทำให้เพื่อนชั้นต้องเสียใจถึงขนาดกู่ไม่กลับ กลายเป็นเน้นขาย sex appeal หรือแต่งเพลงร็อกแรงๆไม่ได้อีกล่ะก้อออ ชั้นจะสาปส่ง sum41 และงานทุกชิ้นของแกไปชั่วชีวิต คอยดู๊ !!!!..........
----------- ลป.1 // เขียนขึ้นด้วยความคิดเห็นและความรู้สึกของ จขบ ล้วนๆค่ะ จริงแท้ที่มาและตัวตนของ Avril & Deryckเป็นยังไงไม่ทราบได้ แต่ความรู้สึกหลังฟัง The Best Damn Thing มันพุ่งสูงปรี๊ดดถึงขนาดยอมลงทุนหาทาง up blog ที่ค้างไว้มานานปี .. ขนาดนั้นเลย 555..
ลป.2 // ขนาดไม่ค่อยปลื้มอัลบั้มนี้นะเนี่ยย ตอนนี้ยังฮัม 'This innocence is brilliant, I hope that it will stay' อยู่เลย ..รักกัน ยังไงก็ตัดไม่ขาดหรอก ^^
Create Date : 22 เมษายน 2550 |
|
6 comments |
Last Update : 22 เมษายน 2550 12:30:06 น. |
Counter : 963 Pageviews. |
|
|
|
น้องเขามีพัฒนาการทางดนตรีดีนะครับ สำหรับอัลบั้มนี้ และมีลักษณะคล้ายกับ Sum 41 แบบสาวน้อย ฟังแล้วมันให้ความรู้สึกว่าโตขึ้นจริงๆ ด้วย แถมได้สามีมากล่อมเกลาจิตใจบ้าง ให้หวานอมเปรี้ยว ซึ่งเดิมทีเปรี้ยวอย่างเดียว
สรุปว่า ผมชอบนะครับ ชอบอัลบั้มนี้ค่อนข้างมากเลยทีเดียว ว่าแต่อย่าลืมติดตาม MV ตัวที่ 2 When You're gone นะครับผม