Group Blog
 
 
มีนาคม 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
28 มีนาคม 2552
 
All Blogs
 
ประจำเดือน…ใช่เลือดเสียหรือเปล่า



เริ่มต้นง่ายๆกับของใกล้ตัวของผู้หญิง แต่บางทีเราก็ลืมที่จะใส่ใจมัน..

ประจำเดือน…ใช่เลือดเสียหรือเปล่า


ผู้หญิงเมื่อเริ่มเข้าสู่วัยสาว รังไข่ทั้งสองข้างที่ติดกับมดลูกจะเจริญเติบโตเต็มที่ และพร้อมที่จะผลิตไข่ออกมาทุกเดือน โดยปกติจะมีไข่ตกจากรังไข่เดือนละ 1 ฟองสลับกันเดือนละข้าง เมื่อไข่ตกจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ท่อนำไข่และไปฝังตัวที่ผนังมดลูก ซึ่งจะมีลักษณะหนาขึ้นเพราะสะสมสารอาหารต่างๆ เอาไว้สำหรับเลี้ยงตัวอ่อน หากไข่ไม่ได้ผสมกับเชื้ออสุจิ (ซึ่งอาจเป็นเพราะไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ หรือมีเพศสัมพันธ์โดยมีการป้องกันการตั้งครรภ์) จะทำให้ผนังมดลูกนี้เกิดการหลุดลอกออกมาพร้อมกับไข่และจะมีเลือดปนออกมาด้วย เราเรียกว่า "ประจำเดือน"

ประจำเดือนจึงไม่ใช่เลือดเสียที่ร่างกายขับถ่ายออกมาอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่มันกลับเป็นสิ่งที่บ่งชี้ให้เห็นว่า ระบบสืบพันธุ์ของเราทำงานเป็นปกติ รวมทั้งเป็นเครื่องบ่งชี้ให้รู้ว่าเราไม่ได้ตั้งท้องด้วย

การเกิดประจำเดือนในแต่ละเดือนนั้น จะมีลักษณะเป็นวงจรดังรูปภาพประกอบ




เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ "ประจำเดือน"

รู้จัก "วันนั้นของเดือน"
ประจำเดือนเป็นสัญญาณเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์หรือวัยที่สามารถมีลูกได้ รอบเดือนตามปกติจะกินเวลา 21-35 วัน (โดยเฉลี่ย 28 วัน) แต่ละครั้งใช้เวลา 2-8 วัน (ตามปกติ 4-6 วัน) รอบเดือนนี้จะเปลี่ยนแปลงไปตามวัย และขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความเครียด อายุ น้ำหนักลดหรือเพิ่ม การมีบุตร

ผู้หญิงสมัยนี้มีประจำเดือนยาวนานกว่าผู้หญิงสมัยก่อน (400-500 ครั้งตลอดชีวิต) เนื่องจากเริ่มมีเร็วกว่า อายุยืนขึ้น และตั้งท้องน้อยลง

คำถามที่ต้องการคำตอบ
การนับรอบประจำเดือนทำยังไง? ต้องนับวันแรกของการมีประจำเดือนหรือนับวันสุดท้าย? แล้วจำเป็นต้องมีประจำเดือนตรงกันทุกเดือนมั้ย?

การที่ประจำเดือนมาตรงกันทุกเดือนเป็นเรื่องที่ดีด้วยเหตุผลหลายอย่าง ประการแรก สะดวกต่อการเตรียมผ้าอนามัยพกพาติดตัวไปด้วยเวลาประจำเดือนใกล้มา จะได้ไม่เลอะเทอะเปรอะเปื้อนให้เสียอารมณ์ และสำคัญอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีเพศสัมพันธ์ เพราะจะได้ช่วยในการคำนวณเวลาไข่ตก (ซึ่งจะทำให้ตั้งครรภ์ได้ง่าย) และรู้ว่าเมื่อไหร่ประจำเดือนครั้งต่อไปจะมา ทางที่ดีลองทำเครื่องหมาย "วันนั้นของเดือน" ไว้บนปฎิทินกันลืมไว้ด้วย

การนับรอบเดือนให้เริ่มนับตั้งแต่วันแรกของการมีประจำเดือนครั้งนี้ไปจนถึงวันแรกของการมีประจำเดือนครั้งถัดไป จะกินเวลาอย่างเร็วก็ 25 วัน ส่วนอย่างช้าก็ 30 วัน รอบประจำเดือนนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง รวมทั้งความเครียด น้ำหนักขึ้นลง แม้แต่การใช้ยาคุมกำเนิด

ส่วนระยะเวลาไข่ตกหมายถึงช่วงเวลาที่มดลูกจะผลิตไข่ออกมาทุกเดือน และมักเกิดขึ้นกลางรอบเดือน คนส่วนมากไม่รู้เวลาไข่ตกของตัวเอง เลยไม่นิยมการคุมกำเนิดแบบนับวันปลอดภัย ซึ่งวิธีนี้จะได้ผลก็ต่อเมื่อรู้กำหนดประจำเดือนที่แน่นอน

จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง?
สัปดาห์ที่ 1 ในแต่ละเดือนต่อพิทูอินารี่ในสมองจะส่งสัญญาณไปยังรังไข่ให้ผลิตฮอร์โมน follicle stimulating hormone (FSH) และ luteinzing hormone (LH) ซึ่งกระตุ้นให้ไข่ตกอย่างน้อยหนึ่งใบ เพื่อเติบโตเป็นไข่สุกต่อไป เมื่อไข่สุก มันจะปล่อยฮอร์โมนเอสโตรเจนออกมา ทำให้ผนังของมดลูกหนาขึ้น

สัปดาห์ที่ 2 การตกไข่ - เมื่อไข่สุกเต็มที่จะถูกปล่อยออกมาจากช่องว่างในรังไข่ไปยังปลายท่อรังไข่ข้างหนึ่งซึ่งมีลักษณะคล้ายท่อ และเริ่มเคลื่อนตัวไปยังมดลูก โดยใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่รู้ตัวเมื่อไข่ตก แต่บางคนจะรู้สึกปวดท้องน้อยแปลบๆ ระยะนี้ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะสูงขึ้น ทำให้เกิดของเหลวออกมาทางช่องคลอด ฮอร์โมนโพรเจสเทอโรนจะถูกปล่อยออกมา เพื่อช่วยหล่อเลี้ยงผนังมดลูก

สัปดาห์ที่ 3 หลังไข่ตก - ระดับฮอร์โมนโพรเจสเทอโรนจะสูงขึ้น ของเหลวที่ปล่อยออกมาทางช่องคลอดจะข้นขึ้นและน้อยลง (เกือบไม่มี) เมื่อสเปิร์มผสมกับไข่ระหว่างเคลื่อนไปที่ท่อรังไข่การตั้งครรภ์จะเกิดขึ้น จากนั้นผนังมดลูกจะเตรียมพร้อมรองรับและบำรุงไข่ที่ได้รับการผสมนั้น ถ้าไข่ไม่ได้รับการผสมจากสเปิร์ม มันจะสลายและไหลออกมาทางช่องคลอด (ปกติจะเกิดก่อนการมีประจำเดือน) และช่องว่างในรังไข่จะเริ่มผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนและโพรเจสเทอโรนน้อยลง ใช้เวลาประมาณ 12 วัน

สัปดาห์ที่ 4 (การเกิดประจำเดือน) เมื่อระดับฮอร์โมนลดลง ผนังในมดลูกจะหยุดการหล่อเลี้ยงและลอกตัวออกมากลายเป็นประจำเดือนในที่สุด เมื่อเกิดประจำเดือนครั้งใหม่ วงจรทั้งหมดก็จะเริ่มต้นขึ้น

ทำไมต้องหงุดหงิด หรือสิวขึ้นมากทุกครั้งที่มีประจำเดือน
เราเรียกอาการเหล่านี้ว่า "อาการก่อนมีประจำเดือน" ซึ่งมีมากมายหลายแบบ บางคนไม่เป็นอะไรเลย ขณะที่บางคนปวดท้อง บางคนรู้สึกระคายเคืองช่องคลอด การเกิดอาการเหล่านี้ไม่มีสาเหตุทางชีวภาพที่แน่นอนแต่ที่แน่ๆคือ ช่วงนี้ระดับฮอร์โมนจะลดลงต่ำสุด จำกัดการบริโภคเกลือ น้ำตาล คาเฟอีนและแอลกอฮอล์ กินอาหารให้ครบทุกหมวดหมู่เน้นผักและคาร์โบไฮเดรต อาการก่อนมีประจำเดือนนี้อาจเกิดต่อเนื่องในขณะมีประจำเดือนด้วย

อาการก่อนมีประจำเดือน
หดหู่ เครียด อารมณ์เสีย อารมณ์เสียง่ายกว่าปกติ วิตามินบีและแคลเซียมช่วยลดอาการเหล่านี้ได้
บวม โซเดียมในเกลือทำให้เกิดน้ำขัง โดยเฉพาะที่ท้องและหน้าอก ทำให้บวมได้
อ่อนเพลียและปวดหัว พักผ่อนและกินยาบรรเทาปวดเพื่อลดอาการดังกล่าว
เป็นสิว ใช้วิธีการรักษาสิวตามปกติ
เจ็บหน้าอก หน้าอกจะเต่งขึ้นและรู้สึกเจ็บ (คัดหน้าอก)
ปวดหัว ปวดหลัง - โพรสทาแกลนดีส (เป็นชื่อของสารชนิดหนึ่งในร่างกายซึ่งคล้ายฮอร์โมน) คือ ต้นเหตุที่ทำให้ปวดท้องขณะมีประจำเดือน (เป็นสารชนิดเดียวกับที่ทำให้ผู้หญิงเราเกิดอาการปวดท้องตอนจะคลอดลูกด้วย) สารนี้จะกระตุ้นให้กล้ามเนื้อมดลูกหดตัว เพื่อช่วยให้ร่างกายขับประจำเดือนออกมา การหดตัวนี้มีตั้งแต่เล็กน้อยจนถึงรุนแรง บางครั้งอาจปวดเลยไปถึงบริเวณหลัง เป็นสาเหตุให้ปวดหลังด้วย ความเครียดจะกระตุ้นให้เกิดการผลิตสารโพรสทาแกลนดีสได้ ดังนั้นจึงควรออกกำลังกาย ซึ่งจะทำให้ร่างกายหลั่งสารเอนโดฟินออกมา เป็นการระงับการปวดตามธรรมชาติ ทำใจให้สบาย และหายใจลึกๆ

ยังมีวิธีธรรมชาติอื่นๆที่ช่วยลดอาการก่อนมีประจำเดือน แต่ได้ผลเฉพาะบางคนเท่านั้น คือ จิบชาสมุนไพรร้อนๆ กินวิตามินซี แคลเซียม และน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส การอาบน้ำอุ่นหรือใช้กระเป๋าน้ำร้อนวางบริเวณท้องน้อยก็ช่วยลดอาการปวดได้เช่นกัน

เวลาเกิดอาการต่างๆก่อนมีประจำเดือน ต้องรู้จักดูแลตัวเอง ลองใช้วิธีรักษาหลายๆวิธี สังเกตดูว่าวิธีไหนใช้ได้ผล ถ้าหลังมีประจำเดือนแล้วอาการต่างๆยังไม่ทุเลาลง แต่กลับเป็นหนักขึ้น ก็ควรปรึกษาแพทย์ค่ะ


ประจำเดือนมาจากไหน

ประจำเดือนของผู้หญิงนั้น เกิดจากการลอกตัวของเยื่อบุโพรงมดลูกออกมาเป็นวงจรในแต่ละรอบเดือน รังไข่ข้างใดข้างหนึ่งของผู้หญิงจะเกิดการตกไข่ขึ้น ไข่ที่โตเต็มที่จะตกจากรังไข่เข้าไปรอคอยพระเอก หรือตัวอสุจิอยู่ในส่วนปลายของท่อนำไข่ ซึ่งเปรียบกับสะพานเชื่อมรัก ขณะเดียวกัน เปลือกไข่ที่เหลืออยู่ ก็จะทำการสร้างฮอร์โมนเพศที่เรียกว่า โปรเจสเตอโรน มาทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนานุ่ม มีเลือดมาเลี้ยงมาก เพื่อเตรียมตัวรับกับไข่ที่ถูกปฏิสนธิจากตัวอสุจิ ถ้ามีการปฏิสนธิเกิดขึ้นจริง ตัวอ่อนก็จะเดินทางกลับเข้ามา ฝังตัวในโพรงมดลูก ในเยื่อบุโพรงมดลูกที่เตรียมเอาไว้ และทำการสร้างฮอร์โมนที่เรียกว่า HCG ไปบำรุงเปลือกไข่ให้ผลิตฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน มากระตุ้นเยื่อบุโพรงมดลูกให้เจริญต่อไป เพื่อเป็นแหล่งส่งอาหารต่อให้ทารกในครรภ์
...ในกรณีนี้ก็จะไม่มีการหลุดลอกของเยื่อบุโพรงมดลูกออกไปเป็นประจำเดือน ประจำเดือนที่เคยมาเป็นประจำ สม่ำเสมอ ก็จะขาดหายไป ไปตรวจปัสสาวะหรือตรวจเลือด หาระดับของฮอร์โมน HCG ก็จะได้ผลบวก คุณก็ตั้งครรภ์

แต่ถ้าไม่เกิดการปฏิสนธิระหว่างไข่กับตัวอสุจิขึ้น ไข่ใบน้อยที่รอรักอยู่ที่สะพานเชื่อมรัก ก็จะฝ่อไปภายใน 48 ชั่วโมง ไม่มีการสร้างฮอร์โมนไปประคับประคองเปลือกไข่ไว้ ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่จะมาบำรุงเยื่อบุโพรงมดลูกก็ไม่มี เยื่อบุโพรงมดลูกก็จึงหลุดลอกตัว ออกมาเป็นเลือดประจำเดือน

พูดง่ายๆ ก็คือ นางเอกรอรักอยู่ที่สะพานเชื่อมรัก รอแล้วรอเล่า พระเอกไม่ยอมขี่ม้าขาวมาพบสักที นางเอกย่อมเสียใจเป็นธรรมดา จึงร้องไห้ออกมาเป็นสายเลือด.. สายเลือดประจำเดือน เลือดประจำเดือน จึงไม่ใช่เลือดเสียแต่อย่างใด... แต่เป็นเลือดที่เกิดจากการลอกตัว ของเยื่อบุโพรงมดลูกตามปกติ


ความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับประจำเดือน

เวลามีประจำเดือน ห้ามอาบน้ำเย็น ผู้ใหญ่อาจจะหวังดีในแง่ที่ว่าเวลามีประจำเดือนนั้น ฮอร์โมนในร่างกายผู้หญิงจะแปรปรวน ไม่สมดุล ทำให้ป่วยได้ง่าย ภูมิคุ้มกันลดลง การอาบน้ำเย็นจะทำให้อุณหภูมิในร่างกายต้องปรับตัวตน บางครั้งอาจเกิดการเจ็บป่วยได้... ปัจจุบันนี้ คุณสามารถอาบน้ำอุณหภูมิปกติธรรมดาที่ไม่เย็นจัดได้ หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว ก็สวมใส่เสื้อผ้าให้อบอุ่นเท่านั้นก็พอ

ห้ามรับประทานน้ำแข็ง หรือของอะไรที่เย็นๆ ก็คงจะเป็นข้อห้ามเดียว กับการอาบน้ำเย็นนั่นแหละครับ รับประทานได้ แต่อย่ามากจนเกินไป ก็ไม่น่าจะเป็นอะไร ยิ่งถ้าเป็นคนมีสุขภาพดีอยู่แล้ว ร่างกายแข็งแรง ยิ่งไม่เป็นอะไรใหญ่

ห้ามออกกำลังกายเวลามีประจำเดือน เป็นความเชื่อผิดๆ แน่นอนในกรณีนี้ เพราะในเวลาที่มีประจำเดือนนั้น เยื่อบุโพรงมดลูกที่หลุดลอกตัวออกมาจะมีสารที่เรียกว่า พลอสตาแกลนดิน ออกมาด้วย สารนี้จะทำให้มดลูกบีบรัดตัวรุนแรงจนปวดประจำเดือน ถ้าหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอแล้วก็จะมีการหลั่งสารที่เรียกว่า เอ็นโดฟิน ออกมา สารเอ็นโดฟิน จะทำให้เกิดความสุข ผ่อนคลาย หายเครียด และที่สำคัญคือ แก้ปวดได้ทุกชนิด โดยไม่ต้องไปซื้อหายาแก้ปวดมารับประทาน

ห้ามมีเพศสัมพันธ์ในเวลามีประจำเดือน ไม่ใช่ข้อห้ามหรอกครับ เพราะถ้ามีอะไรกันแล้วมีความสุขสม บางครั้งก็ทำให้หายหงุดหงิดและหายปวดประจำเดือน ไปได้เหมือนกัน เพียงแต่ควรจะระวังเรื่องของความสะอาดให้มากกว่าปกติหน่อยเท่านั้น ถ้าจะมีอะไรกันในห้วงเวลานั้นแล้ว ขอให้ฝ่ายชายสวมถุงยางอนามัยทุกครั้ง หรือถ้าอยากจะมีสัมผัสรักโดยไม่มีอะไรมากางกั้น คุณผู้ชายอย่าลืมฟอกล้างทำความสะอาดส่วนนั้น ให้สะอาดดีเสียก่อน ค่อยบรรเลงเพลงรัก และควรจะจบบทรักลงด้วยการหลั่งภายนอกจะสะอาด และปลอดภัยกว่าสำหรับเธอผู้เป็นที่รัก

ห้ามอาบน้ำในคลองและในทะเล เรื่องนี้เหตุผลคงจะอยู่ที่ว่าน้ำในแม่น้ำลำคลองรวมทั้งทะเลนั้น อาจจะไม่สะอาดพอ เนื่องจากมีของสกปรกหรือน้ำเสียไหลลงไปปนเปื้อน เชื้อโรคในน้ำดังกล่าว อาจหลุดเข้าไปในช่องคลอดและผ่านปากมดลูกที่เปิดให้ประจำเดือนไหลออกมา เข้าไปภายในโพรงมดลูก ทำให้เกิดการอักเสบได้ง่าย ดังนั้น จึงมีการห้ามไม่ให้ลงไปอาบน้ำ ในแม่น้ำลำคลองและทะเลในเวลาที่มีประจำเดือน

แต่ถ้าจะอาบในสระว่ายน้ำ ก็ขอให้เลือกสระว่ายน้ำที่สะอาดๆ และลงว่ายน้ำ ในช่วงเวลาที่ไม่มีคนอื่นมาใช้บริการมากนัก และควรสอดผ้าอนามัยชนิดสอด ที่เรียกกันติดปากว่า แทมพอน ไว้ด้วย เพื่อซึมซับเลือดประจำเดือนไม่ให้ไหลออก มาปนเปื้อนกับน้ำในสระ
สำหรับการอาบน้ำจากแม่น้ำลำคลองและทะเลนั้น ใช้ตักอาบเอาก็ได้นะครับ แบบนี้ไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด


ประจำเดือนเรื่องของธรรมชาติ

ประจำเดือนเป็นเรื่องของธรรมชาติ...ของผู้หญิงแต่ละคน ซึ่งไม่มีทางเหมือนกัน และในบางเวลาผู้หญิงคนเดียวกัน อาจจะมีประจำเดือนที่เปลี่ยนไปบ้างก็ได้ เวลาหงุดหงิด เครียด พักผ่อนไม่พอ นอนไม่หลับ บางครั้งประจำเดือนอาจจะคลาดเคลื่อน หรือขาดหายไปได้ เพราะเมื่อเกิดความเครียด และนอนไม่หลับขึ้นมา การควบคุมการตกไข่จะไม่สมบูรณ์ ทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือตกไข่ที่ไม่สมบูรณ์ออกมา ผลที่เกิดขึ้นก็คือ ประจำเดือนอาจจะเลื่อนออกไปหรือไม่มาก็ได้ กรณีแบบนี้ถ้าไม่อยากจะให้เกิดขึ้นแล้ว ให้หมั่นรักษาสุขภาพประจำเดือนก็จะมาเป็นปกติเอง ไม่อย่างนั้น ไปหาคุณหมอ ให้ฮอร์โมนมาปรับความสมดุลเสียหน่อย ประจำเดือนก็มาเอง

เพราะฉะนั้นคำว่า ประจำเดือน จึงไม่ได้หมายความว่าจะต้องมาทุกเดือน บางคนทุก 2 เดือน บางคนทุก 20 วันก็มี แต่ถ้าคุณจะมีการตกไข่เป็นปกติแล้วละก็ ประจำเดือนคุณควรจะมาอย่างเร็ว 21 วันครั้ง และอย่างช้า 60 วันครั้ง ผิดไปจากนี้ถือว่าผิดปกติแล้ว ควรรีบไปปรึกษาแพทย์เพื่อดูแลรักษาเสีย
อย่าลืมว่า ฮอร์โมนเพศหญิงนั้น สร้างขึ้นในขณะที่รังไข่ทำงานเป็นปกติ ถ้าอยากจะมีน้ำมีนวล เปล่งปลั่ง มีความรัก แล้วต้องมีการตกไข่เป็นปกติ ซึ่งผลที่ตามมาก็คือ รอบเดือนที่เป็นปกตินั่นเอง

คนที่มีความรัก กำลังรักใครอยู่ หรือกำลังถูกใครรัก และเป็นรักที่เข้าใจในกันและกัน จึงมีความสุข ผ่อนคลาย หายเครียด มีกำลังใจ นอนหลับฝันดี เมื่อนอนหลับสนิท ระบบการทำงานของฮอร์โมนเพศก็ย่อมเป็นปกติ ระดับฮอร์โมนในร่างกายมีระดับดี หน้าตาจะผ่องใส อิ่มเอิบ ประจำเดือนก็จะมาเป็นปกติ

เพราะฉะนั้น คนเราจึงต้องมีความรัก จะเป็นความรักฉันหนุ่มสาว ความรักฉันเพื่อน ความรักต่อมวลมนุษยชาติ ต่อครอบครัว ก็ล้วนแล้วแต่เป็นความรักทั้งสิ้น ขอเพียงแต่มีความรักที่บริสุทธิ์เท่านั้น คุณจะมีความสุข และแน่นอนประจำเดือนคุณก็จะมาเป็นปกติ แต่ถ้าหนุ่มๆ จะไปขอความรักสาวๆ แล้วละก็... อย่าไปขอตอนใกล้มีรอบเดือนเด็ดขาด เพราะตอนนั้นอารมณ์เธอกำลังแปรปรวน เดี๋ยวแทนที่จะได้รักตอบ อาจจะได้อย่างอื่นแทน
ลองไปขอความรักตอนกลางของเดือนในวันไข่ตกสิครับ...จะสมหวัง



Create Date : 28 มีนาคม 2552
Last Update : 28 มีนาคม 2552 14:06:06 น. 2 comments
Counter : 3857 Pageviews.

 
สุดยอด


โดย: .......งงง IP: 117.47.197.186 วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:19:09:52 น.  

 
มั
นเป็นยังไง


โดย: ดรีม IP: 192.168.1.108, 58.10.217.198 วันที่: 9 กรกฎาคม 2554 เวลา:16:57:19 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

MamyDD
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]









-‘•’- ยินดีต้อนรับทุกท่านจ้า -‘•’-

ณ ที่แห่งนี้..
คุณแม่ลูก2เขียนบันทึกเรื่องราว
ของลูกชายตัวดี..เดนเด้
- - และ - -
ลูกชายตัวน้อยๆ..ไดโอ

รวมถึงสาระต่างๆ
ที่แม่เก็บรวบรวมมาแบ่งปัน
เพื่อนๆทุกคน..
หวังว่าจะมีประโยชน์บ้างนะคะ

ღ ..ขอบคุณ.. ღ
ทุก Comment
ที่ฝากคำทักทาย & พูดคุย
ตลอดจนมิตรภาพดีๆที่มีให้แก่กันค่ะ





Friends' blogs
[Add MamyDD's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.