Bloggang.com : marzo : ร้อนนี้ที่โปรวองซ์ ตอนที่ 9 : Nice / นีซ : เมืองชายทะเลแห่งโปรวองซ์ , Provence

ร้อนนี้ที่โปรวองซ์ ตอนที่ 9 : Nice / นีซ : เมืองชายทะเลแห่งโปรวองซ์ , Provence - France ( ฝรั่งเศส )

การเดินทางวันสามในโปรวองซ์ : หลังจากเดินที่ Pont du Grand จนหน่ำใจแล้ว พวกเราก็มุ่งตรงมาที่นีซ (Nice) เมืองชายฝั่งทะเลที่เรียกรวมๆแถบนี้ว่าโกต ดาซูร์ ( Côte d'Azur หรือ Costa Azzurra ในภาษาอิตาลี ) เราชอบชื่อนี้จัง ฟังดูดี ^^

การเดินทางจาก Pont du Grand มา Nice ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง ผ่านเมืองที่เห็นชื่อแล้วต้องหันไปอ่านใหม่อีกรอบ คือเมืองที่ชื่อว่า Orange (เมืองส้ม คงหอมน่าดู

) , เมืองที่อยู่ในสี่เหลี่ยมสีแดงจะเป็นเมืองดังๆที่มีชื่อเสียง ขับชิลๆไม่นานก็ถึง เอกซอง-โปรวองซ์ (Aix - en - Provence) ดูจากที่ขับผ่านเมืองนี้บนทางด่วน เอกซอง-โปรวองซ์เป็นเมืองที่ใหญ่ บ้านเรือนเยอะเยอะเต็มไปหมด, แล้วผ่านเมืองคานส์ (Cannes) มาไม่นานก็ถึงนีซ (Nice) แล้ว

จะเห็นว่าริมฝั่งทะเลจะมีแต่เมืองดังๆ เลยจากนีซ (Nice) ก็โมนาโค (Monaco) , เข้าฝั่งอิตาลีก็ Sanremo เมืองที่จัด Sanremo Music Festival ทุกปี เลยไปทั้ง เจนัว (Genova) และ La Spezia อยู่แถวๆ Cinque Terre สถานที่ที่เรายังประทับจนถึงเดี๋ยวนี้ หน้าร้อนทีคนเยอะมาก

มาถึงนีซต้องหาที่พักของลูกพี่ลูกน้องของคุณสามีก่อน สเตฟี..เธอเรียนอยู่ที่เมืองนี้ พวกเราเลยจอดรถแถวๆ ที่พักของเธอ จอดตรงนี้ฟรีคะ (ประหยัดเงินค่าที่จอดรถในเมือง เอาไปหาอะไรอร่อยๆกินดีก๊า) เข้าไปชมห้องเช่าในตึกเก่า อลังการฯ น่าอยู่อย่างยิ่ง เพิ่งเคยเข้ามาเดินดูบ้านเก่า เพดานสูงๆ ที่มีคนอาศัยอยู่จริงก็คราวนี้แหละคะ สวยงามมาก

รูปแรกเป็นปั๊มน้ำมันที่เล็กกระจิ๊ดเดียว ในเมืองมีรถรางมีอะไรให้ช็อปมากมาย ตั้งใจว่าเดี๋ยวเช็คอินโรงแรมเสร็จจะเดินออกมาดูกระเป๋า Longchamp ซะหน่อย แต่เพ-ลานี้เดินหาที่พักก่อน จองไว้ชื่อ Hotel Star อยู่ใจกลางเมือง

ตรงลูกศรคือ Hotel Star เป็นโรงแรมเล็กๆ พอไปถึงช็อค เค้าบอกว่าบัตรไม่ผ่านแล้วก็ติดต่อไม่ได้เลยจำเป็นต้องยกเลิกห้องพักของเรา แล้วตอนนี้ห้องพักก็เต็มหมดแล้ว แป๋ว...เอาไงดี เหนื่อยหนาเฟ้ย แต่แกก็ยังดีโทรหาโรงแรมอื่นให้

พวกเราได้ห้องที่โรงแรมชื่อว่า Hotel 33 ซึ่งเราว่าทำเลดีกว่าที่Hotel Star นะ ราคาห้องคืนนี้อยู่ที่ 68 ยูโร(ไม่ต่างกันมาก) ไม่มีอาหารเช้าและน้ำดื่มให้ มีเป็นตู้ขายด้านล่าง(แต่..โชคร้ายวันที่เราไปพักตู้ดันเสีย เราเลยต้องกินน้ำก๊อกแทน

) ในห้องมี Wifi ที่นอนนอนสบาย ห้องสะอาดคะ

ปล.รูปแรกคือ Hotel Star รูปอื่นๆคือ Hotel 33

เข้าห้องล้างหน้าล้างตา สเตฟีก็เร่งยิกๆให้ออกไปเดินเล่นกันข้างนอก เธออยากให้พวกเรานอนตากแดด ย้ำแล้วย้ำอีกว่าต้องตากแดดก่อนกลับบ้าน (จะไม่ถามกันสักหน่อยเหรอ..ว่าเดี๊ยนอยากตากแดดไหม กลัดกลุ้ม

)

เดินออกมาแป๊บเดียวก็ถึง Place Massena ยามเย็นผู้คนครึกครัก แดดไม่ร้อนมาก หนุกหนาน

เดินเลยมาหน่อยจะเจอน้ำพุใหญ่ ถ่ายไปเสียหลายรูปรอน้ำพุเด้งขึ้นสูงๆ โรงแรมในรู้ด้านล่างซ้ายมือ คือโรงแรมที่อยู่หน้าน้ำพุนี้เลย เก็บมาเผื่อใครสนใจ จากตรงนี้ไม่ไกลจากทะเลคะ

สเตฟี พามาย่านถนนเก่า มีร้านค้าและนักท่องเที่ยวมากมาย ตื่นตาตื่นใจ มาครั้งที่แล้วไม่เห็น (หรือว่าเห็นหว่า ? )

บริเวณตลาดนัด (Marche aux Fleurs / Outdoor Market) อยู่ใกล้ๆทะเล เดินเลยประตูออกไปก็เห็นทะเล ตอนไปตลาดวายแล้วหละ เลยไม่เห็นว่าขายอะไรที่ตลาดมั่ง

ข้ามถนนมาเจอทะเล ไม่มีหาดทรายแต่เป็นหาดหินแทน เราว่าหาดหินก็ดีนะ น้ำใสดี น้ำทะเลไม่ค่อยมีกลิ่นเค็มเหมือนบางแสน เดินอยู่สักพักก็ไม่เหนียวตัว คนตากแดดเยอะพอประมาณ หันไปมองสเตฟี.. อยู่นี่ตากแดดแทบทุกวัน ตัวดำปี๋ ตากแดดซะฝดขึ้นเต็มตัว ผิวจะลอกไม่ลอก (สวยตรงไหนเนี๊ย เง็งก็ชีจริงๆ

) อย่าว่าแหละ..ข้อบัญญัติมาตราฐานความงามของแต่ละคนมันต่างกัน โชคดีผิวอย่างเรา นั่งต่ากแดดแค่ครึ่งชั่วโมงผิวก็เปลียนสีแล้ว แถมติดทนนานเป็นฤดูเลย ไม่ต้องทรมานนอนตากแดดเป็นวัน

นั่งเล่นสักพัก ไปเดินเล่นในน้ำนิดหน่อย ก็กลับดีก๊า ขอกลับเหลือบไปเห็นร้าน " อร่อยไทย " อยู่หน้าถนนตรงหาดเลย

สเตฟี นำเสนอโน้นนี่นั้น กะจะให้พวกเราเก็บทุกอย่างที่นีซให้หมดภายในครึ่งวัน(หรือไงนะ) ว่าแล้วก็ชวนเดินขึ้นเขาไปตรงน้ำตก(รูปล่าง) พวกเราสายหัวกันดิ๊กๆ เดินไม่ไหว เบี่ยงเข็มมานั่งดื่มเบียร์เย็นๆที่ร้านเก่า เก๋ กู๊ด ดีก๊า ร้านนี้ทำน่ารัก ติดใจ

Cathédrale Sainte-Réparate de Nice บริเวณโบสถ์นี้มีร้านอาหารเอาโต๊ะมาวางนั่งตรงลาน นั่งกินอาหารไปชมวิวไป เสพสุขมากมาย หันหน้าเข้าโบสถ์ตรงด้านขวาจะมีร้านไอติมอิตาเลี่ยน(รูปล่างขวา) มีหลากหลายรสชาติ มีรสแปลกๆให้เลือกชิม สเตฟีพยายามนำเสนอ แต่เราขี้เกรียจเข้าแถวเลยขอผ่าน ในบรรดาไอติมรสแปลกๆนะ เราว่าไอติมปลาช่อนของเมืองไทยแปลกพอแล้วหละ

ร้านขายขนมหวาน ช็อคโกแลตทำน่าหม่ำสุดๆ ตอนถ่ายรูปนี้ยังไม่ปิด พอเดินกลับมาจะซื้อร้านปิดแล้ว อดเลย

บรรยากาศยามเย็นตรงถนนเก่า ก่อนจะไปหาอะไรหม่ำแถวท่าจอดเรือ

สเตฟี พานั่งรถราง(ไม่จ่ายตังค์ เสียวโดนปรับเหมือนกัน) มาถึง Place Garibaldi : ไม่แน่ใจว่า Garibaldi (Giuseppe Garibaldi) มีความสำคัญยังไงกับเมืองนีซ เราก็เห็น " ท่านการีบัลดี " ยืนสง่าอยู่หลายๆเมือง และในเมืองโคโม (Como) ด้วย

ระหว่างเดินไปท่าจอดเรือ ผ่านร้าน่ารักๆและโบสถ์ในรูปอยู่บริเวณท่าจอดเรือน่าจะชื่อว่า Eglise Notre Dame du Port

หันหน้าเข้าโบสถ์เดินเลียบทะเลมาทางซ้ายเรื่อยๆ

เจอร้านนี้คะ น่านั่งเชียว แต่พอเห็นราคาเซ็ทเมนูแล้วอึ้ง เกินฐานะเราไปนิ๊สสสส (คิดในใจ)เก็บตังค์ไปกินที่ เวอร์ทิโก ( Vertigo ) ดีก๊าไหม เลยเดินผ่านร้านนี้ไปร้านข้างๆ

ร้านนี้คนเยอะ อาจเป็นเพราะราคาคนเดินดินกินได้แบบคล่องคอหน่อย

คุณสามีสั่งเซ็ทเมนูราคา 13,50 ยูโร มี..
1. หอยแมลงภู่อบ / Mussels / Moules à la marinière : ถ่ายซะเบลอเชียว หอยแมลงภู่ดูตัวเล็กว่าของนิวซีแลนด์ แต่หวานหอมกว่าคะ (ในความรู้สึกเรา)
2. ข้าวผัดสเปนทะเล / Paella with seafood / Paella aux fruits de mer : อร่อยดี
3. ของหวาน พวกเราสามคนเลือกเหมือนกันคือทีรามิสุ (Tiramisu) พอมาเสิร์ฟมองยังไงก็ไม่ค่อยเหมือน รสชาติงั้นๆ

เมนูเซ็ทของเรากับสเตฟี เหมือนกัน 17 ยูโร มี..
1. สลัดทะเลรวม : อร่อยคะ
2. สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า : รสชาติธรรมดา
3. ของหวาน : เหมือนด้านบน

สรุป : ข้าวผัดสเปนอร่อยสุด ลองลงมาคือสลัดทะเลรวม ที่เหลือไม่ขอวิจารณ์แล้วกัน คุ้มไหม?...ก็คุ้มคะ ถ้าสั่งเป็นจานก็แพงกว่า รสชาติอาหารแสนจะธรรมดา แต่บวกบรรยากาศ บริการ และอารมณ์ชิลๆก็ถือว่าโอเคอยู่คะ

ขากลับเดินกลับคะ คนเดินเยอะ แต่ที่นีซเนี่ยจะมีบางช่วงดูน่ากลัวอยู่เหมือนกัน (ในความคิดเรานะ) เพราะมีคนต่างชาติเข้ามาทำอยู่มาทำงานเยอะ เหมือนหลายๆเมืองใหญ่ ระวังตัวซะหน่อยก็ไม่เสียหลาย

กลับถึงโรงแรมอยากนอนแล้ว แต่..สเตฟีไม่ยอมกลับบ้านซะที เลยนั่งเม้ากันจะเป็นนางซินเกือบเที่ยงคืนถึงมีโอกาสนอน ชอบระเบียงในห้อง

ตอนเช้าพากันไปกินอาหารเช้าที่ร้านนี้ ตั้งอยู่ใกล้ๆห้างรูปแรก(จำชื่อไม่ได้คะ) ถามที่รักว่าทำไมต้องร้านนี้ เค้าบอกว่าชอบอารมณ์แต่งร้าน (เป็นเหตุผลที่ฟังดูดียิ่งนัก ไม่ได้เกี่ยวกับชื่อเสียงในความอร่อยหรือใครแนะนำมาเล๊ย

)

ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ขนมปังอร่อยคะ (ซื้อใส่ถุงเป็นเสบียงด้วย) แต่..ขอติกาแฟนะ รสชาติมันแบบว่า เออ...

น่าจะสั่งชาหรือน้ำผลไม้งะ

ดูใกล้ๆ ความอร่อยยังติดตึงใจ

ใครไม่อยากเดินก็มีรถจักรยานให้เช่า เห็นมีคนใช้บริการอยู่เหมือนกัน แต่ใช้ยังไงข้าพเจ้าไม่รู้คะ

ภาพที่สอง โรงแรมที่อยู่แถวๆ Place Massena คะ (เก็บมาฝากเผื่อใครสนใจ) รูปถัดไปเป็นหน้าห้างอะไรสักอย่างแถวๆ Place Massena เหมือนกัน แต่ตอนถ่ายยังเช้าอยู่ ห้างยังไม่เปิด

แยกกับสเตฟี พวกเราก็นั่งรถเมล์จ่ายคนละ 1 ยูโรกลับไปแถวๆบ้านพักของสเตฟี เพื่อเอารถแล้วเดินทางกลับ ระหว่างนั่งรถเมล์ของเมืองนีซ ให้ความรู้สึกดี คนขับรถสุภาพ มีผู้สูงอายุใช้บริการเยอะ ขึ้นมาเค้าจะรอให้หาที่นั่งหรือมีที่จับแล้วค่อยออกรถ(ถ้าคนแก่ล้มสงสัยโดนฟ้องเรียกค่าเสียหายหลายตลบ) รถมาเรื่อยๆไม่ต้องรอนาน

อยากให้บ้านเมืองเราเป็นอย่างนี้มั่ง ถ้าอยากให้ลดรถบนท้องถนนก็ควรทำขนส่งมวลชนให้ดี แต่ถ้าเที่ยบกับซิดนีย์แล้ว รถเมล์ที่ซิดนีย์ชนะเลิศกว่า

Blog หน้าไปเดินเที่ยวชมบ้านเรือนเที่เมืองเก่าแก่อย่าง หมู่บ้านเอส ( Eze / èze ) กันคะ ก่อนจะเดินทางกลับบ้านซะที

. Provenza - Francia ( 27 - 28 / June / 2010 )

TOP

Create Date : 10 กรกฎาคม 2553

Last Update : 8 พฤศจิกายน 2553 21:42:15 น.

1 comments

Counter : 5889 Pageviews.

มาเจิมคนแรกครั้งแรกเลยนะคะเนีย
เมืองนี้น่ารักจุ๋มจิ๋มดีจังค่ะ มีทุกอย่าง แถมยังดูอบอุ่นด้วย
ที่สำคัญครัวซองน่าทานมากค่ะ

โดย: apple.007

วันที่: 10 กรกฎาคม 2553 เวลา:18:06:33 น.