59 : เดินชมเมืองมรดกโลก มานโตวา / Mantova ( มานตัว / Mantua ) ในวันฟ้าใสอากาศดี๊ดี - Italy . April, 2011 เข้าฤดูใบไม้ผลิแล้ว ฟ้ากระจ่างเร็วได้บรรยากาศการเดินทางจริงๆ ไม่ได้ไปไหนมาเป็นเดือนแล้ว สามีเท้าเจ็บขับรถทางไกลลำบาก พอเท้าเริ่มหาย ก็ชวนยิกๆ เราขอให้ไปใกล้ๆพอ เดี๋ยวยังไม่หายดีก็จะเป็นหนักกว่าเก่า ปลายเดือนนี้จะเดินทางไกลเดี๋ยวจะไม่ได้ไปซะเปล่าๆ ออกเดินทางจากบ้าน 7:00 am. จากบ้านมาที่ มานโตวา (Mantova) ใช้เวลาขับรถประมาณ 2:30 นาที วันนี้วันมีแดด อากาศดีเชียว ในรูปกำลังขับรถผ่านแม่น้ำมีนโฉะ (Mincio river) จอดรถไปนอกกำแพงเมือง เรียบแม่น้ำมีนโฉะ(Mincio river) มีที่จอดรถแบบไม่เสียตังค์ (ณ.วันที่ไป) โชคดีที่ไปถึงเช้าหน่อยเลยยังหาที่จอดได้ เดินตามกำแพงเมืองเก่าเรื่อยๆก็เจอ พาลาสโซ ดูกาเล ( Palazzo Ducale Mantova ) ในรูปเป็นด้านหลัง ไปดูใกล้ๆ โซนนี้ทำเป็นคูน้ำล้อมรอบไว้ น้ำไม่ใส นกพิราบเยอะไปหมด ตอนยืนดูต้องระวังระเบิดนกพิราบตกใส่หัวด้วย รูๆตามกำแพงนกยึดเป็นบ้านเรียบร้อยแล้ว ยังเช้าอยู่ ผู้คนและนักท่องเที่ยวยังไม่เยอะ พวกเราเดินเรื่อยๆหลงๆ ไม่ได้ซีเรียสอะไร รู้สึกดีวันนี้มาก แสงแดดเริ่มมาแล้ว คนก็เริ่มออกมากันแล้วเหมือนกัน เห็นนักท่องเที่ยวเยอะ มากันเป็นกลุ่ม มีทั้งนักเรียนและต่างชาติจากโซนยุโรป พวกเราเลยคิดว่าเข้าไปดูพาลาสโซ ( Palazzo ) ก่อนดีกว่าสายๆคนอาจจะเยอะ พาลาสโซ ดูกาเล ( Palazzo Ducale Mantova ) จะติดอยู่กับ Castello di San Giorgio ค่าเข้าคนละ 6.50 ยูโร พวกเราเข้าไปตอน 9:50 am ออกมาอีกที 10:50 am เดินดูแบบไม่มีความรู้อะไร ดูไปเรื่อยๆ คิดว่าดูทั่วนะ เค้ามีลูกศรชีทางให้ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง แต่ถ้าคนชอบอาจต้องเผื่อเวลามากกว่านี้ ด้านใสสวยคะ วาดลายหินอ่อนบนผนักซะเหมือนหินอ่อนจริงๆ ไปดูใกล้ๆ (ใกล้ประมาณหายใจลดกันนะคะ) ถึงรู้ว่าเค้าวาดเอา เสียแต่เค้าไม่ให้ถ่ายรูป ถ้าหาตามเน็ตอาจมีรูปด้านในน้อยเพราะเหตุนี้แหละคะ (ถ่ายมาตรงสวนภายนอกรูปนึง ตอนเข้าห้องน้ำ) ส่วนรูปภายในตัวอาคาร เราเอามาจากเน็ต สมัยก่อนเค้าคงไม่ห้าม เสียดายจังเราน่าจะมาเร็วกว่านี้สักสี่ห้าปี ออกมาด้านนอก แดดแรงแล้ว พาลาสโซ ดูกาเล ( Palazzo Ducale Mantova ) + คาสเตลโล ดิ เซ็น จีโอรโจ ( Castello di San Giorgio ) + ดูโอโม ของเมือง ( Duomo di Montova ) อยู่ในบริเวณ เปียซซา โซรเดลโล ( Piazza Sordello ) ตรงนี้มีร้านกาแฟ นั่งทางกาแฟ ตากแดดและชมวิว มีร้านขายของที่ระลึก ปล.ในรูปคือโบสถ์ ดูโอโม ของเมือง ( Duomo di Montova ) เดินตรงเข้าซอยจะเจอร้านขายของ เสื้อผ้า เครื่องประดับ อาหาร ฯลฯ เล็งๆร้านนี้ไว้จะหม่ำตอนกลางวัน เอาเข้าจริงๆไม่ได้นั่งร้านนี้เลย เปียซซา มานเตญา ( Piazza Mantegna ) ด้านหลังเต็นขายของเป็นร้านอาหารเรียงติดกัน ณ.ตอนนั้น เริ่มได้กลิ่นน้ำสต๊อกหอมฉุยลอยมาแล้ว เริ่มหิว Rotonda di San Lorenzo โบสถ์เป็นรูปทรงกรม แปลกดีคะ อยู่ถัดจาก เปียซซา มานเตญา ( Piazza Mantegna ) ด้านในเป็นอิฐๆ สถานที่ไม่ใหญ่ จุคนได้นิดเดียว แต่สวยงามแปลกตา โดยเฉพาะไม้กางเขนเหมือนลอยได้บนอากาศ (มัวแต่มองจนลืมถ่ายรูป ) ใส่ตังค์ในกล่องรับบริจาค คนละนิดคนละหน่อยช่วยๆกัน สิ่งสวยงามจะได้อยู่คู่โลกต่อไป ชอบรูปนี้ ตอนที่ถ่ายเริ่มมีกลุ่มครอบครัวพาลูกๆมาเล่นกัน เหมือนเป็นการสังสรรค์เด็กยังไงอย่างนั้น นั่งดูผู้คนในเมืองนี้ แต่งตัวกันส๊วยสวย ขี้จักยาน มีตะกร้าสานมาซื้อดอกไม้สด บางคนเอาน้องหมามาจูงออกกำลังกาย เจ้าของเจอเพื่อน น้องหมาก็เจอเพื่อนหมา นั่งๆดูก็เพลินดี ตึกหลังหนึ่งตรงหัวมุมถนน แปลกตา ลวดลายระเอียด คนสมัยก่อนนี้เค้าช่างลงรายละเอียดในทุกสิ่งอย่าง เดินหาร้านอาหารที่มีคนแนะนำ แต่เค้ามาตั้งแต่ปีที่แล้ว พวกเราเดินหายังไงก็ไม่เจอ หลงๆมาเจอ Teatro Bibiena เป็นโรงละครขนาดเล็ก แต่หรูหราทีเดียว ตอนเราเดินเข้าไปดูไม่มีคนเก็บตังค์ พอออกมาเจอคุณสามีกะจะชวนเค้าเข้าไปดู มีคนมาเก็บตังค์แล้ว ค่าเข้าคนละสองยูโรคะ คุณสามีเลยไม่เข้า เพราะเค้าไม่ชอบพวกนี้อยู่แล้ว ร้านขนมปัง ขายขนมน่าตาแปลกตาเยอะไปหมด แต่ที่ขึ้นชื่อของเมืองน่าจะเป็น torta Sbrisolona รสชาติเป็นยังไงไม่รู้คะ ไม่เคยลอง ดูท่าน่าจะแข็งๆ เดินวนอยู่นาน รอร้านอาหารเปิด คุณสามีตัดสินใจหม่ำร้านนี้ ซื่งเราไม่เห็นด้วยเลย (เราเล็งไว้อีกร้าน) คุณสามีบอกว่าถ้าไม่อร่อยจะให้จ่ายเรา 20 ยูโร งั้นก็โอเคเลยคะคุณ.. Risotto alla Pilota : อาหารประจำเมือง กินครั้งแรกไม่อร่อยเลย พอคำที่สามเริ่มรู้สึกอร่อยหน่อย กินหมูแรง เหมือนเค้าใช้หมูจากไส้กรอกอิตาเลี่ยน (Italian Salsiccia) มาทำ ราคา 8 ยูโร Bigoli Alla Raffaello : จานนี้ก็เหมือนกัน เหมือนทำมาจากไส้กรอกอิตาเลี่ยน (Italian Salsiccia) เราว่ารสชาติธรรมดา แปลกดี แต่ยังไม่ถึงกับอร่อยเหมือนอาหารแถบแคว้นอุมเบรีย ( Umbria ) , ลิกูเรีย ( Liguria ) หรือ ชิชิลี ( Sicily ) จานนี้ก็ราคา 8 ยูโร เราสั่งไวน์ด้วย รสชาติไม่ถูกปากเช่นกัน ในที่สุดคุณสามีต้องจ่ายเรา 20 ยูโร 555 (ไม่ใช่ร้านเล็กๆที่อยู่ในเหลือบ ในตรอก ในซอย จะอร่อยทุกร้านนะค๊าที่รัก ) คุณสามีชวนเดินไป Palazzo Te ซึ่งเราว่ามันไกลเหมือนกัน แต่ที่รักบอกว่าเดินเล่นชมเมืองไปด้วย เอ๊า..ไปก็ไป Teatro Sociale Mantova : ดูด้านนอกไม่ค่อยหรูเล๊ย เก่าๆโทรมๆยังไงไม่รู้ Basilica di Sant' Andrea : ไม่ได้เข้าไปดูคะ ด้านหน้าปิดซ่อมแซม ตรงหน้าโบสถ์มีซอยยาวๆตรงๆ ซอยนี้มีร้านขายของมากมาย เพลินมาก เดินไปสักพัก เจอถนนช็อปปิ้ง ดูโน้นนี่นั่นเสียเวลาไปโขเลย ตัดสินใจกลับรถ เอารถไปดีกว่า ขาเริ่มล้ามากมาย กะจะถ่ายรูปตรงนี้ตอนไม่ย้อนแสงเสียหน่อย ดูดู๊ ใครนะเอารถมาจอดไว้ เคือง ระหว่างเดินกลับรถ ทางเรียบแม่น้ำ มีคนมาตกปลากันเยอะเลย เห็นรถบางคันก็วนหาที่จอด (ก็มันจอดฟรีนี่เนอะ) บางคันถึงกับตามเรามาเลยทีเดียว คงเห็นว่าเราจะกลับแล้วแน่เลย วิวแม่น้ำอีกสักวิว ขับรถมาสักระยะเหมือนกันนะ (ดีนะที่ไม่เดินต่อ ไม่งั้นขาเดี้ยงแน่เลย) ด้านหน้ามีที่จอดรถ ใครเอารถมาจอดตรงนี้ได้คะ แต่ช่วงเย็นๆรถอาจเยอะหน่อย เพราะมีสวนด้วย ชาวเมืองเค้ามานั่งเล่น มาออกกำลังกาย เตะบอลกันคะ ห้องน้ำสาธรณะ ต้องหยอดเหรีญ 20 เซนต์ ประตูค่อยๆเลือน ถือว่าโอเคอยู่คะ สะอาดระดับนึง จากประตูเดินไปตัวปราสาท ด้านหน้ามีคนรออยู่แล้ว เค้าถามว่าจะรอไหม ให้ครบคนซื้อบัตรเป็นกลุ่มถูกกว่าและเค้าจะเป็นคนบรรยายด้วย เราไม่รู้งะ ยกการตัดสินใจนี้ให้คุณสามี สุดท้ายคุณสามีก็รอไปเป็นกลุ่ม และถึอว่าเป็นการตัดสินใจที่คุ้มมากเลยคะ นอกจากบัตรที่จาก 8 ยูโรต่อคนละเหลือ 5 ยูโรต่อคน(ไปแบบเป็นกลุ่ม) พี่คนนี้เค้ายังบรรยายได้ละเอียดและสนุกมาก เค้าใส่ใจเรามากเลยว่าเข้าใจไหม เราก็บอกน่ะนะ ว่าไม่เข้าใจทั้งหมดหรอก พวกศิลปะ ประวัติบุคคล ความเกี่ยวข้องกันมันต้องใช้เวลาศึกษา บอกเล่าแค่ชั่วโมงสองชั่วโมงมันไปปิ๊งหรอก แต่เค้าทำให้เราดูรายละเอียดภาพเขียนบนผนักมากกว่าเดินผ่านๆแค่ "สวยดี" ห้องนี้เป็นไฮไลอีกห้องเลยก็ว่าได้ Sala dei Giganti คนวาดเค้าได้ไอเดียมาจากตอนจุดเตาผิงแล้วเงาของควันเยอะ ดูแล้วคล้ายๆอย่างนี้แหละคะ สนใจดูเพิ่มเติมเสริจจากอากู๋ Sala dei Giganti , Palazzo Te , Mantova (ด้านในเดี๋ยวนี้เค้าไม่ให้ถ่ายรูปแล้ว คนมาดูหลังๆก็อดกันไป) รูปนี้ คนบรรยายบอกว่ามองมุมไหนก็จะเห็นเหมือนกัน เราก็พยายามที่จะทำความเข้าใจนะ แต่รูปด้านบนมันทำให้เราไม่ค่อยอยากมองขึ้นไปสักเท่าไหร่ เขิลแทนคนในภาพวาด Palazzo Te ใครมา Mantova น่าจะมาดูคะ (ความชอบส่วนตัว) เป็นอีกห้องนึงที่เราชอบมาก แว๊ปแรกที่เปิดประตูเข้าไปในห้องนี้ ตกใจมาก เหมือนเป็นม้าจริงๆเลยคะ คนบรรยายบอกว่า เทคนิคเหมือนกับเอาของใหญ่ไว้ด้านหน้า ของเล็กไว้ด้านหลัง (น่าจะประมาณนี้) ปล. คนวาดภาพที่นี่ ถ้าเข้าใจไม่ผิดคือลูกศิษย์ของราฟาเอล ( Raffaello ) ปราสาทนี้มีสวนเป็นรูปสี่เหลี่ยมอยู่ตรงกลางและมีอาคารล้อมรอบ สมัยก่อนเค้าจัดงานกันในสวน ติดคบเพลิงไว้ จะร้อนเค้าก็จะมาอยู่กันตรงระเบียงจะเย็น แต่มันก็จริงนะคะ เข้ามาในระเบียง อากาศผิดกันจริงๆ นักพัก + ตากแดด (หลังจากไม่เจอแดดมาเกือบเดือน) จากระเบียงมองไปที่สวน(อีกด้าน) เหนื่อยมากมาย ดีที่อากาศไม่ร้อน ออกมาของพักสักครู่ค่อยเดินทางกลับบ้าน (ซะที) ปล. ชอบการแต่งตัวของผู้หญิงคนนี้จัง ฤดูไม่หนาวไม่ร้อนอย่างนี้ ใส่อย่างนี้เดินเล่นชมเมืองเก่ากิ๊บเก๋ดีคะ วันเดินทาง 02 / April / 2011 : ตอนเช้าอุณภูมิอยู่ที่ 18 °C พอสายๆมีแดดอุณภูมิแสนสบายที่ 25 °C เป็นวันมีแดด ฟ้าใส อากาศดีมาก * TOP   Create Date : 03 เมษายน 2554 6 comments Last Update : 14 ธันวาคม 2559 21:27:03 น. Counter : 4436 Pageviews. Share Tweet

Mantova น่าไปจัง พี่เคยไปปาร์ม่าหรือยัง เพื่อนคุณสามีบอกว่ามันก็น่ารัก ของกินสุดยอดของประเทศไปรวมอยู่ที่นั่นเยอะเชียว   โดย: settembre 4 เมษายน 2554 14:57:36 น.

ตามมาเที่ยวด้วยคนค่าา ^^   โดย: Panino 5 เมษายน 2554 18:09:10 น.

จะรบกวนสอบถามหน่อยได้มั้ยคะ กำลังจะเดินทางไปประเทศอิตาลีอังคารหน้าค่ะ จะมีวันนึงที่แพลนว่าจะเดินทางจากเมืองเวนิซไปเวโรนาอ่ะค่ะ จะรบกวนแนะนำวิธีเดินทางหรือว่ารถไฟจะต้องจองตั๋วและควรไปลงที่สถานีไหนอ่ะค่ะ ขอบคุณมากค่ะ   โดย: บี IP: 58.9.15.198 5 เมษายน 2554 23:17:32 น.

ลงที่สถานี Verona Porta Nuova คะ ใกล้เซ็นเตอร์ที่สุดแล้วคะ   โดย: marzo 6 เมษายน 2554 2:46:26 น.

ยุโรปเป็นดินแดนที่น่าหลงไหลจริง ๆ รึเป็นเพราะชอบเมืองเก่าก็ไม่แน่ใจตัวเอง อย่างอเมริกา ไม่ค่อยชอบเลย คงมีความสุขมากแน่นอนใช่มั้ยครับ กับการได้ท่องเที่ยวไปหลาย ๆประเทศ กำไรชีวิตจริง ๆ   โดย: spkbkk IP: 124.120.35.232 17 ตุลาคม 2554 12:36:46 น.

too good pictures, thanks for sharing! Cheap soccer shoes   โดย: ok IP: 199.119.137.29 13 พฤศจิกายน 2554 18:44:59 น.