แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน .
Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
25 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
กว่าจะเป็น " ผู้พิชิตภูกระดึง " เหนื่อยนี้อีกนาน ( จ.เลย - Phu Kra Dueng , Loei Province )

.


ช่วงเวลาเดินทาง 15 - 17 Dec. 2009

ตอนแรกว่าจะไป 4วัน 3 คืน แต่เพลินๆที่ ปายเลยเหลือ 3วัน 2 คืน เดินทางจากเชียงใหม่ในคืนวันที่ 14 ธันวาคม 2009 ไปโผล่ที่จ.เลยวันที่ 15 ธันวาคม

เราโทรจองที่นั่งตั้งแต่อยู่ที่ปายกับ อ.ศึกษาทัวร์ เชียงใหม่ - อุดรธานี (Chiangmai - Udonthani) รถออกประมาณสองทุ่ม ขึ้นรถปุ๊บก็แจกผ้าปิดจมูก น้องคนที่นั่งข้างๆเราขึ้นรถปุ๊บก็หลับเลย ชีทำได้ไงเนี่ย น่าอิจฉาเป็นบ้า

นอนไม่หลับได้แต่แหงนหน้าดูดาวฟังเสียงกรนของแขกที่นั่งด้านหน้า มันช่างเป็นการเดินทางที่โรแม้นฯอะไรอย่างนี้ บางช่วงระหว่างการเดินทางเป็นที่มึด เห็นดาวเต็มฟ้า กว่าจะถึงเลยเรานับดาวตกได้ตั้งหกดาว มันประทับใจแค่ดาวตกนะ เรื่องอื่นไม่ปลื้มเลย ตั้งแต่คนด้านหลังไอไม่ยอมปิดปาก และแขกที่นั่งด้านหน้าแอนเบาะมาแทบจะเกยตักน้องที่นั่งด้านข้างเรา จนน้องเค้าต้องเบียดมาที่นั่งเราด้วย ทรมานมากกับการนั่งรถทัวร์ (เหนื่อยตั้งแต่เริ่มเดินทาง)

PhuKraDueng







มาถึงขนส่งเมืองเลยเช้ามึดประมาณตีสี่ตีห้านี่แหละ ลงจากรถก็มีคนมาออกันเต็มถามว่าจะไปไหน เราบอกว่าจะไปห้องน้ำ เหม็นขี้ฟันตัวเองจะไปแปรงฟัน พอออกจากห้องน้ำก็มาออกันอีก จนเราบอกว่าจะไปภูกระดึง เท่านั้นแหละสลายตัวกันไปเลย เกิดอะไรขึ้นฟระ ใจชักไม่ค่อยดี เดินทางคนเดียวมันมีเรื่องให้ตื่นเต้นแบบไม่พึงปรารถนาอยู่เรื่อยเชียว

สุดท้ายเห็นผู้หญิงนั่งขายตั๋วโดยสารอยู่ข้างๆ เลยถามหารถแก่นเมืองเลย (โทรถามที่อุทยานฯมา เค้าบอกให้นั่งรถนี้) เลยตีตั๋วห้าสิบบาทมั้ง รถวิ่งไปแค่ตลาดภูกระดึง ต้องจ้างรถเข้าไปในอุทยานฯอีก เวลาที่มาถึงยังเช้าเกินไป ไม่เห็นรถสองแถวเลย พี่เค้าแนะนำให้นั่งไปลงร้านเจ๊กิม เราอาจจะเจอคนร่วมเดินทางจะได้ไม่น่ากลัวและคนจะได้มีคนหารค่ารถด้วย อื่อ...เป็นความคิดที่ดี ระหว่างนั้นก็เริ่มมีเด็กนักเรียนขึ้นรถมาบางแล้ว

พอถึงร้านเจ๊กิม เราก็ลง เจอน้องกลุ่มนึ่ง(น่ารัก) เราเลยไปถามๆดู สุดท้ายก็มากับน้องๆกลุ่มนั้น หารค่ารถสองแถวออกมาคนละ 30 บาท สำหรับคนที่เอารถมาเอง สามารถจอดรถได้หน้าที่ทำการอุทยานฯ ที่จอดรถกว้างขวางดีคะ

Phukradueng







มาถึงก็ติดต่อเจ้าหน้าที่ของอาคารหมายเลข 1 เช่าเต้นสองคืน คืนละ 250 บาท ที่นอนผ้าห่มเช่าด้านบน เรื่องเต้นเรียบร้อย เอากระเป๋าไปชั่ง กิโลละ 15 บาท เป้เราไปมาหลายที่เลยหนักหน่อย ประมาณ 10 กิโลกรัม รู้สึกผิดนิดๆที่แวะหลายที่จนของมันเยอะและหลัก แล้วก็เสียค่าธรรมเนียมผู้ใหญ่คนไทยอีก 40 บาท

Phukradueng








ถ่ายรูปก่อนขึ้น หน้าตายังแช่มชื่น(หลังจากนั้นจะแปลงร่าง) การเดินทางคนเดียวเนี่ยมีข้อเสียอย่างนึงคือ ไม่มีคนถ่ายรูปให้ รูปนี้ใช้ขาตั้งกล้องจิ๋วถ่าย วิ่งอยู่หลายรอบกว่าจะได้รูปที่โอเคหน่อย

Phukradueng







เดินแรกๆยังล้าล้าล้าอยู่ ชมนกชมไม้ยิ้มกับธรรมชาติ พอเดินไปสักพัก สังขารอันไม่ยั่งยืนเริ่มไม่ให้ความร่วมมือ เริ่มหอบ เริ่มเหนื่อย เริ่มเมื่อย เริ่มร้อน (ยังไม่ถึงซัมแรกเลยนะเนี่ย)

Phukradueng








เพื่อนร่วมทาง มากันเป็นครอบครัว ขึ้นวันเดียวกัน กลับวันเดียวกัน

Phukradueng







มองดูท้องฟ้าพร้อมถอนหายใจยาวๆ สูดหายใจลึกๆ ถอนหายใจยาวๆ สูดหายใจลึกๆ ทำตามคนบอกทุกอย่าง ทำไมไม่หายเหนื่อยฟระ หยุดเดินหาที่นั่งพักดีกว่า (ย้ำยังเดินไม่ถึงซำแรกเลย) กะจะนับว่าตั้งแต่ขึ้นมานั่งพักไปกี่ครั้ง นับไปนับมาเลิกนับ มันเยอะจัด ดีที่มาคนเดียว ไม่ต้องรอใคร ไม่ต้องมีใครรอ คิดได้อย่างนี้ก็ปลอดโปร่งขึ้นมาหน่อย เงยหน้ามองฟ้าอีกรอบ แล้วเดินต่อ...

Phukradueng








ถึงซัมแรกแล้ว ซัมแฮก... นั่งพัก นั่งพัก ใจมันเรียกร้อง ท้องมันเริ่มประท้วง หาอะไรใส่ท้องดีกว่า

Phukradueng








หิวมาก เห็นรายการอาหารอยากกินทุกจาน ตอนแรกว่าจะสั่งสองจานเลยทีเดียว แต่คิดว่าคงไปหยุดอีกหลายซำข้างหน้า เลยยับยั้งชั่งใจ ขอเป็นเมนูสิ้นคิดตลอดการ ข้าวกระเพราไก่ไข่ดาว ไม่เคยกินข้าวกระเพราไข่ดาวที่ไหนที่อร่อยเช่นนี้มก่อน หิวแร้งลง...

Phukradueng








กดภาพที่บันทึกไว้ว่าเหลืออีกกี่ซำ โอแม่เจ้าอีกเก้าซำ เดินต่อๆ ไหวไหมเนี่ย..

Phukradueng







หลังๆเริ่มเหนื่อย ไม่มีรมณ์ถ่ายรูป จนมาถึงซำนี้ ใกล้ถึงแล้ว ระหว่างทางเดินสวนกับคนที่เดินลงมา เค้าก็แนะนำเดินช้าๆ แบบมาด่านสุดท้ายมันโหดนิ๊ด น้ำตาแทบไหล แล้วไอ้ที่ผ่านมานี่มันไม่เรียกว่าโหดเหรอ...

Phukradueng








มีทางแยก ซ้ายขวาไม่รู้ไปทางไหนดี ถามคนที่ลงมา เค้าบอกว่าไปทางขวาทางชันแต่ใกล้กว่าทางซ้าย ทางขวาเป็นทางลูกหาบ เค้าไปมาทั้งสองแล้ว เป็นเค้าๆจะเลือกด้านขวา

อื่อ..ขอบคุณมากค๊า เลือกเดินด้านขวา

แต่........ว่า มัน...เออ....ทำไม.....ถึง..ได้ ชันเช่นนี้ เดินแล้ว เดินอีก เมื่อไรจะถึงซะทีฟระ คนที่เดินสวนลงมาก็ให้กำลังใจเหลือเกิน "เกือบถึงแล้ว ใกล้แล้ว" เดินไปอีกชั่วโมงยังไม่ถึง มันใกล้ถึงตรงไหน และแล้ว...แสงสว่างย่อมบังเกิดกับความพยายาม ในที่สุดก็ถึง หลังแป... ยู้ฮู

Phukradueng





ชิลๆล้าๆ ถ่ายรูป แชะๆ หารู้ไม่......การเดินทางยังไม่จบลงแค่นี้ พี่น้องครับ

Phukradueng








ฉ๊านพลาดอ่านและจำข้อมูลอะไรไปเนี่ย โอ โน.... ต้องเดินต่ออีกระยะทางหนึ่ง(มาจับเวลาตอนลง สามสิบนาทีกว่าจะถึงที่พัก) รายการเดินและเดิน

Phukradueng







ตอนแรกก็ยังเจอผู้คนอยู่ เดินชิลๆ ขาลากคนเริ่มหายไป ความหายนะเริ่มเกิดขึ้นกับเรา ร้อนและร้อนมาก เลือดกำดาวเจ้ากรรมดันมาไหลกระฉูดตอนนี้(นะ) แล้วที่นั่งพักก็ไม่มี ทิชชูที่ติดตัวมาทั้งหมด หมดไปกับการอุดจมูก ต้องจับทิชชู ต้องเงยหน้ามองฟ้า ต้องเดินลากขากับทราย ไม่รู้อีกนานเท่าไหร่

ลูกหาบเข็นรถผ่านมา เราเลยถามว่าอีกไกลไหม เค้าบอกว่าไม่ไกล (คำว่าไม่ไกล เราต้องเดินอีกยี่สิบนาที) อุบาตตัวเอง...

Phukradueng








กว่าจะถึง เลือดออกแทบหมดตัว เพลียมาก แววหนึ่งคิดว่า...ไม่น่ามาคนเดียวเลยตรู ติดต่อเจ้าหน้าที่พร้อมทิชชูยัดใส่จมูก ห้องพยาบาลมไม่สามารถใช้ได้ไม่รู้เพราะเหตุใด้ เอาสำลีมาให้อุดจมูกแทนทิชชู แล้วไล่ให้ไปนอนหงายให้เลือดหยุดแล้วค่อยไปคุย เจอน้องๆที่แชร์สองแถวมาด้วยกัน เห็นเรานอนแผ่หลาอยู่คงคิดว่าหมดแรงน้ำข้าวต้มไปแล้ว(มันก็หมดแรงจริงๆแหละ)

ติดต่อเต็น คนไม่เยอะ เดินเลือกได้เลย เราเลือกใกล้ๆที่ทำการ และไม่ไกลห้องน้ำ ขี้เกรียจเดิน แต่ไกลร้านอาหารจริงๆ เต็นดีกว่าที่คิด แต่ต้องเช่าเบาะลองด้วย ถ้าทางจะชื่น แล้วมันก็ชื่นจริงๆ แค่ถุงนอนเอาไม่อยู่ เพิ่มผ้านวมอีกผืน หลับสบาย

Phukradueng







เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็ห้าโมงเย็น(มาถึงที่พักก็เกือบสี่โมงเย็นไปแล้ว) อาบน้ำ แล้วไปหาอะไรใส่ท้องดีกว่า เลยซื้อไฟฉายพร้อมถ่านมาหนึ่งกระบอกเผื่อวันพรุ่งนี้ แล้วก็กลับเต็นรีบๆนอน พรุ่งนี้จะได้ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น

Phukradueng








ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง ไปแปรงฟัน แล้วก็รอรวมพลที่ศูนย์ เดินตามๆกันไป ทำไมมันเดินยากจังฟระ(ตอนนั้นยังไม่รู้นะว่าบนภูฯมันเป็นทรายละเอียด) เดินไปหอบไปบ่นในใจไป เดินนานมากในความรู้สึกตอนนั้น แบบว่า..ไม่ได้เตรียมใจมาก่อน

เดินไปสักพักขบวนเริ่มห่างๆไป คนเริ่มหายๆไป ดีที่มีไฟฉาย และโชคดีที่เราไม่ได้อยู่ท้ายขบวน ไม่งั้นมีเสียว มันมึดมากจริงๆ

ไปถึงก็ซื้อกาแฟแก้วละ 20 บาทกับเจ้าหน้าที่ แล้วก็ยืนคุยกับเจ้าหน้าที่นั่นแหละ ก็คนอื่นเค้ามาเป็นกลุ่มนิ รอๆๆๆ พระอาทิตย์ขึ้น พี่เจ้าหน้าที่บอกให้ระวังอย่าเดินไปใกล้หน้าผาตลอด สักพักพระอาทิตย์ก็ขึ้น โชคไม่ดีวันนี้ไม่มีทะเลหมอก แล้วเสียงชัดเตอร์ก็รัวเลย เราไม่ได้วิวดีหรอก ไม่นิส... ตรงขอบผามีคนจองไว้หมดแล้วด้วย

Phukradueng







อีกวิวนึง

Phu Kra Dueng








เดินกลับที่เต็น เพิ่งรู้ว่าทางมึดๆที่เดินมากันจะเป็นจะตายมันคือป่าพื้นทรายดีๆนั่นเอง ไม่น่าหละ..เล่นเอาหอบเลย

Phukradueng







ดอกไม้สวยๆข้างทาง

Phukradueng







ไปกินอาหารเช้าเพิ่มพลังเสร็จก็กะจะลุยโดยจักรยาน เดินผ่านพี่คนนึงที่มาเที่ยวคนเดียวเหมือนกันบอกว่าอย่าเช่าเลยจักรยาน ปั่นเหนื่อย มันมีแต่ทราย เราก็เห็นด้วยแหละ

แต่มาคิดอีกที..ให้เราเดินดุ่มๆคนเดียวในป่าเนี่ยนะ เอาจักรยานไว้ให้อุ่นใจดีกว่า ตกลงเช่าจักรยาน...มีแผ่นที่แผ่นเล็กๆให้ไปตามจุด หลงได้เหมือนกันนะ หลงทีไม่ใช่เล่นๆด้วย ยาวเลย (แต่เราโชคดีที่ไม่หลง)

ไปดูใบไม้แดง ไม่ค่อยมีนะ น้ำตกก็น้ำนิดเดียวเอง

Phukradueng







ขี่ไปเรื่อยๆ เจ้าหน้าที่เค้าจะบอกจุดต่อๆไป มีซำอยู่เป็นแห่งๆ เราก็หยุดพักคุยเรื่อยๆเช่นกัน บางทีก็เจอกลุ่มน้องที่นั่งรถสองแถวมาด้วยกัน หรือไม่ก็เจอกลุ่มที่เดินขึ้นมาด้วยกัน

Phukradueng








ปั่น + จูงจนเหนื่อย แอบเสียวนิดๆ หันซ้ายไร้ผู้คน หันขวาไร้ผู้คน มีเสียงนกและแมลงร้องเป็นระยะ บางช่วงต้นไม้ขึ้นท่วมหัวเชียว

Phukradueng








เจอนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศษพักแถวๆเต็นเราที่ทักทายกันเมือวาน นั่งพักอยู่

Phukradueng









สุดท้ายมาหยุดรอดูพระอาทิตย์ตกตรงนี้

Phukradueng







คนรอดูเยอะมาก

Phukradueng

Phukradueng

Phukradueng

Phukradueng

Phukradueng






จากชมพระอาทิตย์ตก รีบกลับที่พักเลย ฟ้ามึด ป่ามึด มาคนเดียว ขี่ๆปั่นๆจักรยาน เจอทราย จักรยานล้ม เหงื่อเข้าตา สุดท้ายนั่งรอกลุ่มคนไปด้วยกันเพื่อความอุ่นใจ ขี่ไปขี่มากลุ่มคนเริ่มหายไป ได้หนาวอีกแล้วครับท่าน จนใกล้ถึงที่พักนั่นแหละ ถึงมีเจ้าหน้าทีนำขี่มา ถามเราว่า..อ้าวมาคนเดียวเหรอ ทำไมไม่รอ แป๋ว...ก็ไม่รู้นี่หว่า ถ้ารู้จะเสี่ยงมาเองเหรอ

เหนือยแทบสลบ พยายามไปอาบน้ำอันหนาวเหน็บ ก็เหงื่อชุมซะขนาดนั้นใครมันจะไปนอนลง หลับเป็นตาย

ตื่นเอา 8 โมงเช้า เห็นน้องกวางออกมาชะเง้อแงะ พุงป่องอยากกินขนม

Phukradueng








วันนี้ไม่รู้เป็นไง อยากกินข้าวผัดแหนม อยากมากๆ เข้าออกร้านอาหารอยู่สองร้าน จะกินข้าวผัดแหนมแต่เค้าไม่มีแหนม เอาข้าวผัดหมูไก่ไหม เราบอกว่าไม่เอาจะกินข้าวผัดแหนม แหนมมมม เหมือนคนแพ้ท้องยังไงอย่างนั้น มาเจอร้านที่สาม ฮ่าฮ่า มีแหนมทำข้าวผัด กินร้านนี้แหละ

ไม่รู้เป็นไง อาหารบนภูอร่อยทุกจาน

Phukradueng








กินอาหารเช้าเสร็จ เก็บของ คืนของ รีบๆไปชั่งของกับลูกหาบ เมื่อคืนได้ยิ่นแว่วๆว่าจะมีกลุ่มใหญ่ลงภูตอนสายๆ เดี๋ยวจะยาว
ทุกอย่างเรียบร้อย ถึงเวลาอำลาภูกระดึง เดินลงภูตอน 9 โมงเช้า ชิลๆ ไม่รีบเหมือนตอนขึ้น

เอาขยะขวดใส่ถุงลงไปด้วย เตรียมถุงเปล่าอีกหนึ่งเผื่อเก็บขยะระหว่างทาง เดินสวนกลุ่มที่กำลังจะขึ้นมา วันนี้คนเยอะนะเนี่ย เห็นหน้าตาอันเหน็ดเหนื่อย ย้อนคิดถึงตัวเองวันที่ขึ้นภู แอบอมยิ้มคนเดียว หิหิ

Phukradueng







ตอนขึ้นขึ้นทางแยกด้านขวา ตอนลงลองลงอีกทาง ทางแยกด้านซ้ายมีบันได้ เดินง่ายกว่าทางแยกขวาตั้งเยอะแนะ

Phukradueng







ไม่รู้เค้าเอาไม้ค่ำเพื่ออะไร

Phukradueng








ตอนขาขึ้นไม่ค่อยสังเกตุอะไร แต่ตอนขาลงรู้สึกว่าขยะเยอะมากถึงมากที่สุด ที่เห็นเยอะมากก็เปลือกลูกอม หลอด ทิชชูเช็ดเหงื่อแล้วก็ขวดน้ำ อะไรกั๊น.... คนไทยมักง่ายกันอย่างนี้เชียวเหรอ ที่ไหนมีมนุษย์ ยับเยินทุกที่ สิน๊า

Phukradueng








ในที่สุดก็ลงมาจุดเริ่มต้นซะที อารมณ์อะไรบอกไม่ถูก ดีใจที่ถึง ได้กลับบ้าน อาลัยอาวร แต่ที่แน่ๆอารมณ์ปวดขาชิพเลย

Phukradueng








แวะอาบน้ำห้องน้ำที่ทางอุทยานฯจัดไว้ น้ำเย็นดีแท้ เปลี่ยนเสื้อผ้า ทุกอย่างเสร็จประมาณบ่ายโมง แล้วเราก็เหมาสองแถว 200 บาทไปร้านเจ๊กิม

Phukradueng








ตอนแรกจองรถกลับรอบสุดท้าย VIP ไว้แต่ขอเปลี่ยนตั๋วเป็นรอบบ่ายสาม นัยว่า..มาคนเดียวเลยเดินลงเร็วกว่าที่คิด เค้าก็ให้เปลี่ยนตัวคืนเงินส่วนต่าง นั่งรอรถเที่ยวบ่ายสามจนเกือบถึงบ่ายสามครึ่ง แว๊ปไปกินข้าวแบบซวกๆอีกหนึ่งจาน ซื้อน้ำดื่มไว้ในรถ แล้วเราก็หลับยาวจนถึงกรุงเทพฯ

Phukradueng


โผล่กรุงเทพฯตอนเช้าตรูของอีกวัน เรียกแท็กซี่กลับบ้าน จัดเป๋าเดินทาง ออกไปเช็คอินที่โรงแรม แล้วก็ชะแว๊ปไปรับคุณสามีและเพือนๆที่สนามบิน บันท้ายเริ่มปวด เดินไม่ค่อยไหว ลงบันไดต้องเดินเอาหลังลง จับน่องก็เจ็บไปหมด เราเลยเป็นตัวประหลาดให้เพื่อนๆและคุณสามีถ่ายวีดีโอเก็บไว้เป็นที่ระลึก ซะงั้น




TOP







Create Date : 25 มกราคม 2553
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2560 21:44:06 น. 0 comments
Counter : 3100 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

marzo
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 43 คน [?]




ชื่อ login Marzo อิฉันใช้เฉพาะในพันทิพย์และ Bloggang เท่านั้น (ถ้าเจอที่อื่นคือคนละคนกัน) และอิฉันไม่มีอาชีพอื่นๆนอกจากผู้ใช้แรงงานธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
...... ไม่ได้เป็นบุคคลสำคัญ
...... ไม่ใช่คนมีชื่อเสียง
...... ไม่ได้เขียนหนังสือ
...... ไม่ได้รับปรึกษาปัญหาชีวิต
...... ไม่ได้รับออกแบบ
...... ไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการใดๆในโลก(ไว้เป็นแล้วจะบอกอีกที) ฯลฯ เพราะฉะนั้น กรุณาอย่าเอาชีวิตอันสงบสุขเล็กๆของอิฉัน ไปยุ่งเกี่ยวกับคนหรือเรื่องราวอันไม่ประสงค์

ทำรีวิวหรือ blog นี้เพื่อแชร์ข้อมูลท่องเที่ยวแก่เพื่อนๆพี่น้องที่มีความรักในสิ่งเดียวกัน คือการเดินทาง ก็แค่นั้น(จริงๆ)... ถ้าการเขียนสิ่งที่เกิดขึ้นจากการเดินทางที่มาจากประสบการณ์จริงๆของตัวเอง ทำให้ใครคันเกื่อก หมั่นไส้ เหม็นขี้หน้า ก็ขออภัยไว้ ณ.ที่นี่ด้วย...



PS. ไม่ใช่เซียนท่องเที่ยว เพราะฉะนั้น ข้อมูลอาจมีผิดพลาดหรือตกหล่น

ด้วยความเคารพ ครับท่านนนนน...


心滿了 一切都滿
心安了 一切都安
: Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add marzo's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.