ฟิค y นะคะ ใครหลงเข้ามาก็ขออภัยค่า
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
30 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 

Short Fic เกลียด (เธอไม่ลง)

เกลียด……. คำ ๆ นี้มันวนเวียนอยู่ในความคิดมานานแสนนาน

เท่ากับคนอย่างผมซึ่งไม่มีอะไรดีในสายตาคนอื่นมานานแสนนานนั่นแหละ

เพื่อนน่ะเหรอ มีนะ แต่ไม่เยอะนักนับด้วยนิ้วมือข้างเดียวก็พอ

ช่างสิ............ก็ไม่ได้อยากให้ใครต่อใครมาห้อมล้อมมากมาย
อย่างใครบางคนที่นั่งอยู่ข้างหลังนักหรอก

“ คาเมะ!!!! ไปเหอะหิวข้าวแล้ว “ คนที่กำลังเรียกอยู่หน้าห้องเป็นเพื่อนคนแรก

ตอนที่ย้ายเข้ามาเรียนที่นี่ใหม่ ๆ มีเขาคนเดียวที่เข้ามาชวนคุยถามนู่นถามนี่

ไม่เหมือนใครในห้องนี้อีกหลายคนที่มองมาแล้วเมินเหมือนผมไม่มีตัวตน
แม้กระทั่งตอนพูดแนะนำตัวเองอยู่หน้าห้อง บรรยากาศเซ็ง ๆ
ก็ยังคงลอยวนเวียนอยู่รอบตัว

“ คาเมนาชิ เธอไปนั่งโต๊ะว่างข้างหน้าอคานิชิ “ อาจารย์ประจำชั้นชี้นิ้วให้ไปนั่ง

ด้านหน้าคนที่กำลังก้มหน้าอ่านอะไรบางอย่างอยู่บนโต๊ะซึ่งสิ่งนั้นคงน่าสนใจกว่าเพื่อนใหม่

แล้วผมก็ไม่ได้ตั้งใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าสักนิด เหตุการณ์ที่ข้าวกล่องของผมหกใส่หนังสือเล่มโต

ทำให้คนหน้าหงิกที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านต้องเงยหน้าขึ้นทันควัน ถึงผมจะสายตาสั้นมากแค่ไหน

แต่แว่นที่ใส่มันก็ทำให้เห็นอะไรชัด เห็นเท้าของใครบางคนยื่นออกมาขวางทาง
แต่ผมหลบไม่ทันเป็นผลให้ข้าวกล่องที่ถือมาหกเลอะกระจัดกระจายไปทั่ว

โดยเฉพาะบนหนังสือของอคานิชิ จำได้ว่าเอ่ยคำขอโทษไปนับร้อยครั้ง
แต่ไม่ได้รับปฏิกิริยาอะไรตอบรับกลับมาเลยนอกจากสายตาแสนดุ
ที่จ้องเขม็ง และมีเสียงเพื่อนผู้หญิงในห้องโวยวายต่อว่ากันมากมาย
เหมือนมันเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย และนับจากนั้นทุกครั้งเมื่อเดินผ่าน
หรือบังเอิญสบตากับเขามันจะตามมาหลอกหลอนทุกที สายตาคมดุที่คิดว่า
เกลียดมันอย่างมากมาย


ส่วนยามะพีป๊อปปูล่าพอ ๆ กับคนข้างหลังผมนั่นแหละ จะไม่ป๊อปได้ไง
หน้าตาน่ารักออกขนาดนั้นนิสัยดี บ้านรวย ครบสูตรลูกคุณหนู
แต่ทำตัวติดดินผิดธรรมดา รุ่นพี่ รุ่นน้องต่างชื่นชม
และเคารพรักเพราะพ่วงตำแหน่งรองประธานนักเรียนต่อท้าย
แต่ปลาทองตาโตที่ใคร ๆ เล็งไว้ หัวใจตอนนี้ ไม่แน่ว่ายังว่างอยู่ไหม
เพราะมีประธานสุดหล่อคอยตามจิก ตามคุมแจ ถึงยามะพีจะแสดงท่าทาง
ไม่ค่อยพอใจนักแต่วันไหนที่รุ่นพี่ยูอิจิหายไป ยามเผลอตาโต ๆ
เป็นต้องคอยมองหาทุก 5 วิได้ละมั้ง

“ จิน!!! ฉันทำข้าวกล่องมาให้ ตื่นมาทำแต่เช้าเลยนะ “ ซายูริสาวสวยหวานประจำห้อง
เดินผ่านผมไปด้านหลังและประโยคที่เธอเอ่ย ผมได้ยินมันมาตลอด
ตั้งแต่ย้ายมาเรียนที่นี่เสียงหวาน ๆ นั่นสำหรับคนนั่งข้างหลังผมคนเดียว
สำหรับผมเธอไม่เคยปรายตาแลจะคุยด้วยสักครั้งก็ต่อเมื่อพอมีประโยชน์
กับเธอบ้าง อย่างเช่นตอนมีรายงานกลุ่มหมายถึงรวมกันทำหลายคน
แต่ทำไมเป็นผมต้องทำคนเดียวทุกครั้ง และผมเกิดมาพร้อมความโชคร้ายจริงๆ
เวลาเลือกกลุ่มทำรายงานผมต้องเป็นตัวแถมโดนจับโยนไปกลุ่มนั้นที
กลุ่มนี้ที เหมือนเป็นตัวอะไรสักอย่างที่ใคร ๆ ต่างรังเกียจ

“ คาเมะไปได้หรือยัง หิว หิว “ เสียงแง้ว ๆ ของยามะพีทำให้คนใจลอย
ต้องเร่งมือเก็บข้าวของบนโต๊ะใส่ลิ้นชัก ร่างเล็กบางสาวเท้าออกไป
สมทบกับเพื่อนที่ยืนรอหน้ามุ่ยด้วยความเร็ว โดยลืมทำบางสิ่งบางอย่างไปเสียสนิท

“ คาเมะ จินมองตามมาแหน่ะ “ ยามะพีชอบหลอกแบบนี้นับครั้งไม่ถ้วน
ครั้งแรกผมเสียรู้ หันกลับไป แต่ไม่เห็นหมอนั่นมองมาอย่างที่ยามะพีพูด
เค้ายังนั่งก้มหน้าก้มตาสนใจแต่หนังสือบนโต๊ะ ถ้าหมอนั่นจะมองล่ะก็
คงมองด้วยสายตาแปลก ๆ เหมือนที่เค้าชอบมองนั่นแหละ

บอกแล้ว ผมเกลียดสายตาแบบนั้นของเขาที่สุด เกลียดตั้งแต่ครั้งแรก

“ ยามะ!! เดินช้าหน่อยสิ ไม่รู้เป็นอะไรตามัว ๆ “ ผมเพ่งสายตาตามหลังเพื่อน
ที่วิ่งปร๋ออยู่ข้างหน้าอย่างงงตัวเอง หรือแว่นที่ใส่อยู่นี่จะไม่พอดีตาที่สั้นอย่างมากอีกแล้ว
แต่เมื่อเช้ายังเห็นชัดแจ๋วนี่นา

“ ไหน ๆ ดูซิ นี่คาเมะ ทำไมไม่เช็ดแว่นเสียมั่ง “ เห็นยามะพีควักผ้าเช็ดหน้า
จากกระเป๋ากางเกงเช็ดแว่นอันหนาลาง ๆ ผมน่ะสายตาสั้นมาก ถึงมากที่สุด
แค่ระยะมือเอื้อมมองเห็นหน้าคนอื่นแค่เลือน ๆ เท่านั้น ถ้าไม่มีแว่น
คงคล้ายคนตาบอดนั่นแหละ

“ ขอโทษนะ พอเถอะ ยามะหิวไม่ใช่เหรอ “

“ อืมหิวมากกก เอ้าลองใส่ซิชัดยัง “

“ ชัดแล้วล่ะ ไปเถอะ “

.........................................

...................................
“ เฮ้ย!!! จินทำอะไรอยู่วะ “ ร่างสูงชะงักมือที่กำลังหยิบของบางอย่างจากลิ้นชักโต๊ะ
เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงหัวทองซึ่งตอนนี้ยืนคาประตูห้องกำลังเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย

“ เปล่า...... ยังไม่ไปกินข้าวอีกหรือไง “

“ เมื่อกี้ไอ้พวกห้องสามมันมาท้าแข่งบาสตอนเย็น ช่วยไปประลองฝีมือกะพวกมันหน่อยดิ “

“ ประลองฝีมือของแกข้าเห็นแข่งกันอย่างกับจะเอาแชมป์โลก “ บ่นแถมส่ายหัวอย่างระอา

“ เอ้ามันศึกแห่งศักดิ์ศรีโว้ย ฆ่าได้แต่แพ้ไม่ได้ว่ะ “

“ เออ เออ ไปกินข้าวได้แล้ว “ เดินไปหาเพื่อนที่ยังคงยืนปักหลักหน้าเหลี่ยมอยู่ตรงประตู

“ แล้วนั่นไม่เอาไปด้วยหรือไง “ พี่เหลี่ยมชี้นิ้วกลับไปยังกล่องข้าวที่ยังคงวางนิ่งอยู่บนโต๊ะ

“ ไม่หรอก แกก็รู้ว่าข้าไม่เคยรับของพวกนี้สักครั้ง “

“ เอ็งไม่ใจร้ายกับสาว ๆ พวกนั้นไปหน่อยเหรอวะ แหมเป็นข้าหน่อยไม่ได้จะรับไว้ทั้งหมด “

“ ถ้าไม่ได้รัก ไม่สน “

“ แล้วตอนนี้สนใคร “

“ ยุ่งน่า “

“ เอออออ ข้าไม่อยากยุ่งนักหรอก ป่ะกินข้าวเดี๋ยวของโปรดหมด “ พี่เหลี่ยมตบไหล่กว้างป้าบ ๆ จนคนถูกกระทำหันมายันโครมเข้าให้
แต่อีกคนไวกว่าโดดหลบได้อย่างฉิวเฉียดแถมหัวเราะทิ้งท้าย
ไว้ให้คนฟังหงุดหงิดเล่น

.............................................

........................................

............................

เสียงกรี๊ดดังลั่นในโรงยิมทำให้ร่างบางซึ่งเดินตามเพื่อนมาอย่างเซ็ง ๆ
หยุดเท้าอัตโนมัติ ตอนยามะพีชวนมาดูแข่งบาส ไม่คิดว่าคนจะเยอะขนาดนี้
และชื่อที่ได้ยินจากเสียงกรี๊ดนั่นทำให้ไม่อยากเดินเฉียดกราย
เข้าไปในโรงยิมเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ถูกเพื่อนรักฉุดข้อมือไว้ก่อนที่จะหันหลังกลับ

“ คาเมะจะไปไหน เชียร์บาสเป็นเพื่อนกันก่อน ห้องเราแข่งนะ เห็นห้องสามมาท้าโคคิเหยง ๆ “
ไม่ต้องพูดอะไรกันมาก ลากข้อมือเล็กตามหลังไปด้วยความเร็ว

....มาช้าไปนิด ไม่รู้นำกี่ลูกแล้ว..... คิดพลางปรายตามองคนตัวเล็ก
ที่เดินหน้างอตามหลังใบหน้ากลับเปื้อนรอยยิ้มน้อย ๆ ด้วยความเอ็นดู

“ ยามะจังทำไมไม่ขึ้นไปนั่งบนนั้นล่ะ “ พยักหน้าไปยังอัฒจันทร์ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยสาว ๆ
กำลังส่งเสียงเชียร์กันดังลั่น

“ ไม่เอาหรอก ไม่อยากไปนั่งเบียดกับยัยพวกนั้น น่ารำคาญอยู่ตรงนี้แหล่ะ จะได้ช่วยส่งน้ำ ส่งผ้าเย็นให้เพื่อนไง “
ดึงแขนร่างบางที่ยังคงอิดออดให้เดินตามไปนั่งลงข้างสนาม
ซึ่งตอนนี้นักบาส สุดเท่ห์ประจำห้องสองทั้งหลายกำลังหยุดพัก

“ ไงจิน...... ดีใจไหมล่ะอุตส่าห์มาเชียร์นะเนี่ย “ คนตัวเล็กนึกหมั่นไส้หน้าทะเล้นของเพื่อนรักเสียจริง
ยามยื่นหน้ายื่นตาคุยกับคนบางคน รู้อยู่หรอกว่าสองคนสนิทกันมาก่อนแต่หวงเพื่อนนี่นา

“ มาทำไม มาเชียร์หรือมาป่วน “ เอ่ยปากคุยกับอีกคนแต่สายตามองอีกคนที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่ข้าง ๆ

“ อยากให้มาใจจะขาดละสิไม่ว่า ปากน่ะให้มันตรงกับใจหน่อย “

“ พี่ประธานไม่อยู่หรือไง ถึงได้ออกมาเพ่นพ่านได้น่ะ “ เจอมุขพี่ประธานเปลี่ยนเรื่องเข้าไป
คนตาโตเลยฮึดฮัดใส่อย่างไม่สบอารมณ์

“ ไม่เห็นเกี่ยวกันซักหน่อย เหอะคราวนี้ขอให้แพ้เนอะคาเมะ “ หันไปหาตัวช่วยที่นั่งมองนู่นมองนี่
โดยไม่คิดจะสนใจการปะทะคารมของทั้งสองคนเลยแม้แต่น้อย

“ อ๊ะ อืม “ รับคำไปอย่างงง ๆ แต่พอเห็นตาคมดุของใครบางคนจ้องกลับมาเลยรู้ตัวทำอะไรให้ไม่พอใจ
อีกแน่ ๆ ช่างสิ............. คิดพลางก้มหน้าลงมองมือตัวเองหลบสายตาคม

“ เฮ้ยจิน.....ไปเหอะ “ เสียงพี่เหลี่ยมเรียกอยู่ข้าง ๆ ทำให้คนที่กำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่าง
ต้องหันไปหา ก่อนจะหันกลับมามองคนตัวเล็กที่นั่งก้มหน้าก้มตา
ไม่สนใจคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าแม้สักนิด

“ เชียร์ด้วยนะ “ เสียงทุ้ม ๆ ทำให้คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมอง
แต่เห็นเพียงแผ่นหลังกว้าง ของคนพูดเท่านั้น หันไปหายามะจังเห็นนั่งยิ้ม
ก็เข้าใจ เพื่อนเค้าขอกำลังใจกันนั่นเองเสียงเชียร์ดังลั่นยามลูกอยู่ในมือ
คนตัวสูงไม่เคยทำให้กองเชียร์ผิดหวังเมื่อลูกถูกชู๊ตลงห่วงอย่างสวยงาม
หลายครั้งหลายหนเมื่อลูกลงห่วง คนทำคะแนนได้ต้องหันไปมองข้างสนามทุกที
จนกองเชียร์บนอัฒจันทร์พากันนึกแปลกใจ พอทุกคนเห็นยามะพีกระโดดโลดเต้นอยู่ข้างสนาม
จึงเลิกสนใจกันไปโดยปริยาย แต่คนตัวเล็กอีกคนข้างสนามนี่สิ ทุกครั้งที่คนตัวสูงหันมา กลับหันหน้าหนี
ทำให้รู้ไปเลยว่าไม่ได้กำลังเชียร์เสียหน่อย ทั้ง ๆ ที่ความจริงแอบลุ้นอยู่เหมือนกัน


“ คาเมะระวัง!!!! “

“ โอ๊ย!!!! “

…………………

……………..

………..

“ ไม่อยู่รอจนเค้าฟื้นก่อนล่ะ กลับบ้านไปจะนอนหลับเรอะ ความห่วงคงจุกอกตาย “
เสียงยามะพีดังเบา ๆ อยู่หน้าประตู กำลังคุยกับใคร ร่างบางพยุงตัวเองลุกจากเตียงอย่างลำบาก
รู้สึกมึนหัวแถมมองอะไรไม่เห็น แว่นหายไปไหน

“ ยามะจัง “

“ อ้าวคาเมะฟื้นแล้วเหรอ เป็นไงมั่งเจ็บหัวหรือเปล่า “

“ ไม่หรอก แต่มันมึน ๆ น่ะ “

“ จะไม่มึนได้ไงโดนลูกบาสอัดเข้าให้เต็ม ๆ ไม่ความจำเสื่อมก็บุญแล้ว “

“ เห็นแว่นไหมหรือเปล่า มองไม่เห็นเลย “

“ แว่นน่ะ.....กลายเป็นซากไปแล้ว ดีนะไม่บาดหน้าเป็นแผล หน้าสวย ๆ เนี่ยเสียราคาหมด “

จับแก้มใสแถมนุ่มของคนตัวเล็กบิดเบา ๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว แหมไม่รู้จะใส่ทำไมไอ้แว่นปู่

ทำอย่างกับใส่แล้วใครเค้าจะไม่เห็นความน่ารัก ปลาทองแก้มป่องคิดอย่างขัดใจ

แต่เอาเหอะใส่ไว้อาจดีก็ได้ อย่างน้อยใครบางคนอกจะได้ไม่แตกตาย
เพราะความหึง ถ้าคนตรงหน้านี่ ถอดแว่นออกเกิดจลาจลแน่
ดูซิเนี่ยผู้ชายที่ไหนหน้าหวานขนาดนี้ ปากน่าจูบขนาดนี้ ตาสวยขนาดนี้
แถมผิวยังขาวอมชมพูอีกต่างหาก เฮ้อ.......เกิดผิดซะแล้วเพื่อนฉัน
หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดอย่างรวดเร็ว แบบนี้ไม่น่าปล่อยไปต้องมีคนคุม

“ นี่......ว่างหรือเปล่า พาคาเมะไปส่งบ้านหน่อยดิ “ พูดเสร็จปิดโทรศัพท์ฉับโดยไม่รอฟังคำตอบ
จากปลายสายแม้แต่นิดว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่ จะว่างไหม
เดินกลับมาหาร่างบางที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่บนเตียง

“ ป่ะคาเมะ กลับบ้านกัน “ พากันออกมาจากห้องพยาบาลเดินไปยังหน้าประตูโรงเรียน
คนตาโตชะเง้อชะแง้มองหาใครบางคนจนคอยาวยังไม่เห็นแม้แต่เงา

“ ยามะจังกระเป๋านักเรียนล่ะ “

“ นั่นสิ!!! ลืมเลย งั้นคาเมะนั่งรอตรงม้านั่งข้างสนามนี่ก่อนได้ไหม “ จูงมือคนตัวเล็กไปยังม้านั่ง
ใต้ต้นซากุระข้างสนามฟุตบอล ตัวเองวิ่งตึก ๆ ไปยังอาคารเรียนเพื่อไปหยิบกระเป๋านักเรียนที่ลืมเอาไว้
ปล่อยให้คนตัวเล็กนั่งรอตาปริบ ๆ ทำอะไรไม่ถูก
จะวิ่งตามไปด้วยก็มองไม่เห็น เดี๋ยวจะไม่แค่มึนหัว จะกลายเป็นหกล้มหัวแตกแทน


“ ยามะพีไปไหน “ เสียงที่ไม่อยากได้ยินนักดังขึ้นข้างหลัง ไม่เข้าใจเหมือนกันแค่ได้ยินเสียง
ถึงไม่เห็นหน้าทำไมถึงจำได้ นี่สินะที่เขาว่ากันว่ายิ่งเกลียดมากเท่าไหร่
ยิ่งจำได้ขึ้นใจเท่านั้น

“ นั่งตรงนี้ไม่หนาวหรือไง “ เสื้อคลุมตัวใหญ่ถูกห่มลงบนร่างบาง
ทำให้สะดุ้งเฮือกจนคนเห็นต้องกัดริมฝีปากอย่างไม่พอใจ

“ รังเกียจมากนักก็ทิ้งมันไปซะ “ หลังประโยคประชดประชันจบลง
ความเงียบจึงเข้าครอบงำคนบนม้านั่งไม่ปริปากพูดออกมาสักคำ
ส่วนคนข้างหลังยังคงยืนนิ่งโต้ลมหนาวเหมือนเสาหินไม่ขยับเขยื้อนไปไหน

“ เอาคืนไปเถอะ ไม่หนาว “ คนตัวเล็กหันมายื่นเสื้อคืนให้
คนตัวสูงยื่นมือออกมาแต่ไม่ได้รับ หลังมืออุ่นกลับเกลี่ยลงบนแก้มใส
ที่แดงระเรื่อเพราะลมหนาวแทน

“ แก้มเย็นขนาดนี้ ยังปากแข็ง “ พูดแถมยิ้มละลายใจส่งให้คนตัวเล็กได้อึ้งกันอีกรอบ
เคยไหมที่คนตรงหน้าจะมีปฏิกิริยาแปลก ๆ แบบนี้
เจอแต่สายตาที่มองมาอย่างดุ ๆ เท่านั้น แล้วจะไม่ให้ตกใจได้หรือไง

“ แล้วทำไมอยู่คนเดียว ยามะพีล่ะ “

“ ขึ้นไปที่ห้อง ลืมกระเป๋า “ นี่คงเป็นประโยคยาว ๆ ประโยคแรก
ที่คนตัวเล็กยอมพูดด้วยถึงมันจะห้วนแสนห้วนก็เถอะ

“ ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า มึนหัวไหม “ คนพูดยังคงมีท่าทาง
ที่ทำให้คนตัวเล็กตาโตได้อีก เมื่อเอื้อมมือมาลูบเบา ๆ บนหน้าผากเนียน
เปลี่ยนพฤติกรรมหน้ามือเป็นหลังมือจนตามไม่ทัน

“ จิน!!! ไหนบอกจะกลับบ้านมานั่งอ้วนอะไรแถวนี้ “ สรรพนามที่ยามะพีเอ่ยถึงคนตัวโต
ทำให้คนได้ฟังต้องหันไปมองคนข้าง ๆ มันฟังคุ้นหูจนนึกแปลกใจ
เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนแต่กลับต้องหลบตาคม
ที่กำลังมองอยู่ก่อนแล้ว เสหันไปหายามะพีที่ยืนยิ้มแฉ่งอยู่ตรงหน้า

“ กลับกันเถอะยามะจัง มึนหัว “ ส่งเสียงอ้อน ๆ ที่ไม่เคยพูดกับใคร
ให้เพื่อนรัก ไม่อยากนั่งอยู่ตรงนี้ อีกแล้ว ความรู้สึกกับคนนั่งข้าง ๆ
มันแปลกไปตั้งแต่ได้สบตาคมใกล้ ๆ

“ รอประธานขี้เก๊กก่อน ไม่รู้ทำอะไรอยู่เนี่ยช้าเป็นบ้า เดี๋ยวมานะจะด่าให้ แล้วจินจะนั่งอยู่ทำไม
ไม่กลับบ้านหรือไง เมื่อกี้บอกจะกลับไม่ใช่เหรอ “ คนถูกพาดพิง
ไม่ยอมขยับเขยื้อนไปไหนยังคงนั่งนิ่งอยู่ใกล้คนตัวเล็กเกินความจำเป็น

“ รอประธานทำไม คาซึยะมึนหัว ไปเถอะเดี๋ยวไปส่ง “

“ แหมคาซึยะ เรียกได้ไม่อายปากเลยนะ “ เจอปลาทองกัดเข้าให้เต็ม ๆ
ต่อหน้าต่อตาคนตัวเล็กที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดกับชื่อตัวเองที่ได้ยินคนข้าง ๆ
เรียกหน้าตาเฉย สนิทกันตอนไหนไม่ทราบ

“ อย่าเรียกชื่อ ไม่ชอบ “

“ ห้ามได้หรือไง คาซึยะ “ หน้าตาถือดีของคนข้าง ๆ แถมชื่อที่หลุดออกจากปากสีสดนั่น
ยิ่งทำให้คราวนี้คิ้วขมวดไม่พอ ปากชมพูบางงอนขึ้นน้อย ๆ เมื่อโดนขัดใจ
นิสัยแบบนี้คนสนิทจริง ๆ เท่านั้นแหละที่จะได้เห็น ต้องไปถามพี่ชายตัวดี
ที่ชอบแกล้งให้น้องรักเกิดอาการแบบนี้เป็นประจำเพราะชอบ
บอกว่าน่ารักดี เลยคอยยั่วโมโหบ่อย ๆ และคนนั่งข้าง ๆ ที่ได้เห็นใจละลายไปแล้ว
แค่นี้ก็หลงจนหัวปักหัวปำจะรู้ตัวบ้างไหม เมื่อไหร่จะจำกันได้เต่าน้อยความจำสั้น

“ ยามะจัง...... พี่มาแล้ว “ พี่ประธานสุดหล่อของปลาทอง
วิ่งกระหืดกระหอบมาด้วยความเร็วปานแสง ตรงมาหายามะพี
ที่กำลังยืนลุ้นพ่อแงแม่งอนสองเพื่อนรักตรงหน้าเหมือนดูนิยายน้ำเน่า
คนนึงก็เจ้าเล่ห์สุด ๆ คนนึงก็ใสซื่อซะจนน่าจับมาฟัด
คนเจ้าเล่ห์คงทนกับความใสซื่อของคนตัวเล็กไม่ไหวอีกต่อไป
ไม่รู้ทนมาได้ไงตั้งนานสองนาน นี่ถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุขึ้นละก็
คงแกล้งเค้าแบบเด็ก ๆ ต่อไปแน่ ๆ เฮ้อ....คนเรา
พอเจอคนที่รักไปไม่เป็นกันเลยหรือนี่ คิดไปก็ขำทุกครั้ง
ที่คาเมะบ่นเรื่องปากกาหายบ้าง ดินสอหายบ้าง ยางลบหายบ้าง
ตอนแรกไม่ได้เอะใจอะไร ยังคงเข้าใจตามที่คนตัวเล็กคิดว่าเพื่อนในห้อง
คงแกล้งเพราะความไม่ชอบหน้า แต่เมื่อมาเห็นหลักฐานคาหนังคาเขา
ที่บังเอิญลืมของต้องกลับเข้ามาในห้อง หลังเพื่อนลงไปที่สนามชั่วโมงพละกันหมด
เห็นเพื่อนสุดหล่อ อคานิชิ จิน หนุ่มป๊อปปูล่าของสาว ๆ ทั้งโรงเรียน
กำลังหยิบปากกาด้ามเล็กจากลิ้นชักโต๊ะที่ไม่ใช่ของตัวเอง
แต่เป็นของเต่าน้อยเพื่อนรักของเขา
ความเลยแตก แหม......จะเตือนความจำตอนเด็ก ต้องแกล้งกันแบบเด็ก ๆ ด้วยเหรอ
แล้วไอ้อาการเก๊กดุทุกครั้งที่เจอหน้านี่มันอะไร สงสัยทำตัวไม่ถูก
เลยต้องหาเรื่องให้เค้าเกลียด แกล้งคนที่ตัวเองรักนี่เด็กจริง ๆ อคานิชิ จิน

“ ทำอะไรอยู่หา รอเป็นชาติแล้ว “ หันไปตวาดคนยืนหน้าตูมอยู่ข้าง ๆ
ได้ข่าวว่าประธานนักเรียนไม่ใช่เหรอ ยามะจัง (- -“)

“ พี่ทำรายงานการประชุมให้ ผอ. อยู่นี่ครับ ใครล่ะทิ้งให้พี่ทำคนเดียว “ ตัดพ้อต่อว่าออกมาอุบอิบ

“ ก็คาเมะไม่สบายนี่นา ห่วงเพื่อนแค่นี่ผิดด้วยหรือไง “ เถียงกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้

“ ยามะจังไม่โทรบอกพี่นี่นา “

“ ทำไม!!! แค่นี้ต้องโทรรายงานทุกเรื่องเลยเหรอ “

“ ไม่เอาน่ายามะจัง พี่ยูเป็นห่วงรู้หรือเปล่า กลับบ้านกันเถอะนะ “ เป็นคนตัวเล็กที่นั่งมองอยู่นาน
ต้องเข้าห้ามเพื่อนเสียเอง พอเขาอยู่ใกล้ก็คอยแต่จะแว้ด ๆ ใส่เขา
พอเขาหายไปล่ะก็มานั่งกระวนกระวาย การกระทำ ไม่ตรงกับใจเสียจริง ๆ เลย

“ คาเมะกลับกับจินนะ เดี๋ยวกลับไปช่วยประธานบ้านี่ทำรายงานหน่อย “

“ ไม่ต้องหรอกยามะจังพี่ทำ....... “

“ ยังไม่เสร็จไม่ใช่หรือไง รีบไปสิ “ รีบพูดขัดจังหวะเสียก่อนพี่ท่านจะทำเสียเรื่อง
คว้ามือเรียวของท่านประธานที่ยังคงยืนอ้าปากค้างอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก
ให้เดินตามกันไปอย่างรวดเร็ว

“ ยามะจัง!!! อะไรทิ้งกันเฉยเลย “ หันกลับไปหาคนตัวโตเห็นนั่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ส่งมาให้
ใครเค้าอยากกลับด้วย กลับเองก็ได้ เดินตรงไปยังประตูโรงเรียนที่เห็นราง ๆ แต่ข้อมือถูกดึงไว้เสียก่อน

“ จะไปไหน มองเห็นหรือไง เดี๋ยวได้หกล้มกันพอดี เด็กดื้อ “

“ เอ๊ะ!!! ปล่อยเลยนะ “ รั้งมือออกจากมือใหญ่ที่จับแน่นอย่างโมโห

“ มองไม่เห็น แต่กลับบ้านเองได้หรอก ไม่ต้องมายุ่ง “

“ นี่ไงถึงบอกว่าดื้อ ถ้าเป็นอะไรไปที่บ้านจะไม่เป็นห่วงแย่หรือ “ เหตุผลที่คนตัวโตเอามาอ้าง
ทำให้คนตัวเล็กต้องหยุดท่าทางขัดขืนลง แต่ยังไม่ยอมเดินตามอยู่ดี

“ ทำไมต้องจับมือด้วย เดินเองได้น่า เดี๋ยวใครเห็นเข้าจะทำไง “

“ ช่างสิ “ ดึงมือคนงอแงให้เดินตามอย่างไม่สนใจท่าทีประท้วงเล็ก ๆ นั่น
คนตัวเล็กมองแผ่นหลังกว้าง ที่เดินอยู่ด้านหน้าอย่างไม่เข้าใจ
อยู่ ๆ ก็เข้ามาทำดีด้วย ทำตัวแปลกไปจากเดิม แล้วท่าทีเย็นชาที่เคยเห็น
ทุกครั้งที่พบหน้าหายไปไหน สายตาที่มองก็แปลกไป

“ นี่!!!! เดินนำน่ะ รู้หรือไงว่าบ้านอยู่ไหน “

“ ถ้าไปไม่ถูก จะพากลับบ้านด้วย แล้วบอกแม่ว่าเก็บเต่าหลงได้ “

“ เอ๋!!! นี่ถามดี ๆ นะ อย่ามากวนสิ ทางใครทางมันกลับคนละทางเลยไป “

“ กลายเป็นเด็กช่างพูดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก่อนไม่เห็นอยากคุยด้วยสักคำ “

“ นายเองนั่นแหละที่ไม่อยากคุยกับฉัน “

“ ใครบอก “

“ ก็ฉันบอกอยู่นี่ไง “

“ เต่าแสนรู้ก็มีด้วย “

“ นี่นาย จะกวนกันไปถึงไหน ไม่คุยด้วยแล้ว “ เต่าโหมดงอนออกฤทธิ์
ทำเอาคนชอบแกล้งหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
ใบหน้ายามหัวเราะของคนตัวโต ทำเอาคนมองใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
คนเย็นชา ขี้เก๊กที่แสนเกลียดหายไปไหนแล้ว
คนตัวเล็กที่เดินตามอยู่ข้าง ๆ เงียบไป จนอีกคนเริ่มใจไม่ดี
หรือจะโกรธกันจริง ๆ หยุดเดินอย่างกระทันหันจนคนตัวเล็กต้องเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย


“ โกรธจริง ๆ เหรอ “ เสียงนุ่มที่ถามออกมาทำเอาคนตัวเล็กพูดไม่ออก
ไม่ได้โกรธหรอก แต่กำลังสับสนมากกว่า สับสนกับท่าที
และการกระทำของคนตรงหน้า กับความรู้สึกของตัวเองตอนนี้
แค่คนตรงหน้านี่เปลี่ยนไป ทำไมความเกลียดถึงลดลงมากมาย

“ เปล่า “ กลับมาโหมดพูดน้อยอีกแล้ว นี่หรือไม่โกรธ คนตัวโตคิด
กระชับมือนุ่มแน่นขึ้น

“ อยากให้บ้านคาซึยะ อยู่ไกลถึงคันไซจัง “ เอ่ยเบา ๆ จนคนได้ฟัง
ต้องเงยหน้ามองอย่างสงสัยคำพูดแปลก ๆ ของคนกวนประสาท

“ จะได้อยู่ข้าง ๆ คาซึยะข้ามวันข้ามคืนไง “ ประโยคต่อท้าย
ทำเอาคนตัวเล็กหน้าแดงขึ้นต่อหน้าต่อตา
ดึงมือออกจากการจับของคนปากดีอย่างรวดเร็ว

“ อยู่ดี ๆ พูดบ้าอะไร ไม่ซึ้งนะจะบอกให้ “ โกรธหรือเขินไม่รู้ล่ะ
แต่ทำให้คนตัวสูงต้องวิ่งตามคนตัวเล็กที่เดินจ้ำอ้าวนำหน้าไปไม่เหลียวหลัง

“ คาซึยะ!!!! “ ร่างบางลอยหวือปะทะอกกว้างของคนกระชากเต็มแรง
มีเสียงเบรกดังสนั่นตามมาติด ๆ

“ เดินภาษาอะไร อยากตายนักใช่ไหม “ คนขับเปิดกระจกออกมาด่าอย่างโมโห
จนคนตัวโตต้องก้มหัวขอโทษ ทั้ง ๆ ที่ยังกอดร่างบางแนบอก

“ ขอโทษครับ “

“ หัดระวังซะมั่ง “

“ ครับ ขอโทษครับ “ ยังคงเอ่ยปากขอโทษไม่หยุด
จนคนในอ้อมแขนต้องเม้มปากแน่นอย่างไม่พอใจ
ธุระกงการอะไรด้วยถึงต้องมาขอโทษขอโพยแทนแบบนี้

“ ใครกันแน่ที่ผิด นี่มันเขตโรงเรียนไม่ใช่หรือไง แล้วทำไมขับรถเร็วแบบนี้ “
ดันตัวเองออกจากอกกว้างหันไปเถียงคนขับรถหน้าโหด

“ คาซึยะ!!!! “

“ ทำไม.....ก็มันเรื่องจริงนี่ พูดผิดตรงไหนเล่า “

“ ขอโทษครับ “ ดึงมือเด็กดื้อแถมอวดเก่งไม่ดูสถานการณ์เอาซะเลยออกมาอย่างรวดเร็ว
ไม่เห็นหรือไงในรถยังมีหน้าโหด ๆ นั่งอยู่อีกตั้งสามคน ขืนไปยุ่งด้วยเขาคนเดียวน่ะไม่เท่าไหร่หรอก
พอจะเอาตัวรอดได้แต่กับเต่าสายตาสั้นเดินยังจะชนโน่นชนนี่จะเหลือเหรอ

“ จะไปขอโทษทำไมนักหนาหา ไม่ผิดสักหน่อย “

“ ไม่ผิดจริงน่ะ “

“ นายนี่ยังไง ก็คนมองไม่เห็น แล้วรถคนนั้นก็ผิดนี่ ขับเร็วขนาดนั้นในเขตโรงเรียนได้ไง “

“ ครับ ครับ ไม่ผิด ไม่ผิด กลับบ้านกัน วันนี้มีแต่เรื่องเจ็บตัวกว่าจะถึงบ้าน ไม่รู้จะมีอีกสักกี่แผล “

“ ไม่ต้องจูงก็ได้มือน่ะ เดินเองได้น่า “ เสียงโวยวายดังไม่หยุดจากปากบางสีชมพู
ทำให้คนเดินนำหน้านึกแปลกใจกับนิสัยที่ไม่เคยเห็น ตอนเด็กก็ออกจะเรียบร้อยน่ารัก
ก่อนหน้านี้ก็ยังคงเรียบร้อยน่ารักอยู่ แต่ไหงวันนี้ถึงเปลี่ยนเป็นเด็กเฮี้ยวน่าฟัดไปซะแทนได้
หารู้ไม่ว่าไอ้นิสัยแบบนี้คนใกล้ชิดเท่านั้นแหละที่ได้เห็น เด็กแว่นเรียบร้อยน่ะนอกบ้าน
แต่เด็กจอมโวยวายขี้งอน ขี้อ้อนน่ะสำหรับคนในครอบครัว

………………………

……………………

……………….

“ กลับมาแล้วครับแม่ “ เสียงแจ๋ว ๆ ของเจ้าตัวเล็กที่วิ่งนำหน้าคนโตตัว
ที่เดินส่ายหัวตามหลัง เข้าประตูมาทำให้ ผู้หญิงวัยกลางคน
หน้าตาเหมือนกันเปี๊ยบกับเจ้าตัวเล็กต้องละมือที่กำลังคนซุปควันฉุย
ในเตา
เดินออกมายังห้องรับแขกของบ้าน

“ คาซึยะระวังหน่อย เดี๋ยวก็ชนโต๊ะหรอก “ เสียงทุ้มร้องเตือนร่างบาง
แต่ช้าไปเจ้าตัวเล็กสะดุดขาโต๊ะเข้าอย่างจัง จนต้องร้องอูยเพราะความเจ็บ
สงสัยพรุ่งนี้คงเขียวเป็นจ้ำแน่ ๆ

“ ทำไมซุ่มซ่ามจังเลยลูก “

“ แม่อ่ะก็มองไม่เห็นนี่นา “

“ แล้วแว่นล่ะไปไหน เมื่อเช้ายังเห็น หรือทำแตกอีกแล้วเนี่ย “

“ ไม่ได้ทำแตกนะแม่ ก็นายเนี่ยทำ “ โยนเรื่องให้คนตัวโตที่ยืนตาปริบ ๆ รับไป

“ สวัสดีครับป้าทาคาโกะ “ คนตัวโตโค้งหัวทักทายเจ้าของบ้านอย่างนอบน้อม
ส่วนคนตัวเล็กหันไปเลิกคิ้วมอง ทำไมนายนี่รู้จักชื่อแม่ด้วย

“ เอ๋.....หน้าคุ้น ๆ นะเราเคยเห็นที่ไหนหรือเปล่า “ คุณแม่ยังสาวเอ่ยปากถามหนุ่มหน้ามนที่ยืนยิ้ม อยู่ตรงหน้าอย่างสงสัย

“ ผมจินคุงไงครับ ลูกแม่เรนะ “ ตอบยิ้ม ๆ เมื่อเห็นแววตาสงสัยของคุณป้าคนสวย

“ จินคุง จินคุงลูกยัยเรนะบ้าช็อปน่ะเหรอ “ ยิ้มออกมาเสียกว้างขวาง
เมื่อได้ยินสรรพนามที่คุณป้าตรงหน้าใช้เรียกขานแม่ตัวเอง
เหมือนกันไม่ใช่หรือไงว่างเป็นไม่ได้เป็นต้องชวนกันช็อปแหลก
หอบของพะรุงพะรัง กลับมาบ้านทุกที

“ โตเป็นหนุ่มหล่อขนาดนี้เชียวหรือลูก พ่อคุณ ตอนเด็กอ้วนท้วนเชียว “ ตรงเข้าไปกอดลูกชายเพื่อน
อย่างดีอกดีใจแถมลูบหลังลูบไหล่ไม่หยุด จนคนที่ยืนดูอยู่นานทนไม่ได้
ต้องเดินมาดึงแม่ตัวเองออกห่าง ๆ จากคนยืนฉีกยิ้ม
เหมือนพรีเซ็นเตอร์ยาสีฟันดาลี่ เห็นหนุ่ม ๆ เป็นไม่ได้นะแม่

“ คาซึยะ จำจินคุงได้หรือเปล่าลูก “ หันไปถามลูกชายที่ยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ข้าง ๆ

“ จำไม่ได้ “ คำพูดสั้นแสนสั้น ทำให้คนตัวโตที่กำลังลุ้นคำตอบจากปากคนตัวเล็ก
ถอนหายใจออกมาเบา ๆ

“ แหมลูกคนนี้นี่ เคยวิ่งตามเขาต้อย ๆ แท้ ๆ ทำไมความจำสั้นขนาดนี้ล่ะ “

“ ก็จำไม่ได้นี่นา เรื่องตั้งแต่ปีมะโว้ “

“ เอาเถอะ เอาเถอะ งั้นไปเปลี่ยนชุดไป จินคุงขึ้นไปบนห้องกับคาซึยะสิลูก
ล้างหน้าล้างตาเสียหน่อยอยู่ทานข้าวเย็นกับป้าก่อนแล้วค่อยกลับนะ
คนตัวโตรับคำก่อนเดินตามร่างบางที่ขึ้นบันไดไปอย่างกระแทกกระทั้น
ด้วยความไม่พอใจ ใครเขาอยากให้เข้าห้องกัน แม่นะแม่
อะไรเพิ่งเจอกันกลับอนุญาตให้คนแปลกหน้าเข้าห้องลูกตัวเอง
เหอะเดี๋ยวลูกถูกฆาตกรรมหมกห้องจะรู้สึก

“ ห้องน้ำอยู่นั่น แล้วนี่ผ้าขนหนู “ ถึงอย่างไรก็ต้องทำหน้าที่เจ้าของห้องที่ดี
ไม่อยากให้เอาไปนินทาทีหลังว่าไร้น้ำใจ พอลับร่างสูง
คนตัวเล็กกระโดดขึ้นเตียงนอนตีพุงพร้อมครุ่นคิด เคยรู้จักกันงั้นเหรอ
ตั้งแต่เด็กเลยด้วย ทำไมจำไม่ได้เลยล่ะ คิดจนหัวจะแตก

“ โอ้ย!!!! ใครจะไปจำได้เรื่องเด็ก ๆ แบบนั้น “ เอาหน้าซุกหมอนนุ่มแถมทุบปึก ๆ อย่างขัดใจ
ไม่สนแล้ว ไม่เห็นอยากจะจำได้เลย รู้แต่ตอนนี้เกลียดหมอนั่นอยู่ ไอ้คนขี้เก๊ก

“ เต่าความจำสั้น “ เสียงนุ่ม ๆ ที่ดังอยู่ข้างเตียงทำให้คนตัวเล็กกระเด้งออกจากหมอนที่ซุกกะทันหัน
เห็นคนพูดยืนส่งยิ้มบาดใจมาให้ เข้าไปทำบ้าอะไรในห้องน้ำถึงได้ไวนัก

“ สงสัยต้องเตือนความจำกันหน่อยแล้ว “ พูดพลางลงนั่งบนเตียงข้างคนตัวเล็กหน้าตาเฉย
ทำให้อีกคนต้องถอยหนีโดยอัตโนมัติ มือเรียวดึงสร้อยออกจากเสื้อเชิ้ตที่ใส่อยู่
ทำให้ตาแป๋ว ๆ ของคนนั่งข้าง ๆ ต้องมองตาม

“ จำได้ไหมว่านี่อะไร “ หยิบจี้ที่ห้อยอยู่กับสร้อยให้คนตัวเล็กดู

“ แล้วมันอะไรล่ะอันเล็กนิดเดียว ใครจะไปเห็น “

“ ก็เข้ามาดูใกล้ ๆ สิ “

“ ก็ถอดออกมาสิ “

“ ไม่ล่ะ ถ้าอยากเห็นก็ต้องเข้ามาดูเอง “
“ เรื่องมากจริง “ เอ่ยเสียงกระแทกกระทั้น แต่ตัวเองค่อย ๆ เขยิบเข้ามาจนใกล้ ทำเอาอีกคนอมยิ้ม

“ เอ๋!!! เต่าเหรอ “ จับจี้รูปเต่า มีพลอยสีแดงเม็ดเล็กอยู่ตรงกลางพลิกไปพลิกมา
ดูยังไงมันก็เต่าแหละ

“ คาซึยะเป็นคนให้ จำไม่ได้เหรอ “

“ ไม่จริงอ่ะ “ เงยหน้าขึ้นเถียงลืมไปแล้วมั้งว่านั่งใกล้กันขนาดไหน
หน้าเลยห่างกันแค่คืบเท่านั้นเอง ตาคม เคยคิดว่าดุแสนดุ ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดแม้สักนิด
มองใกล้ ๆ แบบนี้กลับเห็นบางอย่าง บางอย่างที่คนมองสบ
ไม่อาจประสานสายตาได้นานจนต้องก้มหน้าหลบ แล้วค่อย ๆ ถอยหนี
แต่ถูกคนตัวโตดึงเข้ามากอดเสียก่อน

“ จำกันไม่ได้จริง ๆ เหรอ คาซึยะ “ เสียงนุ่มเอ่ยถามเบา ๆ กับหน้าผากมน
ของคนตัวเล็กในอ้อมแขนกอดกระชับร่างนุ่ม อย่างที่อยากกอดมาแสนนาน

“ อยากให้จำได้หรือเปล่าล่ะ “ คนตัวโตก้มลงมองคนในอ้อมแขนหลังจากได้ยินคำตอบ
ตาใสแจ๋ว ของคนตัวเล็ก ไม่ได้ทำให้เข้าใจในคำตอบมากนัก

“ เรื่องในอดีตบางทีอาจไม่สำคัญสำหรับใครบางคน จำไม่ได้ก็ไม่แปลก
ใช่สิคนไม่สำคัญนี่ สร้อยที่ให้มาก็คงเป็นของไร้ค่าที่เจ้าตัวเค้าไม่อยากเก็บไว้ “
ตอบออกไปเสียยืดยาวปล่อยคนตัวเล็กในอ้อมแขนพลางหันหลังให้

“ สร้อยแบบนี้จะมีสักกี่เส้นบนโลกน้า “ เสียงเล็ก ๆ ที่ดังอยู่ข้างหลังนั่นเรียกร้องความสนใจได้มากพอดู
คนตัวโตขี้เก๊ก แถมยังขี้ใจน้อยชะงักไปนิดนึง ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นจากเตียง

“ แล้วชื่อใครน้าที่มีเต่าเป็นส่วนเกี่ยวข้องด้วยนิดหน่อย “ ร่างสูงหยุดอยู่กับที่ แต่ยังไม่หันกลับมาอยู่ดี

“ แล้วใครน้าสัญญาว่าจะเก็บสร้อยไร้ค่าไว้อย่างดี ก่อนจากกันน่ะ เอ๋!!! “
ยังไม่ทันตั้งตัวร่างเล็กบอบบางปลิวหวือเข้าไปในอ้อมแขนคนตัวโตเสียแล้ว
จมูกโด่งฝังอยู่กับเรือนผมนุ่มหอมกรุ่น

“ หึ หึ เด็กเจ้าเล่ห์ เต่าความจำสั้น “ กอดรัดร่างน้อยในอ้อมแขนด้วยความหมั่นเขี้ยว

“ ปล่อยเลยน้า ใครความจำสั้น ไม่ได้ไอคิวสองร้อยเหมือนใครบางคนนี่ จะได้จำอะไรแม่นน่ะ “

“ เรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องฉลาด ใคร ๆ เขาก็จำกันได้ทั้งนั้นแหละ “ บีบจมูกโด่งของคนอ้างโน่นอ้างนี่เบา ๆ อย่างทำโทษ

“ จำได้ตอนไหน “

“ เห็นเจ้านี่ไง “ หยิบเต่าตัวเล็กจากอกคนตัวโตมามองพร้อมรอยยิ้ม
สร้อยแบบนี้มีแค่สามเส้นบนโลกเท่านั้น มีที่พ่อ พี่ชายตัวดี
และบนคอของคนตัวโตนี่ เพราะแม่เป็นคนสั่งทำให้เป็นพิเศษ
มีพลอยประดับคนละสีเส้นนี้สีแดง ที่พ่อสีเขียว ที่พี่ชายสีน้ำเงิน ใครจะจำไม่ได้บ้างเล่า

“ โห......รู้แบบนี้ให้เห็นเจ้านี่ตั้งนานแล้ว ไม่ต้องขโมยยางลบ ปากกาให้เมื่อย “

“ เอ๋!!!! ไม่จริง จินเองเหรอ นี่แนะ ปล่อยให้เศร้ามาตั้งนาน
นึกว่าเพื่อน ๆ แกล้งเสียอีก นี่ นี่ คนชอบแกล้ง “ ทุบตุบ ๆ ลงไปบนอกกว้างอย่างโมโห
ปล่อยให้เข้าใจผิดมาตั้งนาน

“ โอ้ย!!! คาซึยะ เจ็บน้า ก็ใครล่ะจำกันไม่ได้ ไอ้เราเรอะจำได้ตั้งแต่ได้ยินชื่อแล้ว “

“ แล้วทำไมไม่บอกล่ะ เก๊กอยู่ได้ เกลียดที่สุดเลยคนอะไร “ สะบัดหน้าหนีแถมพลักอกกว้างออกห่าง
แต่มีเหรอคนตัวโตจะยอม กลับดึงเข้ามากอดแน่นกว่าเดิมอีก
เรื่องอะไรจะปล่อยให้หลุดมือ กว่าจะได้ร่างนุ่มนี่มากอดได้
ต้องอดทนอยู่นานเท่าไหร่ แล้วจะปล่อยง่าย ๆ ไม่มีทางหรอก

“ เกลียดกันจริงหรือ “ ถามเสียงนุ่มจมูกโด่งคลอเคลียอยู่กับแก้มใสไม่ยอมห่าง

“ เกลียด “ ตอบพร้อมทั้งเบี่ยงแก้มหลบ

“ เอ......เมื่อก่อนใครน้า บอกว่ารักจินอย่างนู้น รักจินอย่างนี้น่ะ “

“ ไม่รู้สิ จำไม่ได้แล้ว “

“ งั้นเรามาสร้างความจำใหม่กันดีกว่า เริ่มจากอะไรก่อนดีน้า กอดดีไหม
เอก็กอดกันอยู่แล้วนี่นา จูบแล้วกัน “

“ บ้า!!! ปล่อยเลยนะ เอ๋...อื้อออ “ ปากบางถูกบดเบียดด้วยปากอุ่นร้อนอย่างอ่อนโยน
ขบเม้มริมฝีปากล่างนุ่มนิ่ม ละเรื่อยไปยังแก้มนุ่ม จมูกโด่ง
ขบย้ำบนใบหูเล็กหอมกรุ่น วกกลับมายังปากสีชมพูระเรื่อที่เผลอคราง
ลิ้นร้อนสอดใส่เข้าไปควานหาความหวานเกี่ยวกระหวัด
ลิ้นนุ่มอย่างดูดดื่ม มือเรียวลูบไล้บนแผ่นหลังบอบบางอย่างทนุถนอม
ลากเรื่อยลงมายังสะโพกมน ก่อนจะสอดเข้าไปในชายเสื้อเชิ้ตเนื้อนุ่ม
สัมผัสผิวเรียบลื่นตรงหน้าท้องแบนราบอย่างหลงใหล

“ อ๊ะ! จินอย่า “ มือเล็กจับมือเรียวที่ลูบไล้ผ่านแผ่นอกบาง ถ้าไม่ห้ามตอนนี้
คงไม่มีเรียวแรงเหลืออีก หยุดมือเรียวได้แต่ริมฝีปากอุ่นร้อนยังซุกไซ้
ลากต่ำลงมายังลำคอระหง ผ่านมายังอกนุ่ม

“ อื้อ! จิน “ เสียงครางเบา ๆ ดังออกมาจากปากบางที่ตอนนี้ช้ำนิด ๆ
เพราะถูกบดเบียดด้วยริมฝีปากอิ่มร้อนเมื่อครู่

“ คาซึยะ จินคุง ลงมาทานข้าวได้แล้วจ้า “ ร่างสูงชะงักริมฝีปากที่กำลังกดจูบอยู่บนแผ่นอกบาง
ซึ่งตอนนี้สาบเสื้อแหวกกว้างออก หลังมือเรียวปลดกระดุมออกไปเสียสองเม็ด

“ ครับคุณป้า คุณป้าทานก่อนได้เลยครับ ผมขอคุยเรื่องความหลังกับคาซึยะอีกสักครู่ครับ “
ตะโกนตอบออกไปทั้ง ๆ ที่สายตาคมยังจ้องมองอกขาวผ่องไม่วางตา

“ ตามสบายนะ คงมีเรื่องคุยกันเยอะแยะละสิ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน “

ไม่รู้สองคนคุยอะไรกัน กว่าจะลงมากินข้าวได้ก็เกือบมืด แถมลูกชายตัวดียังสงบปากสงบคำนั่งเงียบ
หน้าแดงก่ำอยู่ข้าง ๆ ลูกชายเพื่อนรักสุดหล่อ ที่คอยตักนั่นตักนี่ใส่จานให้อย่างเอาใจ
แหมเหมือนตอนเด็ก ๆ ที่จินคุงชอบคอยเอาอกเอาใจเจ้าตัวเล็ก
แถมลูกชายเธอยังติดเขาแจไปไหนไปกันตลอดดีจัง เด็ก ๆ
รักใคร่กลมเกลียวกันดีก็หายห่วงแหละเนอะ


จบเถอะนะ





มันยาวไปเปล่าเนี่ย SF 555

ขอบคุณคนอ่าน ขอบคุณคนเม้นจ้า




 

Create Date : 30 กรกฎาคม 2552
6 comments
Last Update : 3 สิงหาคม 2552 21:27:57 น.
Counter : 745 Pageviews.

 

น่ารักทั้งฟิคยาวฟิคสั้นเลย ไรเตอร์อัพแอบหอมบ้างดิ เจ้รออ่านอยู่นะ ถ้าจบแล้วรวมเล่มได้มั๊ย เจ้ชอบ SF มากๆเลย ถ้ายังไม่อัพแอบหอมก็เขียนเรื่องสั้นออกมาให้อ่านเรื่อยๆละกันเน้อ!

 

โดย: เจ้ตา IP: 202.149.25.241 2 สิงหาคม 2552 20:50:36 น.  

 

อมยิ้มทั้งฟิคค่ะ

น่ารักมากมาย

 

โดย: nande~~ IP: 58.9.158.236 21 สิงหาคม 2552 23:51:53 น.  

 

จินอะแกล้งน้องอีกแล้วนะเนี้ย ทำอย่างนี้น้องก็แย่ดิ มากอดมาหอมน้องซะเยอะไปหมดเนี้ย อิจฉาน้องนะ มาต่อเรื่องใหม่เร็วๆ น้า จะรอค่ะ

 

โดย: kim IP: 202.47.237.250 21 ธันวาคม 2552 15:33:19 น.  

 

เรื่องนี้น่ารักอีกแล้ว จำไม่ได้แต่เห็นสร้อย
จำได้ สร้อยรูปเต่าด้วย

 

โดย: ilovejinme IP: 61.90.106.183 10 มกราคม 2553 22:30:24 น.  

 

น่ารักจังเลยค่ะ ชอบอ่า

แต่รู้สึกวิธีการแอบเด็กแหะ เหอๆ

 

โดย: Minkero IP: 125.24.3.94 13 มกราคม 2553 19:55:58 น.  

 

น่ารักมากเลย

อยากรู้จังว่าเค้าระลึกอะไรกันน๊า~

คู่ยูพีก็น่าร้ากกกพีขี้โวยวาย

มิน่าถึงได้สนิทกะเมะ ฮี่ฮี่

 

โดย: mizuki IP: 124.120.210.190 16 มกราคม 2553 0:07:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Mamesu
Location :
ปทุมธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ถ้าใกล้กว่านี้ก็กลัวว่าเธอจะถอยไป ห่างใจฉันไปไกลไม่กลับมา
Friends' blogs
[Add Mamesu's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.