ไปแอ่ววัดพระพุทธบาท..4 รอย กันเตอะ


......วัดพระพุทธบาทสี่รอย ต.สะลวง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่....

..เพิ่งมีโอกาสได้ไปแอ่ว..วันเสาร์ที่9 กุมภา 2551 นี้เอง...

..ปราะรถนาจะขึ้นไปสักการะหลายครั้งแล้ว

..ไม่มีโอกาส..สักครั้ง..ติดงานโน้น..นุ้น..นี้..อยู่เรื่อย

..วันนี้..ปะเหมาะเคราะห์ดีมีน้องชายมาชวนไป..ช่วงบ่ายๆแระ

.ไปกัน..5 คน...

...ถนนที่เข้าไป..ช่วงหลายปีมาแล้ว

ลำบากมาก..เป็นถนนดินเป็นหลุมเป็นบ่อ..

แต่ตลอดนี้..ถนนสะดวกสบายลาดด้วยปูนซีเมนต์ไปถึงวัด

.แต่ถนนเป็นทางโค้งหลายๆโค้ง...เล่นเอามึนไปเหมือนกัน....





ตำนาน พระพุทธบาท 4 รอย



คำบูชาพระพุทธบาทสี่รอย
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (ว่า 3 จบ)
สาธุ สาธุ โกสัมพิยัง อะวิทูเร เวภาระ ปัพพะเต
กกุสันโธ โกนาคะมะโน กัสสะโป โคตะโม
ปาทะ เจติยัง ชินะธาตุ จะฐะ เปตวา อะหัง วันทามิ ทูระโต



คำแปลสาธุ สาธุ ข้าพเจ้าขอวันทา นมัสการเจดีย์ คือรอยพระพุทธบาท และพระชินธาตุเจ้าทั้งหลายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า พระกกุสันโธ โกนาคะมะโน กัสสะโป และพระสิทธัตถะ โคตะโม ที่ประดิษฐานตั้งไว้ ณ. ภูเขาเวภารบรรพตนี้ ตลอดกาลนานเทอญ


วัดพระพุทธบาทสี่รอย ต.สะลวง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
ตำนานพระพุทธบาท 4 รอย

เมื่อครั้งสมัยพุทธกาล องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในศาสนาปัจจุบันนี้ได้เสด็จจารึกประกาศธรรม และโปรดเวไนยสัตว์มายังปัจจัยตะประเทศ (ประเทศไทยในปัจจุบัน)จนกระทั่งมาถึงเทือกเขาทางตอนเหนือของประเทศ ชื่อเขา เวภารบรรพต

ซึ่งขณะนั้นได้เสด็จพร้อมกับพุทธสาวก 500 องค์ และได้แวะฉันจังหันอยู่บนเขา เวภารบรรพตแห่งนี้ เมื่อพระพุทธองค์ฉันจังหันเสร็จ ขณะประทับอยู่ที่นั้น ก็ได้ทราบด้วยญาณสมาบัติว่าบนเทือกเขาแห่งนี้ ได้มีรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้ามาประทับอยู่บนก้อนหินก้อนใหญ่คือ พระพุทธเจ้าที่มาตรัสรู้ภัทรกัลป์นี้ แล้วพระพุทธองค์ก็ทรงเล็งดูรอยพระพุทธบาทแห่งพระพุทธเจ้าทั้ง 3 พระองค์ คือ พระพุทธเจ้ากกุสันธะ , พระพุทธเจ้าโกนาคมนะ , พระพุทธเจ้ากัสสปะ

อันมีในที่นี้พุทธสาวกทั้งหลาย มีพระสารีบุตรเป็นประธานเมื่อเห็นเช่นนี้จึงทูลถามว่า พระพุทธองค์ทรงเล็งดูด้วยเหตุใด

พระพุทธองค์จึงตรัสตอบว่า ดูก่อนท่านทั้งหลายสถานที่แห่งนี้แม้นว่าพระพุทธเจ้าทั้ง 3 พระองค์ ที่ล่วงมาแล้วในอดีตกาล ก็มาประทับรอยพระบาทไว้ ณ ที่นี่ทุกๆ พระองค์ และ แม้นว่าพระศรีอริยเมตไตร ก็จักเสด็จมาประทับรอยพระบาทไว้ ณ ที่นี่ และจักประทับรอยพระบาท 4 รอยให้เป็นอันหนึ่งอันเดียว ( คือประทับลบรอยทั้ง 4 ให้เหลือรอยเดียว )

เมื่อพุทธองค์ตรัสแก่สาวกทั้งหลายเสร็จแล้ว พระองค์ก็เสด็จไปประทับรอยพระบาทซ้อนรอยพระบาทของพระพุทธเจ้าทั้ง 3 พระองค์ จึงมีรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้า 4 พระองค์ จึงเกิดเป็นพระพุทธบาท 4 รอย

เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราประทับรอยพระบาทซ้อนรอยพระบาทของพระพุทธเจ้าทั้ง 3 พระองค์นั้นแล้วก็ทรงอธิษฐานว่า

ในเมื่อ (เรา) ตถาคตนิพพานไปแล้ว เทวดาทั้งหลายก็จักนำเอาพระธาตุของตถาคต มาบรรจุไว้ที่รอยพระพุทธบาทที่นี่ ในเมื่อตถาคตนิพพานไปแล้ว 2000 ปี พระพุทธบาท 4 รอยนี้ก็จักปรากฏแก่ปวงชนและเทวดาทั้งหลาย ก็จักได้มาไหว้และบูชา

เมื่อทรงอธิษฐานและทำนายไว้ดังนี้แล้วพระพุทธองค์ก็เสด็จไปเชตุวันอารามอันมีในเมืองสาวัตถีนั้นแล เมื่อพระพุทธเจ้านิพพานไปแล้วเทวดาทั้งหลายก็นำเอาพระธาตุของพระพุทธองค์มาบรรจุไว้ที่พระพุทธบาท 4 รอยเมื่อพระพุทธองค์นิพพานล่วงมาแล้วประมาณ 2000 วัสสา

เทวดาทั้งหลายต้องการอยากให้พระพุทธบาท 4 รอย ปรากฏแก่คนทั้งหลายตามที่พระพุทธองค์ทรงอธิษฐานไว้ ก็จึงเนรมิตเป็นรุ้งตัวใหญ่ (เหยี่ยว) ก็บินลงจากภูเขาเวภารบรรพต อันเป็นที่ตั้งแห่งพระพุทธบาทสี่รอยในปัจจุบันนี้เพื่อบินลงไปเอาลูกไก่ของชาวบ้าน ( คนป่า ) ที่อยู่ตีนเขาเวภารบรรพต แล้วก็บินกลับขึ้นไปสู่ยอดเขา มันก็โกรธมากจึงตามขึ้นไปคิดว่าจะยิงเสียให้ตาย มันก็คิดตามไปค้นหาดู แต่ก็ไม่เห็นรุ้งตัวนั้น แต่เห็นรอยพระพุทธบาท 4 รอยอันอยู่พื้นต้นไม้และเถาวัลย์

พรานป่าผู้นั้นก็ทำการสักการะบูชาเสร็จแล้วก็ลงจากภูเขา พอมาถึงหมู่บ้านก้เล่าบอกแก่ชาวบ้านทั้งหลายฟัง ข้อความอันนั้นก็ปรากฏสืบๆ กันไปแรกแต่นั้น คนทั้งหลายที่ทราบก็พากันไปสักการะบูชามาก แต่นั้นมาจึงได้ชื่อว่าพระบาทรังรุ้ง (รังเหยี่ยว)

ในสมัยนั้นมีพระยาคนหนึ่งชื่อว่า พระยาเม็งราย เสวยราชสมบัติในเมืองเชียงใหม่ ได้ทราบข่าวจึงมีพระราชศรัทธาอยากเสด็จขึ้นไปกราบบูชาพระพุทธบาท 4 รอย ก็นำเอาราชเทวีและเสนาพร้อมกับบริวารทั้งหลาย เมื่อพระยาเม็งรายกราบนมัสการเสร็จแล้ว ก็นำเอาบริวารของตนกลับสู่งเมืองเชียงใหม่ ก็ตั้งอยู่เสวยราชสมบัติตราบเมี้ยนอายุขัย แล้วลูกหลายที่สืบราชสมบัติก็เจริญรอยตามและได้ขึ้นมากราบพระพุทธบาท 4 รอย ทุกๆ พระองค์

หลังจากนั้นมาพระบาทรังรุ้งหรือรังเหยี่ยวนี้ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น พระพุทธบาทสี่รอย เพราะมีรอยพระพุทธบาทประทับซ้อนกันถึง4 รอย มาในสมัยยุคหลังคนทั้งหลายจึงเรียกขานกันว่าพระพุทธบาทสี่รอย คือมี

รอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าทั้ง 4 พระองค์ ที่ล่วงมาแล้วในภัทรกัลป์นี้ คือ

1 รอยพระบาทของพระพุทธเจ้ากกุสันธะ รอยแรก เป็นรอยใหญ่ยาว 12 ศอก

2 รอยพระบาทของพระพุทธเจ้าโกนาคมนะ เป็นรอยที่ 2 ยาว 9 ศอก

3 รอยพระบาทของพระพุทธเจ้ากัสสปะ เป็นรอยที่ 3 ยาว 9 ศอก

4 รอยพระบาทของพระพุทธเจ้าโคตะมะ (ศาสนาปัจจุบันนี้) เป็นรอยที่ 4 รอยเล็กสุดยาว 4 ศอก

เมื่อมาถึงสมัยพระยาธรรมช้างเผือก ผู้ครองนครเชียงใหม่ พร้อมด้วยบริวาร 500 คน ก็ขึ้นไปกราบสักการะบูชาพระพุทธบาท 4 รอย และได้สร้างพระวิหารครอบพระพุทธบาทสี่รอยไว้ชั่วคราวโดยแต่เดิมถ้าใครจะดูรอยพระพุทธบาทบนยอดหินก้อนใหญ่ ต้องใช้บันไดพาดขึ้นไป หรือปืนขึ้นไปดูซึ่งก็คงจะขึ้นได้เฉพาะผู้ชายเท่านั้น

ดังนั้นพระยาธรรมช้างเผือกจึงตรัสสร้างแท่นยืนคล้ายๆนั่งร้านรอบๆ ก้อนหินที่มีพระพุทธบาท สี่ รอย เพื่อที่ผู้หญิงจะได้เห็นรอยพระพุทธบาทด้วย และได้สร้างหลังคาชั่วคราวมุงไว้ ต่อมาในสมัยพระชายาเจ้าดารารัศมีก็ได้ขึ้นไปกราบนมันสการพระพุทธบาท 4 รอย และได้มีพระราชศรัทธาก่อสร้างวิหาร เป็นการกราบบูชารอยพระพุทธบาทไว้ 1 หลัง หลักเล็ก ปัจจุบันได้บูรณะปฏิสังขรณ์แล้วทั้งหลัง จะเหลือไว้แค่ผนังวิหาร พื้นวิหารและแท่นพระซื่งยังเป็นของเดิมอยู่

พอมาสมัยเมื่อปี พ.ศ. 2472 ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทยก็ได้ขึ้นไปกราบนมัสการพระพุทธบาทสี่รอย และได้รื้อพระวิหารที่เจ้าพระยาธรรมช้างเผือกสร้างไว้ชั่วคราว และได้สร้างพระวิหารครอบรอยพระพุทธบาทไว้ใหม่และได้ลาบปูนครอบรอยพระพุทธบาทไว้ เพื่อรักษาให้อยู่ค้ำชูพุทธศาสนาไปตลอดกาลนาน






..........รูปรอยพระบาท..........






......รอยพระบาท...

..พยายามจะถ่ายให้ได้เต็มๆ..

..แต่ก้อได้แค่นี้แระจ้า...






เข้าไปชมภาพต่อในเวบนี้นะคะ
//www.212cafe.com/freewebboard/view.php?user=plaraus&id=35




Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2551 3:19:08 น.
Counter : 1849 Pageviews.

25 comments
  
เจิม...ซะหน่อย
ถ้าอยู่ใกล้ๆก็คงจะได้แอ่ว
นี่อยู่ไกลจังเมื่อไหร่จะมีเวลาไปแอ่วน้อ
****************************
โดย: คนสาธารณะ วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:16:28:47 น.
  
มาตามไปแอ่วด้วยคนเน้อ

หายมึนโค้งแล้วยังคะ
โดย: D*U*A*N (thisisduan ) วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:20:22:36 น.
  
ทางนี่ รถบัสใหญ่ไปได้ปะคะ? แหะๆ

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:21:26:37 น.
  
สวัสดีวันจันทร์ขอรับ อิ อิ ไว้ว่างก่อนคงมีโอกาสได้แอ่ว เจ้า
โดย: คนสาธารณะ วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:12:48:31 น.
  
สวัสดีอีกรอบค่ะ

คือ..จะบอกว่า

พอได้อ่านจริงๆ อาจจะไม่อินก็ได้ค่ะ

ด้วยความที่หนังสือมันเป็นสไตล์หนังสือญี่ปุ่น เดินเรื่องเรียบๆ เรื่อยๆ ไม่บีบคั้น

ซึ่งถ้าใครไม่ค่อยอ่านแนวนี้ หรือไม่คุ้นกับสไตล์นี้อาจไม่อินนักน่ะค่ะ

แต่ก็อยากให้ลองหามาอ่านดูนะคะ
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:13:01:54 น.
  
ขอขึ้นเหนือด้วยคนนะคะ...สวัสดีวันทำงานจ้า...กว่าสาวจะไปรับจิ๋วก็เดือนเมษา หลังเชงเม้งคะ เพราะสาวต้องไป อ.สุไหงโกลก คาดว่าจะไปกลันตัน ไปเยี่ยมญาติด้วย ไม่รู้จะไปกี่วันอีก คิดถึงจะแย่ อยากเห็นการพัฒนาการ แต่ก็ต้องทำใจ...
โดย: sawkitty วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:14:45:39 น.
  
เคยไปแต่ที่เขาคิชกูฏอ่ะค่ะ มีรอยพระพุทธบาท 2รอย
โดย: printcess of the moon วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:15:32:30 น.
  
ขอตามมาสักการะบูชารอยพระพุทธบาตร ด้วยคนนะคะ

โดย: ~Baan_Ohana~ วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:22:08:24 น.
  
เข้าวัดไม่ได้ค่ะพี่รุ่ง
กรี๊ดๆๆ ร้อนๆๆ 55
ไว้มีโอกาศจิไปแอ่วบ้างเน้ออ
โดย: ตุ๊กตาซัง วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:6:16:57 น.
  

more graphics comments layout.


ใกล้วันแห่งความรักแล้ว มาสร้าง "เสน่ห์ใจ"
เพื่อคนรอบๆตัวเรากันนะครับ
โดย: ลุงแอ๊ด วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:9:04:45 น.
  


..ตามไปแอ่วหื้อคนนะคะ...

โดย: Nok_Noah วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:21:16:57 น.
  



ขอให้มีความสุข สมหวัง ในเทศกาลแห่งความรักค่ะคุณยุ้ย
โดย: แซนด์ซี วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:47:29 น.
  

ปล.ขอแก้เป็นคุณรุ้งค่ะ ขอโทษด้วยค่ะ
โดย: แซนด์ซี วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:48:25 น.
  



วันวาเลนไทน์สบายจิตคิดเรื่องรัก
แน่นอนนักรักใครใครไม่หน่ายหนี
รักตัวเองรักแม่พ่อไม่รอรี
รักความดีรักถูกต้องครรลองธรรม

ส่วนรักแฟนรักผัวรักเมียไม่เสียหรอก
อย่ากลับกลอกยอกย้อนทำให้ขำ
รักเข้าไปให้มากมากจงน้อมนำ
อย่าให้ช้ำอย่าให้ชอกอย่าหลอกกัน


สุขีวันดีวาเลนไทน์นะครับ
โดย: ม้าห้อ.....ล้อคลื่นรัก (cm-2500 ) วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:22:00:18 น.
  

สุขสันต์ วันแห่งรักนะคะ
มีความสุขมากๆค่ะ
อยากไปแอ่วนะเจีา ... แต่เสียดาย
อยู่ไกลจัง กลับเมืองไทย เมื่อไหร่ จะไป
ปิ๊กหา นะเจ๊า



โดย: นายกุหลาบย วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:10:29:03 น.

โดย: แก้ไข (gripenator ) วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:2:41:54 น.
  



คุณ gripenator คะ..

มีความสุขวันแห่งความรักนะคะ





โดย: Nok_Noah วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:6:22:14 น.
  
มาส่งความสุขวันแห่งความรักจ้า

มีความสุขมากๆ นะคะ
โดย: ~Baan_Ohana~ วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:9:57:02 น.
  


มีความสุขกับความรักในทุกๆวันนะคะ
โดย: มัยดีนาห์ วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:12:50:32 น.
  
ตามมาเที่ยวจ้า แล้วก็เอารักมาฝากด้วยนะ

สุขสันต์วันแห่งความรัก

โดย: IMO วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:16:03:38 น.
  
โดย: sawkitty วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:17:04:38 น.
  
มาขอบคุณสำหรับคำอวยพรค่ะ

ขอให้พรกลับไปยังจขบ.ด้วยนะคะ
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:17:38:06 น.
  
วันนี้เข้ามาเพื่อตามไปเที่ยว
วัดนี้ไม่เคยไปเลย เคยไปแต่วัดพระบาทตากผ้า
(ไม่แน่ใจชื่อถูกหรือเปล่าเพราะไปมานานมากแล้วครับ)
โดย: ลุงแอ๊ด วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:17:55:24 น.
  
สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่พาเที่ยวค่ะ ถ้ามีโอกาสอยากเที่ยวเชียงใหม่หลายวันเลยค่ะ สถานที่สำคัญ ๆ เยอะมากเลย

ป.ล. ปรับบล็อกใหม่เก๋ไก๋จังค่ะพี่รุ่ง
ไม่ค่อยได้เข้าบล็อกเลยค่ะช่วงนี้ เตรียมสอบอ่ะค่ะ
โดย: ดอยปุย วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:19:58:22 น.
  


โดย: นายกุหลาบ วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:21:14:58 น.
  




โดย: พิจักษณา วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:14:48:32 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

gripenator
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




: Users Online

hawaiihawaii
ยินดียิ่งแล้ว แขกแก้วมาเยือน ต้อนรับพ้องเพื่อน ทั่วทุกๆคน
hawaiihawaii
กุมภาพันธ์ 2551

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
 
 
All Blog
Friends Blog
[Add gripenator's blog to your weblog]