|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
Collagen คือ "คอลลาเจน คืออะไร"
ผิวหนังเราทั้งทำหน้าที่เป็นเกราะกำบังร่างกายต้องสัมผัสกับแดดจ้าฝุ่นควันพิษต่างๆ นาๆ ไม่เว้นแต่ละวัน อันเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวพรรณแห้งเหี่ยว หยาบกระด้าง และเกิดริ้วรอย นอกจากนี้พฤติกรรมการดำเนินชีวิตบางอย่าง เช่น นอนดึกสูบบุหรี่ ดื่มกาแฟ ฯลฯ ยังเป็นตัวการสำคัญที่คอยเร่งให้ผิวพรรณที่เคยเปล่งปลั่งต้องเสื่อมสภาพก่อนเวลาและวัยอันควรปัจจัยสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่มีผลต่อการเหี่ยวย่นของผิวพรรณก็คือ คอลลาเจน (Collagen) ซึ่งเป็นโปรตีนที่มีอยู่ทั่วไปในร่างกายในปริมาณร้อยละ 6 ของน้ำหนักตัว หรือประมาณ 1 ใน 3 ของโปรตีนทั้งหมดที่มีในร่างกายโดยจะอยู่ภายใต้ผิวหนังชั้นหนังแท้ (Dermis) ซึ่งจะประกอบด้วยคอลลาเจนถึง 75%
collagen คือ "คอลลาเจน คืออะไร"คอลลาเจน (collagen) มีสารประกอบที่สำคัญคือ Proteoglycan และ Glyconsaminoglycans ซึ่งเป็นโครงสร้างหลักของผิวเส้นผม เล็บ กระดูก ข้อต่อ ตลอดจนผนังหลอดเลือด จึงทำให้มีบางคนเรียก คอลลาเจน (collagen) ว่า "กาวแห่งชีวิต" เพราะทำหน้าที่เชื่อมเซลล์และอวัยวะต่างๆ ในร่างกายเข้าด้วยกันรวมทั้งปกป้องอวัยวะภายในร่างกายให้อยู่ด้วยกันในผิวหนังชั้นหนังแท้ นอกจากนี้ คอลลาเจน (collagen) ยังมีส่วนช่วยเสริมสร้างความเรียบตึงของผิวหนังทำให้ผิวแข็งแรงและเรียบเนียน โดยจะทำหน้าที่คู่กับโปรตีนที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งคือ อีลาสติน (Elastin) ซึ่งช่วยสร้างความยืดหยุ่นให้กับผิวและทำให้ผิวไม่มีริ้วรอย ดังนั้นในปัจจุบันเราจึงมักจะพบเห็นหรือได้ยินการกล่าวถึง คอลลาเจน (collagen) กันอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะในแวดวงความสวยความงาม การสูญเสีย คอลลาเจน (collagen)น่าเสียดายที่เราพบข้อเท็จจริงว่าคนเราเมื่อมีอายุ 25 ปีขึ้นไป คอลลาเจน (collagen) จะเริ่มเสื่อมสภาพลงเพราะอัตราการสังเคราะห์ คอลลาเจน (collagen) ใต้ผิวหนังในชั้นหนังแท้จะลดลงถึง 1.5% ต่อปีและเป็นความโชคร้ายที่จะเกิดกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชายหรือที่เป็นปัญหาเรื่องแก่ก่อนวัยของสาวๆ ซึ่งอัตราการลดลงของ คอลลาเจน (collagen) ในผิวหนังนั้นจะมีผลให้ผิวพรรณค่อยๆ สูญเสียความชุ่มชื้น ยุบตัวลง ผิวที่เคยสวยเต่งตึงก็จะเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นและสัญญาณของความร่วงโรยจะค่อยๆ เริ่มขึ้นเมื่ออายุ 30 ปีผิวจะเริ่มหย่อนคล้อยยิ่งอายุเพิ่มขึ้นสัญญาณของความร่วงโรยก็จะเพิ่มเป็นเงาตามตัว อัตราการเริ่มสูญเสียคอลลาเจน (collagen) เมื่ออายุ 25 ปีขึ้นไป- อายุ 30-39 ปี ผิวจะเริ่มมีรอยย่นบางๆ ทอดยาวบริเวณหน้าผาก มีริ้วรอยเล็กๆ ใต้ขอบตาล่างและหางตาจะเห็นชัดเวลายิ้มและมีรอยย่นตรงระหว่างคิ้วซึ่งจะเห็นชัดเวลาหน้านิ่ว มีริ้วรอยบางๆ ที่ร่องแก้มจากจมูกจนถึงเหนือริมฝีปาก อาจเกิดไฝ กระ ฝ้าทั้งแบบลึกและตื้นขนาดของรูขุมขนจะเห็นชัดขึ้น
- อายุ 40-49 ปี รอยย่นบริเวณหน้าผาก ระหว่างคิ้ว ใต้ขอบตาล่างและหางตาเห็นชัดเจนมากขึ้น รอยย่นข้างแก้ม และร่องแก้มลึกทอดยาวไปจนจดมุมปาก มีฝ้าชนิดลึกมากขึ้นสภาพผิวเริ่มแห้งมีรูขุมขนใหญ่และเริ่มจะเป็นสิวอีกครั้ง มีติ่งเนื้อขึ้นกระจัดกระจายเป็นตุ่มเล็กๆ สีน้ำตาลภาวะนี้เรียกว่าวัยเริ่มตกกระ
- อายุ 50-64 ปี ผิวจะมีสภาพเหมือนกับวัย 40-49 ปี แต่จะมีรอยย่นตามร่องแก้มลึกทอดยาวไปจนถึงบริเวณใต้มุมปาก มีฝ้าเกิดขึ้นและติ่งเนื้อมีขนาดใหญ่ขึ้น
- อายุ 65 ปี ขึ้นไปผิวหนังหยาบกร้าน มีริ้วรอยทั่วหน้า ริมฝีปากบางมีรอยย่นเหนือริมฝีปาก ส่วนการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ คล้ายกับวัย 50-64 ปี
ดังนั้นจึงถือว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติที่ต้องเกิดขึ้นกับทุกคนโดยที่เราไม่สามารถหยุดยั้งได้ แต่เราสามารถช่วยชะลอความเสื่อมของผิวพรรณและรักษาผิวไว้ให้ดูดีให้นานที่สุดได้เช่นเดียวกัน โดยการใช้ สารสกัดโปรตีน คอลลาเจน (collagen) เพื่อทดแทน คอลลาเจน (collagen) ที่สูญเสียไป การทดแทน คอลลาเจน (collagen) ที่สูญเสียไปการนำสารสกัดโปรตีน คอลลาเจน (collagen) เข้าสู่ร่างกายเพื่อผลในการบำรุงผิวและลดริ้วรอยนั้นปกติทำได้ 2 วิธีคือ การฉีดเข้าใต้ผิวหนังชั้นหนังแท้และการรับประทานในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เนื่องจาก คอลลาเจน (collagen) เป็นโปรตีนที่มีโครงสร้างโมเลกุลใหญ่มากดังนั้นจึงไม่สามารถซึมผ่านผิวหนังได้ด้วยการทา ซึ่งครีมบำรุงผิวต่างๆ ตามท้องตลาดที่มีส่วนผสมของ คอลลาเจน (collagen) ก็จะเป็นเพียงการผลัก คอลลาเจน (collagen) ให้เข้าไปอยู่ได้แค่ชั้นผิวหนังกำพร้า แต่เนื่องจาก คอลลาเจน (collagen) มีคุณสมบัติอุ้มน้ำไว้ได้ประมาณ 30 เท่าของน้ำหนักจึงทำให้ผิวชั้นหนังกำพร้าชุ่มชื้นขึ้นเท่านั้นจึงไม่สามารถแก้ไขปัญหาริ้วรอยได้อย่างเป็นรูปธรรม และหากจะเปรียบเทียบระหว่างการฉีด คอลลาเจน (collagen) เข้าใต้ผิวหนังกับการรับประทานแล้ว จะพบว่า วิธีการรับประทานนั้นง่ายและสะดวกมากกว่าการฉีด ซึ่งค่อนข้างยุ่งยากมีค่าใช้จ่ายสูงและต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ
นอกจากนี้การรับประทานนั้นยังเป็นการนำ คอลลาเจน (collagen) เข้าไปเสริมสร้างทั้งส่วนของผิวหน้าและผิวพรรณทั่วร่างกาย โดยผลการวิจัยด้านโภชนาการได้ค้นพบว่า การรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนประกอบของสารที่สกัดจากโปรตีนของปลาทะเลน้ำลึกบางประเภทที่มีโครงสร้างทางโมเลกุลคล้ายกับโครงสร้าง คอลลาเจน (collagen) ของผิวคนเรา โดยวิธีการ Enzymatic Hydrolysis เป็นประจำอย่างต่อเนื่องนั้น สามารถช่วยเสริมสร้าง คอลลาเจน (collagen) ที่สูญเสียไปตามวัยที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งช่วยปกป้องและชะลอริ้วรอยเหี่ยวย่น รอยตีนกา ความแห้งกระด้าง ช่วยให้ผิวพรรณมีความชุ่มชื้น นุ่มนวล คงความยืดหยุ่นของผิวไว้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงเล็บและเส้นผมให้มีสุขภาพดีได้อีกด้วย บุคคลใดควรรับประทาน คอลลาเจน (collagen)คอลลาเจน (collagen) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาความอ่อนเยาว์และบำรุงผิวพรรณที่ถูกทำลายหรือเสื่อมสภาพลงเนื่องจากวัยที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหญิงและชายที่มีอายุมากกว่า 25 ปีขึ้นไปและควรศึกษาคำเตือนบนฉลากหรือบรรจุภัณฑ์ก่อนการรับประทานขอขอบคุณข้อมูลผิวขาวจาก vistra ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต
Create Date : 17 ธันวาคม 2556 |
|
1 comments |
Last Update : 17 ธันวาคม 2556 12:23:36 น. |
Counter : 887 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: น้องแอม IP: 203.156.142.194 15 มกราคม 2557 15:21:40 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ลอง ทักไลน์ไอดี jeen537 ไปคุยดู หน้าดีขึ้นเยอะเลย 555 มีความสุข