อากาศยามเช้าในช่วงต้นปียังคงหนาวเหน็บ หนาวนี้หนาวนานและยาวกว่าทุกปีที่ผ่านมา นอกบ้านลมหนาวพัดกรรโชกแรงจนฉันต้องกระชับเสื้อตัวหนาให้เข้ากับตัว ใครนะช่างเปรียบเปรยว่า ลมหนาวพัดแรงราวกับกรรโชกหัวใจไปกับความคิดถึง ** ฉันอดไม่ได้ที่จะเห็นด้วยกับถ้อยเฉลยนี้ ถ้าเช่นนั้นลมหนาวที่พัดแรงคงกระชากหัวใจฉันไปกับความคิดถึงแล้วสินะ และหากว่า ลมหนาวพัดพาหัวใจไปพร้อมกับความคิดถึงได้ ไยสายลมหนาวที่พัดแรงจึงไม่พัดพาความน้อยใจที่ฉันมีต่อคุณให้พ้นไปจากใจฉันได้หนอ
** บางถ้อยคำ จาก “ ฤดูกาล ดอกไม้ และบางอย่างในชีวิต ” ของพันธุ์ภิรมย์
ยังเช้าเกินกว่าที่จะรดน้ำต้นไม้ ฉันรำพึงในใจพลางเดินฝ่าสายลมหนาวออกมานอกบ้าน ทางเดินในหมู่บ้านยังสลัวและมัวซัวเพราะม่านหมอกอันเกิดจากความหนาวเย็น ชมพูพันธุ์ทิพย์ที่ปลูกไว้เรียงรายเป็นทิวแถวอออกดอกพร่างพรมเป็นสีชมพูไปทั้งต้น กลีบดอกบอบบางราวกับปีกของผีเสื้อร่วงหล่น ควะควะคว้างอยู่ท่ามกลางสายลมหนาว
บนทางเดินกลาดเกลื่อนดารดาษไปด้วยกลีบดอกสีหม่นจางของชมพูพันธุ์ทิพย์ ช่วงหนาวเช่นนี้ จะมีไม้ดอกชนิดไหนสวยเกินไปกว่าตาเบบูญ่าอีกหรือ ยามที่เธอทิ้งใบทั้งต้นเหลือแต่ดอกสีชมพูอ่อนแต่งแต้มกิ่งก้านใบที่ระเกะระกะไปทั้งต้นแล้ว ช่างดูหวานละมุน สวยสะดุดตาจนฉันหลงรักตาเบบูญ่าแทบหมดหัวใจ ฉัน ว่า ตาเบบูญ่าสีใดใด ต่างก็ดูงดงามประทับใจสำหรับฉัน ไม่ว่าจะเป็นชมพูเข้ม ชมพูอมม่วง หรือชมพูที่อ่อนจางไปจนแทบจะกลายเป็นสีขาวก็เฉกเดียวกัน
ความจริงแล้ว ฉันชอบชื่อเดิมของเธอ “ตาเบบูญ่า ”มากกว่าชื่อใหม่ “ชมพูพันธุ์ทิพย์ ”อันเป็นชื่อที่ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ ม.ร.ว.พันธุ์ทิพย์ บริพัตรผู้นำไม้พื้นเมืองของอเมริกาใต้ชนิดนี้เข้ามาปลูกในประเทศไทยเป็นคนแรก
ฉันจำได้ว่า ฉันมักจะหัวเราะขำคุณแทบทุกครั้งเวลาที่คุณเรียกชื่อเธอว่า “ชมพูบริพัตร” ฉันแย้งคุณว่า “ชมพูพันธุ์ทิพย์ต่างหากเล่า ไม่ใช่ชมพูบริพัตร ต้องเป็นพันธุ์ทิพย์สิ เพราะเป็นชื่อของม.ร.ว.พันธุ์ทิพย์ บริพัตร ” “ก็เหมือนกันนั่นล่ะ ตอนเรียนหนังสืออยู่ที่มหาวิทยาลัย เค้าก็เรียกชมพูบริพัตรกันทั้งนั้น ” “ ก็มันไม่ใช่นี่ บริพัตรน่ะเป็นนามสกุล เค้าก็ต้องตั้งให้ตามชื่อคนที่เอามาปลูกสิ ถ้าตั้งเป็นนามสกุลแล้วจะรู้ได้ไงล่ะคะว่าใครนำมาปลูกเป็นคนแรกในเมืองไทย ก็คนที่นามสกุลนี้มีตั้งเยอะแนะ ” คุณทำหน้าเชื่อมั่นก่อนที่จะบอกว่า “ จริงจริงนะ ก็เรียกอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว ” แล้วฉันก็จะสรุปว่าคุณเรียกผิด ในขณะที่คุณก็สรุปว่าคุณเรียกถูกเหมือนเช่นทุกครั้งที่เราเรียกชื่อไม้ดอกนี้ในชื่อสามัญของไทย
นี่อาจเป็นอีกหนึ่งเหตุผลกระมังที่ทำให้ฉันชอบเรียกชื่อเธอในนามของ “ตาเบบูญ่า”มากกว่าชื่ออื่นใด แต่เหตุผลหลักของฉันนั้นอาจเป็นเพราะ ฉันคิดว่า ชื่อ “ตาเบบูญ่า”นั้นฟังดูอ่อนหวานเหมือนตัวเธอมิผิดเพี้ยนมากว่าต่างหาก
เธอเป็นไม้ดอกที่ดูแสนจะอ่อนหวานและบอบบาง กลีบดอกหยักบางรูปทรงแตรจะจางสีลงไปตามกาลเวลาของการผลิบาน ก่อนที่จะทิ้งตัวร่วงหล่นลงสู่ดิน ช่างดูอ่อนหวานแกมศร้า เป็นความสวยแบบเหงาเหงา ฉันสรุปในใจ
กลีบดอกบางบางสีชมพูหม่นปลิดปลิวลงจากต้นท่ามกลางสายลมหนาว กลีบดอกบางหล่นค้างอยู่บนศรีษะ ฉันหยิบกลีบดอกที่บอบบางนั้นมาเพ่งพินิจ กลีบดอกหยับย่นบอบช้ำ ช่างเหมือนหัวใจของใครบางคนในยามนี้มิผิดเพี้ยน
จากข้อมูลเกี่ยวกับพันธุ์ไม้บางเล่ม ระบุไว้ว่า “ดอกสวยสะดุดตา แต่กิ่งเปราะ หักง่าย ” อืม ดอกสวยสะดุดตา กิ่งเปราะ หักง่าย เหมือนอะไรหนอ เหมือนหัวใจของฉันกระมัง
บ่อยครั้งที่ฉันรู้สึกว่าโลกกว้างเกินความเป็นจริง กว้างจนอยากให้มีใครสักคนมาอยู่ข้างข้าง เพื่อเติมเต็มหัวใจที่อ้างว้างนั้น เพื่อลดช่องว่างในหัวใจให้น้อยลง เพียงเพื่อหัวใจไม่รู้สึกเคว้งคว้างเกินไป เหมือนเช่นที่ใครบางคนเคยบอกว่า เพราะความรักนั้น มีพลัง แข็งแรงและอบอุ่น พอที่จะยึดหัวใจให้มั่นคงได้
คุณมักบอกกับฉันเสมอว่า ฉันชอบน้อยใจได้ในทุกทุกเรื่อง “ น้อยใจอะไรก็ไม่รู้ อะไรนิดอะไรหน่อยก็ไม่ได้ ” คุณพูดอย่างเหนื่อยหน่าย บางทีคุณอาจเบื่อด้วยซ้ำ ฉันแอบคิดในใจ ฉันอยากบอกคุณว่า ฉันไม่ได้อยากน้อยใจกับการกระทำของคุณหรอกนะ เพราะเวลาที่ฉันเกิดความรู้สึกเช่นนี้กับใครใคร ไม่ว่าคุณหรือใครก็ตาม มันเจ็บปวดและบีบคั้นหัวใจเกินไป ฉันเองก็ไม่อยากรู้สึกเช่นนี้หรอกนะ ความรู้สึกน้อยใจที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้ฉันรู้สึกได้ถึงความไร้ค่า ต่ำต้อย อ่อนไหวและเปราะบางจนเกินไป ความรู้สึกน้อยใจที่เกิดขึ้นกับตัวฉันบ่อยบ่อยนี้ มันช่างน่ารังเกียจเสียเหลือเกิน เพราะแม้แต่ตัวฉันเองยังรับรู้ได้ว่า เป็นเรื่องที่ไม่ถูก ไม่ควร ไม่ถูกกาลและเทศะ ที่จะให้เกิด มีหรือเป็นเช่นนี้เลย
อยากบอกกับคุณว่า ไม่ได้อยากน้อยใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว ไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้นแม้แต่น้อย ไม่อยากทำให้คุณรู้สึกฉุนเฉียวหรือเบื่อหน่าย ยามที่เห็นฉันเป็นเช่นนี้
เพื่อที่จะทำให้ดูดี ฉันควรทำเช่นไรล่ะ ฉันควรบอกว่า เข้าใจ มากกว่าที่จะบอกว่า น้อยใจกระนั้นหรือ คงจะดีหากทำเช่นนั้นได้ แต่ก็นั่นล่ะนะ ฉันคงมิอาจหักห้ามความรู้สึกน้อยใจที่เกิดขึ้นได้ เฉกเดียวกับที่ไม่อาจห้ามกาลเวลาที่ผ่านเลยไปอย่างรวดเร็ว ไม่อยากเหงา อ้างว้างและเงียบงันอยู่ในหัวใจ ราวกับโลกจะร้างรา และห่างไกลจากผู้คน เพิ่งเข้าใจ เหมือนเช่นวันนี้
คุณรู้ไหม ในชีวิตคนเรานั้น มีเพียงของสามสิ่งเท่านั้นที่ไม่ควรทำให้แตกหักหรือเสียหาย คือ ของเล่น หัวใจและคำมั่นสัญญา ฉันเชื่อเช่นนั้น.....
เขียนให้กับ "คุณ"
ผู้ซึ่งมีหัวใจอ่อนไหว
และซึมซับทุกเรื่องราว
กับหัวใจใครใครทั้งโลก
เว้นแต่เพียง....หัวใจของฉัน
รอมแพง อริยมาศ : เรื่อง
ชัยวุฒิ ประเสริฐศรี : ภาพ
พิมพ์ครั้งแรกปี พ.ศ. 2549
ในนิตยสารกุลสตรีรายปักษ์
พิมพ์ครั้งที่สองใน
"ฟังเสียงดอกไม้ทักทายกัน"
พ.ศ.2550
โดยแพรวสำนักพิมพ์
Create Date : 10 มกราคม 2551 |
Last Update : 5 สิงหาคม 2553 18:10:09 น. |
|
54 comments
|
Counter : 1428 Pageviews. |
|