เบญจเพสยังไม่เท่าวิกฤติวัยกลางคน Magnolia มักเห็นหนุ่มสาวที่เพิ่งเข้าสู่วัยทำงานไม่นานวิตกกังวลกับวัย 25 หรือเบญจเพส ซึ่งโบราณเชื่อกันว่าเป็นวัยที่ต้องระมัดระวังชีวิตเป็นพิเศษ อาจจะเกิดเรื่องดีสุด แย่สุด เรื่องไม่คาดฝันหรืออุบัติเหตุร้ายแรงอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ เราว่าอาจจะเป็นกุศโลบายการใช้ชีวิตของคนโบราณมากกว่าที่ไว้เตือนสติคนวัยนี้ ซึ่งเป็นวัยหลังเรียนจบ ก้าวสู่การเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวเพื่อให้ใช้ชีวิตไม่ประมาท ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เงิน ความรัก หรือชีวิตส่วนตัวใดๆ ก็ตาม หลายคนอาจจะพลั้งเผลอคิดว่าตนเองยังมีชีวิตอีกยาวไกล จึงใช้ชีวิตสิ้นเปลือง ทำอะไรก็ได้ ตัดสินใจรวดเร็วโดยไม่คิดมาก ไม่ห่วงหน้าพะวงหลัง พอมีคำว่า “เบญจเพส” ก็อาจจะทำให้ฉุกคิดได้บ้าง เอาเข้าจริง เบญจเพสมันก็คือช่วงชีวิตหนึ่งเท่านั้นไม่ได้เกิดเหตุเภทภัยขึ้นกับทุกๆ คน แต่ของจริงมันอยู่ที่วัยกลางคนที่เจอวิกฤติมากกว่า และวิกฤตินั้นมักจะเลี่ยงไม่ได้เสียด้วย ไม่ต้องทำบุญ ไม่ต้องมู ก็ต้องประสบพบเจอกันทุกคน แค่พวกเขายังไม่รู้จักกับคำว่า “วิกฤติวัยกลางคน” เท่านั้น หลายตำราอาจจะแบ่งช่วงที่ชีวิตจะต้องเจอวิกฤติวัยกลางคนต่างกัน บ้างก็ว่า 35-50 ปี บ้างก็ว่า 40-55 ปีก็มี แต่ไม่ว่าจะเป็นช่วงอายุใด ก็มักเจอเรื่องคล้ายๆ กัน แบบที่เบญจเพสเทียบไม่ติดเลย Magnolia ขอแบ่งปันตัวอย่างในฐานะที่เบญจเพสสองรอบแล้ว เรื่องสุขภาพกายน่าจะเป็นเรื่องแรกๆ ที่เห็นชัดที่สุด ใครที่ใช้ชีวิตสิ้นเปลืองมาก่อน มันจะมาสำแดงฤทธิ์เดชเอาวัยกลางคน ต่อให้เพิ่งจะมาคิดออกกำลังกายดูแลตัวเอง ก็อาจจะสายเกินไปแล้ว โรคภัยไข้เจ็บถามหาอาจไม่ถึงขั้นโรคร้ายแรง แต่สังเกตได้ว่าภูมิคุ้มกันไม่ดีเหมือนตอนเป็นหนุ่มสาว เจ็บออดๆ แอดๆ ปวดโน่นเมื่อยนี่ ออฟฟิศซินโดรมเป็นทิวแถว เมื่อก่อนนอนน้อยไม่เป็นไร พอวัยนี้มาถึง หน้ามืดตาลายต้องพกยาดมยาหม่องติดกระเป๋าเสมอ หรือไม่ก็ง่วงเหงาหาวนอนอ่อนเพลีย จะหาแต่คาเฟอีนเข้าร่างทุกเช้า สุขภาพผิวพรรณก็เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เครียดนิดเครียดหน่อยนอนไม่หลับ หน้าตาหมองเหมือนโดนของเขมร หงอกขึ้นอย่างรวดเร็ว ฮอร์โมนสวิง สิวฝ้า ริ้วรอยจัดเต็ม น้ำหนักที่เคยเผาผลาญดี แค่หยุดออกกำลังกายไม่กี่วัน พุงย้วยเสียแล้ว สุขภาพสายตาเริ่มแย่ลง ใช้คอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์เยอะเกินไป ตาพร่า วุ้นในตาเสื่อม สายตายาว แต่ฝืนไว้เพราะไม่อยากใส่แว่นกลัวรู้ว่าแก่ก็อาศัยยืดแขนจนสุด แต่สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้สังขาร สุขภาพจิตก็หนีไม่พ้นความเครียดที่มาง่ายกว่าในอดีต แค่มีอะไรไม่ได้ดังใจนิดเดียว ตับก็ทำงานหนักแล้ว หลายคนเป็นซึมเศร้าเอาตอนวัยกลางคน ไม่ใช่คนอ่อนแอ แต่เพราะฮอร์โมนไม่คงที่แล้วโดยเฉพาะผู้หญิง ยิ่งป่วยกายจิตใจก็ท้อแท้ตาม หลายๆ ปัจจัยทำให้สุขภาพจิตพังง่ายกว่าวัยอื่นๆ ทั้งที่ดูเหมือนจะควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ เรื่องการงาน หลายคนเติบโตขั้นสุดในช่วงวัยนี้ เงินเดือนสูง ตำแหน่งสูง ความรับผิดชอบสูง ซึ่งมาพร้อมความกดดันสารพัดจนส่งผลไปยังกายและจิตข้างต้น ขณะเดียวกันก็เป็นวัยที่ลงต่ำได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน เมื่อคนรุ่นใหม่มาแทน ทำงานได้เร็วกว่า คล่องตัวกว่า วิ่งตามเทคโนโลยีได้ดีกว่า วัยกลางคนก็จะเป็นตัวเลือกแรกๆ ที่ถูกเลิกจ้าง หรือถูกมองข้ามไป บีบให้ออกจากงานแบบไม่ได้อะไรเลยก็เยอะ ทั้งที่ยังไม่พร้อมจะออกจากงาน แต่ต้องมองหาอาชีพใหม่แล้ว เรื่องความรัก ไม่ต้องหาหมอดูก็ควรจะรู้ด้วยตนเองว่า จะไปต่อหรือพอแค่นี้เมื่อมีปัญหาชีวิตคู่ รักในวัยผู้ใหญ่มันไม่เหมือนกับวัยหนุ่มสาวทั้งที่แต่งงานอยู่ด้วยกันมีลูกเต้าหรือไม่มี หรือเป็นเพียงคนคุยก็ตาม หลายคนเสียเวลาไปกับการทุ่มเทความรักโดยไม่ได้อะไรกลับมานอกจากความเสียใจ และบางครั้งก็เสียเงินด้วย ความสัมพันธ์ในครอบครัวก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่วัยนี้ต้องเจอ ไม่ว่าจะเป็นสามีภรรยา พ่อแม่ลูก หากเป็นสามีภรรยาที่อยู่ด้วยกันนานๆ ในวัยนี้มักมีเพียงความผูกพันหรือความเคยชิน และอาจจะเป็นความเบื่อหน่ายในที่สุดก็ต้องเลือกที่จะแยกกันอยู่หรือแยกย้ายไปมีชีวิตที่ต้องการจริงๆ ส่วนพ่อแม่ลูก ปัญหาเมื่อลูกเติบโตขึ้น ชีวิตลูกเปลี่ยนไปแล้ว แต่พ่อแม่ไม่เปลี่ยน มันจึงเป็นความขัดแย้งที่แย่กว่าสามีภรรยาซึ่งเลิกรากันได้ เพราะพ่อแม่ลูกเลิกกันไม่ได้ การจากลาไม่ว่าจากเป็นหรือจากตายที่ต้องเจอ ลูกที่เติบโตออกจากบ้านจากอกพ่อแม่ไป คนรักที่แยกทางกันเดินโดยไม่จำเป็นต้องมีมือที่สามก็ได้เพียงแค่หมดรักกันแล้ว พ่อแม่ที่แก่ชราลงหรือเจ็บป่วยที่ยากจะรักษาและจากไปในเวลาใกล้เคียงกัน ซึ่งหลายๆ ปัญหามักเกิดขึ้นพร้อมๆ กันจนตั้งตัวไม่ทัน ทำให้ชีวิตงุนงงจับทิศจับทางไม่ถูกได้ ไม่ว่าจะเป็นคนโสดหรือไม่โสด ถึงเวลานั้นระบบรวนได้หมด การเงินก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องเจอ คนรวยมากก็ไม่มีปัญหาเท่าไรนัก เพราะใช้เงินแก้ปัญหากันไป แต่คนฐานะปานกลางนี่สิ ทั้งเรื่องสุขภาพตัวเอง เรื่องลูก เรื่องพ่อแม่ ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หนี้สิน ถาโถมเข้ามาชนิดที่ต้องอุทานว่า “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย” นี่เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น ชีวิตจริงของแต่ละคนมันยุ่งเหยิงไปคนละแบบ Magnolia การันตีเลยว่า “วิกฤติวัยกลางคน” หมอดูดวงชะตาราศีสายมูใดๆ ก็เอาไม่อยู่ แม้แต่หมอดูเองก็มีปัญหา อย่าไปเสียเวลาสนใจมันเลย หลายๆ เรื่องไม่มีใครช่วยได้นอกจากมี“สติ” เพราะทุกๆ การตัดสินใจในวัยนี้มักเรียกอะไรคืนมาไม่ได้แล้ว ผ่านไปแล้วผ่านไปเลย ช่วงชีวิตนี้แหละที่เรามองว่า ต้องตั้งอยู่บนความไม่ประมาทจริงๆ ไม่มีใครเก่งที่แก้ปัญหาเหล่านี้ได้หมด มีแต่เป็นคนที่ผ่านมันไปได้แล้วต่างหาก ซึ่งเมื่อไรก็ไม่รู้ ช้าเร็วไม่เท่ากัน เราไม่มีอะไรจะเตือนรุ่นลูกรุ่นหลานที่กำลังวิตกกับเบญจเพส แค่อยากจะบอกว่าถ้ามีโอกาสได้อยู่ถึงวัยกลางคน เบญจเพสเป็นแค่วัยที่ครบ 25 ปีเท่านั้นไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่า “วิกฤติวัยกลางคน” แล้ว   Create Date : 07 กรกฎาคม 2568 Last Update : 9 กรกฎาคม 2568 14:35:14 น. 0 comments Counter : 168 Pageviews.   (โหวต blog นี้)  Share Tweet ชื่อ : Comment :   *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก