ใครจะเป็นรายต่อไป

กลิ่นอายผลการเลือกตั้งสส.ยังไม่จางหาย เพราะ ณ วันนี้ยังไม่ได้บทสรุปว่ารัฐนาวาลำที่ชื่อ ประเทศไทย จะมีใครเป็นผู้นำ แต่มีเค้าลางเป็นเงาดำทะมึนแล้วว่าชายร่างใหญ่ที่ชื่อ สมัคร สุนทรเวช กำลังจะครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 จริงๆ

ข้อย้อนกลับไปพูดถึงกติกาการเลือกตั้งแบบใหม่ตามรัฐธรรมนูญฉบับลงประชามิตเสียหน่อย ที่เราเห็นว่าเอื้อให้กับว่าที่นายกฯและพรรคพลังประชาชนได้มากทีเดียว (ทั้งที่พรรคนี้ไม่ยอมรับร่างแต่ต้น) เพราะหากเป็นแบบเดิมคือแบบปาร์ตี้ลิสต์ ที่เลือกเบอร์เดียวก็มายกพวงตั้งแต่หัวหน้าไปจนถึงอันดับที่ 100 หากว่าสมัครอยู่ในระบบการเลือกตั้งแบบเดิม เชื่อว่าคงไม่ได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์จากพี่น้องภาคเหนือและอีสานมากนัก เนื่องจากสมัครไม่ได้เป็นขวัญใจคนทั้งสองภาค (ไม่ได้สักครึ่งหนึ่งของทักษิณ) ดูจากผลสำรวจความชื่นชอบในตัวนักการเมือง สมัครก็ไม่ติด 1 ใน 3 ขณะที่ชวนยังได้รับความนิยมมากกว่า เหตุเพราะสมัครไม่เคยทำไรให้คนอีสาน หรือคนเหนืออย่างเป็นชิ้นเป็นอัน (มิหนำซ้ำยังเคยไล่ม๊อบเกษตรกรที่มาชุมนุมในกทม.ด้วยซ้ำ) นี่ยังไม่นับว่าสมัครยังไม่เคยได้ยินเว้าลาวหรืออู้คำเมืองเลยแม้แต่ครั้งเดียว

แต่เมื่อเปลี่ยนกติกามาเป็นแบบสัดส่วนอย่างปัจจุบัน ประโยชน์เลยตกอยู่กับจำเลย ประชาชนคนอีสานและเหนือก็เลยเทคะแนนให้คนในพื้นที่ที่ตัวเองรู้จักและรักใคร่เข้ามาอย่างท่วมท้นล้นหลาม ด้วยความหวังว่าถ้าพลังประชาชนได้คะแนนเยอะ ทักษิณจะกลับมาเป็นผู้นำอีกครั้ง ( propaganda อย่างแรง) จึงไม่น่าแปลกใจที่พรรคนอมินีได้แชมป์ประชาชนมาอย่างที่เห็น โดยไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วคนเหนือและอีสานจะดีใจมากน้อยแค่ไหนที่ได้นายสมัครเป็นนายกรัฐมนตรีในอนาคตอันใกล้นี้

ขณะที่ผลคะแนนของคนกรุงเทพฯ เทใจให้กว่าครึ่งกับพรรคประชาธิปัตย์ (ที่กำลังจะตกเป็นฝ่ายค้านอีกครั้งติดต่อกัน) เพราะส่วนใหญ่ตระหนักแล้วว่าผลงานการเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครของนายสมัครเมื่อหลายปีก่อนนั้น แทบจะนึกไม่ออกเลยจริงๆ แต่ถ้าให้บอกข้อเสียล่ะก็ จำได้แม่นยำ

ในเมื่อชาวกรุงไม่มีอะไรจะเสียแล้ว จึงขอลองของใหม่ (ในภาชนะใบเดิม) หลังจากที่ใช้บริการหล่อใหญ่มาแล้วพักหนึ่ง โดยการให้โอกาสนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะดูบ้าง ผลก็เลยทำให้พลังประชาชนเต้นไม่เป็นจังหวะ ร้องเรียนถึงความไม่ชอบมาพากลซะงั้น ทั้งที่น่าจะสำรวจตัวเองว่ามีจุดอ่อนอะไรในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะการส่งดร.เฉลิม(เพราะไม่แน่ใจว่าจะพ่วงลูกมาด้วยเมื่อไหร่) และจตุพร ลงแบบสัดส่วนในเขต 6 อันดับต้นๆ คนกรุงเทพฯและปริมณฑลก็ใจตุ๊มๆต่อมๆ เหลือเกิน กลัวคะแนนที่ได้จะไปเกี่ยวเอาจตุพรเข้ามานั่งในสภาด้วย แต่ถ้าได้เป็นรัฐบาลแน่แล้วล่ะก็ ตำแหน่งโฆษกจะไปไหนเสียเล่า

เรามีความเชื่ออยู่ลึกๆว่า ถ้า 2 พรรคการเมืองใหญ่ได้จำนวนที่นั่งสส.สูสีกัน บรรดาพรรค SME ทั้งหลายคงจะตัดสินใจเลือกขั้วได้ง่ายภายใน 1-2 วัน ไม่เสียเวลากินข้าวกันให้พุงปลิ้นเล่น และล่วงเลยมาเป็นสัปดาห์แต่น่าเสียดาย ทุกอย่างเป็นแค่ฝันนนนน เออ...ว่าแล้วก็งงแฮะ ถ้าเขาจะแห่ไปเป็นฝ่ายรัฐบาลกันหมดแล้ว จะแยกออกไปตั้งพรรคใหม่กันทำซากอะไรมิทราบ

หากพรรคประชาธิปัตย์ถูกโดดเดี่ยวจริงๆ ก็คงต้องยอมรับว่าพรรคเก่าแก่นี้อาจจะต้องเป็นฝ่ายค้านไปอีกนาน ตราบใดที่อำนาจเก่ายังไม่หมดไป และนายอภิสิทธิ์ก็ยากที่จะได้นั่งตำแหน่งนายกฯก่อนวัย 50 แน่ เพราะคอการเมืองทั้งหลายกฌจะมีคำพูดซ้ำเติมเดิมๆ ว่า "บารมีไม่ถึง" , "ไม่มีผลงาน" ,"ไม่มีประสบการณ์" นั่นก็เพราะเขายังไม่มี"โอกาส"สักทีนั่นเอง

ก่อนวันเลือกตั้งไม่กี่วัน เราไปเที่ยวดอยแม่สลอง ขากลับลงมา เพื่อนร่วมทางของเราขอแวะสักการะพระสยามเทวธิราชซึ่งประดิษฐานที่ทางขึ้นดอย เราอธิษฐานให้เราเดินทางกลับด้วยความปลอดภัย

---หลังจากผลการเลิอกตั้งปรากฏออกมา เพื่อนร่วมทางของเราโทรหาเราด้วยน้ำเสียงอ่อนโรยและผิดหวัง พร้อมกับสารภาพว่า เขาอธิษฐานกับพระสยามเทวาธิราชว่า ขอให้บ้านเมืองรอดพ้นจากอำนาจปิศาจเสียที

แม้ว่าคำอธิษฐานดีเลย์ไปสักหน่อย แต่เราเชื่อว่าสักวันคำอธิษฐานนั้นจะเป็นจริง---

Create Date : 03 มกราคม 2551		0 comments
Last Update : 4 มกราคม 2551 21:32:27 น.
Counter : 885 Pageviews.
Share Tweet