Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2554
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
7 พฤษภาคม 2554
 
All Blogs
 
เทวดาประจำตัวมีจริงหรือไม่

ถาม
- เทวดาประจำตัวมีจริงหรือเปล่าคะ?


ตอบ - ถ้านึกถึงเทวดาเดินตามต้อยๆไปคอยเป็นองครักษ์พิทักษ์คุณตลอดเวลาล่ะก็ แบบนั้นไม่มีหรอกครับ

ลอง คิดดูถ้าใครสักคนสู้อุตส่าห์ทำบุญจนเกินมนุษย์ธรรมดา ถึงขนาดตายไปเสวยสวรรค์ได้ สุดท้ายเบื้องบนตกรางวัลโดยให้มาเป็นบอดี้การ์ดคุ้มครองมนุษย์ตลอดเวลา ค่าจ้างค่าออนก็ไม่ได้รับกับใครเขา อย่างนี้จะเป็นเทวดาไปทำไมล่ะครับ

เป็นคุณจะเอาไหมถ้าทำบุญแทบตาย แล้วต้องไปกินบุญด้วยการเป็นเงาตามสิ่งมีชีวิตที่ศักดิ์ต่ำกว่า อย่างเช่นลิงค่างบ่างชะนี?

หากตอบว่าไม่เอา เทวดาก็คงไม่เอาเหมือนกัน และหากบอกว่าไม่เห็นจำเป็น เทวดาก็บอกว่าไม่เห็นจำเป็นเช่นกัน ฉันใดก็ฉันนั้นเลยครับ

อย่าง ไรก็ตาม การช่วยเหลือเกื้อกูลข้ามมิติภพภูมินั้นเป็นไปได้ครับ ทำนองเดียวกับที่คุณอยู่ในภูมิมนุษย์ สามารถยื่นมือไปช่วยเหลือสัตว์ในภูมิเดรัจฉานได้ ตั้งแต่สัตว์เล็กอย่างมดไปจนกระทั่งสัตว์ใหญ่อย่างปลาวาฬ โดยที่การช่วยเหลืออาจมาในรูปแบบต่างๆ

เช่น หยิบยื่นสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นการช่วยชีวิตพวกมันราวกับปาฏิหาริย์ หรืออาจมาในรูปของการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมที่กำลังย่ำแย่ หรืออาจมาในรูปของการนำพวกมันมาผสมพันธุ์กันป้องกันการสูญพันธุ์ ฯลฯ พวกมันรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่รู้เลยว่าเป็นฝีมือของคุณ

พวกเรา ก็เหมือนกัน วันๆได้แต่ดุ่มเดิมไปตามยถากรรม รับรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นเฉพาะหน้า แต่ไม่รู้ว่าเป็นการบันดาลของอะไร ระหว่างความบังเอิญ กรรมเก่า หรือเทวดา

ว่ากันถึงความบังเอิญ คุณจะยิ่งทึ่งในโลกและจักรวาลมากขึ้น ถ้ารู้ว่าความกระทบกระทั่งดีร้ายทั้งหลายไม่เคยบังเอิญเลย สิ่งมีชีวิต วัตถุ อากาศ และกาลเวลา ต่างร่วมกันถักทอเหตุการณ์ตามจังหวะการให้ผลของกรรมเสมอ

ยกตัวอย่าง เช่น คุณเดินไปเดินมาอยู่ในบ้านว่าง นึกว่าคุณเป็นเอกเทศอยู่ตามลำพัง อยากก้าวเท้าไปที่จุดไหนในเวลาใดก็ได้ ความจริงคุณอาจทำหน้าที่เหยียบมดชะตาขาดให้ตายดับโดยไม่รู้ตัว ในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง ณ จุดใดจุดหนึ่ง เท้าคุณเป็นวิบากของเหล่ามดกลุ่มดังกล่าว ทำหน้าที่เครื่องประหาร ส่งไปเกิดใหม่ตามเวลาอันควรของพวกมัน

เมื่อใดคุณเข้าใจความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างสิ่งมีชีวิต วัตถุ อากาศ และกาลเวลา เมื่อนั้นคุณจะทราบว่าแม้ ‘ความบังเอิญ' ก็มีเหตุผลบางอย่างของมันเสมอ

ว่ากันถึงกรรมวิบาก แม้หลายคนจะเชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แต่เมื่อ ‘ได้ดี' หรือ ‘ได้ชั่ว' แต่ละครั้งก็จะงงๆว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร กับทั้งมองออกนอกตัวไปเพ่งโทษว่าเป็นความผิดของมนุษย์ด้วยกันเสมอ เรียกหาความยุติธรรมเพื่อเอาผิดเอาถูกจากมนุษย์ด้วยกันเสมอ จะมีสักกี่คนที่พูดออกและบอกถูกว่าเหตุการณ์ไหนไหลมาจากกรรมอันใดของตน

ว่า กันถึงเทวดา พวกเราในโลกมนุษย์นี้ มีจำนวนไม่น้อยเลยครับที่สัมผัสพลังต่างมิติด้วยจิต อาจจะได้กลิ่นหอมแปลก อาจจะยินเสียงพิเศษ หรือบางคนอาจเห็นความผิดปกติของเหตุการณ์บางชนิด แล้วทราบทันทีว่าเป็นการแสดงนิมิตด้วยฤทธิ์ของเทวดา

แต่สัมผัสเทวดา นั้น แม้จริงก็ใกล้เคียงกับอุปาทานมาก เช่น สายลมโชยกลิ่นหอมรื่นอาจเป็นลมธรรมดาที่หอบกลิ่นดอกไม้มากระทบจมูก แต่จิตคุณปรุงแต่งไปว่าไม่เคยได้กลิ่นอย่างนี้มาก่อนที่ไหนในโลก ต้องเป็นกลิ่นทิพย์ของเทวดาแน่ๆ

ของแบบนี้ถ้าให้แน่จริงต้องมีตา ทิพย์อันคู่ควรกับการเห็นสภาพทิพย์ เมื่อมีตาทิพย์คุณจะพบว่าอากาศว่างหลายๆแห่งไม่ว่างจริง ต้นไม้ใหญ่หลายๆต้นไม่ได้มีแค่กิ่งใบ โลกทิพย์จะปรากฏต่อหน้าโดยไม่ต้องรอให้ได้ยิน ได้กลิ่น หรือได้สัมผัสอะไรแปลกๆเสียก่อนเลยด้วยซ้ำ

คนในโลกส่วนใหญ่พร้อมจะ เชื่อว่าเหตุการณ์ดีร้ายต่างๆเกิดขึ้นจากความบังเอิญหรือไม่ก็เทวดาบันดาล เพราะไม่ต้องมีตนเองเข้าไปรับผิดชอบเหมือนให้เชื่อว่าเป็นผลจากกรรมเก่าของ ตน

แม้คนที่ศรัทธากรรมวิบากก็มัก เลือกเชื่อเฉพาะเมื่อเกิดเรื่องดีๆ ว่าเป็นเพราะบุญเก่าของตนบันดาล ส่วนเรื่องร้ายๆของตัวนี่จะหาแพะ เพ่งโทษเอาผิดกับมนุษย์ด้วยกัน

หรือไม่ก็โบ้ยให้ความบังเอิญและเทวดาเป็นต้นเหตุไป ไม่อยากเชื่อว่าตนเคยทำบาปอันใดไว้ จึงต้องมาเผชิญทุกข์อย่างที่กำลังเป็น

เมื่อโทษความบังเอิญหรือเทวดา อะไรๆจะอธิบายง่าย ไม่ต้องเหนื่อยพิสูจน์ให้ยาก แค่ทำใจเชื่อก็ใช้ได้แล้ว นึกว่ารู้จริงแล้ว

และ ด้วยความไม่รู้จริง หรือรู้ครึ่งๆกลางๆนี่เอง เป็นเหตุใกล้ให้คนจำนวนมากเชื่อเรื่องเทวดาประจำตัว เป็นเทวดาประเภทที่คอยประกบติดคุ้มครอง คอยดลใจ หรือกระทั่งคอยดลเหตุการณ์ดีร้ายต่างๆให้เกิดขึ้นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

มา ทำความเข้าใจให้ชัดเจนดีกว่าครับ เริ่มกันที่ความจริงอันเป็นต้นเค้า เราต้องทราบว่าเทวดาก็เป็นสัตว์สังคมเช่นเดียวกับมนุษย์ พวกท่านมีเพื่อน มีสามี มีภรรยา มีเจ้านาย มีบริวาร ที่รักและผูกพันกัน

แม้เมื่อ ญาติมิตรจุติจากสวรรค์ลงมาเกิดในมนุษยโลกแล้ว ก็ยังอาลัยอาวรณ์ อาจคอยสอดส่องดูด้วยความห่วงใย เกรงญาติมิตรของตนจะประสบทุกข์ต่างๆนานา หรือพลาดท่าเสียทีให้กิเลส ทำบาปทำกรรมอันเป็นเหตุให้ต้องพลัดไปสู่อบายภูมิได้

วิธี สอดส่องของเทวดานั้น ถ้าเทียบให้ใกล้เคียงก็คงคล้ายมนุษย์อาศัยอินเตอร์คอมในการฟังเสียงลูกน้อย จากอีกห้อง หรือใช้กล้องวงจรปิดในการสังเกตพฤติกรรมของฝูงสัตว์เลี้ยงจากที่ไกล

ต่าง แต่ว่าเหล่าเทวดาส่วนใหญ่มีวิถีการรับรู้อันเป็นทิพย์ รู้เรื่องไกลตัวได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งอุปกรณ์ไฮเทคทั้งหลาย เพียงด้วยความห่วงใยมีใจผูกพันอาทร ก็จะรู้ขึ้นเองเมื่อเกิดเรื่องร้ายกับญาติมิตรของตนที่ไปเกิดในมนุษยโลก

เมื่อ เกิดเรื่องร้ายกับญาติมิตรในโลก เทวดาก็หาได้สามารถช่วยเหลือไปหมดทุกเรื่อง ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการดลใจ หรือโน้มน้าวจิตของญาติมิตรให้เปลี่ยนจากอกุศลเป็นกุศล

เช่น เมื่อญาติมิตรกำลังโมโหโกรธาจัดๆ เทวดาก็อาจแผ่เมตตา ช่วยบรรเทาความรุ่มร้อนในจิตใจญาติมิตรให้เยือกเย็นลง ทำนองเดียวกับบรรดาพระภิกษุผู้มีพลังเมตตาสูงๆหลายรูป สามารถรวมตัวกันแผ่กระแสความสุขให้ญาติโยมที่มาประชุมกัน ระงับความทุกข์และความฟุ้งซ่านลงได้ชั่วคราว เพียงเข้ามาอยู่ในละแวกใกล้

ตัว แปรในการดลใจมีหลายระดับ ขึ้นอยู่กับฤทธิ์ของเทวดาเอง ประกอบกับที่ขณะหนึ่งๆกิเลสหรือวิบากของมนุษย์ห่อหุ้มอยู่หนาแน่นเพียงใด ด้วย หากมนุษย์กำลังโทสะแรงกล้า หรือกำลังมีวิบากมืดคลุมจิตมิดเม้นให้เห็นผิดรุนแรง แม้เทวดาฤทธิ์มากก็ดลใจไม่ไหว

การดลใจยังมีหลายเหตุผล และไม่จำเป็นต้องเคยเป็นญาติมิตรกันในชาติใกล้เสมอไป เช่น ในมหาปรินิพพานสูตรส่วนที่ว่าด้วยการสร้างเมืองที่ปาฏลิคาม ก็กล่าวไว้โดยใจความสรุปคือ พระพุทธเจ้าตรัสด้วยพระองค์เอง ว่าท่านได้เห็นด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ ในการที่เทวดาเป็นอันมากนับเป็นพันๆ หวงแหนพื้นที่เขตต่างๆในปาฏลิคาม

๑) เทวดาผู้มีศักดิ์ใหญ่หวงแหนที่ในส่วนใด จิตของพระราชาและมหาอำมาตย์ผู้มีศักดิ์ใหญ่ก็น้อมไปเพื่อจะสร้างนิเวศน์ในส่วนนั้น

๒) เทวดาชั้นกลางหวงแหนที่ในส่วนใด จิตของพระราชาและมหาอำมาตย์ ชั้นกลาง ก็น้อมไปเพื่อสร้างนิเวศน์ในส่วนนั้น

๓) เทวดาชั้นต่ำหวงแหนที่ในส่วนใด จิตของพระราชาและมหาอำมาตย์ชั้นต่ำ ก็น้อมไปเพื่อสร้างนิเวศน์ในส่วนนั้น

กล่าว สรุปโดยย่นย่อคือพระพุทธเจ้าทรงยืนยัน ว่าพื้นที่ส่วนต่างๆของโลกไม่เหมือนกัน ถ้าบุญไม่พอก็อยู่ไม่ได้ หรือมีเทวดาดลใจให้ไปอยู่ที่อื่นที่เหมาะกับวาสนาบารมีของแต่ละคน โดยที่เทวดาไม่จำเป็นต้องเป็นเทวดาประจำตัวแต่อย่างใด

หากคุณมี ประสบการณ์ผ่านเข้าไปในหมู่บ้านโจรที่เล่นไสยศาสตร์มืด ก็คงเคยรู้จักกับกระแสยะเยียบทมิฬชวนขนลุกอย่างประหลาด อันนั้นอาจเป็นคลื่นจิตของวิญญาณชั้นต่ำปนๆกัน ทั้งคนทุศีลและเปรตดุที่อาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกัน คนดีที่เข้าไปจะเหมือนแกะขาวที่ถูกแกะดำหมั่นไส้ นอนหลับอาจถูกรบกวนด้วยเรื่องน่าขนพองสยองเกล้าเอาได้

ส่วนถ้าคุณมี ประสบการณ์ผ่านเข้าไปในเขตวัดที่มีอริยเจ้าพำนัก ก็คงเคยรู้จักกับกระแสความอบอุ่นสว่างไสว ปลอดโปร่งราวกับอากาศว่างเบาแผ่ขยายออกไปอย่างไร้ขอบเขต อันนั้นอาจเป็นคลื่นจิตของวิญญาณชั้นสูงปนๆกัน

ทั้งมนุษย์ทรงศีล ทั้งเทวดาผู้มีพิมานซ้อนกับเขตวัด ทั้งเทวดาบุญญาธิการสูงเหนือโลกที่หมั่นส่งใจลงมาบูชาพระอรหันต์ คนดีไม่พอที่คิดเข้าไปอาศัยวัดหลับนอนหรือปฏิบัติธรรมชั่วคราว อาจถูกกระตุกขาหรือได้ยินอะไรแปลกๆเพื่อเตือนสติให้ขยันขึ้นกว่าเดิม ไม่นอนขี้เซาเหมือนเดิม

โดยรูปแบบการเตือนนั้นอาจทำให้เกรง แต่ไม่ก่อให้เกิดความรู้สึกสยดสยองพองขนเหมือนตอนเจอวิญญาณชั้นต่ำ

สรุปคือนอกจากคำว่า ‘เทวดาประจำตัว' ซึ่งคุ้นๆกันแล้ว ยังมี ‘เทวดาประจำที่' อีกด้วย รูปแบบความเกี่ยวข้องกันระหว่างเทวดากับมนุษย์อาจมาทั้งในรูปของการดลใจ การปกป้อง ตลอดจนการสะกิดเตือนตรงๆ

หาก จู่ๆคุณรู้สึกมึนงง หรือรู้สึกเหมือนถูกบล็อกความคิดให้ตีบตัน โดยเฉพาะขณะต้องทำบุญหรือทำบาปอันขัดแย้งกับตัวตนเดิมมากๆ ก็เป็นไปได้ครับว่ามีความเกี่ยวข้องกับภูตผีปีศาจหรือเทวดานอกตัว

แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเหตุภายใน เช่น ความบกพร่องทางกาย หรืออาจเป็นความขัดแย้งกับภาวะจิตใจเดิมๆเท่านั้นเอง

และไม่ว่าจะเชื่อเรื่องภายในหรือภายนอก การฝึกมี ‘สติ' ให้เข้มแข็ง ต้านทานบาป และหันมาต้อนรับบุญทั้งปวง นับเป็นนโยบายอันควรยึดถือเป็นที่สุด

แถมอีกหน่อยเป็นการทิ้งท้าย วิญญาณ ที่ผูกกรรมสัมพันธ์บางอย่างกับมนุษย์ ต้องคอยติดตามมนุษย์นั้นมีอยู่จริง แต่เป็นกรณีที่เกิดขึ้นได้น้อยมาก ระดับหนึ่งในพันหนึ่งในหมื่น คือต้องเป็นเหตุผลพิเศษจริงๆ

เช่น ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอธิษฐานผูกติดกับอีกฝ่าย อำนาจการอธิษฐานที่แรงพอจะทำตัวเป็นเสมือนเชือกโยงให้ต้องติดตามไปทุกหนทุก แห่ง เมื่อหมดกำลังส่งของแรงอธิษฐาน

หรือเมื่อฝ่ายมนุษย์เปลี่ยนแปลงตนเองเป็นคนละคน ‘เงาตามตัว' ก็จะจำไม่ได้ ต้องหายไปตามหนทางของเขาเองครับ





ที่มา//board.palungjit.com/
และ//dungtrin.com/mag/?9.prepare


Create Date : 07 พฤษภาคม 2554
Last Update : 7 พฤษภาคม 2554 21:08:25 น. 0 comments
Counter : 486 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ลูกน้ำกว๊าน
Location :
พะเยา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ยินดีต้อนรับทุกท่าน นะคะ




อยากมีและอยากรู้จัก เพื่อนที่มีที่มาต่างกัน และอยากร่วมแชร์ ประสบการณ์ให้คนอื่น ได้รับรู้บ้าง เพื่อนๆชาว บลอคแกงค์เป็นอะไรที่ ใช่เลย ที่คอยอยู่ด้วยกัน ตลอดเวลา พอเรา เปิดดูครั้งใดก็จะมีคน นั่งเขียนบลอก นั่งอยู่ที่ หน้าจอ คอยเป็นเพื่อน กันเสมอ รัก ทุกคนใน บลอกแกงค์ ค่ะ
: Users Online
Friends' blogs
[Add ลูกน้ำกว๊าน's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.