เลี้ยงลูกน้อย ให้เป็น “เจ้าหนูรักยิ้ม”
จากการศึกษาของนักวิจัยต่างประเทศต่างยืนยันกันเป็นเสียงเดียวค่ะ ว่าสุขภาพทางอารมณ์ของเบบี๋ เริ่มออกสตาร์ทตั้งแต่อยู่ในท้องของคุณแม่ และสิ่งสำคัญที่มีอิทธิพลต่อพัฒนาการด้านนี้คือ สภาวะอารมณ์และความฉลาดของคุณพ่อคุณแม่นั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งของคุณแม่ สำหรับเด็กในวัยนี้ คุณพ่อคุณแม่ขา ควรใส่ใจกับอารมณ์ทางด้านบวก และการพัฒนาอารมณ์ที่ดีๆ ในตัวเบบี๋ จะเป็นประโยชน์มาก เพราะอารมณ์ด้านบวกจะทำให้เด็กเป็นคนใจเย็น กระตือรือร้น สนุกสนาน ร่าเริง และมีพฤติกรรมเชิงบวก ถ้านับข้อดีได้ 5 ข้อแล้ว มาร่วมด้วยช่วยกันทำให้ลูกน้อยเป็นเจ้าหนูยิ้มเก่งกันเถอะค่ะ เริ่มต้นด้วยรัก จบด้วยความสุข สิ่งที่สำคัญที่สุดก็ความรักของคุณพ่อคุณแม่นั่นเอง คือเคล็ดลับในการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ของลูกน้อย และความเข้มแข็ง การเข้าใจถึงเอกลักษณ์ของตัวเอง เข้าใจธรรมชาติของการรับรู้ และยอมรับความเป็นจริงต่างๆ ได้ง่าย เรามีเคล็ดเล็กน้อยมาฝากเพิ่มเติมค่ะ ยิ้มเท่านั้นที่ครองโลก ขอให้จำไว้ เวลาเรายิ้ม เราใช้กล้ามเนื้อใบหน้าง่ายกว่าการทำหน้านิ่วคิ้วขมวดค่ะ กล้ามเนื้อหลักที่ใช้ในการยิ้ม เรียกว่า Zygo Maticus เวลากล้ามเนื้อนี้ทำงาน จะหลั่งสารเคมีที่มีประโยชน์จากกระแสเลือดเข้าสู่ระบบร่างกาย และก็ช่วยกระตุ้นสมองให้คิดในแง่บวกมากขึ้น ดังนั้นถ้าคุณพ่อคุณแม่ยิ้มอย่างจริงใจกับลูกน้อยบ่อยๆ ในไม่ช้า ก็จะเห็นเบบี๋ยิ้มตอบกลับมายังคุณพ่อคุณแม่ และผู้คนรอบๆ ข้าง เรียนรู้แสดงออกตามธรรมชาติ เมื่อเบบี๋รู้สึกเสียใจ หรือเรียกร้องความสนใจอะไรก็แล้วแต่ หรืออาจจะได้รับบาดเจ็บ ต้องหัดปล่อยให้ลูกร้องไห้หรือสะอื้น เปิดโอกาสให้เขารู้จักคิดแก้ไขด้วยตนเองบ้างค่ะ อย่าเพิ่งรีบเข้าไปปรับพฤติกรรมหรือทำให้สงบลง ถ้าเด็กได้เรียนรู้การแสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติ และการปฏิบัติที่เหมาะสมตามมา เมื่อโตขึ้นยามเข้าสังคมเขาก็จะรู้จักจัดการรูปแบบต่างๆ ของอารมณ์ได้เป็นอย่างดี เล่นอย่างนี้ซิ..หนูถึงอารมณ์ดี การแสดงออกทางสีหน้าของคุณพ่อคุณแม่ จะบ่งบอกอารมณ์ที่แตกต่างกันไป ในระหว่างที่ลูกน้อยเริ่มหัดพูดอ้อแอ้ และเริ่มต้องการแสดงออกทางสีหน้าที่หลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยที่เริ่มแสดงอาการตอบสนองสถานการณ์ต่างๆ ของสังคม คุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นเล่นกับเขาบ่อยๆ โดยเฉพาะทางสีหน้า เช่น เล่น “จ๊ะเอ๋” หรือ “ซ่อนหา” ไม่นานลูกก็จะเล่นตอบตามได้เองค่ะ ฝึกหนูเข้าสังคมก็จำเป็นนะ ควรพาลูกน้อยเข้าสังคม เช่นกับเพื่อนๆ หรือคนรู้จักคุ้นเคย เพราะเด็กจะได้เรียนรู้ลักษณะทางอารมณ์ต่างๆ เช่น กล้าแสดงออก อ่อนไหว กระปรี้กระเปร่า กระตือรือร้น มีความสุข และมีความรัก มาอยู่รอบๆ ตัวลูกคุณ แล้วปล่อยให้คนเหล่านั้นได้สื่อสารกับลูกน้อย ผ่านทางสีหน้าและดวงตาให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ยิ่งเด็กได้มีโอกาสเรียนรู้เท่าไหร่ เขาก็จะมีพัฒนาการตอบสนองทางอารมณ์ที่มากขึ้นเท่านั้น สุขใจทั้งผู้ให้และผู้รับค่ะ เช็คสเปียร์ (Shakespeare) ได้กล่าวไว้ว่า โลกนี้คือโรงละคร ซึ่งมีความสำคัญกับการพัฒนาความคิด และจิตใจของลูกคุณ คุณควรให้ลูกได้เห็นตัวละครที่มีความแตกต่างกันให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพราะเด็กเปรียบเสมือนกระดานที่ว่างเปล่า แต่ก็แฝงความเป็นศิลปินนักแสดงแขนงต่างๆ ไว้ ถ้ากระตุ้นและส่งเสริมอย่างสม่ำเสมอ เขาก็พร้อมที่จะสร้างสรรค์ได้อย่างไม่จำกัด
Create Date : 03 กรกฎาคม 2555 |
|
1 comments |
Last Update : 3 กรกฎาคม 2555 23:00:23 น. |
Counter : 1431 Pageviews. |
|
 |
|