เป็นภาพยนตร์ที่เราประทับใจ และชอบในตัวละคร V (ออกแนวนักต่อต้านรัฐบาลเผด็จการ) แต่ทำไม Alan Moore ผู้เขียน ถึงไม่ยอมแม้กระทั่งจะดูภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่ David Lloyd ผู้วาดและผู้ช่วยคิดภาพคาแรคเตอร์ V ถึงชอบภาพยนตร์เรื่องนี้
เราเองก็ซื้อ comics 10 issues version classic แต่ Alan กับ David บอกว่าพวกเขาชอบตอนที่มันถูกตีพิมพ์เป็นตอนๆ ขาว/ดำ ใน นิตยสารรายเดือน Warrior ในยุค 1980 มากกว่า.... อาจจะเป็นเพราะมันเป็น Noir
ภาระกิจสุดท้ายของ V เป็นการอำลา Evey แล้วเขาก็ปามีดให้ Finch ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น แล้ว V ก็ปล่อย Finch ไป
และจบด้วย Evey เป็น V คนใหม่แล้วเธอที่เธอสานต่อ เจตนาของ V แต่เธอเป็น V ที่จะใช้ความดีเพื่อช่วยเหลือสังคมแบบนั้น โดยการเริ่มต้นใหม่ของ V (โดย EVEY สวมหน้ากาก V ) คือเริ่มต้นขัดเกลาผู้ที่มีอำนาจ หรือ ผู้ที่อาจจะเกี่ยวข้องกับการเมือง แบบนั้น ไม่ใช้ความรุนแรง หรือฆ่าคนแบบไร้เหตุผล แต่ในขณะที่อีกด้าน ผู้คนในสังคมก็ยังคงต่อสู้กันแย่งชิงกันต่อไป
แต่โดยส่วนตัวคิดว่า เพราะมาเป็นภาพยนตร์ ต้องมีการเคลื่อนไหว ดังนั้น คาแรกเตอร์ของ V ในภาพยนตร์ จะดูมีชีวิตชีวา มากขึ้น
**********
โดยที่ยังคง Scene ที่ดึงทั้งภาพ และ คำพูด มาจาก การ์ตูน ที่ Scene หลัก ๆ หลาย Scene ซึ่งความรู้สึกโดยส่วนตัว เราว่า ทำได้ ดีมาก คะ Scene ที่ให้ความรู้สึกเหมือนหนังสือ :-
*Scene ที่เปิดตัว V & Evey แล้วทั้งคู่เจอกัน
*Scene ที่ V ยึดสถานีโทรทัศน์ และออกอากาศ เป็น Channel V (มี logo V จริงๆ ) ฮาก๊ากกก แต่บทพูด นี้เปลี่ยนเป็นต่อต้านผู้นำเพียงแค่คนเดียวที่ตั้งใจจะโจมตี ว่างั้น (ในการ์ตูน V จะเป็น Anarchist ที่ต่อต้านระบบผู้นำเผด็จการทุกคน)
V ยังคงความเหี้ยมโหด เป็นนักวางแผนกำจัด และแก้แค้น เหมือนเดิม Evey และ V เหมือนทั้งคู่เองก็ได้เรียนรู้จากกันและกัน และมีชีวิตที่คล้ายคลึงกัน
ซึ่งส่วนนี้ถือว่า เป็น ส่วนที่ Adaptation ได้ดีคะ Evey ทำให้ V ได้คิด และ V ก็ทำให้ Evey ได้คิด เช่นกัน เพียงแต่ขาดน้ำหนักไป
**********
บทพูด อันที่จริงบทพูดในเรื่องนี้ถือว่าเป็นบทพูดที่ดีมาก เลยคะ บางประโยคนี่มาจาก comic เลย และบางประโยคที่ Andy และ Larry แต่งขึ้นก็ เป็นส่วนที่ดีมาก ที่ถ่ายทอด คาแรกเตอร์ของ V ให้เป็นผู้มีความรู้ และเจ้าเล่ห์มาก โดยเฉพาะเสน่ห์ของ V ที่พูดบทกวี เหมือนเป็นนัยว่าเขา นักแสดง อะไรแบบนั้น
ยกเว้นบ้างประโยคที่ทาง Andy และ Larry เขียนขึ้น ที่ดูจะชักชวนเกินไป หรือชัดเจนเกินไป จนอาจจะทำให้ คนดูโดยเฉพาะชาวอเมริกัน รับไม่ได้ ก็คือ ประโยค
...A building is a symbol, as is the act of destroying it. Symbols are given power by people. A symbol, in and of itself is powerless, but with enough people behind it, blowing up a building can change the world.
ประโยคนี้ กับอีกประโยค คือ :-
Evey: Because V is right , We do not need the building rightnow , we need hope
บทพูดที่เป็นบทสรุปไคลแม็กซ์ของเรื่อง ขาดความสัมพันธ์และสนับสนุนกับช่วงตอนที่ Evey เป็นอิสระ กับภาพที่ว่า Evey เป็น V คนใหม่ ที่ชุ่มชื้นเหมือนสายฝน ต่าง กับ V ที่ร้อนด้วยไฟแค้น
ประโยค สำคัญ ๆในหนังสือ ที่ Alan Moore เขียนอยู่หลายประโยค ที่ถ่ายทอดผ่านตัวละคร V และ Evey และต้องการให้ตัวละคร ตัวนี้พูด ว่า เธอ จะไม่ใช่ V ในยุคที่ต้อง เข่นฆ่า ผู้คนอีกต่อไป....
**********
น่าเสียดายมากคะที่ Andy และ Larry ไม่ได้ใส่คำพูดที่เป็นเหมือนหัวใจหลักของ Alan ลงในภาพยนตร์ โดยเฉพาะฉากในการ์ตูนที่ V บอกให้ Evey เด็ดแค่ดอกกุหลาบดอกเดี่ยว แล้วส่งให้เขา ไม่ใช่สิ่งที่ยากเย็นอะไร เขาจะแก้แค้นคนที่ฆ่าคนรักของเธอให้เอง
แต่ Evey มองดอกกุหลาบ เธอเอื้อมมือไป แต่เธอไม่ได้เด็ดและบอกกับ V ว่า ปล่อยให้มันงอกงามอย่างนี้ ดีกว่า (เธอไม่ต้องการแก้แค้น)
คือว่าในภาพยนตร์ขาดน้ำหนักในด้านนี้ไป เพราะ Evey แสดงให้เห็นว่าเธอไม่เห็นด้วยกับการกระทำของ V แต่น้ำหนักน้อยไป และ V ก็แสดงให้เห็นว่า เขายอมรับว่าตัวเองมืดมนเกินไป ที่จะกระทำการเพียงเพื่อแก้แค้นให้ตัวเอง มากกว่าจะทำเพื่อคนอื่นๆ ด้วยความบริสุทธิ์จริงๆ ไม่เหมือน Evey
แต่น้ำหนักน้อยไปอีก เลยทำให้ การกระทำสุดโต่งของ V ในภาพยนตร์ ถูกนำเสนอว่า เป็นการสนับสนุนการกระทำของ V ในด้านของการขึ้นมาต่อสู้เพื่ออิสรภาพ
ซึ่งดูเหมือนเล่ากันคนและอย่างกับความคิดของ Alan Moore
**********
ในแง่ของ David Lloyd
ในการดัดแปลงนี้ David Lloyd ถึงจะผิดหวังในตอนแรกที่เห็นบท แต่เขาก็ยอมรับมันได้ว่า ใน idea เริ่มแรกของ V for Vendetta เขาต้องการเห็น Guy Fawkesไม่ควรจะถูกเผาทุกปี เพื่อฉลองแผนการปฎิวัติ ที่ล้มเหลว แต่จริงๆ David คิดว่า Guy ควรได้รับการสนับสนุนและยอมรับว่าเขาเป็นนักต่อสู้ แบบนั้น.....
David จึงเสนอภาพวาด ตัวละครที่สวมชุดเสื้อคลุมและสวมหน้ากาก Guy Fawkesให้ Alan ในตอนนั้น ซึ่ง Alan เองก็ชอบ idea ที่จะใช้ตัวละครนี้มาก
David ให้การสนับสนุนภาพยนตร์เรื่องนี้ เพราะเขาคิดว่า มันเป็นหนังที่ทำได้ดี และยังคงความเป็น Theme ที่ต้องการเสียดสีการเมืองและรัฐบาล (อย่างชัดเจน)
**********
ในแง่ของ Alan Moore...
Alan มีภาพลักษณ์ที่ดูเหมือนเป็นผู้ชายดิบ ๆ ดูน่ากลัว ดุ เอาใจยาก การพูดจาของเขาออกจะเป็นคนที่อดจะพูดเชิงเสียดสีก็มันเป็นอารมณ์ของเขาอยู่แล้ว
จากที่ได้อ่านบทสัมภาษณ์ของ Alan หลายๆ บท ก็เลย มีความรู้สึกว่า Alan เป็นคนที่มีเหตุผลนะ ถ้าเข้าใจ และให้ความจริงใจเขา เขาเป็นคนที่มีความคิดดีมาก มีความเป็นตัวของตัวเองสูง เรียกว่า เป็นศิลปินตัวจริงเลย เขาต้องการความจริงใจ มากกว่าคำพูดหวานๆ
ดังนั้น การที่ Alan ปฎิเสธ หรือให้สัมภาษณ์ว่าเขาตัดขาดจากภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นมาจาก หนังสือของเขา ว่าเขาไม่แคร์มัน เพราะมันไม่ใช่งานของเขา เหมือนเขาผิดหวังมาเยอะแล้ว จริงๆเราคิดว่ามันมีปัจจัยอื่นๆ อีกที่ Alan ผิดหวัง ไม่ใช่แค่บทดัดแปลง เพราะ Alan เองก็ดูจะเคยเข้าใจเรื่องนี้
ตัว Alan รักเรื่องราวเหล่านั้นที่เขาเขียน นั้นมีรายละเอียด แฝงด้วยชีวิตและอารมณ์ บ้างครั้งมีความรุนแรง และมืดมน และเหมาะเป็นหนังสือมากกว่า และงานของเขาก็ไม่เหมาะกับ Hollywood ที่มี production ตระการตา แต่บ้างครั้งมันกลับถูกสร้างขึ้นโดยไร้ซึ่งจิตวิญญาณ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องราวที่ Alan เขียนจะเน้นที่เรื่องราวของประเทศอังกฤษ และ V For Vendetta ก็ถูกเขียนขึ้นด้วยความรู้สึกที่ไม่พอใจในรัฐบาลยุค มาร์การ์แรต แทกเชอร์ ในยุคนั้น และคงความเป็นอังกฤษไว้
**********
ความเห็นโดยส่วนตัว
ที่ประทับใจเรื่องนี้ เพราะ
+ความมีเสน่ห์ ตัวละคร V
+การเป็นเงาของกันและกันของ V และ Evey + production ของภาพยนตร์
+เพลงประกอบที่เยี่ยมและเข้ากับ scene มาก
+การ adaptation ที่เข้าขั้นดี ถือว่ามีจิตวิญญานของเรื่อง เพราะประมวลและแสดงภาพให้เห็นว่า V เป็นเหมือน สัญลักษณ์ของคนทุกคนที่ ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่ออิสรภาพ
+บทพูดดี
แต่ยังขาดในส่วนเหล่านี้ :-
+บทพูดดี แต่ตกม้าเพราะ 2 ประโยคที่พูดไป ซึ่งเป็นการชี้นำเกินไป และน่าเสียดายที่ขาดบทพูดตาม Alan ในส่วนสำคัญไปหลายส่วน
+หนังใส่ความ Romance ระหว่าง Evey กับ V มากไปหน่อย ช่วงท้าย ตอนฉากเต้นรำทำได้ดี แต่บทพูดช่วงที่Evey จะออกจากบ้าน V และ ช่วงที่ Evey กลับมา และตอนท้าย น่าจะใช้บทพูดตามการ์ตูนของ Alan Moore
แหม! ช่างเป็นเรื่องบังเอิญทีเดียว ข้าพเจ้าก็ประทับใจหนังเรื่องนี้มาก ๆ ได้ไปดูเรื่องนี้ด้วยความไม่ตั้งใจ คือได้บัตรฟรีของ Seed มา 2 เรื่อง แต่ตัดสินใจดูเรื่องนี้ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้รู้รายละเอียดใด ๆ มาก่อนเลย แต่พอหนังจบเท่านั้นละ พูดกับพี่ไม่หยุดปากเลย รู้สึกชอบเนื้อหามาก ๆ V ก็เท่ห์สุด ๆ เนื้อหาชวนติดตามและแปลกใหม่ ลุ้นมากเลยตอน V เสียสละตัวเองไปกับรถไฟอ้ะ และตื่นตาตื่นใจสุด ๆกับฉากระเบิดพร้อมเสียงเพลงปลุกใจ รัก V ไปเลย คงเป็นเพราะได้ไปดูที่โรงอ่ะนะ เลยยิ่งสนุกมากเพราะได้ดูอย่างเต็มตา ยอมรับว่าตั้งแต่ดูหนังมาหลายเรื่อง ประทับเรื่องนี้เป็นอันดับต้น ๆ เลยทีเดียว พอ VCD ออกมาก็รีบเช่ามาดูซ้ำและซื้อเก็บไว้ ทุกวันยังขอบคุณตัวเองและ Seed เลยที่ทำให้ได้ไปดูหนังเรื่องนี้ ไม่งั้นคงพลาดหนังดีแน่ เพราะต้องยอมรับนะว่ากระแสไม่ค่อยแรง และไม่ค่อยมีคนรู้จักอ่ะนะท่าน