|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
เจ้าพระยากับเมดิเตอร์เรเนียน 7
อะโคโปลิศ
ฉันขอให้พนักงานปลุกตั้งแต่ 6 โมงเช้าเพื่อเตรียมตัวซึ่งเขาก็รักษาเวลาได้ดีเพราะ 6 โมงตรงเสียงนาฬิกาก็ดังตามที่ขอ หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จฉันก็ลงมารอที่ล็อบบี้โรงแรม 7 โมงกว่า ๆ รถบัสคันใหญ่ก็มาจอดรับที่หน้าโรงแรม จากนั้นก็ตระเวรไปตามโรงแรมอื่นๆ อีก 2-3 แห่งเพื่อรับแขกไปทัวร์ รถจอดที่หน้าบริษัททัวร์ไม่นานนัก ก็มีผู้หญิงแก่ ๆ คนหนึ่งเดินมาขึ้นรถ ฉันคิดในใจว่าแม้เขาจะแก่แต่ก็ดูกระฉับกระเฉงเดินคล่องแคล่งมาเที่ยวคนเดียวด้วยสิ เมื่อรถเรื่มออกตัวผู้หญิงคนนี้จับไมด์พูดแนะนำตัวเองว่าเป็นไกด์ที่พูดได้ถึง 5 ภาษาอย่างคล่องแคล่ว เล่นเอาฉันต้องอ้าปากค้างยิ่งเมื่อรู้ว่าเธออายุร่วม 70 ปีแล้วก็ยิ่งทึ่งในความสามารถมากมายของเธอ
ที่อะโคโปลิส ที่ฉันอยากไปดูเธอเดินนำเราขึ้นลงไปตามตึกโบราณเก่าแก่อายุร่วมพันปีพร้อม อธิบาย 3 ภาษา อย่างรวดเร็วจนทุกๆ คนทึ่งไปตามๆ กัน ช่วงที่ฉันไปเขากำลังดำเนินการซ่อมแซมส่วนที่เสียหายมาก ๆ โดยพยายามหาชิ้นส่วนที่ขาดหายมาต่อเติมซึ่งเป็นงานที่ต้องใช้ความละเอียดเป็นอย่างมาก อีกอย่างชิ้นส่วนแต่ละชิ้นมีขนาดต่างๆ กัน บางอย่างต้องใช้ทั้งเครื่องมือ ทั้งคนช่วยกันให้งานออกมาสมบูรณ์ที่สุด นึกไม่ออกเลยว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนจึงจะเสร็จสิ้นทั้งหมด
จากนั้นช่วงบ่ายฉันก็แยกตัวออกไปเดินดูเมืองเก่าอย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก เขตที่เก่าจริง ๆ ยังคงดำรงชีวิตประจำวันเช่นเดิม แต่ส่วนมากจะมีร้านค้าขายของที่ระลึกเกิดขึ้นแข่งกันมากมาย ราคาของไม่แพงแต่ก็ไม่ถูกนัก ทำให้ฉันซื้ออะไรได้ไม่มาก ฉันยืนเข้าคิวรอซื้ออาหารพื้นเมืองขึ้นชื่อ ที่ทำจากเนื้อแพะเอามาผัดแล้วใส่ซอสพื้นเมือง เสร็จแล้วก็ใส่ในแผ่นแป้งที่ย่างบนเตาถ่านพร้อมผักสลัดอร่อยสมกับที่ต้องรอนานจริงๆ ราคาก็ไม่แพงอีกด้วย ฉันเดินทั้งวันตามเคยจนเกือบเย็นถึงได้นั่งรถเมล์กลับที่พักเพื่อเตรียมเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารเย็นเพื่อนใหม่ที่พึ่งรู้จัก
ทุ่มตรงเขาก็มาถึงตามนัด เครื่องแต่งกายที่ใส่ดูดีสมกับเป็นนักธุรกิจระดับประเทศ เรานั่งดื่มเครื่องดื่มที่ล็อบบี้และคุยกันอย่างสนุกสนาน ฉันเล่าเรื่องการเดินทางของฉันให้เขาฟัง ส่วนเขาก็เล่าเรื่องราวการทำงานให้ฉันฟัง จนเวลาพอสมควรเราก็ย้ายไปทานอาหารภายในโรงแรมนั้นเอง ฉันเลือกทานอาหารทะเลแต่ก็ต้องผิดหวังมากๆ เพราะอาหารไม่มีความสดสมกับเมืองชายทะเลเลย เขาเองก็ผิดหวังที่ฉันไม่ได้ทานอย่างที่ตั้งใจไว้ จนเวลาล่วงเลยไปเกือบ 5 ทุ่มเขาก็ถามคำถามกับฉันว่า
" ผมว่าเราเปลี่ยนที่ดื่มกันไปดื่มที่ห้องพักของคุณจะดีกว่าไหม เพราะเป็นส่วนตัวมากกว่า เราจะได้คุยกันโดยไม่มีใครมารบกวน "
แม้ฉันจะรู้สึกดีและเป็นหนี้ที่เขาช่วยเหลือมาตั้งแต่มาถึง แต่คำพูดนี้ก็ทำให้ความรู้สึกดี ๆ ที่มีหายไปในทันทีเช่นกัน ฉันตอบเขาไปว่า
" คงไม่ได้เพราะฉันถือเรื่องนี้ ฉันไม่เคยอยู่กับผู้ชายที่ฉันพึ่งรู้จัก 2 ต่อ 2 ในที่ลับตาคนเพราะฉันไม่ไว้ใจค่ะ "
" ที่กรุงเทพฯ ผู้หญิงที่ผมเลี้ยงข้าวเขาก็ไปกับผม ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาใครๆ ก็ทำ ต่อไปถ้าคุณอยากมาเที่ยวที่นี่ีอีกผมจะออกค่าเครื่องบินให้คุณเอง คุณจะไปๆ มาๆ เมื่อไหร่ก็ได้ หรือคุณไม่สนใจ "
" ฉันไม่รู้ว่าผู้หญิงที่คุณเลี้ยงข้าวเป็นใครและเป็นยังไง แต่ฉันไม่ใช่คนแบบนั้นค่ะ เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่ฉันถือมาก ถ้าคุณจะคิดว่าผู้หญิงที่เดินทางคนเดียวเป็นผู้หญิงรักสนุก ฉันว่าคุณดูคนผิด อย่างน้อยก็มีฉันที่ไม่เคยเป็นแบบนั้น คุณมีเงินคุณจะไปหาผู้หญิงที่ไหนก็ได้ที่มีอาชีพแบบนั้น แต่ไม่ใช่กับฉันค่ะ "
" แต่ผมออกค่ารถให้คุณ ซื้อทัวร์วันนี้ให้คุณนะ อย่าลืมสิ "
ถึงตอนนี้เลือดในตัวฉันเริ่มขี้นที่หน้า ฉันไม่เคยคิดว่าจะเจอผู้ชายแบบนี้มาก่อนเลย ฉันตอบเขาไปว่า
" อย่าลืมนะว่าฉันไม่ได้ขอให้คุณทำให้ฉัน ๆ มาเที่ยวที่สวิสฯ ได้ มาพักโรงแรม 5 ดาวที่นี่ได้ หากฉันไม่มีเงินมากพอฉันคงไม่กล้าเดินทางเช่นนี้ เงินที่คุณออกให้ถ้าคุณต้องการฉันจะคืนให้คุณทั้งหมดเดี๋ยวนี้ เพราะฉันมีศักดิ์ศรีพอ เราจะได้ไม่มีอะไรต่อกันอีก อย่าคิดว่าข้อเสนอโง่ ๆ ของคุณจะทำให้ฉันตาโตได้ คุณคิดผิดแล้วหละ "
เขาโกรธฉันจนหน้าแดง คงไม่คิดว่าฉันจะตอบกลับรุนแรงเช่นนี้ ขณะที่ฉันก้มหากระเป๋าใส่เงินเขาก็วางเงินค่าเครื่องดื่มและเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว ฉันรีบจ่ายเงินแล้วรีบกลับขึ้นห้องพักทันที สมแล้วกับที่ญาติฉันเขาเตือนไม่ให้คุยกับคนแปลกหน้า ฉันเองที่มองคนในแง่ดีเกินไป บทเรียนครั้งนี้คงต้องจำไปอีกนาน โชคยังดีที่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่ชอบดื่มจนไม่มีสติ ไม่เช่นนั้นไม่รู้ว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร
วันต่อมาฉันเดินเที่ยวคนเดียวอย่างเคยแต่ไม่ยอมมองหรือพูดกับใครอีกเลยเพราะกลัวจะเป็น แบบเดิมอีก จนอีกวันถัดมาฉันก็เช็คเอ้าท์เตรียมกลับเมืองไทย
ที่สนามบินมีคนมากมายกว่าที่คิดเพราะเป็นเที่ยวบินสุดท้ายของสายการบินนี้ที่จะบินไปเอเชีย ผู้โดยสารส่วนมากเป็นชาวกรีกที่เดินทางมาเยี่ยมบ้านและเดินทางกลับไปประเทศใหม่ที่ตนอาศัยอยู่ส่วนมากจุดหมายก็คือออสเตรเลีย ระหว่างนั่งรอเครื่องออกมีชายหนุ่มน้อยและใหญ่พยายามมองสบตาส่งยิ้มให้ฉันหลังจากที่ดูแล้วว่าฉันเดินทางคนเดียว แต่เหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้ฉันเข็ดจนมองคนเหล่านั้นเหมือนอากาศ ซึ่งก็ได้ผลเพราะไม่นานความพยายามเหล่านั้นก็ดูจะหมดไป
ฉันอดคิดถึงตอนขามาที่มีปัญหาที่นี่ตอนไม่ได้ คิดถึงพี่ณีที่ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน เสียงเรียกขึ้นเครื่องดังขึ้นฉันจึงได้เลิกคิดแล้วเดินไปขึ้นเครื่องตามคนอื่น ๆ ที่นั่่งที่ฉันได้อยู่ติดทางเดินและไม่ไกลจากทางเข้ามากนัก เมื่อเครื่องเริ่มตั้งตัวได้ฉันก็เริ่มเตรียมตัวหลับเสียงต่าง ๆ รอบ ๆ ตัวรบกวนฉันไม่นาน ในที่สุดฉันก็หลับไปจริง ๆ มาตื่นอีกทีเมื่อรู้สึกคอแห้งและต้องการดื่มน้ำจึงได้ลุกเดินไปหาพนักงานที่หน้าห้องเตรียมอาหาร
ที่นั่นฉันเห็นผู้ชายอายุกลางคนใส่เสื้อเครื่องแบบสีขาวแขนสั้นยืนอยู่ เขาถามฉันว่าฉันต้องการอะไรอย่างมีน้ำใจ ฉันบอกเขาไปว่าฉันต้องการดื่มน้ำซึ่งเขาก็รีบจัดหาให้ทันที ความอึดอัดที่ต้องนั่งในที่แคบนานๆ ทำให้ฉันยืนอยู่ที่นั่นเพื่อเปลี่ยนอิริยาบทบ้าง ฉันชวนเขาคุยเพราะมีเพียง 2 คน ฉันถามเขาไปว่า
" วันนี้มีผู้โดยสารมากเป็นพิเศษ คุณเหนื่อยไหมที่ต้องเดินบริการทุก ๆ คน แบบนี้ "
เขาตอบฉันด้วยอาการอมยิ้ม พร้อมกับบอกว่า
" ไม่เหนื่อยหรอกเพราะผมไม่ค่อยได้ทำอะไร "
ด้วยความง่วงฉันไม่ได้สนใจที่เขาพูดมากนัก สักครู่เขาก็ถามฉันว่า
" คุณอยากดูอะไรใหม่ ๆ ไหม คุณอาจจะไม่เคยเห็น เป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก ถ้าคุณอยากดูผมจะพาไป "
ฉันมองเขาแล้วคิดในใจว่า ในเครื่องบินลำใหญ่นี้ยังมีอะไรให้ดูอีกหรือ ด้วยความเบื่อที่ต้องนั่งนานๆ เลยตอบเขาไปว่า
" ตกลง ฉันอยากดู อยู่ที่ไหนหล่ะ คุณนำไปสิ "
" ตกลง ตามผมมานะ ทางนี้ "
" สวัสดีค่ะกัปตัน หายเหนื่อยแล้วหรือค่ะ ? "
เสียงพนักงานบริการถามผู้ชายที่เดินนำหน้าฉันเข้าไปในห้องด้านหน้าของเครื่องบิน ฉันอ้าปากค้างเพราะรู้ตัวว่าปล่อยไก่ตัวโตที่คิดว่าเขาเป็นแค่เพียงพนักงานบริการบนเครื่องบินโดยไม่ได้ เฉลียวใจเลยตั้งแต่เขาพูดว่าเขาไม่ค่อยได้ทำอะไร
ห้องที่เขาพามาเป็นห้องขับเครื่องบินนั่นเอง เขาแนะนำฉันกับพนักงานทุกคนว่าฉันเป็นแขกของเขาขอให้ดูแลอย่างดีด้วย ฉันพูดอะไรไม่ออกอีกครั้ง หลังจากนั่งประจำที่ กัปตันก็เริ่มอธิบายการทำงานของเครื่องบินรุ่น A340 ซึ่งถือเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดในตอนนั้นให้ฉันฟังคร่าวๆ ตอนหนึ่งเขาพูดติดตลกว่า
" อย่าบอกใครนะว่าผมไม่ค่อยได้ทำอะไรเพราะคอมพิวเตอร์ทำงานเองหมด "
ฉันอดทึ่งกับกลไกต่างๆ ของเครื่องยนต์ไม่ได้ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มีโอกาสเช่นนี้ที่ได้เห็นการทำงานทั้งตอนเครื่องบินขึ้นและลงทั้งที่บอมเบย์หรือมุม ไบ เมืองหลวงของอินเดียเพราะต้องแวะที่นั่นและได้เห็นการทำงานตอนเครื่องบินลงจอดที่สนามบินตดอนเมืองอีกด้วย ระหว่างที่นั่งดูกัปตันก็ถามถึงที่ทำงาน และเรื่องราวของฉันที่มาเที่ยวครั้งนี้ เขารับฟังด้วยความสนใจและไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ตั๋วราคาพิเศษแบบนี้เกิดขึ้น ฉันเชื่อว่าเขาคงนำไปพูดเป็นข้อเตือนใจในที่ประชุมแน่นอน
" หวังว่าเราคงได้พบกันอีก "
กัปตันกล่าวลาหลังจากเครื่องลงจอดที่สนามบินดอนเมือง ฉันกล่าวขอบคุณและกล่าวลากับเขาเช่นกัน
" ฉันคงไม่มีโอกาสพบคุณอีก แต่ฉันจะจดจำคุณไว้เสมอกับความมีน้ำใจที่มีให้ฉัน ขอให้โชคดีค่ะกัปตัน ลาก่อน "
Create Date : 10 มีนาคม 2554 |
|
2 comments |
Last Update : 7 ตุลาคม 2563 14:29:41 น. |
Counter : 888 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: PrettyNovember IP: 203.144.211.51 16 มีนาคม 2554 13:50:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: Maeboon 16 มีนาคม 2554 23:18:07 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Belgium
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 87 คน [?]
|
แม่บุญ..เป็นหญิงไทยอายุเลยวัยรุ่นไปไกล จับพลัดจับพลูได้สามีเป็นฝรั่งแล้วก็หอบผ้าตามกันไปอยู่เมืองนอกเมืองนา พอได้เวลาหยุดงานก็กระเตงกันไปเที่ยวตามประสาตายาย ไม่มีลูกกวนตัวกวนใจ แม่บุญนั้นชอบเขียน ชอบเล่า ชอบถ่ายรูป เป็นที่สุด จะเก็บไว้คนเดียวก็กระไรอยู่ เอามาแบ่งบันกันให้ลูก ๆ หลาน ๆ ได้อ่าน ได้ดูกันดีกว่า ส่วนฝีมือด้านอื่น ๆ นั้นก็พอจะมีอยู่บ้าง เช่น ทำอาหาร ก็เอามาแบ่งปันกันอีกนั่นแหละ ค่อย ๆ รู้จักกันไป รู้จักกันแล้วก็อย่าลืมเข้ามาคุยกันนะ
ปล....รูปภาพต่าง ๆ หากต้องการนำไปใช้ช่วยบอกที่มาที่ไปด้วยนะคะ เป็นการให้ความเคารพซึ่งกันและกัน ซึ่งสังคมไทยเราค่อนข้างมองข้ามในเรื่องนี้ค่ะ
|
|
|
|
|
|
|
|
บางครั้งรอนานจนคิดว่าเอ๊! จขบ. หายไปไหนน๊า
อย่าหายไปนานนะคะ อย่างน้อยก็มีคนรออ่านอย่างใจจดใจจ่ออยู่ค่ะ