ส่วนที่ดีที่สุดของการเขียนจดหมาย


ห้องนอน ข้างๆรั้วชบา ...โคราช
2 มกราคม 2550 / 13.00 น.



ถึงพ่อยอดสหาย

“...ส่วนที่ดีที่สุดของการเขียนจดหมาย
ไม่ได้อยู่ที่ตอนมานั่งนึกว่าเขาจะอ่านจดหมายของเราหรือเปล่า
แต่เป็นตอนที่เราคิดจะเขียนถึงเขาเสียมากกว่า…”


ฉันชอบเขียนจดหมาย มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้
แต่ที่ยังอยู่ในความทรงจำ ก็คือครั้งแรกที่เขียนจดหมายจริงๆ
ช่วงที่มีจดหมายส่งถึงมือแบบอาทิตย์ต่ออาทิตย์
และช่วงที่ชีวิตห่างหายไปจากการเขียนจดหมายอย่างสิ้นเชิง

ครั้งแรกที่เริ่มเขียนจดหมาย ฉันยังจำได้ดี
แม้รายละเอียดหลายอย่างจะลบเลือนไป แต่ยังจำได้แม่นว่าเริ่มต้นที่นี่
ยังจำสมัยที่เราเรียนอยู่ที่ราชสีมาวิทยาลัย ช่วง ม.1 ได้ไหม
ช่วงนั้นหล่ะ ที่มีจดหมายส่งมาถึงนักเรียน ม.1/8 ก. ระบุเลขที่ของฉัน
มันเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจากจดหมายของนักเรียนอีกโรงเรียนที่กำลังหา pen pals
ฉันตื่นเต้นมาก จำได้ว่าได้ตอบกลับไปยาวเหยียด
ไม่นานก็มีจดหมายตอบกลับมา พร้อมกับเรื่องราวน่าสนใจเกี่ยวกับจังหวัดขอนแก่น
ฉันไม่รีรอที่จะตอบกลับไป แต่หลังจากนั้นก็ไม่เห็นจดหมายจากเพื่อนคนนั้นส่งถึงฉันเลย
เด็กนักเรียนจากขอนแก่นคงเขียนจดหมายมา เพียงเพื่อต้องการคะแนนในวิชาภาษาไทย
โชคดีที่ตอนนั้น หัวจิตหัวใจฉันยังไม่อ่อนไหวเหมือนในตอนนี้
ชีวิตในช่วงมัธยมต้น มีเรื่องราวมากมายให้ทำอย่างสนุกสนานไม่รู้เบื่อ
จนไม่มีเวลาคิดถึงเพื่อนทางจดหมายคนนั้นอีกเลย ...จนกระทั่งวันนี้



ฉันยังจำ และยังเก็บจดหมายทุกฉบับที่เขียนถึงเพื่อนๆที่โรงเรียนอรุโณทัยวิทยา
หรือสถานพินิจเด็กชาย ที่เราเคยไปเยี่ยมโรงเรียนพวกเขา
จนมีเรื่องราวให้ต้องเขียนจดหมายโต้ตอบกันระยะหนึ่ง
จำไม่ได้ว่าเพราะอะไรถึงห่างหายกันไป อาจจะเพราะใครสักคนหนึ่งได้รับอิสรภาพ

ฉันได้รู้จักกับพี่ชายคนหนึ่งในสมัยที่บ้านเรานิยมใช้วิทยุสมัครเล่นกัน เล่นกันจนเกรดตก สมองฝ่อ
ตอนนั้นพี่เขาเรียกฉันว่าน้องชาย ฉันไม่ได้คิดอะไรมาก พี่เขาไม่มีน้อง ส่วนฉันก็ไม่มีพี่ชาย
ไม่คิดว่าถึงวันนี้ ผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว เรายังเป็นพี่ชายน้องชายกันเหมือนเดิม แต่รักกันมากขึ้น
แน่นอนวิทยุสมัครเล่นเป็นแค่เพียงจุดเริ่มต้น
แต่จดหมายที่เขียนถึงกันในยามห่างไกล เป็นเพื่อนคุย คลายเหงา และระบายความรู้สึก
สิ่งนี้ต่างหากที่เป็นสิ่งกระชับความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องต่างพ่อต่างแม่ ให้เป็นพี่น้องกันจริงๆ



พ่อยอดสหาย สำหรับช่วงเวลาที่เราเขียนจดหมายถึงกัน
มันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งในชีวิต
แม้ในความสัมพันธ์ของเรา จะมีมรสุมลูกเล็กๆพัดมาเยี่ยมเยือนบ้าง
แต่มันก็คงไม่เลวร้ายเท่ากับใน “สงครามชีวิต”
นวนิยายที่เป็นแรงบันดาลใจให้เราเขียนจดหมายถึงกันในยามห่าง
หรือแม้กระทั่งในยามที่มีเพียงมู่ลี่ไม้ไผ่กั้น ในคืนที่ใครบางคนมีเรื่องอยากจะระบาย
ตามแบบสำนวนเชยๆของ รพินทร์ และแม่เพลิน ...ของพ่อยอดสหาย และแม่ยอดมิตร

หลายปีมานี้ชีวิตของฉันห่างร้างจากการเขียนจดหมาย
แย่ยิ่งกว่านั้นก็คือ ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครให้ฉันเขียนถึงได้เลย
เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีมันทำให้การเขียนจดหมายดูเชย และช่างไม่เข้ากับยุคสมัย
ไม่รวดเร็วว่องไวเท่าโทรศัพท์ MSN หรืออีเมล์ ฯลฯ
ฉันได้คุยโทรศัพท์กับพ่อฯ ทั้งคุยกันใน MSN หรือแม้กระทั่งเขียนอีเมล์ถึงกันบ้าง
แต่ฉันกลับรู้สึกว่าความสัมพันธ์ฉันท์มิตรของเรานั้น กลับห่างเหินกันออกไปทุกที
เราไม่เคยเอ่ยคำว่า “คิดถึง” กันเลย ตอนที่คุยกันทางโทรศัพท์
ไม่เคยเขียนความรู้สึกอันอ่อนไหว ระบายลงไปยามที่คุยกันทาง MSN
ในอีเมล์ ข้อความต่างๆของพ่อฯ แทบไม่เคยเกินห้าบรรทัด
ผิดจากในจดหมาย ที่หลายครั้งพ่อฯเขียนมาถึงสามสี่หน้ากระดาษ
เต็มไปด้วยความรู้สึกต่างๆในใจ และลงท้ายด้วยคำว่า “คิดถึง” ในหลายคราว



ดูเหมือนฉันจะเป็นคนที่ยึดติดกับความสัมพันธ์และความรู้สึก
แต่กับความทรงจำที่เป็นสุข คงไม่มีใครปฏิเสธที่จะนึกถึง และปรารถนาจะให้หวนคืน

เพื่อนคนหนึ่งของเรา ได้เล่าให้ฉันฟังถึงเรื่องของพ่อฯ
เขาเล่าว่า คืนหนึ่งหลังจากนัดทานข้าว ดื่มเหล้า ที่ดูเหมือนพ่อฯจะไม่ยอมเลิกรา
คืนเดียวกันกับที่ฉันกำลังอยู่กับเพื่อนใหม่ ในงานคอนเสิร์ตที่สนามเสือป่า
ระหว่างทางที่กลับบ้าน พ่อฯแสดงอาการหงอยเหงาและได้พร่ำเพ้อออกมาว่า
“...ชีวิตนับวันก็ยิ่งเหมือนจะมีเพื่อนน้อยลงไปทุกที…”
เขาว่ากันว่า คนเมามักจะไม่โกหก โดยเฉพาะคนที่ชอบเก็บความรู้สึกอย่างพ่อฯ
ฉันได้ยินอย่างนั้น ก็รู้สึกสะท้อนใจ นึกย้อนกลับไปทบทวนเรื่องราวที่เคยเกิดกับตัวเอง

ความรู้สึกในช่วงนั้นยังคงชัดเจนเหมือนเพิ่งเกิดขึ้น
เพียงแต่ตอนนั้นฉันไม่ได้แค่รู้สึกว่ามีเพื่อนน้อยลง แต่มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
เข้าใจและเข้าถึงความรู้สึกของพ่อได้โดยไม่ยากเย็น
แค่เพียงค็อกเทลแก้วสองแก้ว ทุกอย่างก็พรั่งพรูออกมา ความเหงา และหยาดหยดน้ำตา
เพียงแต่ในเวลานั้นมีฉันอยู่เพียงลำพัง กับคนแปลกหน้าสองสามคน
และต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการที่จะพาตัวเองกลับมาให้ถึงบ้าน
ผิดกับพ่อฯ ที่ยังมีเพื่อนคอยรับฟัง และพามาส่งจนถึงเตียงนอน

ในเมื่อช่วยเหลือความรู้สึกของตัวเองไว้ไม่ได้
ไข่ย้อยเลือกที่นั่งเรือไปเกาะพงัน แต่ฉันเลือกที่จะนั่งรถไปหัวหิน
คนมาทะเล นอกจากจะหนีร้อน หนีรักมาแล้ว บางคนก็ต้องการหลีกหนีความรู้สึกของตัวเอง

ไม่ว่าเพื่อนของพ่อฯจะน้อยลงไป หรือเป็นแต่เพียงแค่รู้สึกไปเองเท่านั้น
ไม่ว่าฉันจะเป็นหนึ่งในเพื่อนที่ห่างหายไป หรือไม่ใช่ก็ตาม
พ่อฯอาจจะอ่อนแอในยามที่ว่างเว้นจากการงาน ซึ่งมีอยู่เพียงน้อยนิดนั้น
หรือในยามที่เมรัยขวดเขียวบ้างน้ำตาลบ้างได้เข้าไปย้อมให้ตับแข็ง แต่ทำให้หัวใจสั่นไหวและอ่อนแอ
ในฐานะที่พ่อฯเป็นเพื่อน เป็นอีกคนหนึ่งที่ฉันรัก ฉันก็อยากจะให้พ่อเข้มแข็ง
เข้มแข็งเอาไว้ เพราะวันหนึ่งเราจะไม่แค่รู้สึกอย่างนั้น แต่มันจะเกิดขึ้นจริงๆ
หลายคนจึงหนีปัญหานี้โดยการหาคู่ชีวิตมาอยู่ด้วยกัน เพื่อหลีกเลี่ยงความรู้สึกนี้ในวันหนึ่งข้างหน้า
แล้วพ่อฯหล่ะ มองไว้หรือยัง ถ้ายัง ฉันก็ขอภาวนาว่าขอให้เพื่อนฝูงของพ่อจะยังหาไม่ได้เช่นกัน

เพื่อนที่ฉันรักคนหนึ่ง ซึ่งคงปลงกับชีวิตแล้ว ได้หยิบยกท่อนหนึ่งในเพลงมาบอกว่า
Never, never will I marry. Born to wander solitary, Wide my world, narrow my bed.
ฉันเห็นด้วยในหลักการ แต่ยังแย้งด้วยการพยายามชวนเขาหักล้างความเชื่อนี้
Never, never will we marry. Born to wander variously, Wide our world, share our taste.
แต่ดูท่าทาง ฉันคงไม่มีความน่ารักและน่าเชื่อใจพอที่จะทำให้เขาคล้อยตาม

พ่อยอดสหาย ความเงียบเหงาคงเป็นเหมือนอาการคัดจมูก ที่ช่างน่ารำคาญ
มันเตือนว่าถ้าปล่อยไว้เราอาจจะเป็นหวัด ควรจะรีบหาหยูกยามากิน หรือรีบพักผ่อน
เมื่อมันเตือนเราแล้วว่า ถ้าปล่อยไว้ไม่รีบแก้ไขรักษา เราอาจจะโดดเดี่ยวไร้เพื่อนได้ในวันหนึ่ง
ทำในสิ่งที่อยากทำ พยายามให้มากกว่าที่เคย เปิดประตูใจให้กว้างยิ่งขึ้นอีก
โยนทิ้งเสีย ความรู้สึกแปลกๆ อคติ หรือความโกรธที่สุมอยู่กองใหญ่ในหัวใจของพ่อ
หากทำทุกอย่างได้ พ่อฯก็จะกลับมาเป็นคนที่เพื่อนๆอยากอยู่ใกล้ๆเหมือนหลายปีที่ผ่านมา
ซึ่งฉันก็เคยเป็นหนึ่งในนั้นมาเนิ่นนานเช่นกัน

“ ฟากฟ้า ดูยาวไกล
หัวใจดูร้างรัก สเน่หา
ความรักเอย ที่จัก มักถามมา
ดูไกลตา ราวฟากฟ้า ยาวไกล ”


ใครนะเคยรำพันไว้
ซึ่งก็เป็นเวลานานแล้ว ที่ฉันไม่เห็นความรู้สึกอ่อนไหวเช่นนี้ผ่านสายตาของฉันเลย

ฉันคงต้องต้องจบจดหมายฉบับนี้สักที ว่าแต่ฉันจะจบอย่างไรนะ ไม่ให้มันเชยและเศร้า
รักและคิดถึงดีไหม พ่อยอดสหาย




รักและคิดถึงพ่อฯเสมอ

เพื่อน คนที่เคยเป็นยอดมิตรของเธอ
16.00 น.





เสียง : จดหมายจากไข่ย้อย ถึง ดากานดา
จากภาพยนต์เรื่อง "เพื่อนสนิท"
ภาพ : จากกล่องที่เก็บจดหมาย ในห้องรกๆที่โคราช




หัวข้อแนะนำ จขบ.ชอบเป็นการส่วนตัว

ที่ไหน ซักแห่ง ใน....
นิราศหาดทรายน้อย
เพราะความจริงนั้นนิรันดร์ จินตนาการไม่ยั่งยืน



Create Date : 02 มกราคม 2550
Last Update : 2 มกราคม 2550 20:45:39 น. 7 comments
Counter : 3611 Pageviews.

 



มีโอกาสได้เขียนจดหมายหาเพื่อนเหมือนกันค่ะ

พอหยิบจดหมายเก่าๆขึ้นมาอ่านที่ไร ยิ้ม หัวเราะ

ไปกับมันทุกทีเลย บางฉบับก็ทำให้เรานึกถึงคนเขียนมากๆ

ถึงแม้เค้าจะไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้วก็ตาม อ่านทีไร

อดคิดถึงไม่ได้จริงๆ


สวัสดีปีใหม่ค่ะ


โดย: oreocream วันที่: 2 มกราคม 2550 เวลา:20:51:40 น.  

 
สวัสดีปีใหม่ค่ะ



โดย: รักดี วันที่: 2 มกราคม 2550 เวลา:20:57:27 น.  

 

ขอให้มีความสุข

คิดสิ่งใดให้สมปราถนา ทุกๆประการ

สุขภาพร่างกาย แข็งแรง

ร่ำรวย ยิ่งๆๆขึ้นไป

นะค่ะ

ได้ไปเที่ยวไหนบ้างป่าวค่ะนี่

เที่ยวให้สนุกนะค่ะ

และ อย่าลืม เที่ยวเผื่อ กันด้วย นะค่ะ



โดย: STAR ALONE (STAR ALONE ) วันที่: 2 มกราคม 2550 เวลา:21:07:36 น.  

 
เก็บพวก สคส กะ โปสการ์ดที่เพื่อนส่งมาให้เหมือนกัน แต่ว่าหลังๆพอเพื่อนทำงาน มันขี้เกียจส่ง สคส เลยไม่ค่อยมี

เวลาเหงาๆ จะเอา สคส โปสการ์ด มาอ่าน แล้วนึกถึงสมัยก่อน นึกแล้วมีความสุขถึงแม้นว่ามันจะเป็นอดีต แต่มันยังหวานหอมถึงปัจจุบัน


โดย: fairy_tells วันที่: 2 มกราคม 2550 เวลา:21:22:48 น.  

 
ซึ้งจังเลยค่ะ

อยู่เมืองนี้เคยฝันอยากจะได้จดหมายจากเมืองไทยเหมือนกัน แต่มันไม่ค่อยจะจริงเลย จนตอนนี้เลิกฝันไปแล้ว

บางทีแค่เห็นลายมือจ่าหน้าซองก็หัวใจอุ่นแล้ว ยังไม่ทันต้องอ่านเลย

คุณเจ้าของบล็อกต้องหัวใจอุ่นๆอยู่เสมอเป็นแน่เชียว มีจดหมายเก่าๆมากขนาดนั้น

หวัดดีปีใหม่นะคะ
ปล. ชอบที่คุณแต่งบล็อกวันนี้มากๆๆๆๆๆ เรามันพวกบ้าสีเขียวน่ะ



โดย: SevenDaffodils วันที่: 2 มกราคม 2550 เวลา:22:20:09 น.  

 

Nice blog, nice music !!!




โดย: G@boR วันที่: 4 มกราคม 2550 เวลา:19:27:51 น.  

 
แต่งบล็อกใหม่ ไฉไลตามเคย

แวะมาเยี่ยมค่ะ เขียนบล็อกเสียซึ้ง ละมุนละไมเชียว


โดย: ทิพย์ (แดดอุ่น ) วันที่: 4 มกราคม 2550 เวลา:21:26:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พ่อดอกมะดัน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





มีอะไรบ้างในบ้านหลังนี้


+ My Life : ช่างมัน มะดันไม่แคร์ ที่นี่คือที่ระบายอารมณ์ของผม ทั้งสุขทั้งเศร้า อาจจะมาในรูปของกลอน บทกวี หรืออะไรอีกก็ได้ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

+ My Voice : เสียงขึ้นจมูก ความสุขของมะดัน รักในเสียงดนตรีครับ แต่ในเมื่อเล่นเครื่องดนตรีอะไรไม่เป็นกะเขาเลย ก็ขอแหกปากละกัน เนื่องจากว่าเป็นเด็กแนว ก็เลยขอร้องเพลงแนวๆที่เห็นหล่ะครับ แนวคนแก่งั๊ยยย

+ My Dear Friend : พ่อยอดสหายที่รัก กล่องใส่จดหมายเปิดผนึกถึงเพื่อนรักคนหนึ่งของผม

+ My Love Life : รัก ล้มเหลว เรียนรู้ ทีแรกกะจะเขียนเรื่องความรักของตัวเองครับ แต่เนื่องจากขณะนี้อยู่ในสถานะโสด เลยขาดวัตถุดิบในการเขียน แต่ก็พอมีอะไรให้อ่านเล่นๆ

+ My Secret Admirer : เปนชู้กับมะดัน ที่นี่เป็นห้องเก็บศพของชู้รักของผม ไม่สมควรเข้ามายุ่มย่ามโดยเด็ดขาด เพราะเดี๋ยวโดนผีหลอก

+ My Thesis : ตามติดวิทยานิพนธ์ เริ่มนับถอยหลังแล้วครับ จะออกหัวออกก้อย ต้องมาลุ้นกันแล้ว

+ My Event : ตามๆเขาไป กิจกรรมนอกหลักสูตรทั้งหลาย ที่ติดตามเขาไป ขอบคุณทุกคนที่ชวนนะครับ

:: Special Thanks :: ขอบคุณผู้สร้างสรรค์ code ทุกอัน และภาพทุกภาพที่ผมนำมาใช้ตกแต่ง blog อาจจะไม่ได้ขออนุญาต แต่รับรองว่าไม่มีการแอบอ้างเป็นผลงานของผมเด็ดขาด

-----------------------------------------

มีอะไรจะคุยด้วย ก็ส่งหลังไมค์มานะครับ


Group Blog
 
<<
มกราคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
2 มกราคม 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add พ่อดอกมะดัน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.