Group Blog
 
 
สิงหาคม 2548
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
22 สิงหาคม 2548
 
All Blogs
 
7 วัน 6 คืน ละลายเงินสองหมื่น (กว่า) ที่ฮ่องกง ตอนที่ 2

เกือบเสียเธอไปในเสินเจิ้น

วันอาทิตย์ที่ 14 ส.ค. 2548 เมื่อคืนตั้งนาฬิกาปลุกไว้ 7 โมงเช้า แต่เอาเข้าจริงตื่นกัน 8 โมงค่ะ อากาศเย็นสบายดีฝนตกพรำๆ แต่เช้าเลยค่ะ เช้านี้เราว่าจะเดินหาร้านโจ๊กที่พี่ๆ BP พูดถึงกันนั่นก็คือร้านเฉี่ยวฟะ หรือร้านโปรด ที่ ม.ร.ว.ถนัดศรี เคยมาทานนั่นเอง ที่ร้านนี้มีเมนูภาษาไทยค่ะ ถามหาได้เลย



มี่สั่งโจ๊กไข่เยี่ยวม้า ส่วนเพื่อนสั่งโจ๊กปลาค่ะ ตามด้วยปาท่องโก๋อีก 1 จาน กะให้อิ่ม แล้วก็อิ่มจริงๆ ค่ะ โจ๊กถ้วยไม่เล็กเลย มีหมูเส้นใส่มาด้วยค่ะ ไข่เยี่ยวม้าไม่รู้ใส่มากี่ฟอง เยอะจัง มี่ทานไม่หมดค่ะ เสียดายเหมือนกัน มื้อนี้จ่ายไป 41 เหรียญค่ะ



หน้าตาโจ๊กปลาค่ะ ปลาเป็นชิ้นๆ เยอะแยะเต็มถ้วย



โจ๊กไข่เยี่ยวม้าค่ะ มีหมูเส้นมาด้วย อร่อยดี



พออิ่มหนำกันแล้วก็ออกเดินทางค่ะ มุดลง Subway ตรงถนน Middle (ถ้าจำไม่ผิด) จะเจอป้ายบอกทางไปสถานี KCR เรานั่งจาก East Tsim Sha Tsui ไปลง Lo Wu ได้เลยค่ะ ค่ารถก็ 36.5 เหรียญ ใช้บัตรปลาหมึกยักษ์ค่ะ ใช้เวลาประมาณ 30-40 นาทีค่ะ



พอไปถึงที่ Lo Wu ก็ต้องผ่าน Immigration ของฮ่องกงก่อนค่ะ แล้วเดินผ่าน Duty Free Shop ถึงตรงนี้เลี้ยวซ้ายขึ้นบันไดไปชั้น 2 เพื่อทำวีซ่าค่ะ ค่าทำวีซ่า 150 เหรียญฮ่องกงค่ะ



รอวีซ่าไม่นานเท่าไหร่ แต่ตอนไปเข้าคิวจะผ่าน Immigration เข้าเสินเจิ้นสิคะ แถวยาวเหยียด

Tips:
1. ไม่ควรไปเสินเจิ้นวันหยุด เพราะคนจะเยอะมากกกกกกกกกกก
2. ก่อนขึ้นไปทำวีซ่า ให้เดินไปหยิบใบผ่านเข้า-ออกเสินเจิ้นมากรอกในระหว่างรอวีซ่า



พอผ่านด่านมาเรียบร้อย มี่กับเพื่อนก็ตรงไปที่ห้าง Lo Wu ก่อนค่ะ เพราะมี Order กระเป๋า LV มา 1 ใบ เดินๆ ดูซักพัก ก็ตัดสินใจเข้าร้าน ตอนแรกบอกราคามาตั้ง 360 เหรียญอ้างว่าวัสดุดีอย่างนั้นอย่างนี้ เราก็ต่อๆ ไปค่ะ ขอ 150 เหรียญเลย เค้าไม่ให้ ต่อกันไปต่อกันมา ได้มาที่ 180 เหรียญค่ะ เป็นกระเป๋าลากขนาด 20 นิ้วค่ะ งานตัดเย็บเนียนดีกว่าร้านอี่นๆ ด้วยความขี้เกียจแล้วก็เลยตกลงราคาที่ 180 RMB



เสร็จสรรพออกจาก Lo Wu ก็เดินมาตามทางเรื่อยๆ ค่ะ อ้อ..มี่กับเพื่อนไม่นั่งรถเมล์ค่ะ เพราะคราวก่อนก็เดินเอา ได้ดูของข้างทางไปเรื่อยๆ ค่ะ ไม่รีบร้อนอะไร เราวางแผนไว้ว่าจะไปเดินที่ Wallmart Supermarket กันก่อนค่ะ เพราะครั้งก่อนมา ชอบที่ของถูกมากๆ ก็ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามค่ะ เค้าจะอยู่นึกอะไรจำไม่ได้เหมือนกันค่ะ แล้วลงไปชั้นใต้ดิน ก็ได้ขนมของกิน บะหมี่เกาหลี กะของใช้ส่วนตัวผู้หญิงมาพอสมควร อัดกันจนเต็มกระเป๋า LV ที่ซื้อ หุหุ.. บ้าจัง ออกจาก Wallmart ก็ข้ามกลับมาฝั่งเดิม เพื่อแวะร้านเป็ดย่าง ร้านประจำที่ใครในกลุ่มมาก็ต้องแวะ สำหรับมี่เป็นครั้งที่ 2 สำหรับเพื่อนที่มาด้วยกันเป็นครั้งที่ 3 แล้วค่ะ เราสั่งข้าวหน้าเป็ดมาจานเดียวเพราะยังไม่หิว และจานเค้าก็ใหญ่มากๆ ด้วย สั่งชามะนาวเย็นกับโกโก้เย็นกันมาดับร้อน ที่เสินเจิ้นฝนไม่ตกค่ะ ออกจะอ้าวๆ มื้อนี้จ่ายไป 40 เหรียญค่ะ

หน้าตาเจ้าข้าวหน้าเป็ดค่ะ



ระหว่างทางเจอคุณคนนี้เค้านั่งสานไก่ฟ้าอยู่ค่ะ ถ้าเป็นบ้านเราก็คงเห็นตั๊กแตนใช่ไม๊คะ ที่นี่เค้าเป็นไก่ฟ้าค่ะ เห็นแล้วรู้สึกดีค่ะ อย่างน้อยก็ไม่ได้เป็นขโมย ยังอุตส่าห์ทำงาน แหะแหะ.. แต่มี่ไม่ได้ซื้อค่ะ พอดีมีแต่ธนบัตรละ 100 RMB ไม่รู้จะซื้อยังไงเหมือนกัน



เดินต่อไปก็เจอร้านนี้ค่ะเป็นร้านขายไก่เหมือน KFC แต่ชื่อร้าน Bruce Lee ค่ะ แถมยังมีป้ายรูป Bruce Lee ติดไว้อีกด้วย



เดินไปอีกซักพักก็ถึง Dong Men ค่ะ คราวนี้ก็เดินดูของกันตามลำบากเลยค่ะ มี่ได้เสื้อผ้า กางเกงมาแยะพอสมควร มีร้านหนึ่งที่จางป๋อจือเป็น Presenter จะมีเสื้อผ้าไซส์เล็กๆ ให้มี่ซื้อได้ กางเกงเค้าไซส์ใหญ่สุดแค่ 28 เองค่ะ แปลกมาก เพื่อนก็เลยไม่ได้อะไรจากร้านนี้ค่ะ อิอิ ราคาก็ไม่แพงนะคะ ตัวละ 29 หยวนเท่านั้นเอง แบกกลับมาหลายตัวเลยค่ะ แบบน่ารักๆ ทั้งนั้น

McDonald ที่นี่อยู่ชั้นบนค่ะ ใหญ่โตน่าดู



ทางฝั่ง KFC ก็ไม่น้อยหน้าค่ะ ใหญ่โตไม่แพ้กัน



ทางนี้เป็น Pizza Hut ค่ะ มีเจ้าไดโนเสาร์อยู่ข้างบนด้วย



ร้านขายอาหารที่เป็นประเภททอดๆ ย่างๆ ค่ะ เห็นแล้วก็อยากทาน แต่ยังอิ่มอยู่เลย



ก่อนไปเคยได้ยินจากเพื่อนๆ พี่ๆ หลายๆ ท่าน ทั้งใน BP และที่อื่นๆ เตือนว่าให้ระวังมิจฉาชีพที่เสินเจิ้นเพราะเยอะมาก และฝีมือดี มี่กับเพื่อนก็ไม่ได้ประมาทนะคะ คอยระวังตัวอยู่ แต่ก็มีพลาดจนได้ค่ะ

มี่กำลังเลือกดูเสื้อในร้านๆ หนึ่ง คนก็แยะพอสมควร เค้าจะวางเสื้อไว้บนโต๊ะโชว์ แล้วมีป้ายบอกราคาวางตั้งไว้ตรงหัวโต๊ะ มี่ก็ยืนๆ อยู่บริเวณหัวโต๊ะนั่นแหล่ะค่ะ อยู่ๆ ก็รู้สึกแว๊บๆ เหมือนมีอะไรวื๊ดๆ อยู่ตรงกระเป๋ากางเกงด้านหน้า ทางขวามือ เอามือตบดู ปรากฎว่าเจ้า Canon Ixus 40 หายไปค่ะ ใจหายแว๊บเลย มันวูบๆ เหมือนจะเป็นลม หันซ้ายหันขวา งงอ่ะค่ะ แล้วก็ได้ยินเสียงตึก เหลือบมองไปตรงป้ายบอกราคาที่อยู่หัวโต๊ะ เจ้า Canon ของมี่นอนแอ้งแม้งอยู่ค่ะ รีบเก็บขึ้นมากอดเอาไว้ในมือ แล้วก็มองรอบๆ ดูว่าใครมีพิรุธ แต่ก็ไม่เห็นอะไร

มี่เอากล้องใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ด้านหน้า ทางขวามือ สายกล้องห้อยออกมาข้างหน้า แล้วสะพายกระเป๋าอีกใบซึ่งก็บังกระเป๋ากางเกงอยู่ ไม่แน่ใจว่าเค้าเห็นตอนไหนว่ามีกล้องอยู่ที่กระเป๋ากางเกง

พอเจอกล้องมี่รีบเดินไปหาเพื่อน เล่าให้เพื่อนฟัง แล้วมี่ก็หาที่นั่ง มีเก้าอี้วางอยู่ตรงมุมหนึ่งของร้านพอดี หมดอารมณ์จะดูของต่อเลยค่ะ ตกใจด้วย ไม่คิดว่าจะเจอกับตัวเอง พอนั่งลงแล้วก็สังเกตการณ์ดูรอบๆ ร้าน เห็นมีผู้หญิงคนหนึ่งคอยมองมี่อยู่ ก็เลยคิดว่าเป็นคนนี้แน่ๆ เป็นคนจีนตัวผอมๆ ผมยาว รวบผมหางม้า สะพายกระเป๋าผ้าใบใหญ่ๆ ดูผิวเผินเหมือนคนมาช็อปปิ้งทั่วๆ ไปค่ะ มี่พยายามมองหาเพื่อนว่าอยู่ตรงไหน กลัวเค้าจะเจอพวกนี้เหมือนกัน

พอเห็นว่าเพื่อนอยู่ทางหน้าร้านและไม่มีใครรุมอยู่ก็เลยหันกลับมาด้านใน แทบช็อคค่ะ ทางซ้ายมือของมี่จะมีโต๊ะอีกตัวที่วางเสื้อผ้าผู้หญิงไว้ มีคนรายล้อมอยู่เต็มโต๊ะไปหมด มี่เห็นผู้หญิงคนนั้นเค้ายืนอยู่ทางซ้ายของเหยื่อค่ะ แล้วเพื่อนเค้าอยู่ทางขวา เค้าหยิบเสื้อมาดูแล้วยื่นมาเหมือนจะถามเพื่อนว่าโอเคไม๊ โดยอ้อมทางหลังของเหยื่อมา สิ่งที่มี่เห็นก็คือ เสื้อตัวที่เค้าหยิบมามันจะอยู่ทางซ้ายของกระเป๋าสะพายของเหยื่อ เพื่อนเค้าอยู่ทางขวาล้วงมือลงในกระเป๋าหยิบเอาอะไรบางอย่างออกมาเพื่อกรีดกระเป๋าของเหยื่อ แต่โชคดีที่เหยื่อขยับตัวเพื่อดูเสื้อบนโต๊ะ ทำให้รอดไป

เพื่อนมี่เดินกลับมาตรงที่มี่นั่งอยู่พอดี มี่คุยกับเพื่อนว่าจะบอกเหยื่อดีไม๊ว่าเค้าถูกเล็งอยู่ แต่ลงความเห็นกันว่า ไม่ยุ่งจะดีกว่า เพราะเราไม่แน่ใจว่าพวกนี้มีกันกี่คน ถ้ามีเป็นกลุ่มเป็นแก๊งเราคงจะแย่ เพราะไม่ใช่ถิ่นเรา จึงตัดสินใจเดินออกจากร้านมา และภาวนาให้ผู้หญิงคนนั้นโชคดี รอดพ้นจากเงื้อมมือพวกมิจฉาชีพกลุ่มนี้ได้

ออกจากร้านนั้นมา เราก็มาหาที่นั่งพักเหนื่อย ดื่มน้ำ แล้วก็แวะเข้าห้างสรรพสินค้าตรงนั้น เหมือนเดิมคือมุ่งตรงไปยังซูเปอร์มาเก็ตที่อยู่ชั้นใต้ดิน ได้ขนมของกินมาอีกนิดหน่อย เห็นคนเข้าคิวรอซื้อเจ้านี่กันอยู่ ก็เลยลองซื้อมาชิมด้วย รสชาดเหมือนเกี๊ยวซ่าแต่เป็นนึ่ง ไม่ใช่ทอด และไส้ก็มีหลายอย่าง หมูกับผัก หมูกุ้งข้าวโพด กุ้งอย่างเดียว หมูอย่างเดียว ซึ่งเค้าจะขายรวมๆ กันกล่องละ 5 RMB มีประมาณ 20 ชิ้นได้



เสาหินที่สลักคำว่า Dong Men (ตงเหมิน) เอาไว้ค่ะ จะมีทุกทิศที่เป็นทางเข้าออกค่ะ



พอเติมพลังกันแล้วก็เดินกลับค่ะ กลับมาที่ Wallmart เพื่อซื้อน้ำผลไม้ และจะมาเก็บน้ำเป๊ปซี่ลายเอฟโฟร์ให้เพื่อนๆ ที่กรุงเทพฯ เพราะไม่อยากแบกไปหนักตอนช็อปปิ้ง ระหว่างทางเดินกลับก็เดินคุยกันมาเรื่อยๆ ไม่ได้เอะใจอะไร มี่สะพายเป้หลังใบใหญ่ 1 ใบ กับกระเป๋าสะพายใบเล็ก เพื่อนสะพายเป้ใบย่อมๆ 1 ใบ พร้อมลากกระเป๋า LV

เดินกันมาเกือบถึง Wallmart เพื่อนก็เห็นมอเตอร์ไซด์รับจ้างของเค้าหน้าตาแปลกๆ ก็บอกมี่ให้หันไปดู พอหันกลับไปเท่านั้น ก็ได้ช็อคอีกรอบ กระเป๋าเป้ของเพื่อนเปิดอ้าอยู่ ซิบถูกรูดลงมาเกือบครึ่งหนึ่ง ตรวจดูปรากฎว่ากล้อง Fuji Finepix S5000 ของเพื่อนหายไป งงกันมาก ไม่รู้ถูกฉกไปตอนไหน เพราะก่อนจะออกจากตงเหมินยังหยิบกล้องมาถ่ายรูปกันเล่นอยู่เลย คาดกันว่าน่าจะโดนฉกตอนจะข้ามถนน เพราะมีอยู่หนึ่งแยกที่ยืนรอไฟแดงซักพัก

ยืนงงกันอยู่ซักพัก ไม่รู้จะทำยังไงดี ตอนนั้นก็มืดมากเกือบจะ 4 ทุ่มแล้วด้วย มี่เข้าใจความรู้สึกของเพื่อนดี เพราะขนาดของแวบแรกที่รู้สึกว่าหายไป ยังหัวใจจะวาย พอได้กลับมาก็อุ่นใจขึ้น แต่ของเพื่อนนี่หายไปแล้ว และไม่รู้จะตามยังไง มี่คิดว่ามี่โชคดีมากๆ ที่ใส่กางเกงตัวเล็กพอเค้าหยิบของไปถึงได้รู้ตัว และผู้หญิงคนนั้นเค้าเปลี่ยนใจวางกล้องทิ้งไว้ ไม่ได้หยิบไปเลย เพราะถ้าเค้าหยิบไปเลย มี่ก็คงจะไม่รู้อยู่ดีว่าใครเอาไป ก็อยากจะเตือนเพื่อนๆ ไว้นะคะ ว่าถ้าไปเสินเจิ้นกันควรจะระวังให้มากๆ ถ้าจะสะพายเป้ก็ควรจะเอามาไว้ข้างหน้า ถ้ามันใบใหญ่ทำไม่ได้ ก็หากระเป๋าสะพายหรือคาดเอวใบเล็กๆ อีกใบไว้เก็บพาสปอร์ต เงินและของมีค่าอื่นๆ

เราเดินมากลับมาที่ด่าน ผ่านขั้นตอนทุกอย่างเหมือนขาเข้า แล้วเดินไปขึ้นรถ KCR กลับไปที่สถานี East Tsim Sha Tsui ระหว่างทาง ไม่แน่ใจว่าเป็นสถานี East Tsim Sha Tsui หรือเปล่า ก็เห็นเจ้านี่ค่ะ เป็นแผนที่ซึ่งพิมพ์ด้วยอักษรเบลล์สำหรับผู้พิการทางสายตาค่ะ



กลับมาถึงที่พัก เราเอาของไปเก็บบนห้องแล้วลงมาหาอะไรทาน เราเดินไปที่ร้านขายข้าวกล่องร้านหนึ่งบนถนน Hankow สั่งข้าวหน้าไก่ทอดราดซอสมะเขือเทศ 1 กล่อง ราคา 22.50 เหรียญ แล้วเดินมาซื้อน้ำชามะนาวตรา Vita ที่7-Eleven อีก 2 กล่อง 9 เหรียญ มื้อนี้จ่ายไปทั้งหมด 31.50 เหรียญ อิ่มสบายท้อง แถมข้าวกล่องร้านนี้ยังรสชาดดีทีเดียว คืนนี้เราเหนื่อยกันมาก จึงหลับสนิททั้งๆ ที่มีเรื่องให้ปวดหัว

เกือบลืมถ่ายรูปข้าวกล่องค่ะ



ลืมไปค่ะ เช้าวันนี้เค้าแจ้งเราว่าได้ห้องใหม่แล้วเป็นห้องเล็กคืนละ 200 เหรียญ เราก็จัดแจงเตรียมกระเป๋าให้พร้อมเพราะเค้าจะขนกระเป๋าเข้าห้องใหม่ให้เลย กลับมาจากข้างนอกก็แวะไปรับกุญแจได้ที่เคาน์เตอร์

ห้องใหม่ค่ะ เล็กลงกว่าเดิม แต่ไม่เป็นไร แค่นอน



รูปห้องน้ำค่ะ เล็กลงกว่าเดิมตามสัดส่วนของห้อง



มีน้ำร้อน น้ำเย็นค่ะ




Create Date : 22 สิงหาคม 2548
Last Update : 13 กรกฎาคม 2549 23:36:11 น. 2 comments
Counter : 1216 Pageviews.

 
เดือนหน้าจะไปฮ่องกงเหมือนกัน..20-24 กย.จ๊ะ..

แวะเสิ่นเจิ้นด้วย..ขอเก็บข้อมูลหน่อยนะจ๊ะ



โดย: yangiuyi วันที่: 23 สิงหาคม 2548 เวลา:16:02:29 น.  

 
สอบถามร้านเป็ดย่าง กับwallmart ค่ะ
ว่าอยู่ช่วงไหน ถ้าเริ่มอออกจาก ตม. แล้วขวามือเป็น lowu คราวที่แล้วไปเดินหา wallmart ตั้งนานก็หาไม่เจออ่ะค่ะ คราวนี้ไปอีกจะไม่พลาดค่ะ


โดย: must haves IP: 58.9.230.133 วันที่: 16 กันยายน 2550 เวลา:17:22:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

luvammie
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ช่างฝัน ฝันเพ้อเจ้อไปเรื่อย ไม่รู้จักโต ชอบอ่านหนังสือจินตนิยาย เอาแต่ใจตัวเอง คลั่งไคล้สีชมพู สีม่วง สีฟ้า และเฮลโลคิตตี้เป็นที่สุด ชอบฟังเพลงร็อค พังค์ โดดๆ ในคอนเสิร์ต รักการทำขนมและเดินทางท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ ตอนนี้ได้โลโก้และชื่อแบรนด์เป็นของตัวเองแล้ว อิอิ "The Baker Witch" แม่มดคนนี้ทำขนมไม่เก่ง แต่รักที่จะทำ ยังไงก็ฝากตัวด้วยนาคะ


Friends' blogs
[Add luvammie's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.