Group Blog
 
<<
มกราคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
15 มกราคม 2551
 
All Blogs
 
Bloody Mary เค้ก









Bloody Mary เค้ก ชื่อนี้เป็นชื่อของค๊อกเทลชนิดหนึ่งครับมีน้ำสีแดง ผมเลยเอามาเรียกเค้กชนิดนี้ ที่มาของชื่อก็มาจากพระราชินีแมรี่ สจ๊วตแห่งสก๊อดแลนด์นี่เอง เมื่อพระนางก่อกบฎหลายครั้งหลายคราวในรัชสมัยของสมเด็จพระราชินีนาถอลิซเบธที่1 พระราชธิดาของพระเจ้าเฮนรี่ที่8 แห่งสหราชอาณาจักร

เมื่อพระนางแมรี่ผู้เลอโฉมคิดวางแผนลอบปลงพระชนม์พระราชินีนาถหลายครั้งจนถูกจับได้ ครั้งสุดท้าย จึงต้องโทษประหารชีวิตด้วยวิธีบั่นพระเศียรด้วยขวาน.... อ้าว บล็อกอาหารการกินนะเว๊ย แล้วทะไมมีฝงมีฝาน สยองมาเชีย ไม่ใช่ไรครับ แค่ท้าวความที่มาของสีแดงนั้นเอง

ส่วนตัวผมนะ ชอบกินเค้กแยมอ่ะ เพราะมันมีรสชาติสดใจเจิดจ้า หวานอมเปรี้ยว หอมผลไม้ ทานเท่าไหร่ก็ไม่เคยเบื่อเลย ผมมักจะสั่งให้คุณแม่ทำเค้กแยมให้เสมอ แต่ต้องเค้กแยมสีแดงเท่านั้นนะ ถึงจะยอมกิน ทุกครั้งที่ยกช้อนขนมขึ้นมาเข้าปาก ดูดๆลิ้น แม๊รสชาติหวานเปรี้ยวหอมชื่นใจดีจัง กินไปก็มีความสุขไป กินเค้กบลัดดี้แมรี่แล้ว ฟังเพลง if you love me ทานไปฟังเพลงไปอืมม...แฮะ ดีครับ

บอกสูตรหน่อยนะ เผื่อมีคนชอบทานเค้กง่ายๆแบบผม
แป้งอเนกประสงค์ 65 กรัม
น้ำตาลทราย 45 กรัม
ค๊อฟฟี่เมต 10 กรัม
ผงฟู ¼ ช้อนชา
เกลือ ¼ ช้อนชา
น้ำ 50 กรัม
ไข่ไก่ 2 ฟอง
เนยละลาย 2 ช้อนโต๊ะ





Create Date : 15 มกราคม 2551
Last Update : 15 มกราคม 2551 19:47:27 น. 14 comments
Counter : 1271 Pageviews.

 
Bloody Mary เค้ก เยิ้มยั่วน้ำลายดีแท้ ขอสักชิ้นนะคะ หิว หิว


โดย: mamminnie วันที่: 15 มกราคม 2551 เวลา:20:01:07 น.  

 
เยิ้มน่าทานจริง ๆ ด้วยค่ะ เนื้อเค้กก้อดูนุ่มเชียวค่ะ


โดย: null (vanillaorchid ) วันที่: 15 มกราคม 2551 เวลา:23:36:30 น.  

 
แม๊กซ์ เหอๆๆ เค้ก Bloody Mary หอมฉลุยมาเชียว เนื้อเค้กดูนุ่มลิ้น สวยไม่มีที่ติ คุณแม่ท่านทำเค้กเก่งจังเนอะ

แบบนี้ทานกับกาแฟไป ฟังเพลงไป เหมือนนั่งอยู่ในยุคพระนางแมรี่ เข้ากันดีเลย อิอิ

โอ๊ยยหิว ตอนดึกๆง่ะแม๊กซ์


โดย: เตย (terrynop ) วันที่: 16 มกราคม 2551 เวลา:0:36:25 น.  

 
ขอหม่ำเค้กด้วยคนนะคะ


โดย: Complicatedgirl วันที่: 16 มกราคม 2551 เวลา:0:44:22 น.  

 
คุณแม่ของคุณหมอ ทำเนื้อเค้ก ได้ดูนุ่มนิ่มดีจังเลยค่ะ ยิ่งดูเค้กที่คุณหมอ เอามาโชว์ บ่อย ๆ ยิ่งอยากเจอ คุณแม่คุณหมอ ซะแล้วซีคะ คงจะมีเรื่องคุยกันเยอะเชียว


อ้อ .....ลืม เจ๊หลีขอของคุณสำหรับสูตรด้วยค่ะ


โดย: กิน ๆ เที่ยว ๆ วันที่: 16 มกราคม 2551 เวลา:8:56:52 น.  

 
ขอตามมาชิมเค้กอีกครั้งค่ะแบบว่าติดใจง่ะ


โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 16 มกราคม 2551 เวลา:22:00:52 น.  

 
เจ๋งไปเลยค่ะ สีสันสดใสน่าทานมาก
แถมมีสูตรดีๆด้วย
คราวที่แล้วยังรอทำอยู่ค่ะ เพราะตั้งกะปีใหม่มายังไม่ว่างซักที

สงสัยเหมือนกันว่าบลัดดี้แมรี่มีที่มายังไง เพิ่งได้รู้นี่เอง ขอบคุณนะคะ


โดย: Hobbit วันที่: 17 มกราคม 2551 เวลา:15:33:26 น.  

 
จากบล็อก ☞ คุณคิดยังไงกับข่าวนี้ : แฉสินค้าไทยถูกแอบก๊อบปี้อื้อ

ผมเห็นด้วยมากๆเลยครับคุณส้ม กะคำนี้

“ทีเราไปก๊อบปี้เค้า เค้ายังไม่โวย แล้วเราถูกเค้าก๊อปปี้ เราจะโวยไปทำไม”

^
^

ขอบคุณค่ะที่เห็นด้วย แต่ส้มคิดอย่างนี้จริงๆ แม้ว่าจะสงสารคนที่ถูกก๊อปก็ตาม

อ้อ..ขอบคุณอีกครั้งที่เอาเค้กมาเสิร์ฟถึงบ้านส้ม จะกินให้หายอยากเลยค่ะ


โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 17 มกราคม 2551 เวลา:20:31:38 น.  

 
เอ่อ ดีแฮะ ชวนดูเค๊กอร่อยตำนานสยอง
และก็ฟังเพลงโรแมนติค ขณะหมำ่ อิๆ

โลกหมอแม็คช่างสุนทรีย์เหลือเกิน
อยากหม่ำเค็กสักชิ้นนะ อิๆ


โดย: It-ta-tee วันที่: 18 มกราคม 2551 เวลา:4:01:10 น.  

 
โห...........
หมอแมค

เอาอีกแล้วนะคะ
ยั่วน้ำลายอีกแว้ววว อิอิ

ขอบคุณนะคะ
ที่ไปอธิบายเรื่องการบริจาคเลือดที่แจงถาม
หมอแมคเป็นหมอที่น่ารักมากๆเลย
(ตั้งแต่รู้จักหมอๆมา เหะๆ)

อยากให้มีหมอน่ารักๆแบบนี้เยอะ จังเลย


โดย: jme วันที่: 18 มกราคม 2551 เวลา:22:57:07 น.  

 


คุณหมอให้สูตรเค้กมายังไม่ได้ตอบแทนเลย วันนี้เอาข้าวผัดมาฝากค่ะ
(โซเดียมเยอะหน่อยไม่ว่ากันนะคะ แหะๆๆ นานๆ กินที)


โดย: Hobbit วันที่: 21 มกราคม 2551 เวลา:16:32:11 น.  

 
ผมว่า แมรี่ที่ว่านี้ น่าจะเป็น ชื่อของ แมร์รี่ ทิวดอร์ พี่สาว อลิซาเบธมากกว่านะ


โดย: ปริมาตรสุทธิ IP: 125.25.203.252 วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:18:14:01 น.  

 
พระนางแมรี่ แห่งราชวงศ์ทิวดอร์ (สัญลักษณ์กุหลาบชมพูแซมขาว) ที่คุณหมายถึง ท่านได้ครองราชก่อนสมเด็จพระนางเจ้าอลิซเบธที่1 และพระนางแมรี่ ทิวดอร์ ไม่ได้ถูกประหารชีวิต ที่ถูกบั่นพระศอคือพระนางแมรี่ ราชวงศ์สจ๊วต แห่งสก๊อตแลนด์


โดย: maczy วันที่: 23 เมษายน 2551 เวลา:19:13:27 น.  

 
คุณmaczy เข้าใจถูกต้องครับ
เมื่อพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 แห่งราชวงศ์ทิวดอร์สวรรคตในปีค.ศ.1547 พระองค์ได้ระบุไว้ในพินัยกรรมอย่างชัดเจนว่า ทรงโปรดฯ ให้เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด พระราชโอรสพระองค์เดียว ซึ่งถือกำเนิดจากพระนางเจน ซีมอร์ สืบทอดราชสมบัติต่อจากพระองค์ ส่วนพระราชธิดาแมรี่ และ อลิซาเบธ ถึงแม้จะเจริญพระชันษาว่าพระอนุชา แต่จะมีสิทธิ์ในราชบัลลังก์ก็ต่อเมื่อ เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดไม่มีทายาทสายตรงมาสืบต่อเท่านั้น แต่แล้วพระราชธิดาพระองค์หนึ่งในสององค์ ซึ่งไม่ค่อยได้รับความเหลียวแลจากพระบิดานัก คือ เจ้าหญิงอลิซาเบธ หรือ พระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 1 กลับทรงพระปรีชาสามารถ ทรงนำพระราชอาณาจักรของพระองค์ ก้าวไปสู่ยุคทองอันรุ่งเรืองที่สุดสมัยหนึ่งในประวัติศาสตร์อังกฤษ ทรงได้รับการยกย่องว่า เป็นจักรพรรดินีผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่โลกเคยรู้จัก

เจ้าหญิงอลิซาเบธ ทรงเป็นพระราชธิดาของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 กับพระนางแอนน์ โบลีน พระมเหสีองค์ที่ 2 ประสูติเมื่อปี ค.ศ.1533 ที่กรีนวิช เมื่อแรกประสูติทรงทำความผิดหวังให้กับพระราชบิดาที่ไม่ได้ทรงประสูติมาเป็นชาย และเมื่อพระมารดาต้องราชทัณฑ์ถูกบั่นพระเศียรในโทษฐานคบชู้ ในขณะนั้นทรงมีพระชนมายุเพียง 3 พรรษา ก็ถูกตราหน้าว่าเป็น "ลูกนอกสมรส"

เป็นธรรมเนียมของราชสำนักอังกฤษที่พระราชโอรสและธิดาของกษัตริย์ จะถูกแยกออกมาเลี้ยงดูนอกราชสำนัก เจ้าหญิงแมรี่ (พระราชธิดาของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 กับพระนางแคเธอรีนแห่งอารากอน) เจ้าหญิงอลิซาเบธ และเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด จึงถูกส่งมาประทับที่พระราชวังแฮธฟิลด์ ในมณฑลเฮียร์ฟอร์ดเชียร์

ในปี ค.ศ.1543 เมื่อพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ทรงอภิเษกสมรสกับพระนางแคเธอรีน พาร์ พระมเหสีองค์ที่ 6 พระโอรส-ธิดาทั้ง 3 ก็ทรงถูกนำกลับเข้ามาประทับในราชสำนักตามพระประสงค์ของพระราชินีองค์ใหม่ ผู้ซึ่งมีพระเมตตา และทรงสรรหาอาจารย์ผู้ทรงความรู้ในแขนงต่างๆ มาสั่งสอนอบรมพระโอรส-ธิดาเลี้ยงอย่างเต็มที่ เจ้าหญิงอลิซาเบธทรงมีความสนใจในการศึกษาหาความรู้ต่างๆ ทรงโปรดการอ่านหนังสือมาก และทรงมีความสามารถในการพูดภาษาต่างประเทศหลายภาษา

เมื่อพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 สวรรคตลงในปี ค.ศ.1547 เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 6 ขณะที่มีพระชนมายุเพียง 10 พรรษา การบริหารประเทศและอำนาจที่แท้จริงจึงตกอยู่กับสภาผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน โดยมีผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ คือ เอ็ดเวิร์ด ซีมอร์ ดยุคแห่งซอมเมอร์เซ็ต ผู้มีศักดิ์เป็นลุงของพระองค์

เมื่อเปลี่ยนรัชกาลใหม่ เจ้าหญิงอลิซาเบธจึงต้องทรงย้ายไปประทับอยู่กับพระนางแคเธอรีน พาร์ พระมารดาเลี้ยง ณ พระราชวังที่เชลซี พระนางแคเธอรีน พาร์ ได้สมรสใหม่กับ ลอร์ดโทมัส ซีมอร์ สมุหราชนาวี น้องชายของดยุคแห่งซอมเมอร์เซ็ต ซึ่งมีความทะเยอทะยานหาโอกาสจะช่วงชิงราชบัลลังก์มาเป็นของตน โดยหันเหความสนใจมายังรัชทายาทแห่งราชบัลลังก์ลำดับที่ 2 คือเจ้าหญิงอลิซาเบธ จนเป็นที่ครหาอื้อฉาวในราชสำนัก และเมื่อพระนางแคเธอรีน พาร์ สิ้นพระชนม์ลงระหว่างการให้กำเนิดบุตรของลอร์ดโทมัส เขาถึงกับขอแต่งงานกับเจ้าหญิงอลิซาเบธทันที แต่เจ้าหญิงทรงปฏิเสธ ต่อมาไม่นานลอร์ดโทมัสก็ถูกจับและถูกประหารชีวิต ที่หอคอยกรุงลอนดอนในข้อหาขบถต่อแผ่นดิน

ต่อมาดยุคแห่งซอมเมอร์เซ็ต ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ก็ถูก เอ็ดมันด์ ดัดลีย์ ดยุคแห่งนอร์ทธัมเบอร์แลนด์ ผู้มีความใฝ่สูงทางการเมืองกำจัดพ้นจากตำแหน่ง เพราะปรารถนาจะสถาปนาตระกูลของตนให้ขึ้นมาทัดเทียมกับราชวงศ์ทิวดอร์แห่งอังกฤษ โดยจัดการให้กิลฟอร์ด ดัดลีย์ บุตรชายของตน สมรสกับ เลดี้เจน เกรย์ พระญาติสนิทของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 6 ซึ่งมีสิทธิในราชบัลลังก์เหมือนกัน แต่อยู่ในลำดับที่ห่างออกไป

และเมื่อพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 6 ซึ่งมีพระสุขภาพอ่อนแอก็เสด็จสวรรคตลงเมื่อมีพระชนมายุเพียง 16 พรรษา ดยุคแห่งนอร์ทธัมเบอร์แลนด์ก็จัดการสั่งทหารในบังคับบัญชาของตนทำการล้อมวัง และสถาปนาเลดี้เจน เกรย์ ขึ้นเป็นราชินีแห่งอังกฤษในทันที โดยอ้างพินัยกรรมที่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 6 ทรงเขียนไว้ แต่เลดี้เจน เกรย์ ถูกอุปโลกน์ให้เป็นราชินีอยู่ได้เพียง 11 วัน ก็ถูกฝ่ายผู้สนับสนุนเจ้าหญิงแมรี่ พระราชธิดาองค์โตของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 องค์รัชทายาทที่มีสิทธิที่จะครองราชย์ต่อจากพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 6 ในลำดับถัดไป แย่งชิงราชบัลลังก์กลับคืนมาได้ ดยุคแห่งนอร์ทธัมเบอร์แลนด์ เลดี้เจน เกรย์ พร้อมกับพระสวามี ก็ถูกจับส่งไปคุมขัง ณ หอคอยแห่งลอนดอน (Tower of London)

เจ้าหญิงแมรี่เสด็จขึ้นครองราชย์ เป็น พระราชินีแมรี่ที่ 1 ได้ไม่นาน ก็ทรงมีรับสั่งให้ประหารชีวิตเลดี้เจน เกรย์ ราชินีผู้ไร้บัลลังก์ ซึ่งขณะนั้นเลดี้เจน เกรย์ มีพระชนมายุเพียง 16 พรรษาเท่านั้น การกระทำที่เหี้ยมโหดของพระราชินีแมรี่ เป็นที่เลื่องลือต่อมาอีกหลายครั้ง ตลอดระยะเวลา 4 ปีแห่งการครองราชย์ ผู้คนกว่า 300 คนทั้งหญิงและชาย ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกนอกรีต จะถูกเผาทั้งเป็นตามคำสั่งของพระนาง จนทรงได้รับสมญานามว่า "แมรี่ผู้กระหายเลือด" (Bloody Mary)

เนื่องจากพระราชินีแมรี่ทรงมีสายเลือดสเปนอยู่ครึ่งหนึ่ง (ทรงเป็นหลานยายของพระนางอิซาเบลลาแห่งสเปน) และทรงนับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกอย่างเคร่งครัด (ในขณะที่ชาวอังกฤษส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์) และมีพระประสงค์จะนำประเทศอังกฤษ ไปอยู่ภายใต้อิทธิพลของพระสันตะปาปาที่กรุงโรมอีกครั้ง ทำให้ประชาชนส่วนมากไม่พอใจ และยิ่งทรงประกาศพระราชประสงค์จะอภิเษกสมรสกับพระเจ้าฟิลิปที่ 2 กษัตริย์สเปนอันเป็นพระญาติข้างพระราชมารดาของพระนาง ก็ยิ่งสร้างความไม่พอใจให้ประชาชนชาวอังกฤษซึ่งเวลานั้นมีความรู้สึกชาตินิยมอย่างสูง พวกเขาไม่ต้องการเห็นเจ้าต่างเมืองมาเป็นใหญ่ในราชบัลลังก์อังกฤษ

บรรดาประชาชนชาวอังกฤษ รวมถึงขุนนางชั้นผู้ใหญ่จำนวนมากจึงหันคาวมจงรักภักดีมายังเจ้าหญิงอลิซาเบธ ซึ่งบัดนี้คือองค์รัชทายาทอันดับหนึ่ง เพราะนอกจากจะทรงมีพระสติปัญญาเฉลียวฉลาดแล้ว ยังทรงมีสายเลือดเป็นอังกฤษเต็มพระองค์ และเมื่อพระราชินีแมรี่ทรงเสกสมรสกับพระเจ้าฟิลิปโดยไม่ฟังคำทักท้วงของผู้ใด การต่อต้านพระนางจึงเกิดลุกฮือขึ้นในมณฑลเคนท์ โดยผู้ทำการก่อกบฏและผู้สนับสนุนปรารถนาจะให้เจ้าหญิงอลิซาเบธขึ้นครองราชย์แทน แต่การก่อกบฏล้มเหลว หัวหน้ากบฏคือ โทมัส ไวแอตต์ และผู้สนับสนุนทั้งหมดถูกจับ เจ้าหญิงอลิซาเบธถูกกล่าวหาว่ามีส่วนรู้เห็นกับการลุกฮือครั้งนี้ด้วย ทรงถูกส่งไปกักตัวไว้ ณ หอคอยแห่งลอนดอน

การสืบสวนหาสาเหตุไม่ปรากฏว่าเจ้าหญิงอลิซาเบธมีส่วนรู้เห็นด้วย พระราชินีแมรี่จึงทรงมีพระบัญชาให้ปล่อยตัวจากที่คุมขัง และส่งเจ้าหญิงอลิซาเบธไปประทับที่วังวู๊ดสต็อก ในมณฑลออกซ์ฟอร์ดเชียร์ ซึ่งตลอดระยะทางที่เจ้าหญิงทรงเสด็จไปยังวังในชนบท บรรดาประชาชนต่างพากันเฝ้าแหนรับเสด็จอยู่ตลอดทาง ทำให้เจ้าหญิงทรงปลาบปลื้มยิ่งนัก

นับวันการปฏิบัติพระองค์ในฐานะพระราชินีแห่งอังกฤษของพระราชินีแมรี่ยิ่งสร้างความคับแค้นใจให้กับชาวอังกฤษ นับตั้งแต่ทรงอภิเษกสมรสกับพระเจ้าฟิลิปที่ 2 และนำเอาราชอาณาจักรอังกฤษไปไว้ใต้อิทธิพลแห่งสเปน ในรัชสมัยของพระองค์อังกฤษต้องเข้าร่วมในการทำสงครามต่อต้านฝรั่งเศสเพื่อผลประโยชน์ของสเปน การค้ากับต่างประเทศของอังกฤษก็ต้องถูกระงับไปหากไปขัดกับนโยบายของสเปน แม้กระทั่งการแสวงหาอาณานิคมหรือการสร้างอำนาจทางกองทัพเรือก็ต้องแล้วแต่ความเหน็ชอบของพระราชาสเปน ทำให้บรรดาขุนนางและคนอังกฤษทุกคนต่างคับแค้นใจที่พวกเขามีความรู้สึกว่า ได้ตกเป็นเมืองขึ้นของสเปนไปเสียแล้ว

และหลังจากที่ทรงครองราชสมบัติมานาน 4 ปี ท่ามกลางความยุ่งเหยิงและตกต่ำของประเทศอังกฤษ พระราชินีแมรี่ที่ 1 ก็เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ในปี ค.ศ.1558 โดยไม่ทรงมีรัชทายาทสายตรง ราชบัลลังก์จึงตกอยู่กับเจ้าหญิงอลิซาเบธ ซึ่งขณะนั้นมีพระชนมายุ 25 พรรษา

//www.geocities.com/eu_leader/elizabeth.htm


โดย: pukka IP: 124.120.6.248 วันที่: 27 ธันวาคม 2551 เวลา:3:13:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

maczy
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





www.maczy.com

Roses are red
http://www.animalsasia.org








Friends' blogs
[Add maczy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.