All Blog |
Rayong - Chantaburi - Trad ปรี วิว ,, ชิตแชตก่อนทริป เอาล่ะค่ะ เมื่อผ่านพ้นปัญหามากมายหลากหลายมาได้ ดิฉัน... นางสาวอาย ก็ได้มานั่งอยู่ ณ บ้านบิดามารดรที่ กทม เรียบร้อยแล้วค่าา หลังจากได้ตระหนักว่าใกล้ถึงเวลาไปเที่ยว 3 จังหวัดภาคตะวันออกเต็มทีแล้ว ฉันก็รู้สึกดี๊ด๊าขึ้นมาในทันใด จึงได้มาเขียนบันทึกให้อ่านกัน เริ่มจากกำหนดการที่พ่อกำหนดไว้ในวันเดินทางก่อนนะคะ โดยเราจะเริ่มจากการรับแอ็กชั่นที่บ้านปู่ที่ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ในวันที่ 18 มีนาคม ค่ะ เราจะค้างคืนที่นั่นหนึ่งคืนค่ะ พอเช้าวันที่ 19 เราจะเดินทางจาก อ.พนัสนิคม ไป จ.ระยองค่ะ โดยเราจะแวะเที่ยวสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ จ.ระยองก่อน แล้วจึงเดินทางต่อไปจังหวัดจันทบุรีเพื่อเที่ยวโอเอซิส ซีเวิลด์ (พ่อแอบกระซิบบอกว่าจะพาไปชมปลาโลมาค่ะ ^^) และจะออกเดินทางไปจังหวัดตราดค่ะ เมื่อถึงจังหวัดตราดแล้ว เราจะลงเรือเฟอร์รี่ไปเกาะช้างค่ะ (แอบกลัวนิดนึง เห็นว่าช่วงนี้พายุเข้าเมืองไทย ฝนตกทุกวันเลย อากาศก็หนาวมาก น้ำก็เย็นเฉียบ ให้บรรยากาศราวกับอยู่ลอนดอนเลยล่ะค่ะ แล้วถ้าพายุเกิดเข้าในช่วงที่ไปเกาะช้างแล้วห้ามออกเรือพอดีล่ะก็ sad เลยค่ะศศิประภา T^T) เมื่อถึงเกาะช้างเราก็จะเข้าที่พักกันก่อนนะคะ โดยที่ที่เราเลือกพักคือโรงแรมคลองพร้าว รีสอร์ท เกาะช้างค่ะ พักผ่อนหย่อนใจกันสักนิดก่อนเป็นเวลาให้พี่น้องได้ลั้ลลาในทะเล ^^ แล้วเราก็จะจบรายการของวันที่ 19 ไว้ที่การทานอาหารตามชายหาดค่ะ อู้วววว เห็นแววความสนุกหรือยังคะ ได้ข่าวมาจากเพื่อนศรีนิลค่ะว่าคืนวันที่ 19 พระจันทร์จะสวยมาก ^^ แถมเป็นวันเกิดพ่อด้วยล่ะ แม่เตรียมของเพื่อเซอร์ไพรส์พ่อไว้เรียบร้อยแล้ว เหลือแต่ฉันน่ะสิที่ยังไม่ได้เตรียมอะไรเลย T_T กะเอาไว้ว่าจะพาแม่ไปหาซื้อเค้กแถวนั้นเพื่อให้พ่อเป่าเค้กค่ะ เช้าวันที่ 20 อยากดูพระอาทิตย์ขึ้นจังเลย แต่ไม่รู้ว่าจะตื่นหรือเปล่านี่สิ -*- แต่จะพยายามตื่นแล้วกันนะค่ะ เริ่มโดยการทานอาหารเช้าของรีสอร์ทและจะออกเดินทางจากเกาะช้างไปขึ้น ฝั่งที่ จ.ตราด แล้วเดินทางต่อไป จ.จันทบุรีค่ะ เมื่อถึงจันทบุรีเราก็จะแวะวัดเขาสุกิม จากนั้นจึงเดินทางต่อไป จ.ระยอง เพื่อทานมื้อเย็น แล้วจึงเดินทางกลับกรุงเทพฯ ค่ะ ^^ วันเที่ยวจริงจะทำได้ตามแผนนี้หรือไม่ จะมีปัญหาอะไรขลุกขลักหรือเปล่า ต้องคอยติดตามชมนะคะ สำหรับวันนี้ขอฟี้วววว ,, หลบไปก่อนดีกว่า ^^ เจอกันอีกทีวันที่ 19 นะคะ รี - วิว ,, อิ๊ว อิว อ๋อยยยย ขอโทษนะคะ ระหว่างทริปไม่มีจังหวะเขียนเลย เอาเป็นว่ามารีวิวทริปเลยแล้วกันนะคะ คืนวันที่ 18 เป็นคืนที่เข้านอนเร็วมากกกกกกก และตื่นตั้งแต่หกโมงเช้าเพื่ออาบน้ำแต่งตัว โดยคุณปู่คุณย่าทำข้าวต้มให้กินตอนเช้า อร่อยมากกก ขอบคุณนะคะ ^^ เราถ่ายรูปก่อนไปกันนิดหน่อย ก่อนที่ล้อจะหมุน (ณ โรงจอดรถ ,, ขอตะโกนบอกดังๆ นะคะ ว่ารองเท้าที่ใส่ไปไม่ใช่คู่นี้ ><) หลังจากออกรถไปแล้วก็พบกับบรรยากาศชนบทยามเช้าค่ะ ไอหมอกยังลอยคละคลุ้งอยู่เลย ขอบอกว่ามองแล้วให้ความรู้สึกที่ดีมากๆๆๆ ค่ะ ^^ (บรรยากาศระหว่างทางไประยองค่ะ) ขับรถไปเรื่อยๆ เล่นกันไปเรื่อยๆ ก็พบว่ามาถึงระยองก่อนเวลาค่ะ เราเลยได้โอกาสแวะที่อนุเสาวรีย์สุนทรภู่ พวกเราก็ไปไหว้สุนทรภู่แล้วก็ถ่ายรูปเล่นนิดหน่อย ก่อนจะไปลั้ลลากันที่ร้าน ขายของที่ระลึกด้านข้าง (ไหว้สุนทรภู่เสร็จก็ถ่ายรูปเป็นที่ระทึก เอ๊ย ที่ระลึกกันค่ะ ^^) (น้องแอ็กชั่นจะขอพระอภัยมณีเป่าปี่ค่ะ 55555) (ร้านขายของที่ระลึก น้องแอ็กชั่นได้นาฬิกาทรายที่อยู่ในน้ำมันมาหนึ่งอันค่ะ ส่วนดิฉันได้ปิ่นปักผมมาหนึ่งอัน... ^^) ออกจากเมืองแกลงก็ขับรถไปที่ "ระยอง อควอเรียม" ค่ะ ไปถึงแล้วยังไม่เปิด ต้องยืนแกร่วรอหน้าประตูอีกพักนึง T^T แต่ก็ไม่ใช่ว่ายืนรอเฉยๆ ค่ะ ด้านหน้าบริเวณทางเข้าอควอเรียม มีบ่อสัตว์น้ำอยู่ ในนั้นมีสัตว์หลากหลายมากค่ะ มีทั้งเต่าทะเลตัวใหญ่ ปลาเข็มตัวใหญ่ และปลาอื่นๆ อีกมากมายที่ดิฉันไม่รู้จักค่ะ 555+ เมื่อประตูเปิดแล้ว พวกเราและคนอื่นๆ ก็ กรู กันเข้าไปค่ะ ก่อนอื่นเลยต้องผ่านด่านเก็บตั๋วก่อน แอร๊ยยยย พ่อเลยไปรอต่อคิวซื้อตั๋วค่ะ สำหรับค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็กน้อยน่าจะ 10 บาทมั้งคะ ขออำภัย ไม่แน่ใจในข้อมูล อิอิ (รูปนี้สวยที่สุดตั้งแต่เคยถ่ายมา การี้ดดดดดดดดด ><) (และนี่คือราคาบัตรเข้าชมค่ะ เป็นไปตามที่ได้มั่วไว้ข้างต้นแล้วคือ ผู้ใหญ่ 30 บาท และเด็กๆ เล็กแดง 10 บาทค่ะ อิอิ) ภายในอควอเรียมมีพันธุ์สัตว์น้ำมากมายค่ะ ทั้งปลาเอย ม้าน้ำเอย และสัตว์ทะเลอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงนิทรรศการให้ความรู้ในด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวกับท้องทะเล เช่น ปะการังเทียม เครื่องมือที่ใช้สำหรับจับปลา ไปจนถึงเรือหาปลาเลยค่ะ (เอิ่มมมม ดูอะไรอยู่คะ - -a) (นี่ !!! มีอุโมงค์ด้วยยย กรี๊ดดดดดดด) (นี่คือปะการังเทียมค่ะ ทำจากแท่งคอนกรีต... รึเปล่า ไม่แน่ใจ :P) (และยังมีบอกชนิดของสัตว์น้ำที่อาศัยอยู่ในปะการังเทียมด้วยค่ะ ซึ่งโง่ๆ อย่างฉัน ไม่คุ้นหูสักชื่อเลย T_T) (ส่วนนี้เป็นนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องมือการจับปลาค่ะ ซึ่งอะไรเป็นอะไรบ้าง ฉันก็จำไม่ได้แว้ววววว ><) (ด้านนี้เป็นเรือต่างๆ ที่ใช้ในการหาปลาค่ะ) (อะไรก็ไม่รู้ค่ะ สวยดี อิอิ ,, มันคือ "หอยมือเสือ" ค่ะ... ขอบคุณพี่ชายใจดีนะคะ ^^) เมื่อชื่นชมกับความงามใต้ท้องทะเลเสร็จแล้ว ครอบครัวของเราก็มุ่งหน้าต่อไปยังจังหวัดจันทบุรี เพื่อดูปลาโลมาที่โอเอซิส ซีเวิลด์ ค่ะ ขอบอกว่าทางเข้าเป็นอะไรที่ลึกลับซับซ้อนมาก เหมือนเข้าไปในชนบท ผ่านทุ่งนา เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา เลี้ยวซ้ายอีกครั้ง เลี้ยวขวา เลี้ยวซ้ายอีกสามครั้ง (เว่อร์ไป) ไปตามถนนดินลูกรัง (นี่ก็เว่อร์อีก) โอยยย เอาซะเหนื่อย แอบคิดในใจอย่างพาลๆ ว่าปลาโลมาเนี่ยนะ จะอยู่บ้านนอกๆ อย่างเน้!!! แต่ด้วยความสามารถของคุณพ่อ ^_^ เราก็มาถึงจนได้... เย่ !! (เวลคั้มมมม ทูวววว โอ เอ ซิสสสส ซี เวิลลลลลลลลลด์ ยิปปี้!!!) สำหรับอัตราการเข้าชมนะคะ ^^ จำไม่ได้ค่ะ (แป่วววว) รู้แต่แพงพอสมควร โดยราคาผู้ใหญ่น่าจะอยู่ที่ 120 บาท ส่วนราคาเด็กน้อย จำไม่ได้จริงๆ ค่ะ ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย T/T เดินเข้าไปก็จะพบร้านขายของที่ระลึกมากมายอยู่ทางด้านขวามือค่ะ ซึ่งตกแต่งอย่างสวยงามน่าเข้าชมมาก และราคาของที่ระลึกก็สมเหตุสมผล ไม่แพงจนเกินไป แต่ของในแต่ละร้านค่อนข้างจะเหมือนๆ กัน คือถ้าขี้เกียจๆ หน่อย เดินดูแค่ร้านสองร้านก็พอ เพราะอีกแปดร้อยสิบเก้าร้านก็มีของเหมือนสองร้านแรก (ง่ะ เว่อร์อีกแล้ว) อิอิ แต่แนะนำให้เดินดูให้หมดค่ะ เพราะไหนๆ ก็มาแล้วเนาะ ^^ (ขุมทรัพย์จันทบูร ,, ไม่รู้ว่าเป็นขุมทรัพย์ของเรา หรือเรากำลังจะเป็นขุมทรัพย์ของพ่อค้าแม่ค้าในนั้นนะคะ ==) (ลูกอะไรเอ่ย?? อิอิ น่ารักล่ะซี้ ^^) เดินผ่านร้านขายของที่ระลึกไปก็จะมีแยกเป็นส่วนต่างๆ แต่ก็ยังคงมีร้านขายของที่ระลึกอยู่ประปราย ด้านซ้ายมือจะเป็นทางแยกไปชมการแสดงปลาโลมา ซึ่งยังไม่ถึงเวลาการแสดงรอบที่เราซื้อบัตรไว้ พวกเราจึงเดินเข้าไปเรื่อยๆ เพื่อจะไปลิ้มรสผัดไทยเส้นจันท์ที่ร้านอาหารด้านในสุดค่ะ เดินไปเรื่อยๆ มองไปมองมาก็ไปจ๊ะเอ๋กับเจ้าปลาโลมาน้อยสีชมพู (ได้โปรดอย่ามาหวังว่าดิฉันจะรู้ว่าปลาโลมาน้อยสีชมพูนี้คือพันธุ์อะไร ฮ่าๆๆ) กำลังแหวกว่ายอย่างเริงร่าตามคำสั่งของครูฝึกท่ามกลางแดดยามบ่ายที่ร้อนมาก แต่เจ้าโลมาตัวนั้นไม่ได้ฝึกเปล่าๆ นะคะ ด้านข้างตัวครูฝึกมีถังสีดำขนาดย่อมวางอยู่ ในนั้นคือรางวัลสำหรับเจ้าโลมาค่ะ ไม่แน่ใจว่าใช่ปลาหรือเปล่า เอ๊ะ เอ๊ะ ?? พวกเราหยุดยืนดูกันครู่หนึ่ง แต่ยิ่งยืนดูนานเท่าไร ความเอ็นดูต่อเจ้าโลมาตัวนั้นก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น :) (ที่เห็นสีชมพูในน้ำแวบๆ นั่นคือเจ้าโลมาน้อยสีชมพูกำลังฝึกอยู่กับครูฝึกในชุดชมพูกางเกงดำหมวกแดง พร้อมถังใส่อาหารเจ้าโลมาค่ะ ^^) เมื่อเดินมาถึงร้านอาหารแล้วเราก็จับจองหาที่นั่งค่ะ โชคดีที่คนไม่เยอะจึงเหลือที่นั่งให้เราได้เลือกเยอะ เราเลือกที่นั่งด้านที่ค่อนมาทางนอกๆ ค่ะ เพราะอยู่ใกล้พัดลมงานวัด... (พัดลมตัวบักเอ้บ) ด้วย และอีกเหตุผลหนึ่งคือด้านหน้าทางเข้าร้านมีเครื่องเล่นสำหรับเด็กอยู่สองสามเครื่องค่ะ ซึ่งแน่นอนว่าไม่หลุดรอดสายตาน้องชายตัวแสบไปได้ ^^ พ่อจึงเลือกที่นั่งด้านนอกเพื่อคอยเฝ้าจับตาดูน้องค่ะ ร้านอาหารเป็นเรือนไม้ยื่นลงไปในสระน้ำ ลมพัดเย็นสบาย และอาหารก็ใช้ได้ค่ะ โดยเมนูเด็ดไฮไลท์ที่พ่อรีเควสเลยก็คือ ผัดไทยเส้นจันทน์ค่ะ ตัวผัดไทยจะเป็นสีส้มๆ แต่จะมีกุ้งขายาวๆ (บอกแล้วนะคะว่าห้ามถามว่ามันคือกุ้งอะไร เพราะดิฉันไม่รู้จริงๆ T/T) อยู่ด้วยค่ะ... หลังจากได้ชิมแล้วก็พบว่าอร่อยยยยยยยมาก อิอิ (ทางเข้าร้านอาหาร เป็นสะพานประดับด้วยกระถางต้นไม้สวยงามมากค่ะ) (แฮ่ ,, ซักนิดซักหน่อยพอให้หลอนกันเป็นระยะๆ อิอิ) เมื่ออิ่มแปล้แล้ว เราก็ออกจากร้านอาหารเดินย้อนกลับไปทางเดิมเพื่อชมการแสดงปลาโลมาค่ะ ^^ (อีกนิดระหว่างรอการแสดงปลาโลมาค่ะ ^^) (ด้านบนจะมีห่วงเอาไว้ให้ปลาโลมากระโดดลอดค่ะ ^^) (เป็นพร็อพสำหรับการแสดงของปลาโลมาค่ะ) การแสดงสนุกมากค่ะ ปลาโลมาที่นี่น่ารักและเก่งทุกตัวเลย ^^ (ครูฝึกกำลังสั่งให้ปลาโลมาตัวน้อยน่ารักตัวนี้เต้นค่ะ ^^) คนพากย์ก็มีความสามารถและพากย์สนุกมาก ฟังรื่นหูทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษเลยค่ะ และนอกจากนั้นยังดัดเสียงเลียนเป็นเสียงเด็กได้อย่างน่ารักอีกด้วย (นี่ !!! โลมาลอดห่วงแล้วค่า กรี๊ดดดดดดดดด ><) (ท่านี้เรียกว่าอุ้มลูกค่ะ โดยปลาโลมาจะใช้ครีบอุ้มลูกบอลค่ะ น่ารักมากเลย) (เตะบอลลลลลลล) (ปลาโลมาตัวนี้ชื่อ น้องเอ ค่ะ ^^ ชื่อเหมือนแม่เลย น้องแอ็กชั่นเลยหันมาแซวแม่ว่าน้องเอ อิอิ) (น้องเอหอมแก้มครูฝึกค่ะ ^^ น่ารักจัง) (กระโดดคิสสสสครูฝึกค่ะ ^@^) (ป๋มน่ารักมั้ยคับ อิอิ) (ครูฝึกขึ้นขี่ปลาโลมาค่ะ ด้านล่างมีปลาโลมาสองตัว ทรงตัวได้ยอดเยี่ยมมากค่ะ) การแสดงปลาโลมาสนุกมากค่ะ ปลาโลมาทั้งเก่งและฉลาด แถมยังขี้เล่นอีกด้วย ^^ เมื่อจบการแสดงพวกเราก็เดินกลับ ระหว่างทางเดินกลับเราก็โบกมือบ๊ายบายและหยอกเอินเจ้าปลาโลมาเล็กน้อย และเรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น!!! เจ้าปลาโลมาตัวนั้นพ่นน้ำปู้ดดดดดดดดดด... เต็มหน้าแอ็กชั่นเลยค่ะ 555555+ และฉันเองก็โดนหางเลขไปด้วย ทีนี้ล่ะสนุกใหญ่ เจ้าโลมาตัวอื่นๆ พากันพ่นน้ำส่งแขกใหญ่เลย ^^ เมื่อจบแล้วเราก็เดินซื้อของที่ระลึกกันครู่หนึ่งก่อนจะออกเดินทางต่อ ระหว่างทางรถผ่านป้ายไปตึกแดง ฉันจึงขอให้พ่อแวะตึกแดงเสียหน่อย (ประวัติความเป็นมาของตึกแดง) ตึกแดงสร้างโดยกองทัพฝรั่งเศสที่เข้ามายึดเมื่องจันทบุรีโดยใช้เป็นที่พักและกองบัญชาการในขณะนั้น รอบๆ บริเวณนั้นเงียบมากค่ะ อาจเพราะเป็นเวลาบ่ายแก่ๆ แล้ว แถมยังเป็นสถานที่ที่อยู่ในละแวกบ้านพักและกินบริเวณไม่กว้างนักจึงทำให้ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวแวะชมเท่าไร ภายในดูกว้างขวางและวังเวงชวนหดหู่ เมื่อก้าวเข้าไปก็ไม่ได้เกิดความรู้สึกดีหรือชื่นชมในความงามกับสิ่งที่เห็นสักนิด เพราะภายในนั้นมีแต่ปืนใหญ่ซึ่งก่อให้เกิดความรู้สึกกลัวและโศกเศร้าเมื่อได้ทราบว่าครั้งหนึ่งประเทศของเราเคยถูกฝรั่งเศสยึดครอง และเหตุการณ์นั้นได้คร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย T_T (รึเปล่า ไม่แม่นประวัติศาสตร์ แต่เห็นมีปืนเลยคิดว่าน่าจะยิงคน แป่ววววว ==) (ปืนใหญ่... อะไรก็ไม่ทราบ ฮี่ๆๆ) (ชักภาพกับตึกแดง ^^) แวะชมตึกแดงและถ่ายรูปจนหนำใจแล้วก็เดินทางต่อเพื่อจะไปขึ้นเรือเฟอร์รี่ที่จังหวัดตราด ระหว่างทางผ่าน "คุกขี้ไก่" แต่เสียดายที่ถ่ายรูปไม่ทัน และพ่อขับเลยมาแล้วด้วย T_T แต่พ่อเล่าให้ฟังว่า สมัยที่ฝรั่งเศสเข้ายึดเมืองจันทบุรีได้ใช้คุกขี้ไก่นี้ขังคนไทยที่ต่อต้านฝรั่งเศสโดยการเลี้ยงไก่ไว้ข้างบนแล้วให้อุจจาระรดหัวนักโทษ T_T โหดเหมือนกันแฮะ แง้ๆๆๆ เท่าที่สังเกตตอนนั่งรถผ่าน คุกขี้ไก่ก็เป็นอาคารเล็กๆ อาคารหนึ่ง สภาพค่อนข้างโทรม ตั้งอยู่อาคารเดียวในบริเวณนั้น ให้ความรู้สึกน่ากลัวและเงียบเหงามากเลยทีเดียว T_T (หอสมุดประชาชนอำเภอแหลมสิงห์ค่ะ ตรงนี้พ่อจอดให้ดูคุกขี้ไก่ที่อยู่ด้านซ้ายมือของหอสมุดซึ่งเลยมาแล้วไกลพอสมควร แง้ๆๆๆ มองไม่ค่อยเห็นคุกขี้ไก่เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาค่ะ) เดินทางปุเลงๆ กับเจ้าซันนี่ BMW 525i ที่ทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์และไม่เกเร ผ่านอะไรหลายๆ อย่างที่น่าสนใจ ขับไปเรื่อยๆ ก็มาถึงท่าเรืออ่าวธรรมชาติ จ.ตราด ท่าเรือที่เราจะขึ้นเรือเฟอร์รี่ค่ะ (ท่าเรือเฟอร์รี่อ่าวธรรมชาติ จ.ตราด) (บริเวณท่าเรือมีมุมพักผ่อน ซึ่งมีเครื่องเล่นเตะบอลด้วยค่ะ ไม่พ้นมือแอ็กชั่น อิอิ) (บรรยากาศรอบๆ ท่าเรือค่ะ สวยงามสบายตาสบายใจมาก ถ้ามีโอกาสก็อยากกลับไปเยี่ยมชมอีกสักครั้งค่ะ ^^) (ชุดเก้าอี้ไว้นั่งเล่นระหว่างรอเรือมารับค่ะ :D) (เรือลำก่อนหน้าที่เรามาไม่ทันกำลังออกจากท่าค่ะ T^T) เย่ และแล้วเรือก็มา ^^ พวกเรารีบไปขึ้นรถ พ่อสตาร์ทรถและรอสัญญาณให้ขับขึ้นเรือค่ะ ^^ (บรรยากาศในรถระหว่างรอขึ้นเรือ) (พ่อกำลังขับรถลงเรือค่ะ) ระหว่างนั่งรถลงเรือฉันตื่นเต้นมากกกกก แบบ ก็คนมันไม่เคยอ่ะเนาะ >< รถที่มาขึ้นเรือ เอ๊ะ หรือลงเรือ... อิอิ มีมากมายหลายชนิดมากค่ะ ตั้งแต่รถบรรทุก รถส่งของ มาจนถึงรถส่วนตัวแบบครอบครัวเรา อึ้ง ทึ่งมากค่ะที่เรือสามารถแบกน้ำหนักได้มากมายขนาดนี้ O.o (นี่แค่บางส่วนนะคะ มีรถจอดลึกเข้าไปด้านในตัวเรืออีก... เจ้าซันนี่แดงเด่นเป็นสง่ามากเลย ^^) (หันหลังมา บ๊ายบายยยท่าเรืออ ชั้นจะไปเกาะช้างแล้วน้า เย่ ^0^) (ไฮ้ ไอ้รถคันนี้มันหลงมาจากไหนนะ ><) (อ๋อออ มีการก่อสร้างอยู่นี่เอง ^^) เมื่อขึ้นเรือมาได้แล้ว เราทั้งนี่ก็เดินขึ้นไปชั้นบนสุดเลยค่ะ เรือเฟอร์รี่ที่เราขึ้นจะมีทั้งหมดสามชั้น ชั้นสองจะเป็นห้องกระจกและมีร้านสะดวกซื้อ ขึ้นไปอีกชั้นจะเป็นชั้นบนสุดซึ่งเป็นที่เปิดโล่ง และมีที่นั่งมากมาย เราเดินมาจับจองที่นั่งกันตรงหัวเรือเลยค่ะ ได้บรรยากาศมาก อิอิ ^^ (ห้องกัปตันเรือค่ะ ^^) (เล็กๆ น้อยๆ อิอิ ^^) (จะไปแล้วน้า วู้ววววว) (ไปแล้วๆๆๆๆ เย่ๆๆๆๆ ^^) (ชั้นสามของเรือ) (ฮี่ๆๆๆ) (เด็กน้อยบนเรือ อยากมีลูกสาวแบบนี้จังเลย แต่ว่า... ยังหาพ่อของลูกไม่ได้เลยอ่ะ แง้ๆๆๆ T_T) (เรือออกจากฝั่งมาได้สักพักแล้ว ริ้วน้ำสวยมากๆ ^^) (แฮ่ๆๆ มุมสวยๆ ตรงระเบียงห้องกัปตันเรือ) (พ่อบอกว่า นู่นนนนนน เกาะช้าง ^^) (จะถึงแย้วววววววว) (ถึงแล้วววววววว วู้วววววววว *0*) ถึงสักทีเกาะช้าง ^^ ฉันมีความรู้สึกว่าเกาะช้างเป็นเกาะที่ความเจริญยังเข้าไม่ค่อยถึงหากเทียบกับพวกพัทยาอะไรพวกนี้ แต่อาจเป็นเพราะนี่เป็นเกาะแรกที่ฉันเคยมาเที่ยวก็เป็นได้เลยยังไม่เคยเห็นเกาะอื่นๆ ^^ เรากำลังจะเดินทางไปคลองพร้าว รีสอร์ท ระหว่างทางก็ผ่านบ้านเรือน ร้านค้า ซึ่งจะคึกคักเป็นช่วงๆ เฉพาะที่มีร้านค้า ส่วนช่วงที่ไม่มีร้านค้าก็จะเงียบและเต็มไปด้วยป่า เจ้าซันนี่ลัดเลาะขึ้นเขาไปตามทางแคบๆ อย่างใจเย็น ธรรมชาติที่นี่สวยมาก (และขอบอกว่าตอนกลางคืนก็น่ากลัวมาก ><) คิดๆ ดูแล้วก็ไม่อยากให้ความเจริญเข้ามาเยอะเลยค่ะ ไม่อยากเห็นห้างใหญ่ๆ บนเกาะแห่งนี้ อยากให้เกาะแห่งนี้รักษาความสวยงามตามธรรมชาติไว้ตลอดไป เผื่อจะได้กลับไปเที่ยวอีก ^^ (ค่อนข้างชนบทค่ะ เกาะช้าง) (มีเซเว่นเป็นระยะๆ) (ถึงแล้ววว คลองพร้าวรีสอร์ท สวยงามน่าอยู่มากค่ะ) คลองพร้าวรีสอร์ทเป็นรีสอร์ทที่หรูมากในความคิดของฉัน มีสระว่ายน้ำ ร้านอาหารหรูๆ มีจัดทัวร์เกาะด้วย ชาวต่างชาติเยอะมากๆ แต่ไม่ค่อยมีหล่อๆ เลย >< ยิ่งตอนพลบค่ำ บรรยากาศดีมากเลยค่ะ ขอบอก ^^ (แสงแดดยามต้องผิวน้ำทะเลเป็นประกายสวยมากค่ะ) (หาดทรายที่ไม่วุ่นวายจ้อกแจ้กจอแจของคลองพร้าว รีสอร์ท) เมื่อถึงรีสอร์ทเก็บข้าวเก็บของแล้ว พวกเราก็ไม่รอช้า เปลี่ยนใส่ชุดว่ายน้ำวิ่งลงสระว่ายน้ำทันที แป่วววว คิดซะว่ามาทะเลเพื่อกินบรรยากาศค่ะ ฮ่าๆๆ แต่ฉันก็แอบแวบไปสัมผัสน้ำทะเลนิดหนึ่ง เล่นซะพ่อใจหายใจคว่ำคิดว่าหายไปไหน (สระว่ายน้ำของรีสอร์ทค่ะ ไม่ใหญ่มาก แต่ก็ทำเอาเหนื่อยไม่น้อยเลย ^^) (อีกสักนิด ฮ่าๆๆๆ) ระหว่างที่เราสามคน... พ่อ พี่สาวและน้องชาย เล่นน้ำกันอยู่ แม่ก็แอบหนีไปนวด อิอิ ซึ่งที่นี่มีเตียงนวดเยอะไม่เบา แถมได้นอนนวดริมหาดด้วย น่าสบายจังแฮะ (เตียงนวดริมหาด) (ชายหาดยามพลบค่ำ) (พระเอกมิวสิค 5 4 3 2 1 Action!!!) (สวยมากๆ ให้ความรู้สึกที่ดีมากๆ เลยค่ะ ~.~) (ร้านอาหารยามค่ำคืนก็โรแมนติกดีไม่น้อย น่ามานั่งจุ๊กจิ๊กกับแฟนมาก >///< (หาให้ได้ก่อนเถอะ ==)) (โคมไฟน่ารักมาก ><) เมื่อรอแม่นวดจนเสร็จก็ไปอาบน้ำแต่งตัวและเตรียมตัวออกหากินนนน ^^ วันนี้เป็นวันเกิดพ่อค่ะ ดูซิว่าพ่อจะไปกินอะไร... ร้านแรกที่เข้าไปมาจากการแนะนำของหมอนวดค่ะ ชื่อร้าน เจ๊นิด เจ๊น้อย เจ๊หน่อย หรือเจ๊อะไรสักอย่าง จำไม่ได้แฮะ - -a คนเยอะมากกกกก สงสัยจะอร่อยจริง เราก็เข้าไปนั่ง แต่รอนานมากกกกก นานจนพ่อเริ่มหงุดหงิด เพราะรอเท่าไรๆ ก็ไม่มารับออเดอร์สักที จนเราตัดสินใจเปลี่ยนร้าน ไอ้ฉันเองก็เริ่มโมโหหิวแล้วนะเฟ้ยยยยยยยย -w- ถึงตอนนี้ฉันก็เริ่มกระสับกระส่ายเพราะจะแอบซื้อเค้กเซอร์ไพรส์พ่อ แต่หาเท่าไรๆ ก็ไม่เห็นร้านเค้ก เลยขอพ่อแวะเซเว่นซื้อเค้กปอนด์เล็กๆ มา ดีนะที่พ่อไม่ตามลงมาด้วย ^^ ขับรถมาเรื่อยๆ ก็มาถึงร้าน ภูทะเล เป็นร้านอาหารริมน้ำกร่อย (รึเปล่าหว่า) ขอบอกว่าประทับใจร้านนี้มาก เพราะนอกจากอาหารจะอร่อยแล้ว ยังมีบริการนั่งเรือชมหิ่งห้อยฟรีอีก O.o กรี๊ดสิคะงานนี้ ศศิมีหรือจะพลาด 555+ ภายในร้านน่ารักมากๆ ค่ะ มีส่วนให้ถ่ายรูป มีของเก่าๆ แปลกๆ น่ารักๆ เยอะเลย แต่ศศิแต่งตัวมาแบบ... เอิ่มมม เหมือนจะมาขอทานเลยอ่ะ T_T ระหว่างรับประทานอาหาร เราก็จุดเทียนฉลองวันเกิดให้พ่อค่ะ มีการมอบของขวัญเป็นตุ๊กตาหมาถักคาบหัวใจที่แม่ทำเอง (แม่ถักเป็นหมาที่บ้านเราเลี้ยงค่ะ ชื่อไอ้ตูน ที่อยู่ในรูปของตอนก่อน) พ่อก็เซอร์ไพรส์มากเพราะเห็นแม่นั่งถักอยู่ที่บ้านแต่ไม่คิดว่าแม่จะให้ ^^ น่ารักจริงจัง อยากถักแบบแม่ได้บ้าง เผื่อจะมีคนตกหลุมพรางยอมเป็นแฟน ฮี่ๆๆ แต่จนแล้วจนรอดพ่อก็ไม่ได้เป่าเทียนหรอกค่ะ หน้าที่นั้นน้องชายตัวน้อยผูกขาดไปแล้ว ไม่ว่าวันเกิดใครน้องชายจัดการเองหมด ^^ (ปู้ดดดดดด ขอให้พ่อมีความสุขมากๆ นะคะ ^^) (กินเค้กกกก ^^) (ถ่ายกับของขวัญพ่อค่ะ ,, รูปนี้แสงสวยงาม หลอกตาคนไปเยอะ อิอิ มีคนมากดไลค์มากมายเลยในเฟสบุค (มากตายล่ะแก แค่ 10 คนเอง ><)) (น่ารักมั้ยล่ะ ^^) (ร้านน่ารักมากค่ะ) เจ๋งมากๆคับ เห็นแล้วอยากไปเที่ยวเลย ผมขอเป็นแฟนคลับคุณนะคับ สุดยอดมากๆคับ
โดย: วายุ IP: 101.109.104.183 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2554 เวลา:22:52:35 น.
น่ารักมากเลยครับ ผมขอเป็นแฟนคุณ เอ้ย ผมขอคุณเป็นแฟน
เห้ย ขอเป็นแฟนคลับคุณอีกคนนะครับ โดย: Fragile IP: 49.48.146.152 วันที่: 17 พฤศจิกายน 2554 เวลา:19:06:00 น.
รอบหน้าอย่าลืมแวะมาเยี่ยมเยียนลุงบ้างนะ T_T
โดย: ลุงนาจ IP: 203.113.10.153 วันที่: 18 พฤศจิกายน 2554 เวลา:9:35:10 น.
คุณวายุ - ยินดีค่าาาาาา ปลื้มมากเลยมีคนขอเป็นแฟนคลับ กริ๊วววววว ขอบคุณมากค่ะ
คุณ Fragile - พี่เบนนนนนนนซ์ ขอบคุณมากค่ะ แต่คงเป็นแฟนไม่ได้ เดี๋ยวพี่หญิงเสียใจ อิอิ พี่นาจ - พี่ชายจ๋าาาา ไว้ถ้าอายไปเอง อายจะแวะหาน้าาาาา ^_^ โดย: หยดหมึกบนกองดิน วันที่: 19 พฤศจิกายน 2554 เวลา:19:31:14 น.
ไม่เล่นแพยางหรอค่ะ
โดย: บี IP: 182.52.83.32 วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:0:33:03 น.
|
luz de la luna
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] เพิ่งเริ่มเขียนบล็อกค่า ผิดพลาดอย่างไรขออภัยด้วยนะค้า :) Friends Blog
Link |