...คิดว่ายังมีความหวัง ตราบที่ยังมีลมหายใจ...
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
24 พฤศจิกายน 2553
 
All Blogs
 

โลกไม่มีขยะ ๕-๖ (จบนะครับ)

เพื่อเอาใจท่านผู้ชมที่เข้ามาอ่านแบบไม่เคาะประตู ดูแล้วมีตั้ง ๑๕๐ กว่าท่าน แสดงว่าสารชิ้นนี้ที่ผมทำมีผู้สนใจ


ไม่เป็นไรครับผมถือว่าของ ๆ ผมดี และที่ผมนำมาเสนอนี้ก็คือเสนอสิ่งดี ไม่ใช่สิ่งมอมเมา และที่นี่ไม่มีภาษาใหม่วัยมันส์ เพราะฉะนั้นเชิญท่านสดับต่อไปครับ
เอ๊ะ! ใช้ภาษาผิดอีกหรือเปล่า เพื่อความถูกต้องก็ ขอเชิญ "ทัศนา" ต่อไปครับ และถ้าไม่ใจจืดใจดำละก็ ขอได้โปรดทิ้งรอยไว้บ้าง ว่าท่านมาชมจะเป็นเกียรติแก่ผู้เขียนอย่างมากขอรับ.................


วันต่อมา
“คุณครูคะ พวกเราอยากไปเยี่ยมบ้านหนูแก้ว พวกเราอยากช่วยกันเก็บขยะ ในโรงเรียน ถนนและบ้าน เอาไปขายพ่อแม่หนูแก้ว แล้วเอาเงินไปซื้อหนังสือการ์ตูนเข้าห้องสมุดโรงเรียน”


“ดี ๆ ค่ะ ครูขอสนับสนุน งั้นออกมาเข้าแถว เราจะเดินกันไป”
“หนูเดินนำไปก็ได้หนูเคยไป” หนูตุ้มพูด
“ให้หนูแก้วนำไปดีกว่านะจ๊ะเพราะเขาเป็นเจ้าของบ้าน” คุณครูสิริพรพูด
“ผมขอไปด้วย” หนูตุ้มพี่ชายหนูโต้ง มาขอร่วมขบวน


สายวันนั้น คุณครูศิริพร จึงพานักเรียนที้งห้อง เดินแถวไปที่บ้านของหนูแก้ว และมีนักเรียนชั้นอื่น ๆ ขอไปด้วยหลายคน ในจำนวนนั้น มีหนูโต้งพี่ชายของหนูตุ้ม ที่สนใจเรื่องการกำจัดขยะลดภาวะโลกร้อนคนหนึ่งไปด้วย

ที่ลานหน้าบ้าน แม่ของหนูแก้วกำลังจัด คัดแยกของเก่า หรือขยะออกเป็นพวก ๆ พอเห็นคุณครูสิริพรกับเด็ก ๆ ก็รีบเดินมาต้อนรับ และพูดว่า
“เชิญนั่งก่อนค่ะคุณครู พาเด็ก ๆ ไปไหนกันคะ วันนี้”
“เด็ก ๆ เขาสนใจอยากจะหาของเก่ามาขายค่ะ เลยต้องพามาดู” คุณครูตอบ

“อ๋อ! จะหาขยะมาขายหรือคะ ขยะที่ขายได้ก็มี พวกขวดน้ำพลาสติกใสพลาสติกขุ่น ขวดแก้ว กระป๋อง กระดาษ ทุก อย่าง และเศษเหล็กค่ะ ส่วนขยะที่ขายไม่ได้ คือถุงหูหิ้ว ถุงพลาสติกใส่อาหาร เศษโฟม”

“ราคาของขยะแตกต่างกันค่ะ เช่น กระป๋องเบียร์และน้ำอัดลม ราคาใบละ ๕๐ สตางค์ กระป๋องปลากระป๋อง กิโลละ ๓๐ สตางค์ ค่ะ”

“ขวดใส่น้ำขวดใสกิโลละ ๑๒ บาท ขวดขุ่น กิโลละ ๔ บาท” แม่ของหนูแก้วพูด
“กระดาษแข็ง เช่น กล่อง ลัง กิโลละ ๔ บาท เศษกระดาษกิโลละ ๒ บาท ขวดน้ำปลากิโลละ ๑ บาท ขวดซีอิ๊วกิโลละ ๑๐ สตางค์”


“การนำมาขายต้องแยกนะคะ ถ้าไม่แยกราคาจะถูก เพราะต้องมาเสียเวลาแยกอีกค่ะ”

“คุณน้าครับ คุณน้ารับซื้อแต่ขยะที่ขายได้ ทำให้ขยะถูกนำกลับไปใช้ใหม่ ช่วยแก้ปัญหาขยะ แต่ขยะที่ขายไม่ได้ก็ยังอยู่เหมือนเดิม เราจะทำอย่างไรครับ ขยะจึงจะไม่ล้นเมือง” หนูโต้งถามความเห็นแม่ของหนูแก้ว


“น้าขอตอบว่า พวกหนู ๆ นี่แหละ ที่สามารถจะแก้ปัญหาเรื่องขยะ ส่วนที่เหลือได้”


“น้าเองมีแนวคิดอยู่ ๗ ข้อ ลองเข้าไปดูในบ้านน้าซีคะ”

“ข้อ ๑ ไม่ใช้ ถุงพลาสติก กล่องโฟม หรือกล่องบรรจุที่จะเป็นขยะ รวมทั้งจะเป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม
“ข้อ ๒ ใช้แต่สินค้าชนิดเติมใส่ภาชนะบรรจุเดิม ไม่ต้องซื้อภาชนะใหม่


“ข้อ ๓ ซื้อแต่สินค้าที่สามารถ ส่งคืนภาชนะบรรจุกลับสู่ผู้ผลิตได้ เช่น ขวดพวกนี้”
“ข้อ ๔ ซ่อมแซมเครื่องใช้ ให้สามารถใช้ประโยชน์ได้ เพื่อไม่ให้กลายเป็นขยะ

“ข้อ ๕ นำถุงผ้าหรือตะกร้าไปจ่ายของ แทนการให้แม่ค้าใส่ถุงก๊อบแก๊บ
“ข้อ ๖ แยกขยะ เช่น ขวดพลาสติก ถ้วยไอศกรีม กระป๋องเครื่องดื่มเอาไปขาย”

“ข้อ ๗ ถนอมเครื่องคอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ และโทรศัพท์มือถือ ให้ใช้งานได้นาน ๆ เพื่อลดการซื้อของใหม่”
“เพราะของพวกนี้เมื่อหมดอายุใช้งาน เป็นขยะอันตรายนะจ๊ะ”
“โอ้โฮ! โทรทัศน์ และโทรศัพท์รุ่นโบราณ รุ่นแรก ๆ น้าก็ยังใช้”


“จ้ะ นี่คือ วิธีที่จะทำให้ลดขยะลงได้ อีกวิธีหนึ่งของน้า”
นักเรียนทุกคนจึงต่างได้ข้อคิด จากคนรับซื้อขยะ มาจัดการกับปัญหาขยะ ที่บ้านและโรงเรียนของตน

ตอนที่ ๖
ถึงวาระต้องกำจัด


วันนี้ ในชั้นเรียนของหนูตุ้ม นักเรียนต่างร่วมกันเก็บและแยกขยะ ทั้งขยะในโรงเรียน และในบริเวณที่พบเห็น มารวมไว้เป็นถุง ๆ



“เราจะจัดการอย่างไรกับขยะพวกนี้”
คุณครูสิริพรถาม เพื่อให้นักเรียนคิดหาคำตอบ
“ขยะที่ขายได้ พวกเราพาไปขายได้เงินมา ซื้อหนังสือเข้าห้องสมุดได้แล้วหลายเล่ม ปัญหาต่อไปก็คือ ขยะที่ขายไม่ได้จะทำอย่างไร” เด็กชายคนหนึ่งพูด ให้เพื่อน ๆ ช่วยกันคิด


“ขยะเปียก เศษพืช เศษอาหาร ขยะที่ย่อยสลายง่าย เอาไปหมักทำปุ๋ยค่ะ” หนูตุ้มตอบ
“ขยะที่ขายไม่ได้เราต้องหาที่กำจัด โรงเรียนเรามีเตาเผาขยะ” หนูโต้งพี่ชายหนูตุ้มตอบอีกคน


“งั้น ไปดูการเผาขยะกัน”
คุณครูสิริพรพูดและจะพาเด็กๆ ไปดูวิธีกำจัดขยะ


เด็ก ๆ ต่างพากันยินดี ที่จะได้ออกไปเรียนนอกสถานที่
คุณครูสิริพรจึงพานักเรียนไปดูเตาเผาขยะ และไปเจอคุณลุงแป้น ภารโรงกำลังเผาขยะอยู่พอดี

“การเผา สามารถทำลายขยะมูลฝอย ได้เกือบทุกชนิด ยิ่งถ้าเป็นขยะ ประเภทที่ติดไฟง่าย เราสามารถเผาแบบ ไม่ต้องใช้เชื้อเพลิง”
คุณลุงแป้นภารโรงอธิบาย


“การฝังกลบละคะ เราต้องทำอย่างไรบ้าง” เด็กหญิงแก้วถาม
“นำขยะมูลฝอยมาเทลงใน หลุมลึกที่ขุดเตรียมไว้ กลบดินแล้วบดให้แน่น” คุณลุงแป้นตอบ


“การฝังกลบ ถ้าทำอย่างถูกวิธี จะไม่เป็นอันตรายต่อสภาพแวดล้อม อย่างเช่นที่ตรงนี้ เมื่อก่อนเป็นที่ลุ่ม ท่านผู้อำนวยการฯ ให้ขุดเป็นหลุมใหญ่ แล้วนำขยะมาฝังกลบ ทำให้ได้สนามฟุตบอล อีก ๑ สนาม”


“ลุงรู้เรื่องการใช้ขยะมูลฝอย เป็นพลังงานไฟฟ้าไหมคะ เขาทำได้ด้วยใช่ไหม” คุณครูสิริพรถาม
“แฮ่ ๆ ผมรู้ว่าทำได้ครับ แต่แหม เรื่องนี้ผมว่าคุณครูศึกษามามากกว่าผมนะครับ แฮ่ ๆ”
นายแป้นออกตัวหัวเราะอาย ๆ เพราะคิดว่าตน มีความรู้น้อยกว่าคุณครู
“บางที่เขานำขยะมูลฝอยไปทำเป็นเชื้อเพลิงต้มน้ำ ให้ไอน้ำไปหมุนเครื่องกำเนิดไฟฟ้า” คุณครูสิริพรพูด


“ครับ แฮะ ๆ ผมก็เคยได้ยินว่าอย่างนั้น”
นายแป้นภารโรงตอบและว่า
“น่าจะมาสร้างไว้แถวบ้านเราสักโรงนะครับ ขยะจะได้หมดไปเสียที”

“แต่ถ้าเอาขยะมาหมักทำปุ๋ยละก็ ผมชำนาญ แค่ใช้ขยะที่ย่อยสลายได้ มาหมักไว้ ๔๕ วัน จากนั้นผึ่งแดดไว้ อีก ๖๐ วัน ก็นำไปใช้เป็นปุ๋ยได้เลย แบบนี้ครับ”
นายแป้นชี้ให้ดูกองปุ๋ยหมัก

เมื่อกลับมาสู่ห้องเรียน คุณครูศิริพร พูดว่า
“ขยะมีมากขึ้นทุกวัน ถ้าเราไม่ทิ้งขยะ ให้เป็นที่เป็นทาง
จะเป็นปัญหาต่อสภาพแวดล้อม เช่นทำให้น้ำเน่าดินเสีย
ปลูกพืชผักไม่ได้ และเป็นอันตราย ต่อสุขภาพของเรา”


“กองขยะเป็นแหล่งสะสมสิ่งสกปรก ส่งกลิ่นเหม็น ทำให้อากาศเป็นพิษ เป็นที่อาศัยของสัตว์นำโรค ยุง แมลงวัน หนูและเป็นแหล่งแพร่เชื้อโรค เราจึงควรช่วยกันทิ้งขยะมูลฝอยให้เป็นระเบียบ บ้านเมืองของเราจะได้สวยงาม”


“ความจริงโลกไม่มีขยะ ที่โลกมีขยะเพราะว่ามนุษย์ มนุษย์ที่อยู่บนโลก ทำให้เกิดขยะ”
คุณครูศิริพรพูดแปลก ๆ หนูตุ้มหันไปมองเพื่อน ๆ เห็น เพื่อน ๆ นั่งเงียบ



คุณครูศิริพร จึงพูดต่อไปคล้ายรำพึงว่า
“ขยะมาจากคน มีคนจึงมีขยะ ถ้าไม่มีคนขยะจะไม่มี”

“พวกเศษกระดาษ ถุงพลาสติก สิ่งต่าง ๆ ที่คนผลิต ถูกทิ้งลงมาจากบ้านเรือน โรงงาน จากรถยนต์ จากคนเดินถนน บริเวณที่มีการก่อสร้าง โรงเรียน ตลาด ร้านค้า และทุกหนแห่งที่มีคนอาศัยอยู่ นี่แหละที่ทำให้เกิดขยะ”

“เอ๊ะ! แล้วพวกต้นไม้ ใบไม้ กิ่งไม้ ใบหญ้าละครับ ถึงไม่มีคนมันก็เป็นขยะได้เหมือนกันนี่ครับ”
หนูโต้ง กับหนูตุ้มแย้งคุณครู


“โลกมีวิธีจัดการกับใบไม้ ผลไม้ ซากพืช ซากสัตว์ ซึ่งจะเน่าเปื่อยย่อยสลายกลายเป็นดิน เป็นปุ๋ยให้กับพืช ในธรรมชาติจึงถือว่า “ไม่มีขยะ”
“ขยะมาจากสิ่งที่คนคิดประดิษฐ์ขึ้นแล้วธรรมชาติ ไม่สามารถจะย่อยสลายได้”
คุณครูศิริพรสรุป ก่อนพาเด็ก ๆ ไปเดินดูว่าในป่าไม่มีขยะ มีแต่สิ่งที่จะค่อย ๆ ผุพัง ย่อยสลายกลายเป็นดินต่อไป

(ภาพซ้ำกันบ้างคงไม่ว่านะครับ คือขอสารภาพว่าคนแก่ทำบล็อกนี่ทำยากครับ ไม่ใช่มืออาชีพด้วย บีจี บีเจอ อะไรก็ไม่มี ยิ่งเพลงยิ่งลืมได้เลย แรก ๆ เคยทำเป็นตอนหลังเห็นว่ายุ่งยากก็เลยตัดไป)

แต่ที่นำเสนอนี่ก็ยังไม่ใช่ฉบับจริงนะครับ ฉบับจริงยังมีอีเวอร์ชั่นแต่ลุงก็อบมาลงไม่ได้ ต้องไปพรินท์ออกมาก่อนแล้วสแกนมาครับ นี่ ๆ ครับ









เวอร์ชั่น ๒ นี่สแกนจากหนังสือที่ทำเสร็จแล้วมาให้ชม แต่ภาพไม่ชัดใช่มั้ยครับ แต่ของจริงรับรองว่าชัดแจ๋ว แบบว่าป้องกันการก็อบด้วยไงครับ ฮ่า ๆ ๆ ในที่สุดก็มีขยักไว้จนได้สิ อิ ๆ




 

Create Date : 24 พฤศจิกายน 2553
43 comments
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2553 12:14:38 น.
Counter : 54875 Pageviews.

 

บทสรุป


อันที่จริงโลกนี้ไม่มีขยะ (จริงไหมครับ)
หากอาศัยธรรมะ-ชาติจัดสรร
เพราะต้นไม้ในป่าพนาวัน
เกิดขึ้นมาเกี่ยวพันเป็นปุ๋ยไป

ดอกผลที่หล่นร่วงเป็นห้วงอาหาร
สัตว์เลื้อยคลานช่วยย่อยไส้เดือนไส
บ้างพังผุย่อยสลายหายตามวัย
เพียงหนึ่งปีผ่านได้ก็ไม่มี

โลกจึงไม่มีขยะนะเพื่อนเอ๋ย
สัตว์ป่าข้าบ่เคยเปลี่ยนวิถี
วิถีธรรม-ธรรมชาติสะอาดดี
หินสีเสียดกันพลันเป็นทราย....

 

โดย: จขบ. (pantamuang ) 24 พฤศจิกายน 2553 12:11:09 น.  

 

สวัสดีครับคุณลุงบูลย์
บทสรุปได้ใจครับ
ผมเข้ามาท่องบล็อกนี้แล้ว...มีความสุขครับ

 

โดย: panwat 24 พฤศจิกายน 2553 13:43:28 น.  

 

ลุงอัพไวมากๆ

ชอบกลอนที่ไปเขียนไว้ที่บ้านนักล่าฯนะคะ...แสบ...อิอิ


มาอ่านต่อค่ะ นี่ถ้าเราเป็นเด็กๆ ได้เรียนเรื่องพวกนี้โดยมีการ์ตูนแบบนี้เป็นภาพประกอบ

รับรองว่าขยัน...เพราะเพลิดเพลินที่สุด

อืม พอพรินท์แล้วมันจางลงครึ่งนึงนะ เหมือนการ์ตูนในหมอก

เอ๊ะ...มีคนเคยมาก็อปด้วยเหรอคะ

 

โดย: นักล่าน้ำตก IP: 61.90.5.154 24 พฤศจิกายน 2553 15:53:02 น.  

 

ใช่เลยคุณพันวัตต์ บล็อกลุงมีของดีๆเพียบ ว่าแต่ถ้าผมอายุเท่าลุง ไม่รู้ว่าจะยังนั่งหน้าคอมได้หรือเปล่านะสิ

(แต่คงไม่ถึง เพราะผมโรคเยอะแยะ)

ผมตอบคุณไกลบ้านไปเมื่อคืน ผมอยากรู้ว่า ประเทศที่คุณอยู่ เขามีกล่องโฟมใส่อาหารกันเยอะแยะไหม ทำไมเมืองไทย อะไรนิดหน่อยก็กล่องโฟมทั้งนั้น นี่งานลอยกระทงผ่านไปแล้ว 2 - 3 วัน ยังขาวเรี่ยราดเต็มอยู่เลย มันเยอะจริงๆ

2 ตอนหลังของลุงนี่ ยอดเยี่ยมมากเลยครับ แบบนี้ต้องทำเป็นตำราเรียนของเด็กๆแล้วละ ปลูกฝังแต่วัยเยาว์ โตขึ้นจะได้ไม่ต้องทำเรี่ยราด

 

โดย: ปลายแป้นพิมพ์ 24 พฤศจิกายน 2553 16:05:46 น.  

 

สายัณห์สวัสดีค่ะลุงบูลย์
+==========================+

ฝีมือภาพวาดคงเส้นคงวาด้วยสีสันสม่ำเสมอ
เนื้อเรื่องได้สาระดี ซึ่งสร้างสรรค์ความคิด
หากทุกคนปรารถนาดีกับสภาพแวดล้อม
ทำได้ง่าย ๆ ในชุมชนตนเองค่ะ

ปล. คราวนี้มีเม้นท์ ด้วยบทกวีของครูกลอน
ผสมอารมณ์งอนมิตรรักฯ แบบออดอ้อน
คราวก่อนโน้น สาวฯ มาแบบชะแว๊บค่ะ

 

โดย: สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น 24 พฤศจิกายน 2553 20:37:29 น.  

 

สวัสดีค่ะ...คุณลุงบูลย์

...ขอบคุณนะคะสำหรับ เมล์ทีวีออนไลน์แก้เมร่อ (อิๆๆ) แต่คุณลุง
รู้ไหมคะ สถานีนี้หนูดูมาปีกว่าๆแล้วค่ะ เพราะทางยุโรปเขาเป็นโลก
เสรีอย่างมาก ใครอยากดูสถานีไหน? ละครเรื่องอะไร? ตามสบาย
ดูได้ 24 ช.ม คุณลุงไม่งงนะคะ (อิๆๆ)

...พรุ่งนี้จะมาอ่านรายละเอียดบล็อกอีกทีค่ะ

...ฝากบอกคุณปลายฯด้วย เดี๋ยวพรุ่งนี้เข้ามาตอบค่ะ

 

โดย: ไกลบ้าน IP: 109.46.11.36 25 พฤศจิกายน 2553 6:19:41 น.  

 

ควันหลงขากลอยกระทง ไปเขียนไว้ที่บ้านคุณพันวัตต์ เพราะเพิ่งรู้ว่า...

....กระทงหลงทางท้น.............เทอดกระเทย
กระเทียมเทียมไหมเอย............อยากรู้
กระทะมีกระทิเผย...................ว่าแท้
กระทบเทียบกระทู้...................กระท้อนลงกระถาง

...ลางลางกลัวกระทั้ง...............กระเทือน
กลัวกระทืบมาเยือน..................หยอกเย้า
กระทบไหล่กวีเหมือน................กระทู้ที่
มีแต่ความปลุกเร้า.....................เร่งรื้อกวีใส

..........

เห็นเค้าเขียน โค-ลง ก็เลยหัดเขียนมั่ง อิ ๆ

 

โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) 25 พฤศจิกายน 2553 9:04:19 น.  

 

ลุงคงหมายถึงรายการตีสิบ เมื่อคืนวันอังคารใช่ไหมครับ ชายแต่งชายนะเคยเห็น แต่เดี๋ยวนี้ก้าวหน้าไปไกล เล่นชายที่มีความรู้สึกเป็นหญิง แต่งกับชายทีเดียว 2 คน โลกยุคนี้มันชักจะเปี๋ยนไปมากมายจนตามไม่ทันแล้วจริงๆด้วย

ชายทั้งแท่ง เมื่อก่อนถ้าไปได้แม่ม่าย เขาก็จะเปรียบเปรยว่า ชายทั้งแท่งกินแตงเถาตาย แต่ถ้าชายแต่งชาย เราจะเปรียบเปรยกันอย่างไรดีครับลุง..

นึกอย่างไรก็นึกไม่ออก ต้องให้กูรูอย่างลุงช่วยนึก

 

โดย: ปลายแป้นพิมพ์ 25 พฤศจิกายน 2553 9:19:51 น.  

 

ลุงน่าจะเอาดีกะโคลงอีกอย่างนะ

อ่านแล้ว พลิ้วทุกที

.........

ก็อปมาจากที่บ้านค่ะ
.............

ว้าว...ดีใจแทนลุงด้วยนะคะที่ได้หนังสือดีๆไปอ่าน คุณผาดใจดีจริงๆ

ลุงมาเป็นกลอนแบบนี้ เดี๋ยวนักล่าฯจะจุดธูปส่งข่าว ร่อนเมล์ให้เจ้าตัวรับทราบซะหน่อย

แต่ไม่รู้ว่าเขาจะยุ่งจนลืมเปิดเมลรึเปล่าอะนะ

ป.ล.ยินดีมากค่ะ ที่บ้านนี้ได้เป็นสื่อกลางระหว่างนักอ่านกะนักอ่าน นักเขียนกะนักอ่าน และนักเขียนกะนักเขียน

 

โดย: นักล่าน้ำตก 25 พฤศจิกายน 2553 11:42:38 น.  

 

สวัสดีครับคุณลุึงบูลย์

วันนี้ผมลาหยุดงานจึงได้แวะมาเยี่ยมช่วงกลางวันครับ
ขอบคุณคุณลุงบูลย์ที่เขียนคำกลอนมาประดับที่บล็อก IM
มีค่ายิ่งสำหรับผมครับ

บัญญัติ 7 ประการนี้ถ้าทุกคนนำไปใช้จะช่วยลดขยะไปได้ไม่รู้เท่าไร
ขอสนับสนุนครับ
การสร้างจิตสำนึกเพื่อลดขยะ หรือไม่ให้เกิดขยะโดยไม่จำเป็น
ทำได้ง่ายๆ คนละไม้คนละมือ โลกจะสดใสขนาดไหน...

ผมว่าคนต่างจังหวัดจะสำนึกถึงเรื่องนี้มากกว่าคนเมืองกรุง
ที่มีระบบจัดการที่ดีกว่า น่าเสียดายที่การรณรงค์แยกขยะ
ไม่เคยได้รับความร่วมมือจากคนเมืองกรุงเลย ทั้งๆที่สร้างขยะมากที่สุด
การแยกขยะของคนกรุงไม่ค่อมมีใครทำกัน ถึงแยกไป คนเก็บขยะ
ของ กทม.ดันเอาไปรวมกันอีก...

 

โดย: Insignia_Museum 25 พฤศจิกายน 2553 13:29:30 น.  

 

สวัสดียามค่ำครับ...คุณลุงบูลย์
Photobucket

น้ำมะนาวเคล้าน้ำปลาและน้ำตาล
ออกเค็มหวานเปรี้ยวหน่อยค่อยเข้าท่า
แล้วเชิญกุ้งจูงหมูมะระมา
สามัคคีลีลาลงหม้อยำ

 

โดย: panwat 25 พฤศจิกายน 2553 22:13:10 น.  

 


...ยอดเยี่ยมทุกบททุกตอนค่ะคุณลุง ทั้งภาพและเรื่อง

...ตอบคำถามคุณปลายฯ เรื่องกล่องโฟมใส่อาหาร ต้องบอกเลยค่ะ
ว่าที่นี่เขาใช้กล่องโฟมใส่อาหารน้อยจริงๆ แทบจะไม่มีให้เห็น ส่วน
ใหญ่จะใช้เป็นกล่องหรือจานกระดาษแทน เรียกได้ว่าพยายามหลีก
เลี่ยงทุกวิถีทางในการสร้างขยะที่ย่อยยาก ขนาดถุงพลาสติกหูหิ้ว
ที่ใช้ในซุปเปอร์มาเก็ต ถ้าจำเป็นต้องใช้จริงๆ เขาก็จะใช้พลาสติก
อย่างบางมากๆ เพื่อที่จะย่อยสลายได้เร็วขึ้น จริงๆแล้วอยากคุย
รายละเอียดมากกว่านี้ แต่พรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้า เอาเป็นว่าถ้า
คุณปลายฯ อยากทราบเกี่ยวกับอะไรทางนี้ ถามมาได้เลยนะคะ ถ้า
ตอบได้จะพยามยามตอบค่ะ

...ปล.ไปฮอลิเดย์หนึ่งอาทิตย์ค่ะคุณลุง แถวๆทะเลเมดิเตอร์เรเนียนโน่นแน่ะค่ะ



 

โดย: ไกลบ้าน IP: 109.84.65.234 26 พฤศจิกายน 2553 7:52:14 น.  

 



อิ ๆ ตอนนี้อารมณ์ โค-ลง กระเจิง ไปตอบที่บล็อกพันวัตต์ แล้วก็อปมาบ้าน แฮ่ ๆ

...ยำยำย่ำแย่เย้า........................ยับเยิน
มะระมนเมิน..............................ขมเจ้า
มนุษย์มุณีเพลิน.........................เมามอด
มโนมอบแม่เล้า..........................หมดแล้วไม่เหลือ

....กินเกลือเกลือกลบกล้ำ.............กลมกลืน
ของขมขมพอคืน........................เก่าได้
ของหวานหวานยิ่งขืน...................เบาหนัก อยู่นา
ของเผ็ดรสเด็ดไซร้......................หลอกลิ้นกินหรอย


คำสุดท้ายขออนุญาตใช้ภาษาใต้ มันสะใจดี

........................

อิๆ มาแบบมึน ๆ เมา ๆ บ้าง ใครรู้เรื่องแสดงว่าไม่เมา

 

โดย: จขบ. (pantamuang ) 26 พฤศจิกายน 2553 9:22:28 น.  

 

ไปเขียนไว้ที่บล็อกคุณ im เสียดายกลอนเลยก็อปมาไว้ที่นี่ด้วย ช่วยให้กระทู้ยาว แฮ่ ๆ

คุณอิมอยู่กรุงเทพก่อนลุงบูลย์
แต่ข้อมูลย้อนหลังยังสดใส
ปีศูนย์ห้าลุงบูลย์บุญอำไพ
มาสอบได้วาดเขียนตรีและโท (เป็นสามเณรบ้านนอกมาอาศัยวัด)

พอปีสองพันห้าร้อยสิบสอง
มาท่องกรุงเทพเสพแสนโก้
สอบได้ ว.อ.ต่อชั้นโชว์
อาศัยวัดโธ่โถแถวฝั่งธน (ตอนนี้เป็นครูแล้วก็ยังมาอาศัยวัด)

พอปีสองพันห้าร้อยสิบแปด
ก็แรดมากรุงผดุงผล
อาศัยหอประสบโชคโฉลกดล
อยู่ฝั่งชลแสนแสบเบื่อแทบตาย (เสียงเรือหนวกหู เหม็นน้ำในคลองเน่า)

มศว.รุ่นแรกประสานมิตร
สอบติดศิลปะก่อนจะสาย
เป็นนักร้องลูกทุ่งฟุ้งกระจาย
ภายใต้ลูกทุ่งอาร์ตวาดโขนดัง (เพื่อนตั้งวงดนตรีในมหาลัย)

สนุกสนานในมหา'ลัยแห่งนี้
สองปีอยู่ต่อพอเช้มขลัง
วาดการ์ตูนขายได้ใช้สตังค์
ค่ำไปนั่งมักกะสันสั่งไก่กิน (ไก่ย่างเป็นตัว ๆ ตัวละ ๓๐ บาท เบียร์ขวดละ ๒๕ บาท อร่อยมาก)

นั่งกินกับเพื่อนชื่อไพบูลย์ (นามสกุลชนะมา)
เกื้อกูลถูกคอต่อถึงลิ้น
ต่างคนต่างจากฝากระบิล
ลุงกลับถิ่นตะกั่วป่าจบหมาลัย... (ไพบูลย์ ไปทำงานการไฟฟ้านครหลวง)

................

ขอเล่าความหลังพอบันเทิง แบบคนแก่ อิ ๆ



โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) 26 พฤศจิกายน 2553 10:05:21 น.

 

โดย: pantamuang 26 พฤศจิกายน 2553 10:09:46 น.  

 

สวัสดีครับลุงบูลย์

ไม่เสียแรงใช่ไหม ที่เมืองไทยมีนพมาศประเภท 2 เกิดมาตั้งนานเพิ่งเคยเห็นแปลกๆก็ปีนี้ สงกรานต์ว่าไปอย่างสร้างสีสัน อันนี้จัดขึ้นไม่รู้สร้างอะไรนะลุงนะ

หรือสร้างเงินเข้ากระเป๋า..ผู้จัด คนจะได้มาเที่ยว ขายของชักเปอร์เซ็นต์ได้เยอะๆ

 

โดย: ปลายแป้นพิมพ์ 26 พฤศจิกายน 2553 12:46:20 น.  

 

ขยะขยุกขยิกอยู่................ข้างทาง
คนขยุ้มขยำทิ้งวาง..............เกะกะ
มากมายเมื่อเหม็นหมาง.......เมินห่าง ไม่มอง
รีบมาร่วมมือซะ..................กำจัด ขยะกัน

ลุงบูลย์บอกกล่าวเร้า...........เร่งชวน
เยาวชนอย่างเป็นกระบวน.....แบบอย่าง
คัดแยกขยะควร.................ทำก่อน ทิ้งนา
เห็นใจคนเก็บบ้าง...............ห่อนห่าง ร้างเหม็น

...............................................................
ป่าอยู่..เพราะเสือยัง
ขยะยัง..เพราะคนอยู่
.....................................
เป็นอย่างนั้นแหละครับคุณลุง
ผมไปเจอโรงเรียนแห่งหนึ่ง...มีธนาคารขยะครับ
แนวคิดเขาดีครับ...เปิดสำนักงานอยู่ที่อาอารเอนกประสงค์
เป็นธนาคารขยะที่รับฝากขยะจากนักเรียนที่เป็นสมาชิก (มีสมุดแบบธนาคาร)...เมื่อเด็กเอาขยะมาฝากก็จะแยกประเภทนำไปชั่งกิโล
แล้วลงสมุดบุญชีไว้ครับ...รวมจนเต็มธนาคาร ก็แจ้งหน่วยรับซื้อมาซื้อ....เปลี่ยนจากขยะ เป็นเงิน ใส่ไว้ในบัญชีของสมาชิกครับ
ผลก็คือ กลายเป็นหมู่บ้านปลอดขยะครับ...เด็กๆเก็บไปฝากที่ธนาคารขยะกันหมดเลย...โรงเรียนวัดสุนทรสถิตย์ ต.อำแพง อ.บ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาครครับคุณลุง...ผมว่าไอเดียร์เขาเจ๋งครับ
....................................
สวัสดียามบ่ายครับคุณลุง

 

โดย: panwat 26 พฤศจิกายน 2553 15:32:53 น.  

 

มาอ่านกลอนลุงอย่างเพลินเลย

เราศิษย์ประสานมิตรด้วยกัน

นักล่าฯกับหอที่ลุงอยู่ ก็เคยแวะเวียนไป

ตอนเรียนอยู่หอเทาแดงค่ะ...แหม...คิดถึงความหลัง สี่ปีที่อยู่มีความสุขจริงๆ

ของลุงไปกินแถวมักกะสันเหรอคะ

นักล่าฯค่ำๆไปกินแถวตลาดขวัญ นั่งรถเมล์แป๊บเดียว

บางทีก็ชอบเดินดูบ้านหรูๆรวยๆซอยสุขุมวิท ซ.สวัสดี

แต่ละหลังโอฬาร...สมัยนั้นรู้สึกว่า โอ้...นี่บ้านเหรอเนี่ย

ฝังใจกะประสานมิตรสุดๆ ปีแรกๆ นั่งเรือข้ามฟากคลองแสนแสบด้วยนะคะ

..........

จากบล็อก

ลุงเคยไปวาดรูปเหยี่ยวเหรอ ชักอยากเห็น

วันนั้นเห็นนิดเดียว แต่ก็ตื่นเต้นใช้ได้อะค่ะ

ถ้าเห็นเป็นแสนๆตัว...สงสัยเป็นลม

ป.ล.ชอบกลอนที่ลุงแปะที่บ้านนักล่าฯมาก

อ่านแล้วอารมณ์ดี มันขำๆ

 

โดย: นักล่าน้ำตก 26 พฤศจิกายน 2553 21:53:32 น.  

 

สวัสดีครับคุณลุง

ช่วงนี้ไม่ว่างอย่างแรงเลยครับ

แต่ยังงัยก็ต้องแวะเข้ามาอัพบล็อกแน่นอนครับ

 

โดย: ทีแปลง 27 พฤศจิกายน 2553 19:17:01 น.  

 

อยากมาฝากกลอนที่บล็อกนี้บ้าง แต่จนใจเหลือเกินครับลุง เพราะว่าแต่งไม่เป็นอ่ะ

20000 ที่ซ่อมรถ ตอนนี้ไปไหนมาไหนคงวิ่งฉิวปลิวลมแล้วนะลุง ส่วนเจ้าของคงเหนื่อยหน่อยที่ต้องคอยขยันหาตังค์มาเพิ่มเติม

 

โดย: ปลายแป้นพิมพ์ 27 พฤศจิกายน 2553 21:35:20 น.  

 


.................................
ราตรีมิใช่งามมองตามศิลป์
แต่อวลกลิ่นหอมไกลถึงในฝัน
ยามทิวามาร้างเหมือนห่างกัน
กลิ่นเจ้านั้นกลับโชยมายามราตรี
...................................
สวัสดียาค่ำคืนครับคุณลุง

 

โดย: panwat 27 พฤศจิกายน 2553 22:02:43 น.  

 

ขอบคุุณครับคุณลุงบูลย์มี่มาเล่าประวัติเป็นคำกลอนที่น่าอ่าน

เส้นทางของผมเฉียดกันเส้นทางของคุณลุงบูลย์

ในช่วงปี 2519 ถึง 2525 ผมอาศัยหอพักชายหลัง มศว. ครับ

หากจะเล่าเรื่องในช่วงนั้น คงมีวัตถุดิบอยู่มากล้น

แต่น่าแปลกที่มีเรื่องอื่นๆที่อยากเขียนมากกว่า จนลืมเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตช่วงนั้นไป

ทั้งๆที่ความเป็นตัวตนในปัจจุบันหล่อหลอมมาจากสิ่งแวดล้อมที่นั่น

เมื่อผู้อาวุโสมาเรียนที่นั่นจำนวนมาก (มาต่อป. ตรี หรือโท)

จึงหนีไม่พ้นการพบปะกันของนักคิด นักเขียน ปัญญาชน จนทำให้

วันรุ่นอย่างผมหลงระเริงในอัตตาและตัวตนมากจนเกินพอดีครับ

เมื่อเริ่มชีวิตทำงาน จึงรู้ว่าคนเราไม่ได้รู้อะไรทั้งหมด

ต้องไปเรียนรู้งาน จึงเหมือนเด็กหัดเดินอีกครั้ง

แต่คำแนะนำสั่งสอนของบรรดาผู้อาวุโสที่นั่น

เป็นฐานทางความคิดในการแก้ปัญหาต่างๆ แต่ไม่สามารถสรุปได้ว่า

ถูกต้องหรือเหมาะสมกับสภาพปัจจุบันหรือไม่ครับ

 

โดย: Insignia_Museum 28 พฤศจิกายน 2553 22:44:41 น.  

 

ผลงานน่าสนใจมาก ๆ เลย ภาพน่ารัก ชวนอ่าน เนื้อหาสร้างสรรค์ ปลูกฝังรักษ์สิ่งแวดล้อม น่าชื่นชมจริง ๆค่ะ (จากใจ)

 

โดย: ตัวเล็ก IP: 118.172.196.248 6 มกราคม 2555 15:08:11 น.  

 

ขอบคุณนะค๊ะ สำหรับความรู้ดีๆ ที่มอบให้เยาวชนไทยได้อ่าน

 

โดย: moonoi IP: 49.49.112.248 25 เมษายน 2555 10:55:03 น.  

 

ขอบคุณนะค๊ะ สำหรับความรู้ดีๆ ที่มอบให้เยาวชนไทยได้อ่าน

 

โดย: moonoi IP: 49.49.112.248 25 เมษายน 2555 10:55:24 น.  

 

ภาพสวยค่ะเนื้อหาก็ดี

 

โดย: nasita IP: 27.55.5.236 1 กรกฎาคม 2555 8:37:49 น.  

 

มาให้กำลังใจค่ะ อ่านแล้วชอบมาก ๆ เลย

 

โดย: guitar IP: 101.108.42.126 5 กรกฎาคม 2555 9:46:46 น.  

 

สวัสดีค่ะ
เพิ่งเข้ามาชม ดีมากค่ะขออนุญาตนำไปขยายต่อกับเด็กอนุบาลก่อนนอนนะคะ

 

โดย: ครูจัน IP: 110.168.38.156 22 กรกฎาคม 2555 22:35:04 น.  

 

ชอบมากเลยค่ะ....และเป็นประโยชน์มาก

 

โดย: ครูแอ้ IP: 223.206.193.169 9 พฤศจิกายน 2555 11:00:04 น.  

 

ชอบมากๆเลยค่ะ............เปงกำลังใจให้นะค่ะ ^^

 

โดย: anny_ann IP: 27.55.150.82 26 มกราคม 2556 23:57:38 น.  

 

เป็นการ์ตูนที่น่ารักมากค่ะ
ขออนุญาตินำไปใช้สอนลูก
และเผยแผ่ต่อในหมู่เพื่อนลูกจะได้มั๊ยค่ะ

 

โดย: แม่น้องเพ้นท์ค่ะ IP: 118.173.172.33 14 มีนาคม 2556 14:17:32 น.  

 

น่ารักมากค่ะ จะนำไปใช้กับนักเรียนนะคะ ขออนุญาติค่ะ

 

โดย: ครูเพ็ญ IP: 171.5.99.223 15 มิถุนายน 2556 9:36:39 น.  

 

ภาพสวยมากค่ะ ขออนุญาตินำไปใช้กับเด็กนะคะ

 

โดย: ครูออม IP: 27.55.170.132 8 กันยายน 2556 9:03:37 น.  

 

ภาพสวยมากค่ะ ขออนุญาตินำไปใช้กับเด็กนะคะ

 

โดย: ครูออม IP: 27.55.170.132 8 กันยายน 2556 9:04:51 น.  

 

ไม่เอาดัดจริตทุกตัว

 

โดย: สมาคมนมใหญ่ๆ IP: 223.204.158.187 15 กันยายน 2556 12:15:37 น.  

 

ไม่เอาดัดจริตทุกตัว

 

โดย: สมาคมนมใหญ่ๆ IP: 223.204.158.187 15 กันยายน 2556 12:16:25 น.  

 

ขออนุญาตนำไปใช้ครับ

 

โดย: ไดโอ IP: 58.9.108.200 13 ตุลาคม 2556 12:04:45 น.  

 

เป็นงานเขียนที่ให้สาระความรู้ และความบันเทิง ภาพการ์ตูนสวยงามเหมาะสมกับเนื้อเรื่อง เนื้อเรื่องอ่านแล้วเข้าใจง่าย ดีมากๆค่ะ

 

โดย: กาญจนา IP: 182.53.109.24 25 พฤศจิกายน 2556 7:54:52 น.  

 

รูปภาพสวยมากเลย ขออนุญาตินำไปใช้นะคะ ขอบคุณมากคะ

 

โดย: นางสาวไก่กา IP: 182.93.211.146 27 มิถุนายน 2557 12:30:40 น.  

 

ขออนุญาตนำไปเป็นสื่อการสอนโรงเรียนปลอดขยะค่ะ ขอให้เจริญ เจริญ

 

โดย: kruaom IP: 125.25.250.79 25 มีนาคม 2558 21:53:41 น.  

 

ภาพสื่อความหมายได้ดีมากค่ะ มีประโยชน์มาก ขอนุญาตินำไปใช้สอนนักเรียนนะคะ

 

โดย: จันทิมา IP: 223.207.218.157 20 เมษายน 2559 18:05:35 น.  

 

ภาพเหมาะกับการนำไปเป็นสื่อเรื่องการบริหารจัดการขยะผมขออนุญาตนำไปใช้หน่อยนะครับไม่ทราบว่าควรให้เครดิตใครดี

 

โดย: sakai IP: 1.2.242.225 5 พฤษภาคม 2559 13:35:07 น.  

 

ของอนุญาตนำไปให้นักเรียนที่โรงเรียนบ้านหนองกุลา ได้ทำเป็นหนังสือเล่มเล็ก เพื่อปลูกจิตสำนึกการรักษาสิ่งแวดล้อม และ ปลูกฝังเรื่องการจัดการขยะ นะคะ

 

โดย: ทัศนีย์ IP: 159.192.218.42 5 กุมภาพันธ์ 2562 12:51:34 น.  

 

ชอบคะ
อิอๆ

 

โดย: สุธิดา IP: 49.230.65.192 11 กรกฎาคม 2562 12:35:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


pantamuang
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




ไม่อยู่อย่างอยาก แต่ยังอยากจะอยู่
อยู่อย่างไม่ลำบาก เวลาที่เหลือน้อยรีบสอยรีบคว้า
ก่อนจะหมดเวลาให้สอย

ดวงดาวบนฟ้าก็สอยได้ ถ้ารู้จักต่อด้ามฝันให้ยาวพอ

ฝันถึงไหนก็ได้ มีสิทธิ์ฝัน แต่จะเป็นจริงหรือไม่ช่างฝัน
เพราะสิ่งที่ฝันคือนวนิยาย..

ชีวิตก็คือนวนิยายเรื่องหนึ่ง ที่เราเป็นผู้เขียนและกำกับ.

เริ่ม 9 กันยายน 2550

Friends' blogs
[Add pantamuang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.