...คิดว่ายังมีความหวัง ตราบที่ยังมีลมหายใจ...
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2550
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
1 กรกฏาคม 2550
 
All Blogs
 
น้ำ ๖ แก้วกับผู้หญิงคนหนึ่ง



น้ำ 6 แก้วกับผู้หญิงคนหนึ่ง

ทุกเช้าที่นั่งรถไฟ ผมจะเลือกนั่งเก้าอี้หรือม้านั่งใกล้ ๆ ห้องส้วม ในขณะที่เพื่อน ๆ ร่วมทางของผมจะไม่ยอมมานั่งแถว ๆ นี้ เพราะรังเกียจกลิ่นที่โชยมาจากประตูส้วม แต่สำหรับผมหากวันไหนที่นั่งหน้าส้วมไม่ว่าง ขอให้มายืนพิงฝาส้วมไว้ก็ยังดี และผมจะเคยบอกเหตุผลกับเพื่อน ๆ ไปสักคนสองคน ถึงสาเหตุที่ทำให้ผมชอบนั่งใกล้ห้องส้วมรถไฟตอนเช้า ๆ แต่ก็คงจะไม่มีใครสนใจจดจำเรื่องราวของผมนักหรอก ผมจึงมักจะต้องนั่งปลีกเดี่ยวไปจากเพื่อน ๆ ที่ร่วมทาง

การที่พวกเรานั่งรถไฟไปกลับทุกวัน เช้าและเย็น ทำให้ต้องพบปะใครต่อใครมากมาย นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเรารวมทั้งผม ต้องพิถีพิถันเรื่องการแต่งกายกันค่อนข้างพิเศษ ใครมียศ มีชั้น มีขีดเล็ก ขีดใหญ่กี่ขีด มีเครื่องราชอิสริยาภรณ์อะไร ชั้นไหน ก็เอามาติดมาประดับกันอย่างไม่ตกหล่น ผิดกับตอนที่ขี่มอเตอร์ไซค์ไปสอนนักเรียนตามดงตามป่า ที่เรามักจะแต่งกายกันลวก ๆ ไม่ครบชุด บางคนแต่งกากีสีซีดเก่าโทรม ไม่สนใจติดขีด ติดเครื่องราชฯ จนชาวบ้านที่ไม่รู้จักเข้าใจว่าเป็นภารโรง หรือคนขับรถสองแถว บางคนแต่งชุดยีนส์ทั้งปีทั้งชาติ จนลืมไปว่าชุดราชการเครื่องแบบของตนเป็นอย่างไร นั่นเป็นเพราะนอกจากเด็กในโรงเรียน เราไม่รู้จะแต่งไปอวดลิงอวดค่างที่ไหน


แต่ในขณะที่ต้องนั่งรถไฟ ไม่มีวันที่ใครจะทำอย่างนั้นเป็นเด็ดขาด อย่างบางคนที่เพิ่งได้ติด ๓ ขีดใหญ่ ทางราชการกำหนดให้แต่งชุดกากีในวันจันทร์กับวันศุกร์ แต่เขากลับแต่งกากีเสียตลอดทั้งสัปดาห์ก็มี และถึงใครจะว่าขีดใหญ่สามขีดบนบ่ามันกินไม่ได้ แต่เขาหรือเราบอกว่ามัน “เท่” แล้วใครจะทำไม และไม่ว่าจะเป็นครูสอนประถมหรือมัธยม หากหนุ่มสักหน่อย มักจะเป็นที่สนใจของผู้ร่วมทางซึ่งมีอาชีพอื่น ๆ หรือครูผู้หญิงไม่ว่าจะสวยมากหรือสวยน้อย นอกจากจะแต่งชุดกากีที่ตัดมาใหม่เอี่ยม ขีดเครื่องหมายใหม่แวววับพวกเธอยังทาลิปสติก พอกหน้า เขียนคิ้ว และทาอายแชโดว์กันจนเต็มเหยียด

การที่ต้องนั่งรถไฟร่วมขบวนเดียวกัน และเห็นหน้ากันทุก ๆ วัน (แม้จะคนละอาชีพ) พอนาน ๆ เข้าเราจะกลายเป็นคนรู้จักมักคุ้น กลายเป็นความใกล้ชิดสนิทสนมกันไปโดยปริยาย แต่สำหรับผมจะมีโอกาสไปร่วมพูดคุยกับเพื่อน ๆ ได้ก็เฉพาะเที่ยวกลับตอนเย็น เพราะเที่ยวเช้าผมต้องไปนั่งเฝ้ายืนเฝ้าหน้าห้องส้วม ซึ่งเพื่อน ๆ ถ้าไม่จำเป็นเพราะไม่มีที่นั่งจริง ๆ จะไม่ยอมมานั่งแถวนี้เป็นอันขาด

แต่ผมก็ยังคุ้นหน้ากับผู้หญิงคนหนึ่ง(แค่คุ้นหน้าเท่านั้น) แต่จะให้ถึงขั้นรู้จักพูดคุยผมไม่เคยเปิดโอกาสหรือทำความรู้จัก เหตุที่ไม่อยากรู้จักทั้ง ๆ ที่เธอน่าจะยังเป็นสาวและน่าจะโสด เพราะเธอมีเรือนร่างหนาทึบราวกับผู้ชาย และอาจจะแข็งแรงกว่าผู้ชายหลายคนด้วยซ้ำ ผิวกายเธอค่อนข้างดำ ข้อลำดูเป็นมัดๆ เหมือนนักมวยปล้ำ ที่สำคัญใบหน้าของเธอที่หาความงามแบบผู้หญิงไม่เจอ หน้าตาเต็มไปด้วยรอยปรุและสิวฝ้า และดูเธอจะไม่เคยรู้จักเครื่องสำอาง หรืออาจจะลืมไปแล้วก็ได้ว่าเธอเป็นผู้หญิงเช่นผู้หญิงทั่วไป แต่ที่เธอกับผมคุ้นหน้ากันเพราะเธอชอบมานั่งแถว ๆ ใกล้ห้องส้วม

เพราะใกล้ห้องส้วมมักมีที่นั่งว่าง

เธอชอบแต่งกายชุดยีนส์ สวมแจ๊กเก็ตยีนส์สีเดียวกัน สวมเสื้อยืดสีขาวไว้ข้างใน เธอไม่มีสิ่งใดติดตัว ผมเดาว่าเธอน่าจะไปทำงานพวกก่อสร้างหรืออะไรเทือกนั้น เธอมานั่งใกล้ ๆ ผมบ่อย ๆ หรือเกือบจะทุกวัน แต่เราไม่เคยคุยกันเลย

ผมมีโรคหืดหอบเป็นโรคประจำตัว รักษามาหลายปีหลายหมอ ไม่หายสักที วันหนึ่งผมไปทำธุระที่นครศรีธรรมราช ขณะที่เดินซื้อของอยู่ในตลาดท่าวัง ผมเกิดอาการหืดหอบขึ้นมาจนหน้ามืดตาลาย หายใจไม่ออก ผมรีบเดินเข้าคลีนิกหมอร้านหนึ่ง หมอผู้ชายตรวจอาการถามโน่นถามนี่ จึงเขียนใบสั่งยาพร้อมกับพูดว่า

“หืดหอบไม่ใช่โรคแต่เป็นอาการแพ้ ที่แพ้เพราะร่างกายขาดน้ำ อย่างคุณนี่ลองไปดื่มน้ำให้ได้วันละ 2 ขวดแม่โขง ดื่มตอนเช้าก่อนล้างหน้าแปรงฟัน ดื่มรวดเดียวหมด ภายในสิบห้าวันคุณจะหาย”

คำพูดของหมอไปตรงกับความรู้เดิมของผม ครั้งหนึ่งมีคนเคยแนะนำผมว่า ชาวจีนใช้น้ำรักษาโรคต่าง ๆ ได้หายหลายโรค โดยดื่มน้ำ 5 แก้วหลังตื่นนอน ไม่ต้องบ้วนปากแปรงฟัน ดื่มรวดเดียวทั้ง 5 แก้ว

ตอนนั้นผมยังรับราชการอยู่ที่จังหวัดทางใต้ ผมนำคำของหมอไปใช้ปฏิบัติทันที แต่ผมอยากจะให้มันดีกว่า 5 แก้ว จึงเพิ่มเป็น 6 แก้ว ประมาณเท่า ๆ กับ 2 ขวดแม่โขงพอดี ผมดื่มมาได้ประมาณวันที่สิบ ขณะยืนแปรงฟันอยู่ ผมเกิดอาการขย้อนในท้องแล้วก็อาเจียนออกมา สิ่งที่อาเจียนมีแต่น้ำลายเป็นฟองเหนียว ๆ ทะลักออกมาจนรู้สึกโล่งในอก และจากวันนั้น ผมหายจากโรคหืดหอบอย่างมหัศจรรย์

ผมหายจากโรคหืดหอบ แต่ผมต้องปฏิบัติตนโดยการดื่มน้ำหลังตื่นนอนวันละ 6 แก้วทุกเช้า ขาดไม่ได้ และผลข้างเคียงจากการดื่มน้ำ 6 แก้ว คือจะต้องปวดปัสสาวะทุก ๆ 6-7 นาที หลังจากดื่มน้ำผมจะต้องอยู่ใกล้ ๆ ห้องส้วม จนกว่าร่างกายจะขับน้ำออกไปหมดและเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง หลังสองชั่วโมงจะไม่ปวดปัสสาวะพร่ำเพรื่ออีก

ตอนอยู่ที่ทางใต้ผมทำงานบนสำนักงาน ห้องน้ำอยู่ติดกับที่นั่งทำงาน ผมเดินเข้าเดินออกทุก 6-7 นาที เวลาไปไหนมาไหนผมขี่มอเตอร์ไซค์ สามารถแวะยิงกระต่ายข้างทางได้ทุกครั้งที่ปวด แต่ผมจะไม่นั่งรถประจำทางไปไหนมาไหน หลังจากดื่มน้ำ 6 แก้วใหม่ ๆ เป็นอันขาด หากวันไหนมีกิจธุระจะต้องเดินทางตอนเช้าโดยรถประจำทาง วันนั้นผมจะงดดื่มน้ำ 6 แก้ว 1 วัน แต่ถ้าเดินทางโดยรถไฟผมดื่มตามปรกติเพราะบนรถไฟมีห้องส้วม

ตอนผมย้ายมาอยู่โรงเรียนทางจังหวัดภาคใต้ตอนบนใหม่ ๆ ผมคุยกับหัวหน้าการประถมซึ่งอายุมากแล้วและมีอาการหืดหอบเพราะสูบบุหรี่จัด ท่านรู้ว่าผมเป็นหืดหอบแต่หายแล้ว จึงถามผมว่ามียาดีอะไร ผมก็แนะนำให้ดื่มน้ำ 6 แก้ว ดื่มรวดเดียวตอนเช้าก่อนล้างหน้าแปรงฟัน หลายวันต่อมาผมพบหัวหน้าการ ฯ อีก ท่านต่อว่าผมด้วยเสียงหัวเราะ ว่าผมทำให้ท่านไปประชุมสาย ถูกผู้อำนวยการการประถมศึกษาตำหนิ ว่ามัวเถลไถล ท่านเล่าไปหัวเราะไปเมื่อพูดว่า

“ผมดื่มน้ำเสร็จแล้วก็ขึ้นรถบัสไปจังหวัด นั่งไปได้ห้าหกนาทีก็ปวดท้องเยี่ยว จะบอกให้รถหยุดเพื่อหยุดเยี่ยว ก็ขายหน้าคนในรถเพราะเขาจะต้องคอยผมคนเดียว ผมทนกลั้นเยี่ยวจนหน้าเขียวปวดราวกับลำกล้องจะระเบิด ผมทนจนรถวิ่งไปถึงท่าแซะจึงขอลง ยอมเสียค่ารถที่จ่ายไปแล้วฟรี ๆ ผมวิ่งเข้าปั๊มแล้วต้องต่อแท็กซี่ไปเป็นทอด ๆ หยุดเยี่ยวไปตลอดทาง เป้ากางเกงงี้เปียกแฉะ”

ผมพลอยหัวเราะไปด้วย แล้วก็ใช่ว่าการดื่มน้ำ 6 แก้วจะไม่สร้างปัญหาให้กับผม เพราะตอนมาอยู่ที่นี่ใหม่ ๆ และต้องนั่งรถไฟดีเซลรางไปโรงเรียนได้ไม่นาน เจ้าน้ำ 6 แก้วก็ทำพิษเอากับผม สาเหตุแรกมาจากรถไฟดีเซลรางมีโบกี้ลากจูงมาแค่ 4 โบกี้ และมีห้องน้ำให้เพียง 2 ห้อง

ทุกวันก่อนขึ้นรถไฟที่สถานีใกล้บ้าน ผมจะต้องปัสสาวะเสียก่อน 1 ครั้ง หลังจากนั้นจะต้องไปปัสสาวะบนรถไฟอีก 2 ครั้ง เพราะจะต้องปัสสาวะทุก 6-7 นาที และไม่เกิน 10 นาที ถ้าเกินจากนี้จะกลายเป็นความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน เมื่อปวดแล้วหาที่ถ่ายไม่ได้ วันหนึ่งขณะที่ผมขึ้นรถไฟมาได้สัก 6, 7 นาที ผมจะเข้าห้องส้วมซึ่งมีอยู่ 2 ห้อง ปรากฏว่ามีคนเข้าอยู่ทั้งสองห้องแล้วยังไม่ออก ผมทนปวดปัสสาวะสุดขีด จนรถไฟเข้าจอดที่สถานีที่ผมจะต้องลง จากสถานีที่ลงรถผมจะต้องนั่งรถยนต์สองแถวเล็กไปอีกประมาณ 6 กิโลเมตร ใช้เวลาอีกประมาณ 15 นาที เวลา 15 นาทีที่อยู่บนรถสองแถวผมพอทนได้ หากได้ปัสสาวะเสียก่อน ก่อนที่จะลงจากรถไฟ เพราะในช่วงหลัง ๆ การปัสสาวะจะห่างลงไปเป็น 8-10นาทีต่อการปัสสาวะ 1 ครั้ง

ผมบอกรถสองแถวให้รอ บอกว่าขอไปปัสสาวะก่อน ปวดมาก บอกเขาแล้วก็วิ่งเข้าป่าละเมาะตรงข้ามสถานี คนทั้งรถต้องรอผมคนเดียว เมื่อกลับมาคนรถจึงไม่พอใจ เพราะผมทำให้เขาขาดคนโดยสารในตลาดและระหว่างทาง เพราะรถสองแถวเล็กซึ่งดัดแปลงมาจากรถปิ๊กอัพ ติดหลังคา ติดเบาะ มีอยู่เพียง 2 คันวิ่งจากสถานีไปสู่ตลาดชายทะเล หากไปหลังรถอีกคันจะแย่งคนในตลาด และคนที่จะขึ้นรถในระหว่างทางไปหมด เขาว่าผมว่าทำไมไม่ถ่ายให้เรียบร้อยก่อนจะลงจากรถไฟ ผมทั้งอายคนโดยสารและครูสาว ๆ แต่ไม่กล้าอธิบายเหตุผลกับเขา และอีกไม่กี่วันต่อมา รถไฟดีเซลรางก็สร้างปัญหาให้กับผมอีก

ครั้งนี้ก็เหมือนครั้งก่อน มีคนเข้าส้วมแล้วไม่ยอมออกทั้ง 2 ห้อง จนรถไฟแล่นมาถึงสถานีปลายทางที่ผมจะลง ผมปวดและกลั้นปัสสาวะที่กำลังจะระเบิดจนหูอื้อ จะวิ่งเข้าป่าละเมาะเดิม ยอมให้รถสองแถวว่าก็ทำไม่ได้ เพราะป่าละเมาะถูกถางโดยคนงานรถไฟไปหมดแล้วเมื่อ 2 วันก่อน มิหนำซ้ำครั้งนี้ฝนยังตกลงมาไม่ขาดสาย ฝนตกมาตั้งแต่ผมออกจากบ้าน เวลาฝนตกอากาศเย็นนั้นแม้คนที่มิได้ดื่มน้ำ 6 แก้วก็มักจะปวดปัสสาวะ เพราะร่างกายไม่สามารถขับน้ำออกจากต่อมเหงื่อได้ การปวดปัสสาวะของผมในยามที่ฝนตกจึงยิ่งแรงขึ้นอีกหลายเท่าตัว

วันนั้นมีตลาดนัดที่สถานีรถไฟปลายทาง คนโดยสารจึงแน่นมาก ขนาดว่าถ้านำรถเปล่ามาอีก 2 คัน แล้วให้คนโดยสารในรถที่ผมนั่งมาไปขึ้นรถอีก 2 คัน เป็นสามคัน คนก็ยังเต็มและเหลืออีก อันที่จริงผมก็ชาชินและจำเจกับการบรรทุกคนโดยสารแบบจับไก่ยัดกระสอบของรถสองแถวเล็กสายนี้มานาน ว่าเขาบรรทุกกันอย่างไม่กลัวรถพัง จากจำนวนที่นั่งสองแถวข้างละ 6 คน เป็น 12 คน ข้างหน้าอีก 3 เป็น 15 ไม่นับคนขับกับเด็กท้ายรถ นั่นเป็นจำนวนที่ควรบรรทุกแท้จริง แต่เขากลับบรรทุกเข้าไปถึงเที่ยวละ 30 คน คือเกาะข้างท้าย นั่งบนหลังคา เกาะข้าง ๆ และยัดเยียดกันข้างหน้า 5-6 คนทั้งคนขับ

ผมตัวเล็กหน่อย จึงถูกจับยัดให้นั่งติดคนขับ ส่วนคนขับเหมือนกับไปนั่งขับอยู่นอกรถ ประตูเก๋งปิดไม่ได้ พอรถออกจากตลาดสถานีรถไฟมาได้หน่อยก็ถึงบริเวณที่สองข้างทางเป็นทุ่งหญ้าคา ผมกลั้นต่อไปไม่ไหวแล้ว ขืนกลั้นต่อไปคงระเบิดใส่ใครต่อใครที่นั่งข้าง ๆ ผมบอกให้รถจอดแล้ววิ่งลงข้างทางทั้ง ๆ ที่ฝนกำลังตกซู่ ๆ และไม่ทันจะรูดซิป น้ำ 6 แก้วที่รออยู่ก็ชิงไหลออกมาเสียก่อน

วันนั้นถ้าฝนไม่ตก ชุดกากีและ 3 ขีดใหญ่บนบ่าของผมคงต้องหมองมัว กลายเป็นความขบขันของผู้คน เพราะเป้ากางเกงของผมเปียกโชก แต่เพราะสายฝนที่ช่วยไว้ และการที่ผมลงไปยืนกรำฝนจึงไม่มีใครสังเกตพบว่า ผมเยี่ยวรดกางเกง

แต่น้ำ 6 แก้วก็ยังสร้างปัญหาให้ผมไม่หยุดหย่อน ดูอย่างวันนี้... ห้องน้ำที่ผมมานั่งเฝ้าวันนี้มีคนมาผลัก ๆ แล้วเดินเลยไปทางอื่น ส่วนผมพอรู้สึกปวด ๆ ผมก็รีบเข้าไปใช้ทันที ผมยืนปัสสาวะเสียจนสบายใจ แต่พอจะออกจากส้วม รู้สึกประตูมันจะขัด ๆ ผมต้องออกแรงดึงลูกบิดประตูมากทีเดียว มันจึงค่อย ๆ เปิดออก แต่บนม้านั่งที่ผมเคยนั่ง บัดนี้ผู้หญิงคนที่ผมคุ้นหน้า แต่ไม่เคยพูดคุยกันนั่งอยู่ เธอคงนึกว่าเป็นที่ว่างและเพิ่งมานั่งตอนผมเข้าห้องส้วม ความจริงมีที่นั่งว่างอยู่ที่ม้านั่งในโบกี้ติดกันถัดไป แค่เพียงเดินผ่านข้อต่อระหว่างโบกี้ แต่ผมไม่ไปนั่งเพราะผมจะต้องอยู่ใกล้ห้องน้ำไว้เสมอ ดังนั้นเมื่อเธอมานั่งแทน ผมจึงถอยไปยืนพิงฝาใกล้ประตูส้วม

หญิงสาวร่างใหญ่ ผิวคล้ำ แต่งกายชุดยีนส์ ข้อลำแข็งแกร่งเหมือนผู้ชาย มองหน้าผมแล้วยิ้มเก้อ ๆ เป็นทำนองว่าเธอเพิ่งรู้ว่า ที่นั่งที่เธอมานั่งเป็นที่ ๆ ผมนั่งอยู่ก่อน เธอจึงลุกขึ้นแล้วเดินไปนั่งยังที่นั่งว่างในโบกี้ถัดไป และมองเห็นกันอยู่ เมื่อเธอลุกไปผมก็กลับเข้าไปนั่งแทน ผมนั่งมาจนรู้สึกปวดปัสสาวะอีกครั้งและอีกสองสามนาที รถไฟจะจอดที่สถานีที่ผมจะลง ผมจึงรีบเข้าห้องส้วมอีกหน ผมต้องปัสสาวะออกไปให้มากที่สุด เพื่อจะได้ไม่ไปสร้างปัญหาขณะนั่งรถสองแถวให้ขายขี้หน้าอีก

รถไฟแล่นช้าลง ๆ ขณะที่ผมปัสสาวะใกล้จะสุด พอรถหยุดผมก็จะออกจากห้องส้วมแล้วเดินลงไปขึ้นรถสองแถวอย่างสดชื่นสบายใจ ไม่ต้องกระวนกระวายทุกข์ทุรนทนทรมานเพราะปวดปัสสาวะ และพอไปถึงโรงเรียนก็จะได้จังหวะปัสสาวะอีกครั้งพอดี

แต่เจ้ากรรม…! ประตูส้วมกลับเปิดไม่ออก ผมออกแรงดึงสลักลูกบิดเท่าไหร่มันก็ไม่ยอมเขยื้อน ประตูมันเสียคนจึงไม่ค่อยเข้า ส่วนผมเห็นว่ามันยังพอเปิดได้จึงเข้ามาใช้ แต่คราวนี้มันกลับเปิดไม่ได้

รถจอดนิ่งแล้ว เสียงผู้คนขึ้นลงดังกึกกัก แต่ผมยังติดอยู่ในห้องส้วม ผมตกใจจนเหงื่อแตก ผมคงจะติดรถไปจนถึงสถานีข้างหน้า หรืออาจจะติดไปเรื่อย ๆ เพราะไม่มีใครรู้ใครเห็นและไม่มีใครมาช่วยงัดประตูให้ผมออก ผมไม่รู้จะทำอย่างไร นอกจากเขย่ากระชากประตูซึ่งเป็นสตนเลสสีเงินดังกึงกัง

เสียงรถไฟเปิดหวูด แสดงว่าคนขึ้นคนลงหมดแล้ว รถไฟจะออก ผมเขย่าและกระชากประตูต่อไป ขณะที่กำลังจะสิ้นหวัง…

ประตูค่อย ๆ เลื่อนออกช้า ๆ อย่างลำบากยากเย็น มันเปิดออกกว้างจนผมเห็นใบหน้าของเธอ ผู้หญิงคนนั้น ใบหน้าอันเต็มไปด้วยสิวฝ้า ไร้ความสวย มัดแขนอันแข็งแกร่งเกร็งและออกแรงเต็มที่ ประตูเหล็กเคลื่อนออกจากกรอบหายเข้าไปในผนังด้วยพละกำลังของเธอ มันเปิดออกกว้างจนให้ผมออกไปได้

ผมยิ้มแล้วพูดกับเธอเป็นคำแรกตั้งแต่คุ้นหน้ากันมาว่า

“ขอบคุณนะครับ ขอบคุณอย่างที่สุด ถ้าไม่ได้คุณช่วย ผมคงแย่” ก่อนจะกระโดดลงจากรถไฟที่เริ่มเคลื่อน

000000



Create Date : 01 กรกฎาคม 2550
Last Update : 1 กรกฎาคม 2550 20:31:02 น. 9 comments
Counter : 1589 Pageviews.

 
ขอยกขอธารดาวไปไว้ข้างหลัง ขอของลุงขึ้นมั่ง เผื่อจะมีใครเข้ามาอ่าน ฮ่า ๆ เอิ๊ก...


โดย: ลุงบูลย์ IP: 125.27.232.55 วันที่: 6 กรกฎาคม 2550 เวลา:15:38:42 น.  

 
555! ในที่สุดความลับที่ปกปิดมานานก็ถึงเวลาเปิดเผย

นึกว่าลุงจะปิ๊งกับหญิงสาวบนรถไฟเสียอีก ที่ไหนได้...



โดย: ธารดาว IP: 203.146.63.185 วันที่: 6 กรกฎาคม 2550 เวลา:19:44:42 น.  

 
สวัสดีครับพี่บูลย์


สำหรับเรื่องนี้ต้องขอชมกันซึ่งๆหน้า

นี่เอาเรื่องเก่าที่ไหนให้อ่านใหม่หรือเปล่า ?

เรื่องเก่าหรือใหม่ไม่สำคัญ (เพราะเก่า ถ้าเราเพิ่งอ่านเป็นครั้งแรกก็ถือว่าเป็นเรื่องใหม่) ผมชอบอ่านเรื่องทำนองนี้

พี่บูลย์เล่าได้เนียนเชียว ผมขำตอนที่คนขับรถไปนั่งขับรถอยู่นอกรถน่ะครับ เห็นภาพ

และวางตัวละครผู้หญิงผมคอยจะนึกว่าเป็นกะเทยน่ะ

คือปล่อยตัวละครออกมาตอนต้นแล้ว

ผมนึกแล้วว่าเดี๋ยวต้องมาโผล่ตอนสำคัญ

แล้วเธอก็มาทันเวลาจริงๆ แต่ก็เหมาะสม

ถึงอย่างไรเรื่องธรรมดาอย่างนี้ ถ้าไม่เก่งจริงเล่าให้ชวนติดตามแบบนี้ไม่ได้นะเนี่ยะ


โดย: พ่อพเยีย IP: 124.121.19.217 วันที่: 6 กรกฎาคม 2550 เวลา:20:46:02 น.  

 
ธารดาว
เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ตอนนั้นอายจังเลย ที่ต้องอาศัยผู้หญิงช่วย เธอไม่ใช่กะเทยหรอก แต่ว่าเธอเกิดผิด คือไม่มีความสวยแบบผู้หญิงเลยสักนิดเดียว

โดม
ใช่ครับ เรื่องเก่าเขียนไว้นานแล้ว แต่ที่เอามาเล่าอีกเพราะคิดว่าอาจจะมีประโยชน์ในด้านสุขภาพแก่บางท่าน เรื่องน้ำนี่ดีจริง ๆ ถ้าปฏิบัติได้ ตอนนี้ผมก็ยังดื่มน้ำอยู่ ดื่มตอนเช้า ๆ ๖ แก้วทุกวัน แต่ถ้าไปที่อื่น เช่นมากรุงเทพฯ ของดเว้น

คนพิมพ์เรื่องนี้ให้ คือ หนอนเมืองกรุง ฮะฮ่า
หนอนก็เลยไม่เข้ามาเมนท์


โดย: ลุงบูลย์ IP: 125.27.232.194 วันที่: 6 กรกฎาคม 2550 เวลา:23:27:09 น.  

 
ลุงบูลย์เป็นไงบ้างหนอ
แวะมาดูเป็นประจำครับ


โดย: ธารดาว IP: 203.146.63.185 วันที่: 7 กรกฎาคม 2550 เวลา:20:22:57 น.  

 
สวัสดีค่ะ อาบูลย์
ไม่เจอกันนานเลยนะคะ
สบายดีไหมค่ะ

ตายังอยู่ที่นางย่อนเหมียนเดิมค่ะ
มีเรื่องราวมากมาย
แต่ระบายออกมาไม่ได้

เดี๋ยวจะเก็บเรื่องเล่าของอาบูลย์ไปเรื่อย ๆ ค่ะ


โดย: ดุสิตา (ดุสิตา ) วันที่: 7 กรกฎาคม 2550 เวลา:20:25:47 น.  

 
เอ...

"นางย่อน นี่เป็นอะไรกับ "นายสี" นะ

บางนายสี ตะกั่วป่าน่ะ


โดย: พ่อพเยีย วันที่: 8 กรกฎาคม 2550 เวลา:9:14:10 น.  

 
เป็นภรรยาสามีกัน อุ๊บ ไม่ใช่
ไม่รู้มากกว่า...ฮ่า ๆ ๆ

แต่ในฐานะคนเคยอยู่นางย่อนเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๒-๒๕๑๕ พอจะรู้ว่า

บ้านนางย่อน เดิมชื่อบ้านนางร่อน นางร่อนคือผู้หญิงที่ร่อนแร่ เพราะแร่จะมีอยู่ในลำธารมากแทบทุกแห่งของบ้านนางร่อน ต่อมาเพี้ยนเป็น นางย่อน

บ้านนางย่อน ตั้งอยู่ใน หมู่ที่เท่าใดจำไม่ได้(ต้องถามดุสิตา)แต่อยู่ในตำบลคุระ กิ่งอำเภอเกาะคอเขา ก่อนปี พ.ศ.๒๕๐๙ กิ่งอำเภอเกาะคอเขายังอยู่ที่ เกาะคอเขา ติดต่อกับตำบลบางนายสี ปัจจุบัน(เกาะที่ใครคนหนึ่งเคยลงไปเป็นครูครั้งแรกในชีวิต)

เกาะคอเขาถูกย้ายมาตั้งใหม่ที่ตำบลคุระ ในปี พ.ศ. ๒๕๐๘ (ทำเอาใครคนหนึ่งแย่มาก เพราะพอย้ายกิ่งอำเภอขึ้นบก เกาะคอเขาก็สิ้นความสำคัญ ทำให้การไปมาลำบาก)

แรก ๆ ยังชื่อ กิ่งอำเภอเกาะคอเขา แต่ฟังไม่เข้าท่าเพราะว่าอยู่บนฝั่งแล้ว ปลัดปลื้ม กะมุกะมะกุล ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้ากิ่งฯ จึงขอเปลี่ยนใหม่เป็นกิ่งอำเภอคุระบุรี

ปีที่ย้ายกิ่งฯ ขึ้นมาจากเกาะ เป็นปีที่ถนนสายตะกั่วป่า ระนองเปิดใช้ แต่ยังไม่เป็นทางการ ถนนยังเป็นดินลูกรัง หน้าแล้งรถแล่นเข้ากรุงเทพฯ สบาย แต่พอหน้าฝนรถติดหล่มต้องหันไปใช้เรือแทน ทว่า ๒ ปีต่อมาถนนก็เรียบร้อย

ตำบลและคลองบางนายสี สันนิษฐานว่า มีคนชื่อนายสี ปลูกบ้านอยู่ในลำบาง(แยกหนึ่งของคลองตะกั่วป่า) นอกจากบางนายสี ยังมีชื่อบางนายสังข์อีกนะ แต่รู้สึกจะอยู่มาทางแถวตำบลบางด้ง ก่อนถึงบ้านโคกยาง ที่คุณปลาจิ้งจั้ง(พรศริ เพชรภักดิ์)นักเขียนใหญ่เคยอยู่

พอจะเข้าใจหรือยังล่ะ พ่อหนุ่มใหญ่หนวดเฟิ้ม ลูกเขยตะกั่วป่า

เออ ตอนนี้แว่ว ๆ ว่า เกาะคอเขาจะกลับไปเป็นอำเภอใหม่อีกครั้ง ชื่ออำเภอเมืองใหม่ เพราะว่าเกาะคอเขากลายเป็นเพชรน้ำงามของตะกั่วป่าไปแล้ว



โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) วันที่: 9 กรกฎาคม 2550 เวลา:18:57:12 น.  

 
เป็นหืด หอบเหมือนกันทรมานมากกลางคืนนอนไม่ค่อยได้
เหนื่อยบ่อยมาก เมื่อ 2 คืนก่อนเพิ่งไปหาหมอพ่นยามาค่อยดีขึ้นมาหน่อย จะลองทานน้ำหลังตื่นนอนดู ถ้าได้ผลอย่างไรบ้างจะบอกนะค่ะ


โดย: ek44 IP: 125.27.85.75 วันที่: 30 สิงหาคม 2551 เวลา:11:10:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

pantamuang
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




ไม่อยู่อย่างอยาก แต่ยังอยากจะอยู่
อยู่อย่างไม่ลำบาก เวลาที่เหลือน้อยรีบสอยรีบคว้า
ก่อนจะหมดเวลาให้สอย

ดวงดาวบนฟ้าก็สอยได้ ถ้ารู้จักต่อด้ามฝันให้ยาวพอ

ฝันถึงไหนก็ได้ มีสิทธิ์ฝัน แต่จะเป็นจริงหรือไม่ช่างฝัน
เพราะสิ่งที่ฝันคือนวนิยาย..

ชีวิตก็คือนวนิยายเรื่องหนึ่ง ที่เราเป็นผู้เขียนและกำกับ.

เริ่ม 9 กันยายน 2550

Friends' blogs
[Add pantamuang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.