พบเธอที่บ้านถ้ำธง ๑๔
งั้น เราคงไม่ต้องเล่าอะไรอีก ตอนนี้เรากำลังมาพักอยู่กับเจ้าของบ้าน คนที่นายกำลังมาถามหา นี่ไงบ้านของเธออยู่ในนี้ ที่ลานบ้านของยานีมีรถกระบะสีน้ำเงินของธนาจอดอยู่ ส่วนชิดกับมาดคนของธนาคงจะหลบไปแอบดูท่าทีของตำรวจอยู่ตรงไหนสักแห่ง จึงยังไม่ปรากฏตัวออกมา และทั้งสองคงจะบอกให้ยานีทราบแล้วว่า ตนทั้งสองเป็นใคร หน้าตาของยานีตอนที่โผล่ออกมาต้อนรับเขากับนายพันตำรวจตรีหนุ่ม จึงไม่มีทีท่าว่าหวั่นวิตก แต่ทันทีที่ พ.ต.ต.อดิสร เห็นยานี นายพันตำรวจตรีหนุ่มมีท่าทางตกใจเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัดเขาจึงจ้องยานีอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็รีบปรับเปลี่ยนสีหน้า เมื่อคิดในใจว่า ถมเถไปที่คนๆ หนึ่งจะมีใบหน้าคล้ายกับบุคคลอีกคนหนึ่ง นี่คุณยานี พิกุลแก้ว เจ้าของบ้านที่เรามาพลอยอาศัย คุณยานีครับ นี่พันตำรวจตรีอดิสร คุ้มภัย เพื่อนของผม เป็นสารวัตรใหญ่สถานีตำรวจอำเภอปะทิว ที่ผมเคยพูดว่าจะพาคุณไปหาและไปรู้จักไว้ โชคดีที่วันนี้ท่านมาหาเราเอง ธนาแนะนำไม่ทันจบทั้งสองต่างยกมือไหว้กัน ขณะที่อดิสรร้องโวยวายว่า เฮ้ยเรียกคุณอดิสรก็พอแล้ว ต้องใช้ท่านเทิ่นอะไรกัน เราไม่ใช่พระนะเว้ยนายธนา จากนั้นธนาจึงแนะนำเรืองศักดิ์ กำชัย ให้เพื่อนนายตำรวจรู้จัก จบแล้วก็ถามยานีว่า ตะกี๊คนของผมสองคนมาแล้วใช่ไหม? ค่ะ ยานีตอบแล้วถามว่า คุณจะให้ยาไปเรียกเขามาไหมคะ? ธนาตอบว่า ดีครับ ยานีจึงเดินไปทางหลังบ้าน เมื่อชิดกับมาดออกมา ธนาก็แนะนำให้ทั้งสองคนรู้จัก พ.ต.ต.อดิสร และกล่าวกับเพื่อนนายตำรวจว่า ทั้งสองคนเป็นคนของเขาที่เดินทางมา เพื่อช่วยดูลู่ทางในกิจการงานทำสวนของตน ยานีหาน้ำฝนมาต้อนรับนายตำรวจและทุกๆ คน พลางพูดว่า ที่นี่ไม่มีตู้เย็นค่ะ มีแต่น้ำฝน พ.ต.ต.อดิสรกล่าวว่า ดีครับ ผมไม่ชอบน้ำเย็นอยู่แล้ว ธนาถามเพื่อนนายตำรวจหนุ่มว่า นายจะอยู่ดื่มฉลองกันกับเราสักเย็น ได้ไหม เป็นการฉลองที่ได้มาพบกัน เราจะได้เปิดเบียร์แล้วให้สองคนนี่ทำกับแกล้ม เพราะสองคนนี่ทำกับแกล้มอร่อยมาก ธนาหมายถึงคนสองคนของตนคือ ชิดกับมาดที่เพิ่งมาถึง ซึ่งมีฝีมือในการปรุงอาหารพอๆ กับที่ตะบันหน้าคนเก่งและยิงปืนแม่น แต่ความเก่งประการหลังธนาไม่ได้เอามาคุยบอกเพื่อน ก็พอดี พ.ต.ต.อดิสร ขอตัวบอกว่า ไว้วันหลังเถอะ เรามาราชการกับตำรวจลูกน้องหลายคน อยู่นานไม่ได้ต้องรีบไป ขอผลัดไปเป็นวันศุกร์ได้ไหม
พ.ต.ต.อดิสรดึงปฏิทินแผ่นเล็กแบบพกพา ออกมาจากกระเป๋าเสื้อดูวันแล้วพูดว่า เอาวันศุกร์ดีกว่า เราพอจะปลีกตัวได้พอดี แล้ว พ.ต.ต.อดิสรก็พาลูกน้องคณะตำรวจไปตรวจอะไรต่อมิอะไรตามหน้าที่ต่อ
พี่เทิน จ่าช้อยส่งข่าวมาบอกว่า สารวัตรอดิสรชอบมาป้วนเปี้ยนที่แถวนี้ สงสัยเหตุการณ์จะไม่ค่อยดี เมื่อวานตอนเที่ยงก็มาถามหาพี่เทิน ผมว่าไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้ต้องมาอีกแน่ ๆ ยอด ดอนไผ่รายงานลูกพี่ ไอ้นายตำรวจตงฉินคนนี้กินอุดมการณ์ ไม่เหมือนสารวัตรคนก่อน มันไม่ยอมรับส่วยที่เราเสนอให้ แต่พวกจ่าช้อย พวกหมวดวินัยยังรับส่วนแบ่งจากเราอยู่เป็นปรกติ อย่างนี้เราก็เสียเปรียบ เทินบ่น โบราณว่าคบตำรวจเหมือนเลี้ยงตะกวดไว้ในบ้าน จ้งคนขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง ลูกน้องของเทินคนหนึ่งกล่าวสอดขึ้น โบราณไหนของเอ็งวะ เกิดมากูยังไม่เคยได้ยิน เทิน ท่าลาด หันไปหาเจ้าของคำคล้องจอง แฮะ ๆ เปล่าครับ โบราณไม่ได้ว่า ผมว่าเอง อย่าเสือกทะลึ่ง เจ้านายท่านกำลังพูดเรื่องงานเรื่องการ สง สินลา ปรามเอาใจเทิน อันที่จริงที่ไอ้แห้งมันว่าก็ถูก ตำรวจกำลังหักหลังเรา เรื่องนักธุรกิจซื้อขายที่ดินจากกรุงเทพ ถูกลอบยิงด้วยอาวุธสงคราม ถูกรายงานไปถึงจังหวัดถึงผู้กำกับ ตอนนี้ทางกองกำกับการสั่งมายัง สภ.อ.ปะทิวให้สืบเรื่อง ยอด ดอนไผ่ พูด สั่งพวกของเอ็งทุกๆ คน ตอนนี้อย่าพยายามมีเรื่องกับพวกนายธนาและนังยานี ข้าก็รู้มาเหมือนกันว่า ไอ้นายธนากับสารวัตรคนใหม่ที่เพิ่งย้ายมาเป็นเพื่อนกัน หลังจากพวกสมุนบริวารพากันแยกย้ายกลับกันไปแล้ว เทิน ทุ่งมหาก็มีแต่ความวิตกเป็นทุกข์กังวล เทินนึกถึงอดีตเมื่อเจ็ดแปดปีที่ผ่านมา ที่เขาเคยยิ่งใหญ่มาตลอดโดยเฉพาะในยุคก่อนที่จะเกิดพายุไต้ฝุ่น เกย์ เทิน หรือ นายเถิน ท่าลาด เจ้าพ่อเรือประมงและกิจการค้าของเถื่อน รวมไปถึงยาเสพย์ติดจากอำเภอหนึ่งในจังหวัดเพชรบุรี ผู้มีเรือตังเกนับสิบลำ ผู้มาแพร่อิทธิพลอยู่ในน่านน้ำอ่าวไทยตลอดฝั่งทะเลชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ผู้ซึ่งมุ่งหวังจะสร้างความเป็นปึกแผ่นให้กับตนเองมากขึ้น เมื่อหวนมาขึ้นฝั่งตั้งรกรากอยู่บนฝั่งชายทะเล ซื้อสวนมะพร้าวและจับจองที่ไว้ในหมู่บ้านบางแหวนและถ้ำธง แต่นับจากขึ้นฝั่งโชคชะตาดูจะยิ่งอับลงทุกที เริ่มแรกตั้งแต่ที่เรือประมงที่ดัดแปลงไว้แอบค้าของเถื่อน ตอนที่เกิดพายุไต้ฝุ่นเกย์ ได้จมลงในทะเลถึงเจ็ดลำ ส่วนเรือกสวนบ้านช่องที่สร้างไว้บนฝั่งเป็นล้าน สวนมะพร้าวยาวเหยียดอีกนับร้อยๆ ไร่ก็พังทลายล้มลงด้วยพายุจนหมดสิ้น ทำให้เถิน ท่าลาด หรือเทิน ท่าลาด ในชื่อใหม่ ต้องหันมาจับธุรกิจใหม่ นั่นคือนายหน้าซื้อขายที่ดิน เขาติดต่อขายที่ดินชาวบ้านตลอดย่านปะทิว-ถ้ำธงให้กับนายทุนเจ้าของบริษัทต่างชาติไปได้หลายราย เทินได้ค่านายหน้ามาเป็นสิบล้าน จึงเกิดความย่ามใจไปติดต่อซื้อขายอีก ๕ - ๖ ราย โดยเอาเงินที่ได้มาไปวางมัดจำที่ๆ จะขายไว้รายละล้านสองล้าน หวังจะโกยกำไรห้าหกสิบล้านถ้าขายที่ๆ ติดต่อวางมัดจำไว้ได้ และเมื่อเงินที่ได้มาจากคราวแรกไม่พอเทินก็ไปยื่นกู้ธนาคารอีกหลายล้านมาวางมัดจำ แต่แล้วเหตุการณ์บ้านเมืองก็เกิดการผันผวน เมื่อนายกรัฐมนตรีนักปั่นหุ้น ปั่นราคาที่ดิน ถูกรปฏิวัติรัฐประหารยึดอำนาจกลางอากาศ ดังที่เคยเป็นข่าว ตัวนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีในคณะถูกยึดทรัพย์ ราคาที่ดินก็ตกวูบ กระทั่งมาถึงรัฐบาลใหม่ก็ยังไม่มีใครในคณะรัฐบาลคิดจะปั่นราคาที่ดินให้มันบูมขึ้นอีก ด้วยเหตุที่รัฐบาลใหม่กลัวว่าถ้าที่ดินราคาแพง อย่างคราวที่แล้วคนไทยจะไม่มีที่ดินอยู่ จากคราวนั้นนอกจาก เทิน ท่าลาด จะใช้เงินมัดจำเป็นการผูกมัดเจ้าของที่ดินไว้ มิให้ขายที่กับนายหน้ารายอื่น เทินยังเที่ยวข่มขู่ชาวบ้านให้ขายที่ดินอีกหลายราย เช่นนายรอด พิกุลแก้ว จนลูกสาวของนายรอดคนหนึ่งเขาสร้างเรื่องให้เป็นว่า เธอหายสาบสูญไป ส่วนอีกคนต้องหนีไปอยู่กรุงเทพฯ อาจจะเป็นเพราะเคราะห์กรรมที่เทิน ท่าลาด ทำไว้กับชาวบ้านกระมัง หลังจากนั้นเทิน ท่าลาด ก็กลายเป็นบุคคลที่เกือบล้มละลาย เมื่อที่ดินทุกแปลงที่เทินจ่ายค่ามัดจำไว้ถูกเจ้าของกินเงินมัดจำไปฟรีๆ เพราะเลยกำหนดแล้วไม่มีคนมาซื้อและที่ดินขายไม่ได้สักรายเดียว
ตลอดเวลา ๕ - ๖ ปีที่ผ่านมาเทิน ท่าลาด ต้องดิ้นรนทุกทางเพื่อให้มีเงินส่งค่าดอกเบี้ยธนาคาร แม้ว่าราคาที่ดินจะถูกลงแต่ก็ยังมีคนต้องการ เขามีที่ดินที่หวังจะขายอยู่รายเดียวสุดท้ายเพราะคิดว่าขู่บังคับเอาได้ คือรายของนายรอด พิกุลแก้ว พ่อของยานี หากขายที่ดินแปลงนี้ไปเพียง ๒ แปลง เทินก็มีสิทธิที่จะหลุดพ้นพันธะหนี้สินธนาคาร ทว่าบัดนี้หนทางนั้นทึบตันเสียแล้วเมื่อมีธนา อารีราษฎร์ มาปัดป้อง และนายพันตำรวจตงฉินเข้ามาป้วนเปี้ยน มีหนทางเดียวที่เทิน ท่าลาด จะเหลือทางรอดคือ ไปเสียจากบางแหวนชั่วคราว อาจจะไปลอยเรือลงทะเลอยู่กับสมุนบริวาร ค้ายาให้กับชาวเรือด้วยกัน รับจ้างพาคนญวนมาขึ้นฝั่ง ค้าของเถื่อน น้ำมันเถื่อน ฯลฯ หรือไม่ก็ไปหลบซุกตัวอยู่ที่อำเภอบ้านเกิด ในจังหวัดเพชรบุรี ขณะเดียวกันก็ต้องหามือดีๆ ใครสักคนมากำจัดธนา อารีราษฎร์ เรืองศักดิ์ กำชัย และ พ.ต.ตอดิสร คุ้มภัย เสียให้สิ้นซาก ซึ่งอาจจะต้องใช้มือปืนฝีมือดีจากเมืองเพชร ที่ไม่มีใครรู้จักหน้าค่าตามาจัดการ โดยให้สมุนบริวารที่อยู่ทางนี้คอยชี้ตัว เทิน ไม่มีลูกและภรรยาเก่ามาอยู่ด้วย เขามาอยู่เพื่อที่จะหาภรรยาใหม่คือยานีหรือนงเยาว์แต่ไม่สำเร็จ จึงครองตัวเป็นเหมือนคนโสด ดังนั้นเวลานึกจะไปไหนก็ไปได้ทันที... คืนนั้นเทินจัดกระเป๋าใบใหญ่ เรียกสมุนฝีมือดีมาคนหนึ่งให้ช่วยขับรถ พาไปส่งลงเรือประมงของตน จากนั้นเทิน ท่าลาดก็หายไปจากบ้านบางแหวน - ถ้ำธง โดยไม่มีใครรู้เห็น เมื่อ พ.ต.ต.อดิสร คุ้มภัย ขับรถเก๋งส่วนตัวมาที่บ้านของเทินตั้งแต่ก่อนเวลา ๘.๐๐ นาฬิกา จึงพบแต่เด็กเฝ้าบ้านคนเดิม พี่เทินออกไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ไมทราบว่าไปไหน? นายหนุ่มเฝ้าบ้านรีบรายงาน เหมือนท่องไว้ล่วงหน้าเพราะรู้ว่าจะถูกนายตำรวจกลับมาซักถามอีก แหมน้องนี่เยี่ยมจริงๆ เตรียมตอบไว้ล่วงหน้าโดยที่ยังไม่ทันถาม พี่รู้ รู้ว่าถึงยังไงๆ นายเทินเจ้านายของเธอก็ไม่อยู่ให้ฉันพบหรอก แต่พอดีฉันจะไปที่บ้านหลังนั้น ผ่านมาทางนี้อีกครั้งก็เลยแวะมาเยี่ยม อยากมาคุยกับเธออีก ที่เคยคุยกับเธอเมื่อวานซืนยังติดใจ สารวัตรหนุ่มกล่าวด้วยวาจานิ่มนวล
ท่าน ท่านจะมาคุยอะไรกับผม คนอย่างผมไม่มีความรู้พอที่จะคุยกับท่านหรอก นายนั่นพยายามบ่ายเบี่ยง รู้สึกไม่สบายใจทันที อยากให้ช่วยสืบหาคนให้หน่อย น้องชายอยู่แถวนี้ต้องรู้จัก เพราะเขาเป็นคนอยู่แถวนี้มานาน ผมไม่ค่อยรู้จักใครหรอกครับ หมอนั่นปฏิเสธล่วงหน้า เดี๋ยวซีอย่าเพิ่งปฏิเสธ เขาชื่อนายหยอด ดอนไผ่ เป็นชาวเพชรบุรี มาซื้อสวนมะพร้าวอยู่แถวทุ่งมหาหลายปี แต่ดูเหมือนมาอยู่ที่นี่จะใช้ชื่อว่า ยอด ดอนไผ่ พ.ต.ต.อดิสรถามเรื่อยๆ แต่เด็กหนุ่มคนเฝ้าบ้านส่ายหน้าและหลบสายตาอย่างมีพิรุธ เพราะจำคำที่เทิน ท่าลาด สั่งบริวารทุกคนไว้ว่า ใครมาถามอะไร ให้ตอบปฏิเสธ ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่รู้จัก...อย่างเดียว ถ้าอยากจะอยู่ดูโลกไปนานๆ พี่ไปสอบถามผู้ใหญ่บ้านมาแล้วก่อนจะมาที่นี่... พันตำรวจตรีหนุ่มเริ่มใช้กระบวนการสืบสวน ผู้ใหญ่บ้านบอกว่า นายหยอด ดอนไผ่ มาทำงานอยู่กับนายเถิน ท่าลาด และนายสง สินลา ผมไม่ใช่คนที่นี่ จึงไม่ค่อยจะรู้จักว่าใครเป็นใครมาจากไหน มีคนมาหาพี่เทิน เอ๊ย พี่เถินบ่อยแต่ผมไม่รู้จัก ไม่เคยสนิทสนมคุ้นเคย อีกอย่างหน้าที่ของผมมีอย่างเดียวคือเฝ้าบ้านให้เขา ไม่ค่อยได้ออกไปไหน บริวารหนุ่มของเทิน ท่าลาด พยายามเลี่ยงการสนทนา น้องชายชื่ออะไร มาจากไหน คุยกันสองครั้งแล้วพี่ยังไม่รู้จักชื่อเธอเลย สารวัตรหนุ่มเปลี่ยนเรื่องเพื่อให้เป็นกันเอง ใครๆ เรียกผมว่าไอ้จ้อย บ้านผมอยู่หัวหิน คงเป็นชื่อเล่น ครับชื่อเล่น ชื่อจริงผมชื่อเกรียงไกร นามสกุล ม่วงดี เกรียงไกร ม่วงดี ชื่อเพราะนะ สารวัตรหนุ่มแกล้งชมขณะนั้นทั้งสองยืนพูดกันอยู่คนละฟากรั้วบ้าน นายหยอด ดอนไผ่ เดี๋ยวนี้เปลี่ยนชื่อเป็นนายยอด สารวัตรหนุ่มกลับมาเข้าเรื่องต่อ บ้านพี่ยอดอยู่ที่ตลาดทุ่งมหา ท่านสารวัตรอยากพบพี่ยอดไปก็หาแกซี บ้านแกอยู่เชิงสะพานปลา นายหนุ่มหัวหินตอบตามจริง พี่ไปหามาแล้วไม่เคยพบเลยสักครั้ง ถามเมียเขาก็ตอบว่าไม่รู้ไปไหนส่วนใหญ่นายยอดไม่ค่อยอยู่บ้าน นายยอดไม่ได้มาที่นี่หรอกหรือ หรือว่าไปกับนายเถิน? ผมไม่ - ไม่รู้จริงๆ ว่าทั้งสองคนไปไหน? นายหนุ่มตอบอย่างไตร่ตรอง พี่อยากให้น้องชายเล่าเรื่องผีที่บ้านนั้นอีก อยู่ ๆ สารวัตรหนุ่มเปลี่ยนเรื่อง ทำเอานายหนุ่มหัวหินสะดุ้งเพราะตั้งรับไม่ทัน เมื่อวานซืนท่านก็ถามเรื่องนี้ผมทีหนึ่งแล้ว พี่ชอบเรื่องผีมากถ้าใครเล่าเรื่องผีให้ฟังมักจะคุยกันได้นาน ว่าแต่น้องชายเคยโดนผีหลอกบ้างไหม? โอ๊ย ! เคยหลายครั้ง คิดแล้วยังเสียวอยู่เลย นายหนุ่มเผลอตัว ผีในบ้านที่นายเถินจะขายนั่นใช่ไหม ? ใช่ครับ เอ้อ...อือ... นายนั่นเริ่มพูดตะกุกตะกักเมื่อนึกได้ว่าพลาดท่า เขาว่าผีที่อยู่ในบ้านหลังนั้น บ้านที่นายเถินจะขายเป็นหญิงสาวสวยไว้ผมยาว เขาว่าตอนกลางคืนมีคนเห็นผู้หญิงผมยาวมายืนโบกรถที่หน้าบ้าน จนคนแถวนั้นกลัวกันไปหมดจนไม่กล้าอยู่ ฯองชายคิดว่าจริงไหม? ก็ เอ้อ..คงงั้นมั้งครับ แต่นาย
เอ่อ คนที่มาจากกรุงเทพกับเพื่อนเข้าไปอาศัยอยู่ได้อย่างสบาย เธอว่าเป็นเพราะอะไร? หรือว่าพวกกรุงเทพมีของดี ผีจึงไม่กล้าหลอก
นายตำรวจต่อเรื่องอย่างฉลาด เรื่องนี้ผมไม่ค่อยมีความรู้ นายนั่นแบ่งรับแบ่งสู้ ทำสีหน้าว่าลำบากใจ แต่สารวัตรหนุ่มยังพูดต่อไป ชาวบ้านแถวนั้นเล่าว่า เจ้าของบ้านหลังนั้นเป็นหญิงสาวฝาแฝดสวยทั้งคู่ คนหนึ่งอยู่กรุงเทพอีกคนอยู่ที่บ้านนั้น ทั้งสองเป็นคนมีน้ำใจดี มีคนแอบรักใคร่หมายปองอยู่หลายคน ตอนที่เกิดพายุไต้ฝุ่นเกย์ มีบ้านของเธอหลังเดียวในละแวกนั้นที่ไม่พัง เพื่อนบ้านที่บ้านของตนพังจึงพากันหนีลมฝนเข้าไปขออาศัย เอ - เรื่องนี้ผมไม่รู้
ก็ผมบอกแล้วไงผมไม่ใช่คนที่นี่ นายนั่นพยายามพาตัวออกจากเรื่องเพราะรู้ว่ากำลังจะถูกสอบสวน อันที่จริงเขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในบ้านหลังนั้นที่ทำให้สมุนบริวารของเทิน พากันสะบักสะบอม กลับมา บางคนถึงตาย หญิงสาวเจ้าของบ้าน ได้หุงข้าวปลาอาหารให้ทุกคนที่ไปอาศัยกิน แต่ผลจากการที่เธอมีน้ำใจดี มองคนในแง่ดี วางใจคนมากเกินไปทำให้เธอถูกคนชั่วกลุ่มหนึ่งข่มขืนจนยับเยิน น้องชายเคยทราบเรื่องนี้ไหม? นายหนุ่มลูกน้องนายเทินเริ่มเหงื่อแตก - - - ไม่รู้ - ผมไม่ทราบ นายนั่นตอบแบบไม่มีเยื่อใยอีกและก้มหน้ามองพื้น สารวัตรหนุ่มจึงเล่าต่อไป มีคนเข้าไปพบเธอนอนสลบไสลไม่ได้สติจึงพาตัวส่งโรงพยาบาล แต่หลังจากนั้นเธอก็เหมือนคนเสียสติ บางคราวก็หัวเราะ บางคราวก็ร้องไห้ บางคราวก็ตะโกนแช่งด่าผู้คนที่ทำกับเธอ แล้วต่อมาไม่นานเธอก็หายตัวไป มามีข่าวอีกทีว่า มีคนเห็นผู้หญิงอยู่ในบ้านหลังนั้นอีกเมื่อไม่นานมานี้ ก่อนที่บ้านหลังนั้นจะกลายเป็นบ้านผีดุ จนชาวบ้านใกล้เคียงอพยพหนี ไม่มีใครกล้าไปอยู่แถวบ้านถ้ำธงในเวลากลางคืน เรื่องนี้เธอต้องรู้แน่ นายหนุ่มลูกน้องนายเทินยังเงียบ ไม่ปริปากและก้มหน้า บ้านจึงขายไม่ได้แม้นายเถินจะเป็นนายหน้าประกาศขาย แต่ก็มีคนสองคนจากกรุงเทพที่อาจหาญเข้าไปอยู่ และกำลังจะซื้อบ้านนั้นแต่ไม่ซื้อผ่านนายเถิน พ.ต.ต.อดิสรจบเรื่องแล้วถามว่า น้องชายเคยไปที่บ้านหลังนั้นบ่อยไหม? ผะ ผะ - ผม ไม่ - ไม่เคยไป... นายหนุ่มนั่นกลายเป็นคนติดอ่างขึ้นมาทันใด แต่นายหยอด นายสง นายเวก บริวารของนายเถินแทบทุกคน รวมทั้งนายเถินเคยไปที่บ้านหลังนั้นตอนกลางคืนหลายครั้ง แล้วก็ถูกผีหลอกจนต้องหนีกลับมา นายเถินจึงต้องเที่ยววิ่งวุ่นหาหมอผีไปปราบ นายหนุ่มคนเฝ้าบ้านยังคงเงียบ น้องชายบอกเมื่อวานซืนว่านายเถินกำลังเที่ยวหาหมอผี มาปราบผีในบ้านนั้น ตกลงปราบได้ไหม? นายหนุ่มเฝ้าบ้านเงยขึ้นมองหน้า นายพันตำรวจตรีจึงกล่าวต่อ เมื่อไม่กี่คืนมานี่ลูกน้องของนายเถินยกพวกไปจะทำอะไรที่บ้านนั้นอีกไม่รู้ สงสัยจะไปเผาบ้านหรือไม่ก็เผารถยนต์เขา แต่พลาดอย่างไรไม่รู้ทำน้ำมันหกรดตัวเองเลยถูกไฟคลอกตาย ท่าน ท่านรู้ด้วยหรือ? นายหนุ่มหัวหินทำท่าตกใจและนึกในใจ ร้าย - ร้ายมาก สารวัตรหนุ่มคนนี้ สืบรู้ไปหมด น้องชายว่าน่าประหลาดไหม ทำไมคนที่มาจากกรุงเทพจึงเข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านได้โดยผีไม่หลอก หรือว่าเพราะผู้หญิงเจ้าของบ้านที่กลับมาอยู่ในบ้านแล้ว เป็นคนทำผีหลอกพวกนายเทิน พ.ต.ต.อดิสร วกมาจนถึงจุดที่ต้องการ แตะ แต่ ที่พวกนั้นโดน มัน - ปะ ปะ เป็น - ผีจริงๆ นะครับ
แล้วนายคนเฝ้าบ้านก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่รู้มาให้สารวัตรหนุ่มฟังในที่สุด
Create Date : 28 มีนาคม 2555 |
|
21 comments |
Last Update : 28 มีนาคม 2555 19:26:56 น. |
Counter : 5298 Pageviews. |
|
|
|