...คิดว่ายังมีความหวัง ตราบที่ยังมีลมหายใจ...
Group Blog
 
<<
มกราคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
28 มกราคม 2555
 
All Blogs
 

พบเธอที่บ้านถ้ำธง ๑๑




“ไป ! มึงสองคนถือไอ้นั่นไปหาพวกมึง” หญิงสาวในชุดนอนสั่ง
“นั่นคุณยานีนี่ ไหนว่าจะอยู่แต่ในบ้านแล้วเธอออกมาทำไม” เรืองศักดิ์กระซิบถามธนา

“นี่แหละคือธาตุแท้ของคุณยานีนายดูไว้เป็นขวัญตา ที่ข้าเล่าว่า พอกลางคืนเธอผิดกับตอนกลางวันเป็นคนละคน เธอหลอกให้เราออกมาแล้วเธอก็ออกมาด้วย คงจะให้มาดูวิธีที่เธอจะจัดการกับพวกเลวร้ายตามวิธีของเธอ”

“วิธีอะไร”

“ทำผีหลอก หรือไม่ก็ใช้วิธีสะกดจิตชั้นสูง”
“เธอทำได้ถึงขนาดนั้นเชียวรึ”
“เธอเคยใช้วิธีของเธอจัดการกับพวกที่บุกรุก เข้ามาจะทำร้ายข้าเมื่อคืนที่สอง ที่ข้ามานอนที่นี่”

“การทำผีหลอกนี่นะ” เรืองศักดิ์หัวเราะเพราะเห็นเป็นเรื่องขบขัน
“เออ นายอย่าทำเป็นหัวเราะไป ข้าเคยเห็นมายิ่งกว่านี้ ตอนนี้เราอยู่เฉยๆ แอบดูเธอดีกว่า อย่าเพิ่งไปทำอะไรพวกนั้นเลย ดูซิว่าเธอจะจัดการวิธีไหนกับพวกของนายเทิน” ธนาพูดเสียงกระซิบ

ธนากับเรืองศักดิ์จึงคลานตามไป ทั้งสองเห็นไอ้สองคนที่จะมาเผารถยนต์ของเขา ถือถังแกลลอนน้ำมันกลับไปหาพวกมันทั้งหมดที่รอจะยิงเราอยู่ที่ริมรั้ว

“ทำไมวะไอ้ทัด ไอ้เวก ไหนว่าจะเผารถยนต์มัน กลับมาทำไม” เสียงพวกมันที่ซุ่มอยู่ถาม

“กู - เปลี่ยน- ใจ - แล้ว” ไอ้คนที่ถือแกลลอนหนึ่งในสองตอบช้า ๆ
“กู - ก็ - เปลี่ยน - ใจ” ไอ้อีกคนที่ถือแกลลอนตอบ เหมือนไม่เป็นตัวของตัวเอง

“เผา - รถ - เขา - มัน – บาป” ไอ้คนแรกพูดอีก

“เผา - พวก - มึง - สนุก - กว่า - ไม่ – บาปด้วย” ไอ้คนที่สองพูดพลางเดินเข้าไปหาพวกมัน

“เฮ้ย พูดอะไรบ้า ๆ” พวกมันที่ซุ่มอยู่ร้องขึ้น
“ออก -ไป - นอก – รั้ว-ว-ว-ว-ว ก่อน...” ไอ้หนึ่งในสองที่ถูกควบคุมด้วยอำนาจลึกลับสั่ง พวกมันจึงพากันมุดรั้วกลับออกไป เหมือนโดนสะกดจิตหมู่


ขณะที่ไอ้สองคนที่เหมือนถูกสะกดจิต เดินถือถังน้ำมันออกมานอกรั้ว ธนามองเห็นยานีเดินตาม แต่แปลกที่พวกมันที่เหลือเหมือนไม่เห็นยานี กระทั่งพวกมันออกไปนอกรั้วแล้ว ไอ้คนหนึ่งในพวกมันจึงร้องถาม

“เฮ้ย! นั่นใคร”

“กูก็เป็นเจ้าของบ้านนี้ไง ไหนพวกมึงต้องการตัวกูนักหนาไม่ใช่หรือ” ยานีตอบและแล้วธนากับเรืองศักดิ์ก็ได้เห็นการสะกดจิตที่พิลึกพิลั่น เมื่อพวกมันที่มากันทั้งหมดแปดคนพากันยืนตาค้าง ส่วนยานีออกคำสั่ง

“พวกมึงทุกคนไปยืนรวมกันตรงโน้น” ยานีชี้มือไปที่ริมถนนทางที่เข้ามา ประกายตาของเธอเขียวปั๊ด แต่แปลกที่ธนากับเรืองศักดิ์กลับไม่ได้รู้สึกอะไร อย่างที่พวกนั้นเป็น

“เอาน้ำมันไปราดลงบนรถของพวกเอ็งทุกคัน” ยานีสั่งไอ้สองคนที่ถือแกลลอน ไอ้สองคนทำตามรถจักรยานยนต์ที่พวกมันขับมาห้าหกคัน จึงถูกราดด้วยน้ำมันเบ็นซิน

“คราวนี้เอาน้ำมันที่เหลืออาบพวกเอ็งทุกคน!” ยานีสั่งอีกดวงตาเขียวเรืองจ้องไปที่พวกมัน

ไอ้สองคนทำตามอีก แต่บางคนในพวกมันกลับรู้สึกตัวและร้องเอะอะขึ้น

“เฮ้ย ๆ อะไรกันเว้ย อย่าเล่นบ้า ๆ นี่จะเผากันเองหรือไง บางคนจึงยืนป้องปัด แต่บางคนถอยหนี ยานีไม่สนใจ ออกคำสั่งต่อ

“ล้วงไม้ขีดไฟของเอ็งออกมา” ไอ้สองคนทำตามอีก

“อย่าพี่ทัดอย่า! ไอ้เวก! อย่า...”

เสียงพวกพ้องร้องห้าม แต่สายไปเสียแล้ว ไฟแช็กในมือของไอ้สองคนจุดประกายขึ้น แล้วไฟก็ลุกพรึบติดเสื้อผ้าของไอ้สองคนแรก ขณะที่พวกมันอีกหกคนวิ่งไปที่รถจักรยานยนต์ ทว่าพอสตาร์ทเครื่องไฟก็ลุกพรึบ และไอ้สองคนได้สติ ร้องโวยวายลั่น พ้นจากอำนาจการสะกดเพราะความร้อน ดิ้นเร่าและร้องให้เพื่อนช่วย ขณะพวกพ้องไม่รู้จะช่วยอย่างไร

บางคนแก้ผ้าขาวม้าที่ผูกเอวของตนออกมาสะบัดทุบเปลวไฟ แต่ไฟกลับไหม้ผ้าขาวม้า บางคนตะโกนบอกให้ไอ้สองคนกลิ้งตัวไปบนพื้น และเพื่อนๆ ที่เหลือช่วยกันเอาผ้ามาปัดดับไฟ ทำให้เกิดโกลาหนขึ้นในหมู่พวกมัน เพราะรถจักรยานยนต์ทุกคันถูกไฟไหม้ลามลุกโพลงจนดับไม่ได้

“นี่ไม่ใช่การทำผีหลอกอย่างนายว่าแล้วนะนายธนา แต่มันเป็นการใช้อำนาจสะกดจิตฆ่าคน” เรืองศักดิ์พูด “เอ… แต่ถ้ายานีมีอำนาจถึงขนาดนี้ ทำไมตอนที่พวกของนายเทินฉุดเธอเมื่อเช้าวาน แล้วนายไปช่วยทำไมเธอไม่ทำอะไรกับพวกมันบ้าง”

“อาจจะเป็นเพราะนั่นมันตอนกลางวัน กลางวันเธอไม่มีอำนาจ” ธนาพูด

ธนากับเรืองศักดิ์ได้แต่ยืนมองจนเหตุการณ์สงบ คือไฟที่ไหม้ไอ้สองคนดับลง และพวกมันช่วยกันประคองพาร่างอันไม่ทราบว่าตายหรือรอด ของไอ้สองคนนั่นพากลับไป และเมื่อเราหายงงกับเหตุการณ์ ยานีก็หายไปแล้ว

“เรารีบเข้าไปดูซิว่าคุณยานียังอยู่ในบ้านหรือเปล่า” ธนาพูดแล้วรีบกลับเข้าบ้านทางหลังบ้าน

“ถ้าเป็นฝีมือของเธอ เธอน่าจะมีพิรุธอะไรให้เราเห็น” เรืองศักดิ์พูด



ภายในบ้านของยานีหลังจากเราจุดตะเกียง ภาพที่เราเห็น คือยานีนั่งห่อไหล่ ทำท่าหวั่นกลัวและถามว่า

“ตะกี๊ดิฉันเห็นแสงไฟสว่าง แล้วก็มีเสียงคนร้องเอะอะ เกิดอะไรขึ้นกับพวกมันหรือคะ”

ธนามองยานีอย่างค้นหา รูปร่างของหญิงสาวที่ปรากฏตัวขึ้นข้างนอก แล้วหายไปตอนธนากับเรืองศักดิ์เข้าไปใกล้ เหมือนยานีราวกับเป็นคนๆ เดียวกัน ผมก็ยาวพอๆ กัน จะผิดกันก็ตรงที่ยานีมิได้สวมชุดนอน แต่แต่งชุดง่ายๆ อยู่กับบ้าน

“สงสัยอะไรดิฉันหรือคะ” ยานีรู้สึกแปลกใจกับท่าทีของเรา ที่เอาแต่จ้องมองเธอแต่ไม่พูด

“เปล่าครับ เพียงแต่...” ธนาลังเลที่จะถาม

“ตะกี๊ คุณยานีออกไปกับเราด้วยใช่ไหม” เรืองศักดิ์ถามด้วยแววตาและน้ำเสียงที่คาดคั้น

“ถามอะไรแบบนั้น ดิฉันนะหรือคะจะกล้าออกไป แค่อยู่ในบ้านยังกลัวแทบแย่” ยานีทำท่าสยิวกาย

“คือตะกี๊ เราเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนคุณยานี เธอปรากฏตัวขึ้นเล่นงานพวกนั้น เธอเก่งมากเราสองคนที่ออกไปไม่ได้ทำอะไรพวกนั้นเลย จนพวกนั้นพากันหนีไป…” เรืองศักดิ์พูด

“เธอทำอย่างไรกับพวกนั้นคะ”

“พวกนายเทินสองคน บุกเข้ามาถือแกลลอนน้ำมันคนละใบ จะเผารถยนต์ของเรา แต่ถูกผู้หญิงที่หน้าตาและรูปร่างเหมือนคุณ บังคับให้ไอ้สองคนนั่นใช้น้ำมันราดตัวเอง แล้วจุดไฟเผาตัวมันเอง ผู้หญิงคนนั้นสะกดจิตจะให้ไอ้สองคนเผาพวกมันทั้งหมดด้วย แต่พวกนั้นรู้สึกตัวก่อนแล้ววิ่งหนีทัน เจ้าสองคนเลยโดนไฟคลอก ตายเป็นยังไม่รู้ แต่รถเครื่องของมันถูกเผาไหม้หมดเลย” เรืองศักดิ์พูดอีก

“แล้วยังไงอีกคะ”

“เราเลยคิดว่าเป็นการกระทำของคุณ” เรืองศักดิ์พูดอีก เพราะไม่เชื่อคำปฏิเสธของยานี

“ผมเคยเล่าแล้วไงว่า ผู้หญิงคนที่มาปรากฏตัวอยู่กับผมในบ้านนี้ เฉพาะในตอนกลางคืนเธอเก่งมาก คืนที่สองหลังจากผมมาพักอยู่ในบ้าน พวกนายเทินบุกเข้ามาเพื่อจะทำอะไรไม่ทราบ เธอนั่งคุยกับผมอยู่ดีๆ กลับรู้ว่ามีพวกของนายเทินบุกเข้ามา เธอขอตัวออกไปจัดการ ผมได้ยินแต่พวกมันพากันร้องลั่นวิ่งหนีออกไป ผมถามว่าเธอทำอะไรกับมัน เธอบอกผมว่าเธอทำผีหลอก…” ธนาจ้องหน้ายานีบ้าง

“แล้วยังไงอีก” ยานีได้แต่ถามด้วยคำเดิม ๆ

“เธอว่าเธอทำอย่างนี้กับพวกนายเทิน และคนอื่นๆ มาตลอดเพื่อไม่ให้ใครมายุ่งกับบ้านหลังนี้ แต่กลางวันเธอไม่เคยอยู่ เธอจะกลับเข้าบ้านหลังจากข้างนอกมืดสนิท”

“ถ้าหน้าตาเหมือนดิฉันก็มีอยู่คนเดียว คือนงเยาว์” ยานีกล่าวเสียงเครือ “แต่..ถ้านงเยาว์ยังอยู่ ทำไมจึงไม่มาพบดิฉัน...”
พูดจบยานีทำท่าเหมือนจะร้องไห้ ทั้งสองเลยไม่พูดต่อ


ธนากับเรืองศักดิ์รีบลุกขึ้นแต่เช้า แต่ก็ยังสายกว่ายานี ที่ลุกขึ้นก่อนเพื่อเตรียมอาหารเช้าสำหรับทุกคน แต่จุดประสงค์ที่ตื่นเช้ากว่าวันปกติของธนา คืออยากออกไปดูร่องรอยต่างๆ ที่เกิดขึ้นที่หน้าบ้านเมื่อคืน ธนาจึงไม่ยอมให้เสียเวลา แม้แต่การเข้าห้องน้ำเพื่อจะล้างหน้าล้างตา และรีบตรงไปที่ถนนหน้าบ้านทันที แต่เมื่อไปถึงก็ต้องตกใจ

“อะไรกันวะ” ธนาอุทานเพราะไม่มีซากรถจักรยานยนต์ทิ้งไว้ให้เห็นแม้แต่สักคันเดียว จะมีก็แต่รอยไหม้ของหญ้าบริเวณริมถนนเข้าบ้าน ที่พอจะยืนยันว่าสิ่งที่เราเห็นกันเมื่อคืนไม่ใช่ภาพลวงตา

“พวกมันฉลาดมาก มาเก็บเอาหลักฐานไปหมด แทบจะไม่ทิ้งอะไรไว้ให้เราเห็นเลย เสียดายที่ข้าไม่ได้เอากล้องมาถ่ายไว้” เรืองศักดิ์พูด

หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป ไม่มีการติดต่อใดๆ มาจากกำนันเทิน ทุ่งมหา หรือพวกพ้องของมันอีก เหมือนกับว่าพวกของกำนันเทินจะหยุดการติดต่อซื้อขายกับธนาลงเสียแล้วอย่างสิ้นเชิง

คืนนั้นหลังอาหารค่ำ เรืองศักดิ์จึงปรึกษากับธนาว่า อยากจะออกไปกางเต็นท์นอนที่ชายหาดเพื่อสัมผัสธรรมชาติ ฟังเสียงลมคลื่น เพราะอยู่ในกรุงเทพฯ ฟังแต่เสียงยวดยานหนวกหู สูดแต่กลิ่นควันท่อไอเสียและมลพิษมานาน อยากจะสัมผัสบรรยากาศและธรรมชาติบริสุทธิ์ดูบ้าง

แต่ธนารู้สึกเป็นห่วงยานีที่จะต้องอยู่ในบ้านคนเดียว จึงถามเธอว่า
“คุณยานีจะอยู่ในบ้าน หรือจะไปกางเต็นท์นอนที่ชายหาดกับเราด้วยครับ”


ยานีตอบทันทีว่า “ไม่ดีกว่าคะ เชิญคุณสองคนเถอะ” แต่ท่าทางของเธอธนาดูออกว่า ไม่ค่อยอยากให้เขาทั้งสองออกไป

“ผมว่าบทเรียนที่พวกมันได้รับไปจากเรา คงจะทำให้พวกมันหลาบจำกันไปนาน จนไม่กล้ามา รบกวนที่บ้านคุณอีก” ธนาพูดให้เธออุ่นใจ

ยานีไม่ตอบ เธอหลบสายตาธนาที่จ้องมองเธอ ธนาดูยานีในตอนกลางวัน เธอดูเรียบร้อยแถมไว้ตัวนิดๆ ซึ่งเขาเดาว่าคงต้องให้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง และการที่อยู่ ๆ เธอจะไปนอนที่ชายหาดกับเราซึ่งเป็นผู้ชายสองคน เป็นใครๆ ก็ต้องมองว่ามันไม่เหมาะและไม่ควร เธอจึงพูดว่า


“อยู่ในบ้านดิฉันไม่ค่อยกลัวหรอกค่ะ ตอนที่คุณทั้งสองคนยังไม่มา ดิฉันก็เคยแอบมานอนอยู่ในบ้านบ่อยๆ ดิฉันขอนอนอยู่ในบ้านดีกว่า เป็นห่วงก็แต่คุณสองคน หากพวกกำนันเทินรู้ว่า คุณสองคนไปนอนอยู่นอกบ้านมันต้องตามไปถล่มคุณแน่”

“ข้อนั้นเราสองคนไม่ห่วงหรอกครับ อยู่ในที่กว้างๆ ยิงกันสบาย ไม่ต้องกลัวว่าจะไปโดนใครเข้า แล้วถ้าพวกมันมาจริงๆ เราก็สามารถที่จะจัดการกับพวกมันได้ง่ายกว่าที่อยู่ในบ้านคุณ งั้นคงไม่ว่านะครับ ถ้าผมกับนายเรืองจะไปนอนที่ชายหาดสักคืน” ธนาพูด

“ค่ะ งั้นคุณสองคนต้องการอะไรบ้าง ดิฉันจะช่วยจัดหาให้”

ค่ำวันนั้น หลังจากช่วยจัดเตรียมอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องนอน เต็นท์และเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้สองหนุ่มหอบหิ้วพาลงไปที่ชายหาด และอยู่ช่วยอำนวยความสะดวก เรื่องกับแกล้มและอาหารต่างๆ อยู่จน ๒ ทุ่มแล้ว ยานีก็ขอตัวกลับมาบ้าน โดยมีธนาเดินมาส่ง เพราะระยะทางจากบ้านของยานีกับชายหาดห่างกันประมาณสามร้อยเมตร แต่ธนาก็อดเป็นห่วงยานีไม่ได้จึงสั่งว่า

“ใครมาเรียกเปิดประตู ถ้าไม่แน่ใจว่าเป็นผมกับนายเรืองละก็ อย่าเปิดรับนะครับ แล้วก็ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นปืนที่ผมให้ไว้ คุณยิงเรียกผมกับนายเรืองได้เลย”


ในบ้านของยานีพอค่ำก็มืดและวังเวงเพราะใช้ตะเกียง ยานีเคยเล่าว่า ก่อนเกิดพายุไต้ฝุ่นเกย์ในบ้านของเธอมีไฟฟ้า แต่พอเกิดพายุต้นไม้ล้มทับสายไฟ เธอทิ้งบ้านหนีกำนันเทินกับพวกไปอยู่ในกรุงเทพฯ ก็ไม่มีเวลาคิดจัดการต่อไฟฟ้าใช้อีก ดังนั้นพอมาถึงคืนนี้ธนากับเรืองศักดิ์จึงปรึกษากันว่า เสร็จจากการไปนอนที่ชายหาด เขาจะมาจัดการต่อไฟฟ้าเข้าบ้านให้เธอ

บริเวณตลอดแนวหาดคืนนั้น บรรยากาศสลัวๆ ด้วยเป็นคืนขึ้น ๔ ค่ำ เดือนเสี้ยวเล็กๆ ประดับฟ้าอยู่ทางทิศตะวันตก แต่ก็คงจะไม่เกินสามทุ่มที่เดือนเสี้ยวนั้นจะลาฟ้า เพื่อมอบสนธยากาลอันมืดมิดไว้ประดับหาดต่อไป

กองไฟถูกก่อขึ้นเพื่อ ปิ้ง ย่าง และเผาปลา ปู กุ้ง หอย เต็นท์สนามถูกกางขึ้นเหนือหาด ธนาและเรืองศักดิ์นั่งจิบเบียร์ ที่เอาขึ้นมาจากลังน้ำแข็ง ขณะที่สายตาของธนามองออกไปยังท้องทะเล ที่มีแสงระยิบระยับ ราวกับมีใครไปจัดงานสวนสนุกอยู่กลางน้ำ ทว่าใจของธนากลับลอยล่องอยู่ในห้วงภวังค์ ส่วนเรืองศักดิ์ธนาไม่อาจรู้ว่าเขาคิดอะไร แต่พอเงียบกันไปราวสิบห้าหรือยี่สิบนาที ทั้งสองก็จะหันมาคุยหรือมีเรื่องถามไถ่กันเสียทีหนึ่ง


เสียงคลื่นซัดหาดดังครืน ๆ สายลมพัดจากฝั่งลงสู่ทะเล ต้องเรียวใบมะพร้าวเดนพายุเกย์ที่เหลืออยู่ไม่กี่ต้น ใบของมันเสียดสีกันดังเหมือนคนกระซิบกระซาบภาษารัก

“ถามจริง ๆ เถอะวะนายธนา นายนึกอย่างไรกับคุณยานี จึงถึงขนาดมาปักหลักเสี่ยงชีวิต ต่อสู้ปกป้องเธอ อย่าตอบนะว่าเพื่อเห็นแก่มนุษยธรรม เพราะข้าว่ามันชักจะมากเกินไปว่ะ” เรืองศักดิ์ถามธนา หลังจากที่ต่างคนต่างเสพย์อารมณ์อยู่กับความสุนทรีย์ของธรรมชาติ

“นายเล่นพูดดักทางข้าเสียอย่างนั้น แล้วจะให้ข้าพูดว่าอย่างไรวะ หรือนายอยากจะให้ข้าตอบว่า เพราะข้ารักเธอ… หรือว่า ข้าทำไปเพราะอยากได้ที่ดินสินทรัพย์ของเธอ โดยไม่ต้องลงทุน”

“แล้วมันอย่างไรกันแน่ล่ะ” เรืองศักดิ์ ยิ้มเห็นฟันขาวอยู่ในความวับแวมของกองไฟ

“ข้าก็ยังตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่า ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องมนุษยธรรมแล้ว ข้าทำไปเพราะอะไร แต่ไม่ใช่เพราะหวังจะฮุบสมบัติของเธออย่างแน่นอน และที่แน่ๆ ข้าสงสารผู้หญิงตัวคนเดียว ที่ต้องถูกพวกนักเลงต่างถิ่นรุมข่มเหงรังแก”

“อือ… ฟังขึ้น” เรืองศักดิ์พยักหน้าน้อยๆ “แล้วไงอีก”

“แต่เธอก็ยังพยายามต่อสู้ ต่อสู้ซึ่งๆ หน้าไม่ได้ก็ต่อสู้โดยใช้เทคนิค มายา ใช้วิธีการประหลาดๆ แต่ที่ข้าประทับใจที่สุดคือ เธอกล้าชวนข้าซึ่งเป็นชายแปลกหน้าไปนอนในบ้าน ในคืนแรกที่ข้ามา โดยที่เธอก็มิได้เป็นผู้หญิงประเภท ที่ชอบล่าหาพวกหนุ่มๆ ไปเป็นคู่นอน มิหนำซ้ำพอเข้าไปแล้วเธอยังไม่ยอมให้ข้าได้เข้าใกล้ หรือแม้แต่จะได้เห็นหน้าชัดๆ นี่แหละที่ทำให้ข้าสนใจเธอ…”

“แต่เธอก็บอกนายแล้วว่า เธอไม่ใช่คุณยานี”

“แล้วนายเชื่อที่เธอว่าไหม” ธนาถาม

“ยังไม่เชื่อว่ะ สำหรับข้า ข้าว่าเธอนั่นแหละที่ทำ แต่เธอพยายามปิดบังเพื่อผลหรือไม่ก็ความจำเป็นอะไรสักอย่าง” เรืองศักดิ์พูด “แล้วนายล่ะ เชื่อหรือว่ายานีไม่ได้ทำ แต่คนทำคือนงเยาว์”

“ข้ายังลังเล เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่บุคลิกของเธอทั้งสองคนข้าดูต่างกันมากเลย”

“แล้วถ้าเกิดว่าเป็นคนละคน นายจะรักคนไหน”

“เรารักคนที่ชวนเราเข้ามานอนในบ้าน เราประทับใจการไว้วางใจและให้เกียรติ ที่เธอมีให้เรา”

เรืองศักดิ์ฟังแล้วถอนใจ

“นายถอนใจทำไม นายรักยานีหรือ” ธนาถาม
“เปล่า เราสงสารเธอต่างหาก”

“สงสารเรื่องอะไร”

“เราว่ายานีรักนาย และเธอหวังจะได้นายไว้เป็นผู้ปกป้อง คุ้มครองชีวิต เราไม่อยากให้เธอผิดหวัง”

“แต่ถ้าเธอไม่ใช่คนที่ไปพาข้าเข้ามานอนในบ้าน ความต้องการของข้าคือ ข้าอยากจะพบเธอคนที่พาข้าเข้าไปนอนในบ้าน ข้าคิดถึงเธอ เธอคนนั้นทำให้ข้ารักและสงสาร”

“แล้วถ้าเธอเป็นคน ๆ เดียวกัน แต่แกล้งทำเป็นคนละบุคลิก”

“ข้อนี้ไม่มีปัญหา เรารับได้และออกจะชื่นชอบเธอมากยิ่งขึ้น แล้วนายล่ะ นายเชื่อว่าผู้หญิงคนที่มีอำนาจจิตกับยานีเป็นคนเดียวกันไหม” ธนาถาม

“ข้าไม่รู้ ยอมรับเลยว่าตอบยาก มันทั้งเป็นไปได้และไม่ได้” เรืองศักดิ์ตอบ

“ถ้าเธอเป็นคนละคน สิ่งที่ข้าปรารถนาในตอนนี้ คือ อยากจะพบเธอที่ชื่อนงเยาว์ เพื่อให้เธอแสดงตนว่าเธอกับยานีเป็นคนละคน แต่แปลก...พอยานีปรากฏขึ้นทีไรนงเยาว์ก็หายไปทุกที บอกตามตรงข้าเสียความรู้สึก ที่ยานีไม่ใช่ผู้หญิงในคืนแรกที่ข้าพบ”

ธนาคิดว่าเขาได้พูดไปจากหัวใจของเขาจริง ๆ แต่เรืองศักดิ์หัวเราะก๊ากและพูดต่อไปว่า

“นี่แหละโว้ย ความรัก รัก คือความผูกพัน เมื่อไม่ได้พบไม่ได้เห็นก็เกิดอาการกระวนกระวาย”

“เอ...กินเบียร์มากๆ ชักปวดฉี่ว่ะ ขอเวลานอกหน่อยนะ เดี๋ยวมาคุยต่อ” ธนารู้สึกปวดปัสสาวะขึ้นมา แล้วเขาก็ลุกขึ้นเดินลุยป่าผักบุ้งทะเล ตรงไปที่โคนมะพร้าวเดนพายุเกย์ต้นหนึ่ง เพื่อจะยืนยิงกระต่าย

ทว่าพอปัสสาวะเสร็จแล้วเดินกลับ ร่างโปร่งในชุดนอนแพรบางยาวกรอมเท้า ปล่อยผมยาวสลวยสยายปลิวลม ร่างหนึ่งก็มายืนอยู่ริมหาดไม่ไกลจากโคนมะพร้าว





 

Create Date : 28 มกราคม 2555
10 comments
Last Update : 28 มกราคม 2555 23:25:56 น.
Counter : 1893 Pageviews.

 

สวัสดีครับคุณลุงบูลย์

มาติดตามต่อครับ ช่วงเช้าก่อนไปทำงาน จะมาอ่านตอนเย็นอีกครั้ง

คุณลุงบูลย์สบายดีนะครับ

 

โดย: Insignia_Museum 1 กุมภาพันธ์ 2555 5:51:19 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณลุง หายไปนานเลยนะคะตอนนี้ แต่ทิ้งปมให้ลุ้นไว้อีกแล้ว งวดนี้อย่าหายนานนักนะคะ กลัวไม่ต่อเนื่องน่ะค่ะ อิอิ มีหลังไมล์นะคะคุณลุง มีบางประโยคที่สงสัยน่ะค่ะ

 

โดย: หญิงแก่น 1 กุมภาพันธ์ 2555 20:59:32 น.  

 

คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ pantamuang เรียบร้อยแล้วนะคะ

 

โดย: หญิงแก่น 3 กุมภาพันธ์ 2555 21:44:17 น.  

 

อิ อิ มาเยี่ยมค่ะ มาหัดแปะหัวใจด้วย แบบเพื่อนไม่มีอ่ะ ประเดิม อ. คนแรกเลยละกัน

 

โดย: seton 3 กุมภาพันธ์ 2555 22:25:27 น.  

 

คุณเล็กครับ

ผมตอบในหลังไมค์ไม่เป็นครับ เลยมาตอบตรงนี้ ผมพิมพ์ผิดจริง ๆ ครับ แหมตาแหลมมากน่าจ้างให้เป็น บก.ช่วยอ่านต้นฉบับ

คราวที่แล้ว จิตรกรนอกระบบ ก็ยังเก็บไว้อยู่แต่พอดีไม่ได้พิมพ์ใหม่

ขอบคุณคุณเล็กมากครับ

 

โดย: pantamuang 5 กุมภาพันธ์ 2555 20:39:40 น.  

 

แวะเอาหัวใจมาฝากค่ะคุณลุง
คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ pantamuang เรียบร้อยแล้วนะคะ

 

โดย: หญิงแก่น 9 กุมภาพันธ์ 2555 21:49:08 น.  

 

ขอบคุณคุณเล็กครับ แต่แปะไปก็ไม่มีวันติดอันดับหรอกครับ เอนี่นานพอที่จะลงตอนใหม่หรือยังครับ

 

โดย: ลุงบูลย์ IP: 118.173.115.164 10 กุมภาพันธ์ 2555 21:36:28 น.  

 



สวัสดีครับลุงบูลย์

ลุงอยู่พังงาตั้งหลายปี คงรู้จักผักบ้านๆชนิดนี้ดีนะครับ

และผักนี้..ที่ชุมพร มีไหมครับลุง

ไม่ได้มาเยี่ยมบ่อยๆ แต่ก็ยังระลึกถึงเสมอครับผม

 

โดย: ปลายแป้นพิมพ์ 11 กุมภาพันธ์ 2555 20:05:21 น.  

 

ตอนใหม่มาได้แล้วค่ะคุณลุง เดี๋ยวมันอ่านไม่ต่อเนื่องน้า... เรื่องแปะหัวใจ เล่นสนุกๆน่ะค่ะคุณลุง

 

โดย: หญิงแก่น 13 กุมภาพันธ์ 2555 14:14:37 น.  

 

สุขสันต์วันวาเลนไทน์ค่ะคุณลุง

 

โดย: หญิงแก่น 14 กุมภาพันธ์ 2555 11:13:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


pantamuang
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




ไม่อยู่อย่างอยาก แต่ยังอยากจะอยู่
อยู่อย่างไม่ลำบาก เวลาที่เหลือน้อยรีบสอยรีบคว้า
ก่อนจะหมดเวลาให้สอย

ดวงดาวบนฟ้าก็สอยได้ ถ้ารู้จักต่อด้ามฝันให้ยาวพอ

ฝันถึงไหนก็ได้ มีสิทธิ์ฝัน แต่จะเป็นจริงหรือไม่ช่างฝัน
เพราะสิ่งที่ฝันคือนวนิยาย..

ชีวิตก็คือนวนิยายเรื่องหนึ่ง ที่เราเป็นผู้เขียนและกำกับ.

เริ่ม 9 กันยายน 2550

Friends' blogs
[Add pantamuang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.