เพราะหนังสือเปิดตา และการเดินทางเปิดใจ
ยังหลงไม่เลิก

จากห้องสมุดเดินเฉียงๆไป ทางซ้ายมือไม่ไกลมาก...โปรดกะประมาณตามสเกลมโหฬารของจีนนะคะ (แถมด้วยการเดินอ้อมอาคารเพื่อไปเข้าประตูหน้าให้พออารมณ์เสียกรุ่นๆ) จะเจอ พิพิธภัณฑ์เซินเจิ้น

นี่คือตึกสูงที่มีสีเหลืองๆแดงๆสะดุดตา เตะให้เราเด้งโด่งลงจากรถเมล์นั่นเอง



จริงๆเข้าไปโดยไม่รู้ว่ามันฟรีหรอก แต่ความประทับใจห้องสมุดฟรีมีมากพอที่จะคิดว่าควรแวะพิพิธภัณฑ์เพื่ออุดหนุนทางการซะหน่อย ปรากฏว่าฟรีอีกแน่ะ แถมพนักงานต้อนรับก็ทั้งสวยหวานและน่ารัก (แม้จะไม่ได้ข้อมูลเท่าไรกับภาษาอังกฤษกะพร่องกะแพร่งของเขาและภาษาจีนกะปริบกะปรอยของเรา)


ปลาฝูงนี้ประทับใจสุด เพราะว่ามันมืด


กำลังยืนเล็งปลา อ้าว เฮ้ย มีคนผ่านมาด้วย แชะ


เอาเป็นว่าสามชั้นของพิพิธภัณฑ์นั้นมีอะไรให้ดู ให้ชม และให้ทึ่งมากทีเดียว ตามประสาคนที่ลุยเดี่ยวเที่ยวจีนมาหลายเมืองในช่วงหนึ่งปี (และตะบี้ตะบันแวะแต่พิพิธภัณฑ์) สิ่งที่โชว์ส่วนใหญ่ก็เลยออกจะซ้ำๆในความรู้สึก แต่บรรยากาศพิพิํธภัณฑ์แห่งนี้ให้ความรู้สึกเป็นมิตรแล้วก็น่าเดินมากจริงๆ (เมื่อเทียบกับพิพิธภัณฑ์สยามที่ดูใหม่ เดิร์น แต่มีของน้อยและเก็บเงินแพงแล้ว กลับไปเมืองไทยคงยังต้องรออีกหลายปีกว่าได้บรรยากาศสนุกเท่าที่นี่)


รูปปั้น พรอพประกอบฉาก กับภาพเขียน ช่วยกันทำให้ประวัติเมืองเซินเจิ้นมีมิติ


รูปปั้นขนาดเท่าจริง ลูกค้าปลอมกำลังกินอาหารในโรงเตี๊ยม


เอาล่ะสิ ลูกค้าจริงเข้าแย่ง


มันไม่ใช่ตรอก มันคือกำแพง


คงไม่ต้องบอกว่าหุ่น เนอะ


ของประกอบฉาก แต่มันดูได้อารมณ์หม่นเศร้าดี


เสื้อผืน หมอนใบ คิดถึงบรรพบุรุษ


เดินไปได้สองชั้น เหลือบดูนาฬิกาแล้วก็อ้าว...เวร ควรจะไปถึงสี่โมงนี่น่า นี่มันสามโมงครึ่งแล้ว ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองอยู่ตรงไหนของเมือง แล้วจะขึ้นรถสายอะไรจากถนนไหนกันล่ะหว่าาาาา เอารีบๆๆๆๆๆ


น่ารักเพราะตัวเอง


น่ารักเพราะผู้ชม


หลังจากเดินจากป้ายนั้นไปป้ายนี้ (รถเมล์เมืองจีนจะมีป้ายเว้นป้าย รถบางสายจอดป้ายนี้ แต่อีกสายจอดอีกป้าย เป็นการขึ้นรถเมล์ที่ใช้สมองมาก โชคดีที่เขามีป้ายบอกหมายเลขรถทุกสายที่่ผ่าน และในแต่ละสายก็บอกชื่อทุกสถานีที่รถผ่านด้วย แต่โชคร้ายที่เราอ่านไม่ออก) การจำตัวจีนจะเวิร์กเมื่อใช้ประกอบกับหมายเลขรถ เวลารีบๆ ต้องหาเองทุกป้ายนี่ นรกมาก สรุปว่าใช้ปากดีที่สุด โชคดีเจอหนุ่มออฟฟิศกำลังจากพาสาวสองคนไปเที่ยวที่นั่นพอดี ก็เลยเกาะไปด้วย แบบว่าพี่ขอเดินตามไปแบบหน้าด้านๆเลยนะน้องนะ เพราะมีนงงและเมื่อยอิ๋บอ๋ายแล้ว

+++

มาถึงสิ่งบันเทิงที่ต้องจ่ายเงินบ้าง สเปลนดิดไชน่า เป็นหนึ่งในหลายๆโชว์ในเซินเจิ้น เลือกไปที่นี่ตามเวลาที่มีจำกัดด้วยเหตุผลง่ายมาก เผอิญได้ส่วนลดถ้าซื้อที่โฮสเตล (เยอะกว่าอีกแห่งที่อยู่ใกล้กันอ่ะนะ) แต่ถึงเก็บราคาเต็มคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 500 บาท ก็ไม่แพงหรอก

บรรยากาศภายนอกออกแนวเมืองโบราณผสมหมู่บ้านวัฒนธรรม มีสถานที่สำคัญในจีนจำลองไว้ให้ชมมากมายหลายแห่ง จะเดินดูหรือจะนั่งรถบริการก็ได้ เขาจะจอดแวะให้ลงไปถ่ายรูปตามจุดต่างๆ แต่เดินเองก้ไม่ถึงกับไกลมากมายอะไร พอจะทำได้ถ้ามีเวลา เก็บบรรยากาศของสถานจำลองมาให้ดูเล็กน้อย




ต้นไม้ที่คนสำคัญและดาราปลูก (เดี๋ยวจะงงว่าเอามาให้ดูทำไม)


กำแพงเมืองจีน (จำลอง)



ตรงทางเข้าจะมีส่วนบริการ พวกร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก เวที ที่ขายตั๋ว อะไรต่างๆ รวมทั้งดอกไม้ ไม้ดัด รูปปั้น นานาสารพันให้ถ่ายรูป เด็กๆดูจะกรี๊ดกร๊าดกันเป็นพิเศษ


ลิงน้อย (จริงๆมันมีครบทุกนักษัตรเลย)


แถมอีกตัว ควายน้อย


ผลไม้ปลอม...และผลไม้จริง ประชันกัน


น้องแฝด


แต่...เนื่องจากมัวแต่หลงทางอยู่ในเมือง พอไปถึงก็ยังหลงทิศอีก เลยไม่มีแก่ใจจะดูเมืองโบราณเท่าไรนัก (มันไม่ค่อยสวยด้วยแหละ) อยากดูโชว์อลังการงานสร้างมากกว่า เสียดายว่าจัดสรรเวลาผิดพลาดไปหน่อย เลยมาไม่ทันโชว์แรกๆที่ตั้งใจมาดู แต่ก็นะ...ได้ดูโชว์สุดท้ายก็คุ้มแล้วล่ะ

พอรู้ว่าอดดูโชว์แรก ก็เลยรีบแจ้นไปแลกตั๋วโชว์สุดท้ายไว้ก่อน ได้ซะแถวเกือบหน้าเลย ดีใจ จากนั้นมีเวลาเหลือก็ไปวนๆดูโน่นนิดนี่หน่อย จำไม่ค่อยได้แล้ว คิดว่าถ้าได้ดูทุกโชว์ก็คงคุ้มค่าบัตร เพราะขนาดได้ดูเต็มๆโชว์สุดท้าย ก็ยังรู้สึกว่าวิจิตรพิสดาร ฉับไวรวดเร็ว (หรือจะเพราะเหตุนี้ไม่รู้ เลยตื่นตาตื่นใจ ครือ...มันดูไม่ทันไง)


พี่ยามตรวจตั๋ว


ตลกหน้าม่านออกมาก็ขำแล้ว แต่ถ้าเป็นคนเส้นลึก เจอกายกรรมต่อตัว เจอไฟจริง น้ำจริง ม้าจริง ทั้งลุกโพลง ทั้งตกซู่ ทั้งวิ่งกันเข้ามาคึกๆ เปียกจริง ร้อนจริง สั่นสะเทือนจริง ก็คงตะลึงแล้ว ใช่ไหม (นี่ถ้าได้แถวหน้าจริง คงเสียวพิลึก ขนาดแถวที่ห้า ยังหวาดๆเลย)

จริงๆเขาห้ามถ่ายภาพ แต่เห็นใครๆ ก้ถ่าย เลยยกบ้าง แต่ก็เกรงใจ ไม่ได้ใช้แฟลช อาศัยว่าแสงจากเวทีค่อนข้างสว่าง ได้มาเท่านี้ ที่เหลือมัวแต่ตาค้าง ตะลึงลานมองไม่ทัน


บรรยากาศการโชว์ เริ่มจากกายกรรม


เงาที่ให้จินตนาการว่าเจ้าของร่างอ้อนแอ้นต้องสวยสุดๆ


หุ่นเชิดหุ่นชัก ตัวยักษ์ตัวใหญ่


อัศจรรย์จากแสง (สีเขียว) และสลิง


หน้ากาก ใส่แล้วไม่รู้เลยนะว่าสวย


กายกรรมเหยียบหัว ไม่รู้จะลุ้นคนข้างบนหรือสงสารคนข้างล่างดี


น้ำตก เอาน้ำจริงๆมาตกบนเวทีกันเลย ช็อตขึ้นมาละก็นะ...


บอกได้คำเดียวว่าอลังการงานสร้าง


ปิดท้ายด้วยการเดินกลับที่พัก (ห่างกันประมาณหนึ่งป้ายรถเมล์เท่านั้น) คนเดินเยอะแยะ อากาศก็เย็น เลยไม่รู้สึกกลัวหรือร้อนอะไร

ทุกสิ่งอย่างในเิซินเจิ้นสามารถไปถึงได้โดยรถใต้ดินและรถเมล์ การผจญภัยด้วยรถเมล์นั้นสนุกมาก และเวิร์กกว่ารถไฟใต้ดินอีก (ในความรุ้สึกของเรานะ) คือพูดจริงๆว่า ถ้าโชคดี ไม่หลง ก็ถือเป็นทางเลือกที่เข้าท่ากว่า เพราะป้ายรถเมล์มีทุกมุมตึก ไม่เหมือนสถานีรถไฟใต้ดินที่มีแห่งเดียว เิดินกันแทบอ้วก เดินผิดทิศก็สวัสดีลาก่อน หลังจากสมบุกสมบันไปจนทั่วจัตุรัสสเกลจีนแล้ว เชื่อเถอะว่า ยืนรอรถเมล์ด้วยใจตุ้มๆต่อมๆก็ยังสบายขากว่าการกลับไปสถานีรถไฟใต้ดินมากนัก แถมนั่งรถเมล์ยังได้เห็นวิวทิวทัศน์ ขณะที่ในรถไฟใต้ดิน เห็นแต่เงาตัวเองกับเงาคนอื่น แถมด้วยป้ายโฆษณามหาศาลเท่านั้น

ถ้ามีโอกาสไปเซินเจิ้น หาเวลาออกนอกเส้นทางช็อปปิ้ง ไปเดินเล่นแถวๆห้องสมุด เลาะเข้าพิพิธภัณฑ์ และไปดูโชว์วัฒนธรรมก็จะทำให้การเดินทางเติมเต็มยิ่งขึ้นนะ...เราว่า




Create Date : 23 ธันวาคม 2552
Last Update : 23 ธันวาคม 2552 22:01:49 น. 0 comments
Counter : 1316 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

lunaloca
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ง า น แ ป ล


ช่างเป็นนักแปลที่ทำงานได้หลากแบบหลายแนว
นามปากกาคละเคล้า เดาทางไม่ถูกจริงๆนิเรา

Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
23 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add lunaloca's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.