เพราะหนังสือเปิดตา และการเดินทางเปิดใจ
หลงทางในชุมชนแห่งการเรียนรู้

หลังออกจากหมู่บ้านศิลปะ เท้าก็พาขึ้นรถเมล์ (อย่าถามว่าไปยังไง เพราะว่ามั่ว ตั้งใจนั่งอะไรก็ได้ที่เข้าเมืองเพื่อไปหารถใต้ดินเท่านั้นเอง) ระหว่างที่กลับเข้ามาในเมือง เราก็นั่งมองสองข้างทางไปเรื่อยๆ แล้วขณะที่รถผ่านย่านใจกลางเมือง สายตาเจ้ากรรมก็สอดส่ายไปเห็นตึกใหญ่ๆ ที่มีสีเหลืองๆแดงๆ เตะตา ก้มดูนาฬิกา เออ กว่าจะถึงเวลาดูโชว์ที่ซื้อตั๋วถูกจากโฮสเตลไว้ ก็ยังอีกตั้งสามสี่ชั่วโมง จะกลับไปนั่งเล่นที่ห้องทำไมให้เฉาใจ แวะเดินเล่นก่อนท่าจะดีวุ้ยเรา และราวกับคนขับรถเมล์จะรู้ความคิด เลี้ยวแยกหน้าพาเราไปจอดเทียบข้างหน้าพอดีเลย แหม...น่าทิปจริงๆ

รถพาเราไปจอดใกล้ๆ children palace แวะที่นี่เป็นที่แรกก็แล้วกัน

อาคารสี่หรือห้าชั้นแห่งนี้เ็ป็นเหมือนสวนสนุกและสวนความรู้ของเด็กๆ เปิดให้เด็กๆ เข้ามาเที่ยวและเล่น (ดนตรี) ได้ทั้งวัน



ข้างในมีห้องต่างๆสารพัด ทั้งห้องอวกาศ (คล้ายท้องฟ้าจำลอง) ห้องพลังงาน ห้องวิทยาศาสตร์ (คล้ายพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์คลองห้า) ห้องวิวัฒนาการของมนุษย์ และห้องดนตรีที่ให้สารพัดเครื่องดนตรีเ้ข้าไปดีดสีตีเป่าแข่งกัน เป็นที่สนุกสนาน เด็กๆก็ต่อคิวกันไป พ่อกับแม่นั่งรอก็หลับกันไป เราว่าช่างเป็นสถานที่ที่คุ้มแสนคุ้มสำหรับทุกคนในบ้าน พ่อกับแม่ก็ไม่ต้องเหนื่อยขับรถ พามาที่เดียวเที่ยวครบ แค่เดินขึ้นบันไดนิดหน่อยเท่านั้น ลองคิดสิว่าถ้าอยู่กรุงเทพ อยากไปสิ่งเหล่านี้ จะต้องตะกายติด รอ จอด ไปกี่ถนน

แอบเข้าไปเป็นเด็กโข่งบางห้องที่ไม่ต้องต่อคิว เพราะว่าคิวยาวมาก มีของให้ทดลองเล่นแบบแฮนด์-ออน หลายอย่าง คล้ายๆพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ืที่คลองห้า ส่วนอันที่ต่อคิวเข้าไปฟังบรรยาย ได้แต่ดูบรรยากาศจริงๆ เพราะฟังมิออก (แฮ่) ส่วนห้องดนตรี โผล่ไปสองก้าวก็เด้งอออกมา หูแทบดับ เด็กๆคงอยู่ด้วยความมัน อยากสนุก อยากเอาชนะ แต่ครูที่อยู่ข้างในเนี่ยสิ น่าสงสารแท้ๆ


สองสาวกำลังทดลองอะไรสักอย่างในห้องวิทยาศาสตร์


หลับเอาแรงกันทั้งครอบครัว


เล่นกันสนั่นเมือง


ในบริเวณใกล้เคียง มีร้านหนังสือใหญ่มากกกกกกก หอแสดงคอนเสิร์ต หอสมุด และพิพิธภัณฑ์ สองแห่งหลังเข้าฟรี ฟรี ฟรี ขอย้ำด้วยความสุขของนักเดินทางซำเหมา ฟรีและน่าเดินไปหมดแบบนี้ ไม่ไปไม่ได้แล้ว

เนื่องจากวันนั้นฟ้าครึ้มๆ แดดก็เลยไม่ค่อยรบกวนเท่าไร เดินจากสวรรค์เด็ก (แปลแบบไร้ศิลปะมากทีเดียวตรู) เลาะเลียบจัตุรัสเล็กๆ ชมและฟังดนตรีเปิดหมวกไปพอเพลินๆ ดูของขายข้างทาง (พวกตั๊กแตนจากใบมะพร้าว อะไรแบบนั้น) + ผ่านร้านหนังสือขนาดใหญ่ (ดูนาฬิกาแล้ว ตัดสินใจเลือกที่จะข้าม ขอไปเก็บของฟรีก่อนดีกว่า) จะเจอคอนเสิร์ตฮอลล์กับห้องสมุด


คุณลุงเล่นดนตรีแบบอินสุดๆ ไม่สนใจใคร (หรือหมวก) เลย


อันนี้ก็สีกันเพลิน แต่ดูน่าจะเมื่อยอยู่นะคะ


ลูกโป่งลอยมาขวางทางพอดี


ตี๋กะหมวยที่ลานน้ำตก


รองเท้าใครหนอ สงสัยจะถอดไปเล่นน้ำแล้วลืมซะก็ไม่รู้


แหงอยู่แล้วว่าเราก็ต้องเลือกไปดูห้องสมุดแน่นอน แล้วก็ให้อัศจรรย์ใจเหลือเกินห้องสมุดเซินเจิ้นมีประมาณหกชั้น ใหญ่มาก สวย เดิร์น หนังสือมากมาย กว้างขวาง แต่ที่อัศจรรย์ยิ่งกว่าความใหญ่ก็คือจำนวนคน มีประชาชนทุกเพศ ทุกวัย นั่งแออัดอยู่ในความเงียบข้างในนั้น


หนุ่มบรรณารักษ์


ที่เห็นเป็นจุดๆเหมือนมดนั่นคนทั้งนั้นเลยนะ


บันไดทางซ้ายเป็นบรรทัดขึ้นชั้นบน บันไดทางขวาเ็ป็นบันไดลงข้างล่าง


ก็เข้าใจได้นะว่าเข้าฟรี คนเลยเยอะ แต่มันไม่ใช่เยอะธรรมดา มันแน่น และที่สำคัญ มันเงียบ เพราะไอ้คนที่ว่าแน่นๆ ล้วนเข้าไปอ่านหนังสือทั้งสิ้น เป็นชุมชนน่าอยู่ เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้จริงๆ ถ้าเ็ป็นเมืองไทยน่ะหรือ ห้องสมุดที่ไม่ใช่ TCDC จะหน้าตาน่าเข้าแบบนี้ไหมหนอ เข้าไปแล้วจะมีหนังสืออายุน้อยกว่าเราให้อ่านบ้างไหมหนอ ไม่ต้องพูดถึงตัวห้องสมุดว่าใหม่หรือเก่า เอาแค่ที่มีอยู่ เปิดให้เข้าฟรีจะเข้ากันหรือเปล่า หรือถ้าเข้า จะเงียบแบบมีมารยาทไหมก็ยังสงสัยอยู่ ทำไมเราไม่มีความหวังกับประชาชนร่วมชาติเอาซะเลยเนี่ย มองได้ร้ายสุดๆ

คน / อ่าน / หนังสือ
มาดูภาพที่น่าชื่นชมกันดีกว่า


บันไดก็มีคนนั่งอ่านหนังสือ


หน้าห้องน้ำก็มีคนอ่านหนังสือ (จริงๆ ตรงนี้เป็นเหมือนลานให้สูบบุหรี่ ห้องน้ำเดินเลี้ยวไปเล็กน้อย)


สู้อุตส่าห์เดินขึ้นไปถึงชั้นบนๆ เพราะอยากนั่ง อยากซึมซับบรรยากาศคนอ่านหนังสือนานๆ แต่หาที่นั่งไม่ได้เลย ผู้คนล้นหลาม ทุกคนอ่านๆๆๆๆ ไม่มีใครลุก ไม่มีใครคุย ไม่มีใครโอบใคร โอย ชอบ จะไม่ชอบอยู่อย่างเดียวก็ตรงที่คอมพิวเตอร์เต็มหมดเนี่ยแหละ

ในที่สุดก็เลยเดินไปตรงชั้นหนังสือภาษาอังกฤษ กะว่าคนคงน้อย (จริงๆ ก็ด้วยลอจิกโง่ๆ คือว่าเราพออ่านออกไง) เดินเล่นลัดเลาะตามช่องชั้นด้วยความปลื้มเปรมตามประสาหนอนต่างชาติที่ไม่เคยพบเห็นบรรยากาศแบบนี้ในบ้านตัวเอง...แต่อนิจจา ที่นั่งก็ไม่มีอยู่ดี





เดินวนๆ อยู่นานด้วยความอาลัยบรรยากาศ นึกอยากจะหลงหายอยู่ในห้องสมุดนี้ อยากจะหลงหายอยู่ในเซินเจิ้น...ถ้าเพียงแต่จะอ่านหนังสือภาษาจีนออกกับเขามั่ง

ขอจบที่ความประทับใจในห้องสมุดก็แล้วกัน
คราวหน้าค่อยไปพิพิธภัณฑ์เนอะ



Create Date : 23 ธันวาคม 2552
Last Update : 23 ธันวาคม 2552 1:21:47 น. 4 comments
Counter : 828 Pageviews.

 
โห ห้องสมุดน่าประทับใจจริงๆ บ้านเราน่าจะมีแบบนี้เยอะๆ เนอะ
อยากดูท้องฟ้าจำลอง แต่คงจะฟังไม่ออก


โดย: คนที่คุณก็รู้ว่าใคร IP: 58.64.105.6 วันที่: 23 ธันวาคม 2552 เวลา:0:59:30 น.  

 
ปีใหม่มีโปรแกรมไปเที่ยวไหนเปล่าคะ
ขอให้มีความสุขนะคะ
ขอให้มีโชคหมดทุกข์โศกโรคภัย
พ้นเคราะห์ที่เลวร้าย พันภัยด้วยเทอญ


โดย: chabori วันที่: 23 ธันวาคม 2552 เวลา:11:18:03 น.  

 
ตื่นตา ตื่นใจมากเลยครับ


โดย: manopetchara วันที่: 23 ธันวาคม 2552 เวลา:14:30:06 น.  

 
ชอบจังเลยค่ะ อยากให้เมืองไทยมีอย่างนี้บ้าง จะได้เป็นสังคมอุดมปัญญากันทั้งประเทศเลยค่ะ


โดย: Globetrotter วันที่: 23 ธันวาคม 2552 เวลา:14:42:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

lunaloca
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ง า น แ ป ล


ช่างเป็นนักแปลที่ทำงานได้หลากแบบหลายแนว
นามปากกาคละเคล้า เดาทางไม่ถูกจริงๆนิเรา

Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
23 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add lunaloca's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.