|
ถั่วเปลือกแข็งอีกชนิดหนึ่งที่เรารู้จักกันดีก็คือ "มะม่วงหิมพานต์" ซึ่งเป็นพืชดั้งเดิมของทาง อเมริกาใต้ เมื่อมาปลูกในประเทศไทย คนไทยภาคใต้เรียกกันว่ากาหยู แต่ภาษา กลางที่เรียกกันจนติดปากว่ามะม่วงหิมพานต์นั้น ก็น่าจะเพราะว่ามีลักษณะคล้ายกับผลมะม่วง
หากใครมีโอกาสได้เห็นต้นมะม่วงหิมพานต์ อาจจะคิดเหมือน 108 เคล็ดกิน" ว่า มันช่างเป็น ผลไม้ที่แปลกประหลาดเหลือเกิน เพราะดู ภายนอกแล้วผลของมันจะมีลักษณะคล้าย ผลชมพู่ แต่กลับมีติ่งเล็กๆ สีน้ำตาลห้อย อยู่ตรงปลายผล จะหลุดก็ไม่หลุดเสีย อย่างนั้น แต่ผลที่ดูแล้วคล้ายชมพู่ที่ หลายคนคิดว่าเป็นผลจากต้นมะม่วง หิมพานต์นั้น ที่จริงเป็นฐานรองดอก ส่วนผลที่แท้จริงนั้นก็คือติ่งเล็กๆ สี น้ำตาลที่ห้อยออกมานั้นต่างหาก และ หากนำมากะเทาะเปลือก ก็จะได้ เมล็ดมะม่วงหิมพานต์มาคั่ว มาอบ หรือมาประกอบอาหารได้หลายอย่าง
ในเมล็ดมะม่วงหิมพานต์นี้ก็มี ประโยชน์อยู่ไม่น้อย เพราะเมื่อเทียบ กับถั่วเปลือกแข็งด้วยกัน มะม่วง หิมพานต์ถือว่ามีไขมันน้อยกว่ามาก คือ 47% เท่านั้น ทำให้เมื่อแกะ เปลือกออกแล้วเก็บได้นาน ไม่เหม็นหืน แถมไขมันในเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ ก็ยังเป็นไขมันชนิดดีถึงกว่า 75% และ มีแร่ธาตุที่สำคัญอย่างฟอสฟอรัสและ แมกนีเซียม อีกทั้งยังมีวิตามินอีใน ปริมาณมากเท่าๆ กับในถั่วลิสง แถม ยังมีเส้นใยมากถึง 16 กรัม ต่อเมล็ด มะม่วงหิมพานต์ 100 กรัม ต่อ เมล็ดมะม่วงหิมพานต์
| |