สวัสดีค่ะ ภาระหน้าที่ทำให้ต้องเดินทางไกลมาถึงบัวโนสไอเรส แต่ยังคิดถึงเพื่อนบล็อกทุกคนนะค่ะ
พระพิฆเณศวรเทพแห่งศิลป์





เพื่อนคงรู้จักพระพิฆเนศกันดีท่านเป็นเทพที่มีความเมตตามากๆ
แต่จากที่ได้ข้อมูลมาท่านยังมีอีกหลายชื่อ เช่น พระวิฆเนศวร ,พระพิฆเณศ, พระพิฆเนศวร, พระคเณศ, พระคณปติ และมีอีกหลายปางซึ่งแต่ละปางก็
จะประจำวันเกิดพร้อมกับมีบทสวดบูชา แต่ก่อนอื่นก็ขอเล่าความเป็นมา
สักเล็กน้อยก่อนพอเป็นสังเขปค่ะ


คนไทยคุ้นเคยกับบรรดาเทพเจ้าทั้งหลายมาช้านาน แต่ในบรรดาเทพเจ้าทั้งหมด คนไทยรู้จักพระพิฆเนศวรมากที่สุดเพราะท่านเป็นมหาเทพที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตคนไทยมากที่สุดจนกล่าวได้ว่าคนไทยยอมรับในองค์พระพิฆเนศวรเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งในการประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ เป็นตราประจำกรมกองต่าง ๆ มากมาย พระพิฆเนศวรเป็นเทพแห่งปราชญ์และความรอบรู้ต่าง ๆ เป็นเทพแห่งขจัดอุปสรรคความขัดข้อง ดังนั้นหากผู้ใดเป็นผู้รู้และต้องการประสบความสำเร็จต่อกิจการทั้งปวงมักจะบูชาพระพิฆเนศวร


สมัยก่อนในอินเดียเองก็มีแนวความเชื่อในเรื่องพระพิฆเนศวรในทุกลัทธิศาสนาไม่ว่าลัทธิที่ถือองค์พระศิวะเป็นใหญ่ นับถือพระพรหมเป็นใหญ่หรือพระนารายณ์เป็นใหญ่ ทุกลัทธิล้วนให้ความสำคัญต่อพระพิฆเนศวรทั้งสิ้น ด้วยทุกตำราได้กล่าวถึงที่มาของพระพิฆเนศวรไว้สูง สำคัญและฤทธิ์มากมีความเฉลียวฉลาดมีคุณธรรม คอยช่วยเหลือปกป้องปราบปรามสิ่งชั่วร้ายและเป็นยอดกตัญญูแม้พระพิฆเนศวรจะเป็นเทพที่มีความเก่งกาจสามารถยิ่ง แต่ก็เป็นเทพที่สงบนิ่งไม่เย่อหยิ่งทรนงอันเป็นคุณสมบัติอันประเสริฐอีกประการหนึ่งของผู้ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง


จึงกล่าวได้ว่า พระพิฆเนศวรเป็นมหาเทพที่ดีพร้อมครบถ้วนด้วยความดีงามสมควรแก่การยกย่องบูชาเป็นนิจ แม้แต่องค์พระศิวะมหาเทพผู้สร้างและพระบิดาแห่งองค์พระพิฆเนศวรยังกล่าวว่า ไม่ว่าจะกระทำการสิ่งใดหรือทำพิธีบูชาใด ให้ทำการบูชาพระพิฆเนศวร ก่อนกระทำการทั้งปวง “ผู้ใด ต้องการความสำเร็จ ให้บูชาพระพิฆเนศวร” “ผู้ใด ต้องการพ้นจากความขัดข้องทั้งปวง ให้บูชาพระพิฆเนศวร”


ตำนานกำเนิดของพระพิฆเณศวร


พระคเณศอาจจะมีต้นกำเนิดมาจากการเป็นเทพประจำเผ่าของคนป่า ที่อาศัยอยู่ในป่าเขาอันกว้างใหญ่ของอินเดีย คนเหล่านี้ต้องเผชิญกับฝูงช้างอันน่ากลัวจึงเกิดการเคารพในรูปของช้างชึ้น เพื่อให้ปกป้องคุ้มครองและพัฒนาต่อมาเป็นเทพชั้นสูงของชาวอารยัน


ต่อมาได้พัฒนาเป็นเทพผู้ขจัดซึ่งอุปสรรค มีความเฉลียวฉลาดเป็นเลิศ ทั้งยังได้รับการยกย่องให้เป็นหัวหน้าของเทพที่มีเศียรเป็นสัตว์ทั้งหลาย จนกระทั่งมีการรจนาปกรณ์ให้เป็นโอรสของพระศิวะเทพและพระนางปราวตีในเวลาต่อมา


แต่ในแง่ของคัมภีร์ทางศาสนาพราหมณ์ได้บรรยายจุดกำเนิดของพระคเนศไว้หลากหลายตำนานตามความเชื่อในแต่ละลัทธิ พอจะสรุปเป็นหลักๆได้ดังนี้


ตำนานที่ 1. วิฆเนศวรปราบอสูรและรากษส

อสูรและรากษสได้ทำการบวงสรวงพระศิวะจนได้คำพรจากพระศิวะหลายประการ ยังให้เหล่าอสูรกลุ่มนี้ฮึกเหิมก่อความเดือดร้อนเป็นอันมาก พระอินทร์จึงทรงนำเทวดาทั้งหลายไปเข้าเฝ้าอ้อนวอนต่อพระศิวะ ขอให้พระองค์สร้างเทพแห่งความขัดข้องขึ้น เพื่อขัดขวางความพยายามของอสูรและรากษส พระองค์จึงทรงแบ่งส่วนกายหนึ่งให้เกิดบุรุษร่างงามจากครรภ์ของพระนางปราวตีและตั้งพระนามว่าวิฆเนศวร เพื่อทำหน้าที่ขวางทางอสูร รากษส และคนชั่วมิให้ทำการบัดพลีเพื่อขอพรจากพระศิวะ ทั้งยังเป็นผู้เปิดทางอำนวยความสะดวกต่อเทวดาและคนดีเพื่อเป็นหนทางสู่ความสำเร็จ


ตำนานที่ 2. ปราวตีนำเหงื่อไคลปั้นเป็นลูก

ครั้งหนึ่ง ชยาและวิชยา พระสหายของนางปราวตีได้แนะนำว่าปกติพระนางมักจะต้องใช้บริวารของพระศิวะอยู่เป็นประจำ ถ้าหากพระนางจะมีบริวารเป็นของตนเองก็คงจะดีไม่น้อย พระนางเห็นด้วย จนวันหนึ่งขณะที่ทรงสรงน้ำอยู่ตามลำพังก็ทรงนึกถึงคำพูดของพระสหายจึงได้นำเอาเหงื่อไคลออกมาสร้างบุรุษรูปงาม สั่งให้ไปยืนเฝ้าทวาร มิให้ใครเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นอย่างนี้มาหลายเพลา จนวันหนึ่งพระศิวะได้เสด็จมา ฝ่ายลูกก็ป้องกันแข็งขัน โดยไม่รู้ว่านั่นคือพ่อพระศิวะโกรธก็เลยสั่งให้ภูติและคณะของตนเข้าสังหารทวารบาลพระองค์นั้น บ้างก็ว่าพระศิวะพุ่งตรีศูลตัดเศียรลูก บ้างก็ว่าพระวิษณุเทพที่มาช่วยรบนั้นใช้จักรตัดเศียร ความทราบถึงพระนางปราวตีจึงเกิดศึกใหญ่ระหว่างเทพและเทพีขึ้นบนสวรรค์ฝ่ายฤาษีนารอดอดรนทนไม่ได้ จึงได้เป็นทูตสันติภาพขอเจรจากับนางปราวตีเพื่อสงบศึก นางบอกว่าจะสงบศึกก็ต่อเมื่อลูกของนางฟื้นเท่านั้น พระศิวะจึงสั่งให้เทวดาเดินทางไปทิศเหนือให้เอาศีรษะของสิ่งมีชีวิตสิ่งแรกที่พบมาต่อกับโอรสของนางปราวตี ปรากฏว่าเทวดาได้เศียรของช้างซึ่งมีงาเพียงข้างเดียวมา เมื่อพระคเณศฟื้นขึ้นมา ทราบความจริงว่า พระศิวะคือพระบิดาก็ตรงเข้าไปขอโทษเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ พระศิวะพอใจมากประสาทพรให้พระคเณศมีอำนาจเหนือภูติผีทั้งหลายและทรงแต่งตั้งให้เป็นคณปติ


ตำนานที่ 3. ขวางทางคนชั่วไปเทวาลัยโสมนาถและโสมีศวร

พระนางปราวตีทรงเอาน้ำมันที่ใช้ในการสรงน้ำมาผสมกับเหงื่อไคลปั้นเป็นรูปคนแต่มีเศียรเป็นช้างจากนั้นได้เอาน้ำจากพระคงคาปะพรมให้มีชีวิตขึ้น เพื่อทำการขัดขวางแก่คนชั่วที่จะไปบูชาศิวะลึงค์ที่เทวาลัยโสมนาถและเทวาลัยโสมีศวรเพราะคนเหล่านี้หวังจะไปล้างบาปเพื่อมิให้ตกนรกทั้งเจ็ดขุม ด้วยเหตุนี้ การที่วันคเณศจาตุรถี นิยมเอารูปปั้นพระคเณศมาจุ่มน้ำหรือนำเทวรูปปูนชิ้นเล็ก ๆมาทิ้งตามแม่น้ำคงคา ชะรอยจะมาจากความเชื่อที่ว่าน้ำจากแม่พระคงคาจะทำให้พระคเณศมีชีวิตขึ้นมานั่นเอง


ตำนานที่ 4. พระคเณศ กฤษณะอวตาร

พระนางปราวตีมเหสีของพระศิวะไม่มีโอรส พระศิวะจึงทรงแนะนำให้พระนางทำพิธีปันยากพรต (พิธีบูชาพระวิษณุเทพ ในวันขึ้น 13 ค่ำเดือนมาฆะ) มีระยะเวลากำหนด 1 ปีเต็มและเมื่อครบกำหนด พระนางจะได้โอรสซึ่งเป็นพระกฤษณะอวตารไปจุติ ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามคำตรัสของพระศิวะ ทวยเทพทั้งหลายมาร่วมอวยพรในกลุ่มเทพเหล่านี้มีพระศนิ (พระเสาร์) รวมอยู่ด้วย เมื่อพระศนิเหลือบมองพระกุมารทันใดนั้นเศียรกุมารก็ขาดจากพระศอกระเด็นไปยังโคโลกซึ่งเป็นวิมานของพระกฤษณะพระวิษณุจึงเสด็จไปยังแม่น้ำบุษปุภัทรเห็นช้างนอนหัวไปทางทิศเหนือจึงตัดเศียรช้างกลับมาต่อให้กับเศียรกุมารที่หายไป ตำนานนี้เข้าใจว่าเป็นเรื่องที่สร้างโดยกลุ่มที่นับถือพระกฤษณะเป็นใหญ่


ตำนานที่ 5 ศิวะ-อุมาแปลงกายเป็นช้างเข้าสมสู่

ครั้งหนึ่งพระศิวะและพระนางปราวตีได้เสด็จมายังแถบภูเขาหิมาลัยได้เห็นช้างสมสู่กันก็บังเกิดความใคร่ พระศิวะจึงได้แปลงเป็นช้างพลาย ส่วนนางปาราวตีแปลงกายเป็นช้างพังร่วมสโมสรจนมีลูกเป็นพระคเณศ


วิธีบูชาพระพิฆเนศ


เริ่มต้นครั้งแรกควรเริ่มบูชาในวันพฤหัสบดี วันต่อไปให้สักการะ ตามปกติ จะเป็นฤกษ์ยามใดถือเป็นมงคลทั้งสิ้น ของที่ใช้ในการสักการบูชาได้แก่ น้ำสะอาด นมหวาน หรือน้ำแดง แต่ถ้ามีเครื่องสังเวยควรใช้ผลไม้และขนมต่างๆ เช่น อ้อย กล้วยสุก มะพร้าว ควรถวายก่อนพระอาทิตย์ตกดิน อาจเลือกวันขึ้น-หรือแรม 4 ค่ำ ก็ได้ ถ้าบูชาได้ทุกวันยิ่งดี


วันและเดือนที่เหมาะแก่การบูชาพระพิฆเนศ


วันที่เหมาะสำหรับการบูชา คือ วันอังคารและวันขึ้นหรือแรม 4 ค่ำ ถ้าไหว้ได้ทุก วันก็จะยิ่งดี


เครื่องสังเวยพระพิฆเนศ


เครื่องสังเวยห้ามใช้เนื้อสัตว์ทุกชนิด ให้ถวายผลไม้เป็นหลัก จะต้องมีท่อนอ้อย ซึ่งหาซื้อได้ที่ปากคลองตลาด หรือน้ำอ้อย นม ขนมโมทกะ (ขนมต้มแดง ต้มขาวของไทย) หรือถ้าใช้ขนมแขกต้องใช้ขนมลาดูป


คาถาสวดอัญเชิญและบูชาองค์พระพิฆเนศ


โอม ศิโรเม พุทธะเทวัญจะ อะหังเมธานัง พิฆะเนศะวะรัง นามะเทวะตา มะหาอิทธิโย ปาระมิตตา ปูชิตตะวา อัญชะลียะ ปัก การะวันตา ปักการา เคหะวัตถุ มหิเขตเต พิธีปูชา อาคัจ ฉายะหิ สัม ผัสสะ เทวะ มะนุสสานัง อัญชลียะ จะ นะมัสศิวารายะ

โอม พระพิฆะเนศะวะระ สัพพะ สิทธิ ประสิทธิเม มะหาลาโภ ภะวันตุเม
ทุติยัมปิ พระพิฆะเนศะวะระ สัพพะสิทธิ ประสิทธิเม มะหาลาโภ ภะวันตุเม
ตะติยัมปิ พระพิฆะเนศะวะระ สัพพะสิทธิ ประสิทธิเม มะหาลาโภ ภะวันตุเม
พระคาถาบทนี้สำหรับสวดอัญเชิญและบูชาองค์พระพิฆเนศ เพื่อให้ท่านได้โปรดประทานพรในสิ่งที่เป็นสรรพมงคล ทั้งในด้านวิชา สติปัญญา ความรอบรู้ และชีวิตความเป็นอยู่โดยทั่วไป เพื่อความเป็นสิริมงคลและสำเร็จผลทุกประการ


ขั้นตอนการบูชาพระพิฆเนศ


1. จุดเทียนหรือตะเกียงน้ำมัน ธูป กำยาน
2. กล่าวคำบูชาพระพิฆเนศ แล้วจึงตามด้วยการสวดบูชาเทพพระองค์อื่น
3. ถวายเครื่องบูชาสักการะ กล่าวคำถวาย และอัญเชิญมารับ เครื่องถวาย
4. สวดมนต์ ทำสมาธิ
5. ถวายไฟ ใช้เทียน หรือสำลีชุบน้ำมันเนย ใช้ฝ่ามืออังไฟนำมาแตะที่หน้าผากเพื่อให้เกิดความสว่างแก่ดวงปัญญาและชีวิต จากนั้นแผ่เมตตา เป็นอันเสร็จพิธี


การจัดวางพระพิฆเนศที่เหมาะสม


การจัดวางพระพิฆเนศและเทวรูปองค์อื่นๆ เน้นที่ความสวยงาม ความสะดวกและเหมาะสมเป็นหลัก เรื่องทิศทางถือว่าเป็นรอง ส่วนใหญ่จะเน้นทางทิศตะวันออกเป็นหลัก หรือทิศอื่นๆ ก็ได้ ยกเว้นทิศตะวันตก ที่สำคัญควรแยกที่บูชาเป็นเอกเทศต่างหาก โดยไม่ปะปนกับหิ้งหรือโต๊ะหมู่บูชาพระพุทธรูปหรือรูปเหมือนพระเกจิอาจารย์ถ้าหากไม่มีพื้นที่จริงๆ อนุโลมให้วางรวมกันได้ แต่ต้องวางต่ำกว่าพระพุทธรูป


คาถาสวดบูชาพระพิฆเนศ


1. "โอม ศรี คเณศายะ นะมะฮา" (9 จบ) จากนั้นให้กล่าวคำอธิษฐานขอพรเป็นภาษาไทย สำหรับผู้เริ่มต้นบูชา ควรใช้มนต์บทนี้ ซึ่งสั้น กระชับและจำง่าย
2. "โอม ศรี มหาคณะปัตตะเย นะมะฮา"
3. "โอม คัม คณะปัตตะเย นะมะฮา"
4. "โอม ศรี วินายะกายะ นะมะฮา"
5. โองการพินธุ นาถังอุปปันนัง พรหมมะโน จะอินโท พิฆะเนศโต มหาเทโว อะหังวันทามิ สัพพะทา สิทธิกิจจัง สิทธิกัมมัง สิทธิการิยัง ประสิทธิเม (ใช้สวดเพื่อขอพรหรือปัดเป่าเหตุร้าย)


มนต์บูชาพระพิฆเนศประจำวันเกิด





พระพิฆเนศสำหรับผู้ที่เกิดวันอาทิตย์

พระวีระ คณปติ (Veera Ganapati)
อวตารแห่งนักรบ ปางออกศึก และปราบมาร ให้อำนาจในการบริหารปกครอง และความเป็นผู้นำ หรือปางเปิดโลกนั่นเอง เป็นปางอำนาจ คือ
พระสุริยทิตย์

คาถา “โอม ศรี วีระ คณปติ ยะนะมะฮา”

วรรณะสีแดงโลหิต มี ๑๖ กร ทรงอาวุธ และสิ่งมงคลต่างๆคือ โล่ หอก ค้อน คทา ธงชัย จักรตรา พญางู ขวาน คันศร ลูกศร ตรีเพชร ขอสับช้าง อสูร กระบี่ ตะบอง และบ่วงบาศ พระกรเหล่านั้นกางออกประดุจรัศมีอำนาจแห่งดวงอาทิตย์

อำนวยผลให้กับองค์กรบริหารราชการแผ่นดิน ทหาร ตำรวจ พลเรือน ฝ่ายปกครอง ผู้นำ ผู้บริหาร หัวหน้าหน่วยงานทุกประเภท

เสริมให้ผู้ที่บูชามีอำนาจ เกียรติยศ ชื่อเสียงและทรัพย์สิน





พระพิฆเนศสำหรับผู้ที่เกิดวันจันทร์

พระทิวมุข คณปติ (Dwimukha Ganapati) ปาง ๒ เศียร

คาถา “โอม ศรี ทวิมุข คณปติ ยะนะมะฮา”

วรรณะสีเนื้อขมิ้น หรือสีทอง หรืออาจจะพบมีสีเขียวบ้างทางตอนใต้ของอินเดีย มี ๒ เศียร ๔กร ทรงถืองาหัก ตะบอง บ่วงบาศ และโถอัญมณี เป็นปางที่เป็นคนที่ปรับตัวได้กับทุกคนให้ทรัพย์มาก และขจัดอวิชา บางครั้งจะพบในลักษณะของนริตยาคณปติปานาฏราช 4 พระกร 2 พระกร จะสมบูรณ์ต้องประทับใต้ต้นมะตูม

อำนวยผลให้กับผู้ทำงานด้านประชาสัมพันธ์ ด้านติดต่อเจรจา ประสานงาน เป็นสื่อกลางต่างๆ นักการทูต นักจิตวิทยาที่ต้องใช้มนุษย์สัมพันธ์สูง





พระพิฆเนศสำหรับผู้ที่เกิดวันอังคาร

พระตรีมุข คณปติ (Trimukha Ganapati) ปาง ๓ เศียร

คาถา “โอม ศรี ตรีมุข คณปติ ยะนะมะฮา”

วรรณะสีแดง หรือสีชมพูสด มี ๓ เศียร ๖ กร สามเศียรหมายถึง ภพทั้งสาม (สวรรค์, โลกมนุษย์, บาดาล) ถือเป็นปางเปิดโลกปางหนึ่งประทับนั่งบนดอกบัว ทรงประทานพร พระหัตถ์ขวาประทานอภัย พระหัตถ์ซ้ายอำนวยพร กรอื่นๆทรงถือตะบอง ลูกปะคำ บ่วงบาศ และโถใส่น้ำผึ้ง

อำนวยผลทางด้านโภคทรัพย์ มีอำนาจ มีเสน่ห์ และแคล้วคลาดปลอดภัย ซึ่งเลข 3 ถือเป็นอำนาจการคุ้มครองของพระอังคาร





พระพิฆเนศสำหรับผู้ที่เกิดวันพุธ

พระทวิชา คณปติ (Dwija Ganapati)
ปางของการบุกเบิก เริ่มต้นชีวิตใหม่ เปิดกิจการใหม่
คาถา “โอม ศรี ทวิชา คณปติ ยะนะมะฮา”

วรรณะสีขาวมี หรือบางตำราเป็นสีเขียว ๔ เศียร ๔ กร ทรงถือลูกปะคำ ไม้ครู(หรือพลอง) กาน้ำ และคัมภีร์ และเป็นสัญลักษณ์แห่งการเกิดใหม่ ความพากเพียร และแสวงหาวิชาความรู้

หรือเป็นปางคเนศกึ่งนารี กึ่งบุรุษ ตามตำนานแห่งพระพุธเทวาที่มี 2 ร่าง เป็นพระนางอิลาจากคำสาปของพระศิวะ

อำนวยผลให้กับผู้ประกอบกิจการต่างๆ นักธุรกิจ นักลงทุน นักสำรวจ นักบุกเบิก คนทำงานต่างแดน เป็นต้น ปางนี้ให้ทรัพย์มาก กล่าวถึงพระพรหม 4 พระพักตร์ ที่ให้พรพระคเนศให้มีอำนาจเทียบเท่ากับพระองค์ ปางที่เป็นอัครนารีคเณศนั้นสามารถหาดูได้ที่รูปแกะสลักหิน ปรากฏที่วิหารพระแม่อุมากามาฉิ เมืองกัลยากุมารี ทางใต้ของอินเดีย ปางนี้ถึงว่าอวตารเป็นครึ่งพระลักษมี เพื่ออำนาจ บารมี ทรัพย์และมีความสามารถดั่งบุรุษกับสตรีรวมกัน





พระพิฆเนศสำหรับผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี

พระเหรัมภะ คณปติ (Heramba Ganapati) ปกป้องคุ้มครอง

คาถา “โอม ศรี เหรัมภะ คณปติ ยะนะมะฮา”

วรรณะสีขาว หรือแสงอรุณรุ่ง มี ๕ เศียร ๑๐ กร ประทับนั่งบนหลังสิงโต หมายถึง พลังอำนาจในการปกครองบริวาร กางพระกรประดุจรัศมีคุ้มกันสรรพภัย พระหัตถ์ซ้ายประทานพร พระหัตถ์ขวาอำนวยพร ทรงถือมะม่วง ลูกประคำ ขนมโมทกะ งาหัก บ่วงบาศ ค้อน ขวาน และพวงมาลัย บูชาเพื่อขจัดความอ่อนแอ ไร้พลัง

เป็นปางหนึ่งที่พระราชาในอินเดียนิยมบูชากันมาก อำนวยผลด้านการปกป้องคุ้มครองบริวาร การบริหาร ปกครองของผู้นำ





พระพิฆเนศสำหรับผู้ที่เกิดวันศุกร์

พระเอกทันตะ คณปติ (Ekadanta Ganapati) ปางสำเร็จทุกสิ่ง

คาถา “โอม ศรี เอกทันตะ ปะระสัท คณปติ ยะนะมะฮา”

วรรณะสีฟ้า มี ๔ กร ทรงถือขวาน (เพื่อใช้กำจัดอวิชา) ถือลูกประคำ (เพื่ออธิษฐาน) ผลไม้ และงาหัก เอกทันตะหมายถึงเทพเจ้าผู้มีงาข้างเดียว

อำนวยผลให้ประสบความสำเร็จทุกสิ่งตามแต่จะอธิษฐาน บางครั้งจะทรงอุ้มพระชายาสิทธิและพุทธิ เป็นปางของการให้กิเลสสมบัติ โดยพระศุกร์เทวา และเสน่ห์แห่งรักของพระกามเทพ ส่วนใหญ่จะอำนวยผลทางด้านความรัก





พระพิฆเนศสำหรับผู้ที่เกิดวันเสาร์

พระสิทธิ คณปติ (Siddhi Ganapati) ปางประทานความสมบูรณ์ และทรัพย์สมบัติ

คาถา “โอม ศรี สิทธิ คณปติ ยะนะมะฮา”

วรรณะสีทองคำ มี ๔ กร ทรงถือช่อดอกไม้ มะม่วง ต้นอ้อย และขวาน ส่วนงวงนั้นชูขนม คอยประทานความร่ำรวย และความอุดมสมบูรณ์ให้กับโลก

อำนวยผลด้านทรัพย์สินเงินทอง และความอุดมสมบูรณ์ อำนาจเหนืออุปสรรค ขจัดภูติผีปีศาจ อำนาจในการปกครองหรือการสอน การแพทย์ การพยากรณ์ ปางนี้ถือว่าสำคัญมากโดยเฉพาะผู้มีพระเสาร์แทรกทำให้รุ่มร้อน





พระพิฆเนศสำหรับคนเกิดวันพุธกลางคืน (ราหู)

พระอุจฉิษฏะ คณปติ (Uchhishta Ganapati) ปางเสน่หา และความสำเร็จสมปรารถนา

คาถา “โอม ศรี อุจฉิษฏะ คณปติ ยะนะมะฮา”

วรรณะสีฟ้าเทาดุจเมฆา สีสัมฤทธิ์ หรือนิล มี ๖ กร ประทับนั่งโดยพระกรหนึ่งโอบอุ้มศักติชายาอยู่ที่ตักด้านซ้าย บางครั้งจะพบพระทับบนหลังหนูพาหนะ ส่วนพระกรอื่นถือลูกประคำ ลูกทับทิม พิณ รวงข้าว และดอกบัว

อำนวยผลให้เกิดเสน่ห์ และความสำเร็จในด้านต่างๆตามแต่จะขอพร









Create Date : 10 มกราคม 2552
Last Update : 10 มกราคม 2552 17:13:44 น. 1 comments
Counter : 2956 Pageviews.

 
พึ่งไปพิพิธภัณฑ์พระพิคเนศที่เชียงใหม่มาค่ะ รู้สึกดีมาก
นับถืออยู่ด้วย


โดย: patra_vet วันที่: 10 มกราคม 2552 เวลา:22:54:43 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

kobnon
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 92 คน [?]




.
สาระน่ารู้ประจำวัน
1.โรคข้อสันหลังอักเสบติดยึด
2. บุหรี่ ทำนมยาน หูตึง
3. Upside down pineapple cake


music
Group Blog
 
<<
มกราคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
10 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add kobnon's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.