สวัสดีค่ะ ภาระหน้าที่ทำให้ต้องเดินทางไกลมาถึงบัวโนสไอเรส แต่ยังคิดถึงเพื่อนบล็อกทุกคนนะค่ะ

คอแดงหรืออักเสบ มีอะไรซ่อนอยู่

บ่อยครั้งที่แพทย์ตรวจแล้วบอกผู้ป่วย โดยเฉพาะกับคุณพ่อคุณแม่ว่าลูกคอแดง นั้น มีความสำคัญอย่างไร ?

ถ้า พูดแบบตรงไปตรงมาเลย คือแพทย์ต้องการสื่อว่าเกิดพยาธิสภาพหรือการอักเสบขึ้นกับเยื่อบุของอวัยวะต่าง ๆในช่องคอ โดยมีการอักเสบหรือการติดเชื้อเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจาก เชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา หรืออื่น ๆ และเป็นเหตุเป็นผลพอที่จะให้ยาหรือยาปฏิชีวนะกับเราหรือบุตรหลานเราได้อย่างมั่นใจ ดังนั้นเวลาที่แพทย์บอกว่า “คอแดง” นั้นแพทย์มักจะหมายถึงมีการอักเสบแดงของผนังคอด้านหลัง หรือ คอหอย (ซึ่งมักมีเสียงแหบ เจ็บคอร่วมด้วยมากกว่า) หรือ ต่อมทอนซิลที่อักเสบ โดยบางครั้งการแดงอาจมีตั้งแต่น้อยไปจนถึงมาก เลยไปถึงการอักเสบเป็นจุดหนองนั้น ซึ่งสาเหตุแตกต่างกันไป โดยไม่ได้หมายความว่าจะเกิดจากการติดเชื้อเสมอไป ลักษณะคอแดง สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

1.คอแดงแบบไม่มีพยาธิสภาพหรือการติดเชื้อ

ในที่นี้หมายถึง เยื่อบุในผนังคอที่แดงจากภาวะไข้ทั่วไปโดยที่ไม่ได้จำเป็นต้องมีคออักเสบ เช่น เวลาไข้สูง ซึ่งผู้ปกครองก็คงคิดเหมือนกันว่ามันก็แดงไปหมดทั้งตัวแหละ ซึ่งเป็นความจริง ในบางครั้งระยะเริ่มแรกการติดเชื้อเราอาจแยกได้ไม่ชัดเจน และโดยส่วนใหญ่โดยเฉพาะผู้ป่วยเด็กมักเป็นการติดเชื้อไวรัสเสียส่วนใหญ่ทำให้บางทีอาจแยกออกได้ยาก หรือบางครั้งกินอาหารที่มีสี ๆ ก็อาจทำให้แดงได้เหมือนกัน แต่แพทย์มักดูออก ซึ่งกลุ่มนี้มักไม่จำเป็นต้องได้รับยาปฏิชีวนะ

2.คอแดงแบบมีพยาธิสภาพหรือมีการติดเชื้อร่วมด้วย

ข้อนี้แพทย์จะบอกว่าคอลูกแดงชัดเจน มีขอบเขตแยกส่วนที่อักเสบและไม่อักเสบเห็นได้ชัด (demarcation) ซึ่งโดยส่วนใหญ่สาเหตุการแดงอักเสบแบบนี้มักเกิดจากเชื้อแบคทีเรียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งแพทย์มักบอกหรือให้ข้อมูลว่าเป็นการติดเชื้อแทรกหรือร่วม (superimposed infection) เพราะจริง ๆ แล้วในเด็กสาเหตุเริ่มแรกมักเป็นไวรัสเกือบถึงร้อยละ 80 นอกจากนี้แพทย์มักจะพิจารณาจากอาการร่วม เช่น เป็นมาหลายวันแล้ว อย่างน้อย 3-5 วัน, มีไข้สูง, ดูอาการแย่ (toxic symptom), อาจเจ็บคอมาก, มีกลิ่นปาก, เสมหะเหนียวเขียว ซึ่งแพทย์มักสั่งยาปฏิชีวนะที่เหมาะสมมาให้รับประทาน เพราะสมเหตุสมผล

3.คอแดงร่วมกับมีจุดร้อนในหรือมีหนอง อาจลุกลามไปที่ทอนซิลสองข้างด้วย

อันนี้ค่อนข้างแน่ใจได้ว่าสาเหตุส่วนใหญ่เป็นจากแบคทีเรียถึงราว 70-80% ส่วนที่เหลือเล็กน้อยนั้น สาเหตุอาจเกิดจากเชื้อไวรัสบางกลุ่มได้ ที่ทำให้เกิดมีฝ้าขาวคลุมที่ทอนซิลหรือมีจุดร้อนในกระจายทั่วในปากหรือในกระพุ้งแก้ม คือเชื้อไวรัสกลุ่ม EB virus หรือ Coxackies virus ครับ ซึ่งถ้าตรวจพบคอแดงและมีจุดหนอง (คล้าย ๆ ร้อนใน) กลุ่มนี้อาการเจ็บคอจะค่อนข้างมากครับ กินอะไรไม่ค่อยได้ มีกลิ่นปาก เด็กเล็กอาจสังเกตว่ามีน้ำลายไหลมากกว่าปกติ ไม่ค่อยดูดนม ไข้มักขึ้นสูงขึ้น ๆ ลง ๆ เป็นช่วง ๆ เรียกว่าหมดฤทธิ์ยาลดไข้ก็มากันทีเดียวจนผู้ปกครองส่วนใหญ่กังวล ผู้ป่วยมักมีอาการปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย เพราะเชื้อแบคทีเรียบางส่วนอาจเล็ดลอดเข้าสู่กระแสเลือด แล้วร่างกายพยายามสร้างกลไกป้องกันตามธรรมชาติขึ้นกับสารที่เชื้อสร้างขึ้น (pyrogen) ดังนั้นเมื่อไข้สูงเชื้อก็ไม่สามารถเพิ่มจำนวนได้เนื่องจากอุณหภูมิกายที่สูง ไม่เหมาะสำหรับเชื้อในการเพิ่มจำนวนของเชื้อแบคทีเรีย และเป็นการเตือนตัวผู้ป่วยไปด้วยในตัวว่าเกิดความเจ็บป่วยขึ้นสมควรต้องพักและรับการรักษา การรักษาโดยการให้ยาลดไข้ในกลุ่มนี้เป็นเพียงการประคับประคองเท่านั้น เพราะผู้ปกครองหรือผู้ป่วยเองจะมาบอกว่ากินยาแล้วทำไมไข้ไม่ลดลง ถ้าเห็นอาการแบบนี้แล้ว ส่วนใหญ่ร้อยทั้งร้อย มักจะมีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรียเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมักเป็นกลุ่มเชื้อสเต็ปโตคอคคัส (streptococcus) สายพันธุ์ต่าง ๆ ซึ่งก็สามารถรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ กลุ่มเพนนิซิลินหรืออนุพันธ์ หรือยากลุ่มอื่น ๆ ได้ โดยควรจะ กินยาให้ครบอย่างน้อย 7-10 วัน

ทีนี้คงทราบกันคร่าว ๆ แล้วว่า การที่แพทย์ชอบบอกว่าคอแดง ๆ นั้นเป็นอย่างไร? แต่บางครั้งก็อย่าโกรธกันว่าแพทย์บางท่านให้ยาปฏิชีวนะ บางท่านอาจไม่ให้ยาเพียงแค่รักษาตามอาการ เพราะขึ้นกับสถานการณ์ต่าง ๆ และอาการทางคลินิก ที่ตรวจพบร่วมในขณะนั้น ระยะเวลาที่เป็นว่าเพิ่งเริ่มหรือเป็นมาหลายวันแล้ว โดยแพทย์มักจะฟันธงว่าให้หรือไม่ให้ยาปฏิชีวนะไปเลย เพราะถ้าถามผู้ป่วย ผู้ป่วยส่วนใหญ่ก็คงตอบว่าแล้วแต่หมอ...

แต่ถ้ากรณีที่แพทย์แนะนำให้กินยาปฏิชีวนะแล้วผู้ปกครองไม่อยากให้ลูกกิน ตรงจุดนี้ก็คงต้องแบกรับความเสี่ยงตรงนี้ไป พูดไปก็มีข้อดี-ข้อเสีย เพราะเมื่อสมัยก่อนสมัยที่ยังไม่ได้ใช้ยาปฏิชีวนะมากเช่นทุกวันนี้ อุบัติการณ์ของ โรคหัวใจรูมาติคเกิดขึ้นมากเสียจนหมอโรคหัวใจเด็กทำงานกันแทบไม่ทัน พอถึงยุคนี้มีการให้ยาปฏิชีวนะกันมากขึ้น อุบัติการณ์ของโรคนี้ลดลงไปมากจนแทบจะหาไม่ค่อยเจอ ข้อเสียของการ ให้ยาเร็วไปโดยที่หลักฐานไม่ชัดก็มี เช่น ข้อแรกคือความเสี่ยงต่อการแพ้ยา ซึ่งปัจจุบันดีขึ้น เพราะมียาหลายกลุ่มที่เสี่ยงต่อการแพ้น้อยลงให้เลือกใช้ แม้จะไปคาดเดาไม่ได้ว่าจะเกิดหรือไม่เกิด ข้อสองคือเสียเงิน (เพราะยาปฏิชีวนะมักแพง) นอกนั้นก็ไม่ค่อยมีอะไรต้องกังวล เพราะถ้าแพทย์ให้ตามเหตุผลจำเป็นจริง ๆ โดยต้องกินตามระยะเวลาที่แพทย์กำหนดก็จะไม่เกิดการดื้อยาของเชื้อโรค (ยกเว้นว่าผู้ป่วยกินไม่ครบ) ตัวยาส่วนใหญ่มักไม่สะสมมักจะถูกเมตาโบไลต์ที่ตับและไปกำจัดทิ้ง ทางอุจจาระ ปัสสาวะหมด โดยสังเกตง่าย ๆ ว่าทำไมต้องกินทุก 8 หรือ 12 ชม. เพราะฤทธิ์ยามันลดลงจากการที่ร่างกายขับออกไป

เมื่อมาถึงตรงนี้แล้ว ก็จะเป็นการคลายความสงสัยในสิ่งที่แพทย์มักพูดบ่อย ๆ กับพ่อแม่ที่มีลูกเป็นคอแดงหรือคออักเสบ ซึ่งข้อมูลสำคัญที่นำเสนอนี้จะเป็นการสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างแพทย์กับผู้ป่วยได้เป็นอย่างดี ซึ่งแน่นอนเลยว่าจะเป็นประโยชน์ต่อบุตรหลานของท่านเป็นอย่างมาก.



ขอบคุณข้อมูลจาก//ramaclinic.ra.mahidol.ac.th/
healthnews/hnews0087.html




 

Create Date : 17 สิงหาคม 2553
2 comments
Last Update : 17 สิงหาคม 2553 10:01:59 น.
Counter : 3162 Pageviews.

 


เมื่อวานพาเจ้าน้องอุ้มไปหาหมอ
เพราะไอ มีเสมหะ
คุณหมอให้ยา
- BROMHEXINE Tab.8 MG
โดยให้กิน 3 เวลาหลังอาหาร
- PSEUDOEPHEDRINE Tab. 60 mg
ให้กิน 2 เวลาเช้า-เย็น
แล้วย่าก่อนนอนอีก 1 เม็ด
เมื่อคืนคุณแม่เจ้าน้องอุ้มบอกยังไอตลอดคืน
แต่ตัวไม่ร้อน ไม่มีน้ำมูก
วันนี้ให้ไปโรงเรียนเมื่อเช้าก็ทานยามตามนี้
เมื่อสักครู่โทรไปครูประจำชั้น
ถามว่าน้องอุ้มไอไหมคะครูบอกว่าปกติไม่ไอ
ยังสงสัยว่า
จะต้องซื้อยาฆ่เชื้อในปากมาเพิ่มไหมคะ

 

โดย: อุ้มสี 17 สิงหาคม 2553 10:26:57 น.  

 

รับทราบค่ะ

 

โดย: นาฬิกาสีชมพู 17 สิงหาคม 2553 10:48:52 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


kobnon
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 92 คน [?]




.
สาระน่ารู้ประจำวัน
1.โรคข้อสันหลังอักเสบติดยึด
2. บุหรี่ ทำนมยาน หูตึง
3. Upside down pineapple cake


music
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
17 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add kobnon's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.