สวัสดีค่ะ ภาระหน้าที่ทำให้ต้องเดินทางไกลมาถึงบัวโนสไอเรส แต่ยังคิดถึงเพื่อนบล็อกทุกคนนะค่ะ

ยออาหารและยาน่ารู้จัก

ยอ (Indian mulberry) ผักสมุนไพรพื้นบ้านชนิดนี้ สันนิษฐานกันว่ามีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมอยู่แถบหมู่เกาะโปลินีเซียน ฟิจิ ตองกา ตาฮิติ ฯลฯ ซึ่งเป็นเขตที่มีอากาศร้อนในทวีปอเมริกา ต่อมาได้มีผู้นำมาปลูกตามประเทศต่างๆ ในเขตร้อน อาทิเช่น อินเดีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ศรีลังกา เวียดนาม และไทย และถึงแม้จะมีต้นกำเนิดมาจากต่างถิ่น แต่คนไทยก็คุ้นเคยกับยอมานานนับเป็นร้อยปีแล้ว

ยอในเมืองไทยมีทั้งยอป่าและยอบ้าน ซึ่งยอทั้ง ๒ ชนิด จะแตกต่างกันทั้งลักษณะของใบและผล

ยอป่า พบ มากในป่าเบญจพรรณแล้ง และป่าแดง ไม้ยอป่าใช้ทำเป็นเครื่องเรือนและเสาบ้าน ได้ ส่วนเปลือกราก (ที่อายุ ๓-๔ ปี) เนื้อไม้และ ใบ ใช้ทำเป็นสีย้อมผ้าได้ (ให้สีแดง)

ส่วนยอบ้าน ขึ้นได้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย เปลือก ราก เนื้อไม้ และใบของยอบ้าน ใช้ทำเป็นสีย้อมผ้าได้เช่นกัน โดยเปลือก ราก เนื้อไม้ และใบ จะให้สีเหลืองแกมแดง เปลือกรากให้สีแดง เนื้อรากให้สีเหลือง ใช้ย้อมผ้าไหมและผ้าฝ้าย ซึ่งให้สีคงทนตามธรรมชาติ
นอกจากนี้ ยอบ้านยังมีประโยชน์ในด้านอาหาร และด้านยารักษาโรคด้วย


ยอกับความเชื่อของไทย

ยอเป็นต้นไม้ที่คนไทยถือว่า เป็นไม้มงคล นิยมปลูกในบริเวณบ้าน ซึ่งตามตำราแนะนำให้ปลูกกันทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เพื่อเป็นเคล็ดว่าจะได้รับการสรรเสริญ เยินยอ แม้ในการสร้างบ้านก็มีการใช้ใบยอรองก้นหลุมเสาเอก เสาโท และใช้ใบยอรองขันพิธีบายศรีสู่ขวัญในงานมงคลต่างๆ และความจริงแม้จะไม่เชื่อเรื่องเหล่านี้ก็ตาม แต่ถ้าหากปลูกต้นยอสักต้นไว้บริเวณบ้าน ก็สามารถนำส่วนต่างๆ ของต้นยอมาใช้ประโยชน์ได้มากทีเดียว


อาหารจานอร่อยจากใบยอ

ส่วนของต้นยอที่นิยมนำมาปรุงเป็นอาหารก็คือใบอ่อน โดยอาจลวกใบหรือต้มให้สุก แล้วกินเป็นผักจิ้มน้ำพริก หรือใช้ใบยอเป็นผักรองก้นกระทง
ห่อหมก ทำเป็นแกง อ่อม แกงเผ็ด ร่วมกับเนื้อสัตว์ต่างๆ
ส่วนผลห่ามหรือผลแก่จัดสีเขียว ชาวอีสานจะนำมาทำเป็นส้มตำแทนมะละกอ ว่ากันว่าอร่อยไม่แพ้ "ตำบักหุ่ง" เลยทีเดียว
ยอเป็นไม้ที่ขึ้นและเติบโตได้เองตามธรรมชาติ เพราะฉะนั้น การนำใบและผลยอมาปรุงเป็นอาหารจึงปลอดภัยต่อผู้บริโภค ที่สามารถกินได้อย่าง
สนิทใจ

ขณะเดียวกัน ยอก็มีสารอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกายหลายชนิด อาทิเช่น แคลเซียม ธาตุเหล็ก วิตามินเอ วิตามินบี ๑ วิตามินบี ๒ วิตามินซี ไนอาซีน และโปรตีน เป็นต้น

โดยเฉพาะแคลเซียมมีมากถึง๔๖๙ มิลลิกรัม ในใบยอ ๑๐๐ กรัมเรียกว่ากินใบยอสุกประมาณ ๒ ช้อน กินข้าวพูนๆ ร่างกายก็ได้รับแคลเซียม ถึงครึ่งหนึ่งของความต้องการ ในแต่ละวันแล้ว (คนทั่วไปควรได้รับแคลเซียมวันละ๘๐๐ มิลลิกรัม) และถึงแม้ว่าแคลเซียมในผักจะถูกดูดซึมไปใช้ได้ไม่ดีเท่ากับแคลเซียมจากเนื้อสัตว์ก็ตาม แต่ก็ไม่ได้น้อยไปกว่ากันมากนัก แถมราคายังถูกกว่าด้วย ส่วนที่เหลือก็เก็บเล็กผสมน้อยเอาจากอาหารประเภทอื่นๆ ซึ่งถ้าหากเลือกกินแต่อาหารที่มีประโยชน์ทุกมื้อ รับรองว่าจะไม่ขาดแคลเซียม (ไปบำรุงกระดูก) แน่นอน


ยอ : ยากลางบ้าน

ก่อนที่บรรดานักวิทยาศาสตร์หรือแพทย์สมัยใหม่จะทำการศึกษาวิจัยถึงคุณค่ามหาศาลของยอนั้น ภูมิปัญญาชาวบ้านของไทยรุ่นปู่ย่าตายาย ก็ได้ใช้ยอเป็นยากลางบ้าน ดูแลสุขภาพของตนเอง สมาชิกในบ้าน และคนในชุมชนกันมานานแล้ว

ส่วนของต้นยอที่นำมาใช้เป็นประโยชน์ทางยา คือ ราก ใบสด และ ผล ซึ่งแต่ละส่วนมีสรรพคุณและรสชาติแตกต่างกัน

ใบอ่อน มีรสขมเล็กน้อย มี สรรพคุณช่วยลดความร้อนในร่างกาย (แก้ไข้)
ผล มีรสเผ็ดร้อน ช่วยขับลม ในลำไส้ แก้อาเจียน บำรุงธาตุ เจริญ อาหาร ฟอกเลือด ขับเลือดของสตรี
ผลสุก มีกลิ่นฉุน สรรพคุณช่วยขับผายลมในลำไส้
ราก สรรพคุณเป็นยาระบาย


แก้คลื่นไส้อาเจียน
ใช้ลูกยอดิบเผาหรือปิ้งในเตาถ่าน โดยใช้ไฟอ่อน กะว่าผิวนอกไหม้ดำเป็นถ่าน ข้างในเหลืองกรอบ ถ้าเผาไม่ถึงที่ ยาจะมีรสขื่น หากไม่มีเตาถ่าน ให้หั่นลูกยอเป็นแว่นบางๆ คั่วทั้งสดๆโดยใช้ไฟอ่อนคั่วจนเหลืองกรอบ จากนั้นเอามาชงน้ำร้อนหรือต้ม

ถ้าต้มให้เดือดนาน ๒-๓ นาทีถ้าชงน้ำร้อน ใช้ยอ ๑ ลูกต่อน้ำ ๑ แก้ว แล้วชงทิ้งไว้ ๕ นาที ควรเติมเกลือพอมีรสเค็ม เพื่อชดเชยเกลือที่เสียไปจากการอาเจียน ถ้ามียาหอมอยู่ในบ้าน ผสมลงไปด้วยจะยิ่งดี เป็นการ เสริมฤทธิ์ยอ จะช่วยให้หยุดอาเจียนเร็วขึ้น ควร กินน้ำยอนี้ขณะที่ยังร้อนหรืออุ่นๆ อยู่

แก้ท้องผูก
รากยอมีสารแอนทราควิโนนออกฤทธิ์ระบายท้องได้ วิธีนำมาใช้คือ นำรากยอที่โตขนาดนิ้วชี้ ยาวไม่เกิน๖ นิ้วฟุต สับเป็นชิ้นๆ ใส่น้ำ ๒ แก้ว ต้ม ๑๐-๑๕ นาที กิน ๑ แก้ว ก่อนเข้านอน ตอนเช้าท้องไส้จะระบายดีเหมาะสำหรับคนท้องผูกและเป็นริดสีดวงทวาร (ถ้าต้องการถ่ายมาก ก็เพิ่มรากยอ)

ท้องอืด แน่นหน้าอก มีลมในลำไส้
คนสมัยก่อนถ้ากินอาหารได้ดีนอนหลับ ขับถ่ายเป็นปกติ ท้องไม่อืด แค่นี้เขาก็ถือว่าสุขภาพดีแล้ว คนสมัยนี้ท้องอืดกันเยอะ อาจเป็นเพราะกินอาหารขยะมาก กินอาหารที่ย่อยยาก หรือเย็นจัด อึดอัดใน ท้อง นั่งก็ไม่ได้ นอนก็ไม่สบาย ถ้าเอามือเคาะที่ท้องจะมีเสียงดังบึกๆ ลองใช้ลูกยอ (ที่ปลูกไว้ในบ้าน) แก้ปัญหาเหล่านี้ดู รับรองได้ผล
ใช้ลูกยอสุกงอม จิ้มเกลือกับน้ำตาล
ใช้ลูกยอแก่จัด สีขาวขุ่น (แต่ยังไม่สุกงอม) หมักฝังในขวดเกลือ ๑-๒ วัน ลูกยอจะสุกงอม แล้วนำมาจิ้มเกลือ น้ำตาลทรายแดงหรือน้ำผึ้ง กินทั้งเนื้อและเมล็ด (เมล็ดยอเคี้ยวพอแหลกก็กลืนได้)
ลูกยอดิบแก่ ทำเป็นส้มตำ
ใบยอ ปรุงเป็นอาหาร ช่วยแก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อได้

แก้ลมวิงเวียน
ใช้ลูกยอแก่นำมาฝานบางๆตำใส่มะนาว กระเทียม พริก เกลือ กินเป็นประจำ จะไม่ค่อยเวียนศีรษะ ทำให้เลือดลมหมุนเวียนดี

ปวดหัว
ใช้ใบยอต้มเดือด ๓-๕ นาที แปะที่หัว

เบื่ออาหาร
นำลูกยอแก่มาหั่นบางๆ ใส่ขวดโหล ต้มน้ำเกลือพอเค็ม นำมาใส่ให้ท่วมสูงจากเนื้อยอ ๔-๕ นิ้ว ดองไว้ ๒-๓ คืน รินน้ำยากินครั้งละครึ่งแก้ว วันละ ๔ ครั้ง ก่อนอาหารและก่อนนอน

แก้บิด
ใช้ลูกยอแก่ ๑ ลูกใหญ่ หั่นบางๆ แล้วนำไปอังไฟให้เหลือง แช่น้ำ ๑ แก้ว ทิ้งไว้ ๑๕-๓๐ นาที รินแต่น้ำดื่ม กินทุกครั้งที่ถ่าย หรือทุก ๓-๔ ชั่วโมง

ปวดข้อ
ใช้ใบยอตำคั้นน้ำ ทาแก้โรคเกาต์ ปวดตามข้อ นิ้วมือ นิ้วเท้า

เป็นไข้
ใช้เปลือกยอต้ม ๑๐-๑๕ นาทีกินวันละ ๓-๔ ครั้ง ครั้งละ ๑ แก้ว

ถ่ายมีเลือดปน
หากมีอาการท้องผูก เจ็บแถวทวารหนัก เวลา ถ่ายอุจจาระจะมีเลือดปน ให้นำใบยอป่า ๑ กำมือ มา ตำให้ละเอียดแล้วคั้นเอาแต่น้ำ ผสมเกลือเล็กน้อย กินก่อนอาหารเช้าประมาณ ๓ วัน อาการจะทุเลาและ หายในที่สุด

ปากเปื่อย
เป็นแผลในเยื่อบุปาก และลิ้นเป็นขุย กินของ เผ็ดเค็มไม่ได้ ใช้ลูกยอดิบที่ผิวยังมีสีเขียวเข้ม ๒ ผล เผาไฟถ่านจนไหม้เป็นถ่ายดำตลอดลูก ผสมเกลือ บด ให้ละเอียด ทำในปาก วันละ ๒ ครั้ง เช้า-เย็น

ประจำเดือนขัด
สตรีที่ประจำเดือนขัด ขาดหาย ใช้ลูกยอค่อนข้างแก่ ๓-๔ ผลทำเป็นส้มตำกินวันละ ๑ ครั้ง จนประจำ เดือนมาตามปกติ

ร้อนในกระหายน้ำ
นำลูกยอสุกมาเผาไฟหรือหั่น ปิ้งไฟให้เหลืองกรอบ แล้วต้มหรือชงกินต่างน้ำ ช่วยแก้ร้อนใน กระหายน้ำได้


นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ จากการใช้ประโยชน์จากยอมาทำเป็นยากลางบ้าน ถ้าจะรวบรวม กันจริงๆ คงได้เป็นเล่ม เห็นไหม! ว่าปู่ย่าตายายของ เราล้ำสมัยกว่าคนรุ่นใหม่มานานแล้ว



ขอบคุณข้อมูลจากเว็ปไซด์หมอชาวบ้าน





 

Create Date : 27 มิถุนายน 2552
0 comments
Last Update : 27 มิถุนายน 2552 8:52:06 น.
Counter : 920 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


kobnon
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 92 คน [?]




.
สาระน่ารู้ประจำวัน
1.โรคข้อสันหลังอักเสบติดยึด
2. บุหรี่ ทำนมยาน หูตึง
3. Upside down pineapple cake


music
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2552
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
27 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add kobnon's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.