มะขามเทศ
ชื่อสามัญ Manila Tamarind หรือ Madas Tamarind ชื่อวิทยาศาสตร์ Pithecellabium dulce, Baneth. ลักษณะต้น เป็นไม้เนื้อแข็ง มีหนามที่ลำต้น ใบ เล็ก สีเขียว บาง รูปร่างกลม-กลมรี ดอก เป็นช่อแบบแพนิเคิล (panicle) ออกดอก ประมาณเดือนตุลาคม ทยอยบานเรื่อย ๆ ผลแก่ ประมาณเดือนธันวาคม ต่อเนื่องไปจนถึงมีนาคม ลักษณะฝัก โค้งเป็นวงกลม หรือเกือบวงกลม หรือโค้งเป็นวงแบบสปริง เปลือกฝักสีเขียว เมื่อแก่เปลี่ยนเป็นสีชมพู-แดง-แดงเข้ม เนื้อฝัก สีขาว-สีชมพู-แดงเรื่อ ๆ เมล็ด เล็กสีดำ
มะขามเทศเป็นพืชเศรษฐกิจระดับท้องถิ่น เกษตรกรจำนวนไม่น้อยนิยม ปลูกมะขามเทศเป็นพืชเสริมรายได้และยังนำไปใช้ประโยชน์ได้อีกหลากหลาย อาทิ ปลูกเป็นรั้วเพราะมีแนวทรงพุ่มแน่น กิ่งเหนียวมีหนาม พบ เห็นได้ตามสถานีรถไฟหลายแห่ง เมื่อมีอายุมากขึ้น เนื้อไม้จะแข็งนำ ไปใช้ประโยชน์เป็นไม้ใช้สอย และทำฟืน
นอกจากนี้ ยังทนต่อความแห้งแล้ง และปลูกได้ในดินเค็มอย่างเช่น ในภาคอีสานโดยไม่ต้องดูแลมาก ส่วนหนึ่งนิยมปลูกเพื่อรับประทานฝัก เวลาออกฝักก็ทยอยออกเรื่อย ๆ ทำให้เก็บขายได้เรื่อย ๆ ซึ่งฝักดิบ นั้นแกะเปลือกเขียวออก นำเนื้อมานึ่ง จะมีรสหวาน นำมาปรุงแทนผักได้ เช่น ใส่แกงส้ม ผัดผัก ยำต่าง ๆ หรือจิ้มน้ำพริกก็ได้
มะขามเทศ สมุนไพรไทยแก้ปากเปื่อย
ในยุคก่อนคนชนบทเป็นโรคปากเปื่อยกันมาก เนื่องจากสมัยนั้น การสาธารณสุขยังมีบทบาทเข้าไปไม่ถึงชาวบ้านน้อยมาก ประกอบกับอยู่ ห่างไกลตัวเมือง จึงไม่รู้วิธีการรักษาช่องปากให้สะอาดปราศจากโรคได้
ดังนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดในสมัยนั้นคือ ใช้แพทย์แผนไทยช่วยเจียดยาสมุนไพร ไทยรักษา ทึ่ใช้นิยมและแพร่หลายในยุคนั้นได้แก่สูตร เปลือกต้น "มะขามเทศ" โดยให้เอาเปลือกชั้นนอกออกเหลือแต่เปลือกชั้นใน จำนวน 15 กรัม เกลือป่น 1 ช้อนชา ต้มกับน้ำกะพอท่วมยาเล็กน้อยจนน้ำเดือด จากนั้นเทอม ขณะน้ำอุ่นๆ อยู่หลังแปรงฟันเช้า,กลางวัน,เย็น หรือ อมบ่อยๆ มากครั้งกว่าที่ระบุก็ได้ จะทำให้แผลในปาก หรือโรคปากเปื่อยที่เป็นอยู่ค่อยๆ ทุเลาลงและหายได้
Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2552 |
|
0 comments |
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2552 13:44:55 น. |
Counter : 2764 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|