The Journey of Dreams... Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket
<<
ตุลาคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
25 ตุลาคม 2552
 
 

เจริญสติ ที่วัดปัญญานันทาราม

๒๓-๒๕ ตค ๕๒

เคยได้ยินเกี่ยวกับการไปปฏิบัติธรรมที่วัดนี้มาสักพักแล้ว แต่ยังไม่ได้หาโอกาสไปเลย ประจวบเหมาะ กับมีกัลยาณมิตร ที่ตั้งใจว่าจะไปปฏิบัติที่วัดนี้ช่วงวีคเอนนี้ เค้าจองกุฏิไว้แล้ว แต่ว่าคนที่จะไปด้วย ดันไม่สะดวกไป เราก็เลยได้โอกาส แจมซะเลย อิอิ คิดว่าธรรมจัดสรรให้แล้วกัน เราก็เลยต้องสนองไปซะหน่อย ตัดสินใจวันนี้ จัดกระเป๋า พรุ่งนี้ไปกันเลย ชุดขาวที่ให้เพื่อนยืมไปตอนแรก เลยต้องขอกลับมาใส่เองเลย


รีบตื่นแต่เช้า นัดเจอบ้านเพื่อนตอน หกโมงเช้า เราตื่นมาตอนตีห้าสี่สิบแล้ว รีบอาบน้ำแต่งตัว อิอิ พอดีบ้านอยู่ถัดกันไปสองหลัง เลยเดินไปชิวๆ สายฝนพร่างพรมแต่เช้าเลย ทริปนี้ประกอบไปด้วย เรา เพื่อน แม่เพื่อน และคุณป้า ออกเดินทางไปถึงวัดปัญญา รังสิตคลองหก ตอนแปดโมงกว่า จัดการลงทะเบียน คนที่มาครั้งแรกก็กรอกประวัติยาวหน่อย คนที่จองไว้ล่วงหน้าก็จะมีป้ายชื่อ พิมพ์รอไว้แล้ว เราไปใหม่ พระอาจารย์ก็เขียนป้ายชื่อให้ เอาบัตรประชาชนแลกไว้ พร้อมกับแจ้งกุฏิที่เราจะพัก หยิบน้ำมากันคนละขวด

จริงๆ แล้วจองไว้กุฏิละคน แต่เนี่องจากวันนี้มีคนมาปฏิบัติเยอะมาก กุฏิมีอยู่ 60 หลัง เราเลยนอนกะเพื่อนสองคน รอบนี้คนมาร้อยกว่า บางส่วนก็ต้องไปนอนเรือนนอนรวม

อ้อ ใครเอาโทรศัพท์มาด้วย ก็ฝากไว้ที่พระตอนนี้ได้เลย (เรายังไม่ยอมฝาก เพราะกะว่าจะเอาโทรศัพท์ไว้ตั้งปลุก)

ลงทะเบียนเรียบร้อยก็ เดินเข้าไปที่ด้านใน ติดต่อขอรับกุญแจกุฏิทีพัก พอดีหลังที่เราจอง คนยังไม่ออก ก็เลยนั่งรอซักพัก เตรียมหยิบเสื่อ หมอน ปลอกหมอน ผ้าห่ม ไว้ ที่นี่มีเตรียมไว้ให้หมด

ซักพักได้กุญแจ ก็เดินไปที่พักกันเลย กุฏิที่พัก สร้างเป็นหลังๆ ตามแนวยาวซ้ายขวา ติดสระน้ำด้วย มีถนนปูนตรงกลาง สามารถเดินได้รอบ
ของเราพักหลังที่ 43 เมื่อคืนฝนตก ถนนหน้าบ้านลื่นเลย เดินผ่านทางเดินโรยกรวดกลมๆ ที่หน้าบ้าน (เจ็บทีเดียว) คิดว่าบริหารฝ่าเท้า อิอิ ขึ้นบันไดเล็กๆ สองขั้น ไขกุญแจเข้าไปเล้ย

ที่พักเป็นบ้านไม้หลังเล็กๆ อยู่คนเดียวกำลังดี แต่สองคนก็พอได้ (คับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยาก) ขนาดประมาณ 2x 2.5 เมตร มีพัดลมหนึ่งตัว ไฟหนึ่งดวง ห้องน้ำในตัว จัดการปูเสื่อ วางหมอนผ้าห่มรอไว้ (เสียดายที่ไม่ได้เอากล้องมาด้วย ได้แต่เอามือถือถ่ายมาเล็กน้อย)




โลเคชั่นที่พักเราถือว่าสะดวกเลย เดินไปที่ปฏิบัติศาลาริมน้ำ ใกล้มาก
ประมาณสิบโมง พระอาจารย์ก็เรียกรวมที่ศาลาปฏิบัติ จัดแถว นั่งเรียง จดชื่อ คราวนี้ทุกคนที่นั่งประจำเลย ท่านอธิบายข้อตกลง กฏระเบียบปฏิบัติต่างๆ จนใกล้เวลาสิบเอ็ดโมง ก็เดินแถวไปกินข้าว โดยระเบียบการกินอาหารต้องไล่ไปจาก พระ เณร แล้วค่อยถึงผู้ปฏิบัติธรรม

เรายังอยู่ในช่วงกินเจ กับข้าวเจก็มีเตรียมไว้ไม่เยอะ แต่ป้าเราเตรียมอาหารมาด้วย เลยแบ่งกันกิน รอดไปหนึ่งมื้อ กินเสร็จก็เข้าแถวล้างจาน ที่นี่มีกุศโลบายว่า อยากสวยให้ล้างชาม อยากงามให้ล้างแก้ว อิอิ

ช่วงบ่าย ก็เป็นการสอนภาวนะ กำหนดสภาวะจิต หายใจเข้า ท้องป่อง กำหนดจิตพองหนอ หายใจออก ท้องแฟ่บ ยุบหนอ คือกำหนดตามสภาวะจิต เช่น เมื่อย ก็ เมื่อยหนอ ร้อนก็ ร้อนหนอ อย่างนี้

แล้วก็ฝึกเดินจงกลม ขึ้นๆ ลงๆ ก้าวย่างอย่างมีสติ ยกหนอ ย่างหนอ ยืนหนอ ไปเรื่อยๆ

ประมาณห้าโมงเย็น ก็ได้เวลากินน้ำปานะ เป็นน้ำฟักทอง อร่อยทีเดียว

กลับที่พักทำภารกิจส่วนตัว ตอนเย็นมีนัดทำวัตรเย็นด้วยกันตอนหกโมงครึ่ง พร้อมทั้งนั่งภาวนาอีกหน่อย แยกย้ายให้ไปนอนตอนสามทุ่มกว่า พร้อมพรุ่งนี้เช้านัดเจอกัน ตีสี่ครึ่ง

รู้สึกหิวนิดหน่อย เอาน้ำฟักทองที่กรอกใส่ขวดมา ออกมากินต่อ คืนนี้ก็นอนหลับดี นอนเสื่อพื้นแข็งๆ ก็พอนอนได้ เอาผ้าห่มรองหน่อย ตื่นมาปิดพัดลมรอบเดียว เพราะรู้สึกหนาว

*********************

วันที่สอง ก็ตื่นเช้ามาทำวัตรเช้า ฝึกนั่งสมาธิ ส่วนช่วงบ่าย ก็ฝึกเดินจงกลมต่อ เดินวนไปมา กลับหน้ากลับหลัง อยู่หลายรอบมาก

ต่อด้วยการทำโยคะ มีครูมาสอนด้วย ฝึกลมหายใจเข้าออก ก็ได้ยืดเส้น ยืดสายกันดี

ตอนเย็นก็เดินจงกลมภาวนา บริเวณทางเดินรอบๆ ที่พัก เดินไปหลายสิบรอบอยู่ ถึงยุงจะเยอะ แต่ก็ต้องพยายามทำใจให้เป็นสมาธิ ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ

ตอนกลางคืน พระอาจารย์ ก็เล่าพุทธประวัติให้ฟัง สนุกดี ท่านถามว่า ตอนพระพุทธเจ้าประสูติมา เดินได้ 7 ก้าวเลยจริงหรือเปล่า ก็ตอบกันไปต่างๆ นาๆ สรุปเราวิเคราะห์คำตอบได้ว่า ไม่จริง เพราะตอนที่ประสูติมา ตอนนั้นยังไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้า นี่น่า 555

*********************
วันที่สาม
ตื่นเช้ามาตั้งแต่ตีสี่ ก็มาทำวัตรเช้ากัน เอาพวกปลอกหมอน เสื่อมาคืนด้วย

เสร็จแล้วก็แยกย้ายกันปฏิบัติภารกิจ เช่น ทำความสะอาดห้องปฏิบัติ ซักผ้า กวาดลานวัด เตรียมปูผ้าใบที่ลานธรรม

วันนี้เป็นวันอาทิตย์เลยมีคนมาทำบุญเยอะ อาหารก็พอกิน มีอาหารเจด้วย

เราได้ไปหยิบพระไตรปิฏกมาอ่านด้วย ก็ทำให้ได้ความรู้ดี อย่างเช่น การถวายภัตตาหาร ผลไม้ ให้แก่พระสงฆ์ ก็จะต้องมีการตัด หั่นให้เรียบร้อย เพราะว่าในสมัยก่อน พระสงฆ์ไปเก็บผลไม้จากสวนของชาวบ้านเองเลยทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน พระพุทธเจ้าจึงบัญญัติไว้ว่าต้องมีการ หั่นปอกก่อนจะนำมาถวายพระ

ช่วงบ่ายก็สวดมนต์ภาวนา แบบรู้สึกว่ายาวมาก ง่วงด้วย ได้แต่ภาวนาไป เมื่อยหนอ ง่วงหนอ เบื่อหนอ

จบกิจกรรมประมาณบ่ายสี่โมง ก็ไปแลกมือถือคืน กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง รู้สึกดีที่ได้มีโอกาสมาปฏิบัติธรรมที่นี่ ถึงแม้ชีวิตจริงเราจะต้องเผชิญกับเรื่องราวต่างๆ การทำงาน การใช้ชีวิต ที่มีความเคร่งเครียด แข่งขัน แต่อย่างน้อย ก็ยังมีหลักธรรมะ ไว้เป็นหลักยึดเหนี่ยวได้

ไว้จะหาโอกาสมาเป็นพุทธอาสา ช่วยวัด หรือนำอาหารมาทำบุญบ้าง

อนุโมนาสาธุ




 

Create Date : 25 ตุลาคม 2552
2 comments
Last Update : 13 มีนาคม 2553 11:23:39 น.
Counter : 5114 Pageviews.

 

ขอบคุณนะคะที่ได้นำเรื่องราวมาฝาก เพราะอยากจะไปบ้างเหมือนกัน จะได้รู้ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง

 

โดย: ติ๊ก IP: 172.17.4.25, 202.57.132.197 13 พฤษภาคม 2553 13:23:19 น.  

 

ห้องน้ำเป็นแบบนั่งชักโครกหรือเปล่า เพราะว่าจะพาแม่ไปนะคะ อายุมากแล้วนั่งยองๆไม่ได้คะ

 

โดย: หลา IP: 171.4.240.28 16 กันยายน 2555 23:29:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 

luckyclover
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Life is Journey
[Add luckyclover's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com pantip.com pantipmarket.com pantown.com