ธรรมะเพื่อมุ่งสู่สุคติภูมิเป็นเบื้องต้น และมุ่งสู่พระนิพพานเป็นเป้าหมายสูงสุด
Group Blog
 
 
ธันวาคม 2554
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
19 ธันวาคม 2554
 
All Blogs
 

วิธีหนีนรก โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง)

วิธีหนีนรก
โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง)




 

Create Date : 19 ธันวาคม 2554
4 comments
Last Update : 19 ธันวาคม 2554 9:19:27 น.
Counter : 1635 Pageviews.

 

เป็นอันว่าอาตมาเองก็ขอยืนยัน
ตามที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า
การตายแล้วเกิดนั้นมีจริง
ซึ่งบรรดาท่านพุทธบริษัทชายและหญิง
ส่วนใหญ่เวลานี้ก็ปฏิบัติในหลักสูตรของวิชชาสามบ้าง
ในหลักสูตรของอภิญญาหกบ้าง
สามารถระลึกชาติได้ว่า ก่อนจะเกิด เราเคยเป็นอะไรมาบ้าง
ตายเป็นอะไรมาบ้าง อย่างนี้ทราบกันอยู่แล้ว
ก็เป็นอันว่ายืนยันตามคำสั่งขององค์สมเด็จพระประทีปแก้วได้ว่า
การตายแล้วต้องเกิดจริง
การที่จะกลับมาเกิดเป็นมนุษย์หรือไม่นั้น
ก็เป็นเรื่องของบุญและบาป
การกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ก็นำมาทั้งเศษบุญและเศษบาป

เศษบุญ เป็นปัจจัยให้ทุกคนมีความสุขตามสมควรกับบุญนั้น

เศษบาป เข้ามาครอบงำจิตเมื่อไหร่
ทุกคนที่ได้รับผลนั้นก็จะมีแต่ความทุกข์ ความเร่าร้อน

 

โดย: โชติช่วงชัชวาล 19 ธันวาคม 2554 9:20:09 น.  

 

ถ้าหากว่าเราคิดว่าตายแล้วไม่เกิด
จิตจะมีความประมาทพลาดจากความเป็นจริง
ถ้าคิดอย่างนั้นบรรดาท่านพุทธบริษัทชายและหญิง
ก็จะมีความประมาทในชีวิต คิดว่าการเกิดมาแล้วตายก็สูญ
เมื่อมันจะสูญไปจากโลกนี้ ไม่มีการเกิดต่อไป
การกระทำความดีหรือการกระทำความชั่วใดๆ
ย่อมมีผลเฉพาะในชาติปัจจุบันเท่านั้น เพราะชาติข้างหน้าไม่มี
ถ้าคนที่มีกำลังใจดี ก็จะสั่งสมความดี เพื่อความสุขของตน
คนที่มีจิตหยาบบาปอกุศลก็ครอบงำ ก็จะทำแต่ความชั่ว
สร้างความเร่าร้อนให้แก่ตัวและบุคคลอื่น
ถ้าตายแล้ว บังเอิญที่ต้องเกิดจริงๆ
ความจริงอาตมาใช้คำว่าบังเอิญ เฉพาะบุคคลที่คิดว่าตายแล้วสูญ
สำหรับอาตมาเองจริงๆ ขอยืนยันว่า ตายแล้วเกิดแน่
การระลึกชาติเราสอนกันได้
แล้วมีญาติโยมพุทธบริษัททำได้นับแสน
ถ้าเราไม่มีการเกิด เราจะรู้ชาติที่แล้วมาได้อย่างไร

ก็รวมความว่า ขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่าการเกิดต่อไปมีจริงๆ
ใครท่านจะว่าไม่มีก็ช่างท่านเถอะ
เรื่องความเห็น นี่อย่าไปถือเป็นเรื่องความผิดเรื่องถูก
ของใครก็ของมัน อาตมาบวชมาตามหลักสูตรในพระไตรปิฎก
ซึ่งบรรดาพระทั้งหลายยอมรับว่า
เป็นถ้อยคำที่องค์พระสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสั่งสอน
และก็ปฏิบัติตามพระไตรปิฎกก็มีผลตามนั้น จึงหมดสงสัย

 

โดย: โชติช่วงชัชวาล 19 ธันวาคม 2554 9:21:02 น.  

 

หลักสูตรนี้มีในพระไตรปิฎก ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า
ทุกคนให้ตัดสังโยชน์ สังโยชน์นี่ถ้าตัดได้ ๓ จะเป็นพระโสดาบัน
หรือสกิทาคามี เพียงแต่เป็นพระโสดาบันอย่างหยาบ
ที่เรียกว่า สัตตักขัตตุง ต้องเกิดอีก ๗ ชาติ
เพียงเท่านี้ บรรดาท่านพุทธบริษัทอบายภูมิทั้ง ๔ จะเข้าไม่ถึง
และก็ไม่พบหน้ากันแล้วก็ขอลาอบายภูมิได้

สังโยชน์ ทั้ง ๑๐ ประการนี้มีอะไรบ้าง ?

๑. สักกายทิฏฐิ
๒. วิจิกิจฉา
๓. สีลัพพตปรากมาส

สามข้อนี้อาตมาจะสอนญาติโยมพุทธบริษัทปฏิบัติกัน
ถ้าตัด ๓ ข้อนี้ได้ อย่างหยาบ ก็สามารถหลีกนรกได้แน่นอน
ไม่พบหน้ากันอีกแล้ว

 

โดย: โชติช่วงชัชวาล 19 ธันวาคม 2554 9:21:58 น.  

 

ข้อที่ ๑ ที่เรียกว่า สักกายทิฏิฐิ
ซึ่งมีความเห็นว่าร่างกายนี้เป็นเราเป็นของเรา
หรือเรามีในร่างกาย ร่างกายมีในเรา อย่างนี้เป็นต้น
หรือว่ามีความรู้สึกว่า ร่างกายนี้มีสภาพไม่ตาย
มันจะทรงตัวอยู่ตลอดกาลตลอดสมัย
ไม่เสื่อมไม่ตายไปจากโลกนี้
หรือว่ามีความเห็นว่าร่างกายนี้ นอกจากจะไม่ตายแล้ว
มันก็มีแต่ความสะอาด เรียกว่า มีความสะอาดน่ารัก น่าชม
น่านิยมทุกอย่าง ไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งเป็นของโสโครก
แล้วก็มีความรู้สึกว่าร่างกายนี้ เป็นเราเป็นของเรา
เรามีในร่างกาย ร่างกายมีในเรา

ความรู้สึกในสักกายทิฏฐิ
อาตมาตั้งไว้ ๓ ระดับ ก็เพราะอารมณ์อย่างนี้มีความรู้สึกไม่เสมอกัน

ถ้าอารมณ์ขั้นพระโสดาบันหรือสกิทาคามี
จะมีความรู้สึกเป็นแต่เพียงว่าร่างกายนี้ต้องตาย

ถ้าอารมณ์ของพระอนาคามี
จะมีความรู้สึกว่าร่างกายนี้นอกจากจะตายแล้ว
มีสภาพเสื่อม ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และสลายตัวไปในที่สุด
ร่างกายของคนก็ดี ของสัตว์ก็ดี
วัตถุธาตุใดๆ ก็ดี ไม่มีคำว่าสะอาด
มีแต่คำว่าสกปรก น่าเกลียด น่าชังอย่างยิ่ง
มีความรังเกียจในการที่จะมีร่างกายต่อไปอีก
อันนี้เป็นอารมณ์ของพระอนาคามี

ถ้าเป็นอารมณ์ของพระอรหันต์
จะมีความรู้สึกว่าร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา
เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา

ฉะนั้นจึงขอชวนบรรดาท่านพุทธบริษัทปฏิบัติแค่เบื้องต้น
ยึดอารมณ์ของพระโสดาบันเข้าไว้
เราจะเป็นพระโสดาบันหรือสกิทาคามีหรือไม่นั้นไม่สำคัญ
อย่าคำนึงถึงว่าเราจะต้องเป็นพระโสดาบันบ้าง เป็นสกิทาคามีบ้าง
ถ้ามีความรู้สึกอย่างนั้นความประมาท
จะเกิดแก่บรรดาท่านพุทธบริษัทคิดว่า "เราดีแล้ว"
ถ้าบังเอิญเราไม่ได้เป็นจริงๆ
ถ้าพลาดพลั้งตายไปอาจจะไปอบายภูมิได้

ฉะนั้นการปฏิบัติจริงๆ ให้ต้องการแต่ผล
อย่าคิดว่าตนเป็นอย่างนั้น
คิดว่าตนเป็นอย่างนี้ จะกลายเป็นคนมีมานะทิฏฐิ
ซึ่งเป็นกิเลสหยาบทำปัญญาให้ถอยหลัง

 

โดย: โชติช่วงชัชวาล 19 ธันวาคม 2554 9:22:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


บุญกุศลศีลทานภาวนา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add บุญกุศลศีลทานภาวนา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.