...สามัญนคร...
โมเดิร์นยอร์ค, สหรัฐอเมริกา
8 กันยายน ค.ศ.2051
ช่องว่างกลางอากาศระหว่างตึกสูงในนครแห่งนี้ คลาคล่ำไปด้วยยานพาหนะลอยฟ้าที่เริ่มที่ใช้มาเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เชื้อเพลิงที่ใช้กลับไม่ได้เป็นก๊าซเอ็นจีวี, ไม่ใช่พลังงานไฟฟ้า, และไม่ใช่ไฮโดรเจนเหลว เหมือนที่คาดการณ์ไว้ หากแต่เป็นเชื้อเพลิงที่ถูกพัฒนามาจากขี้เถ้าเปลือกสายไฟที่เผาแล้ว... เพื่อนบ้านเก่าของผมหลายคนที่มีอาชีพ ขายทองแดงในสายไฟร่ำรวย พัฒนาจากมนุษย์เศษสายไฟ กลายเป็นมนุษย์เศษถีไปหลายคน... ทั้งที่เมื่อ 50 ปีก่อนหน้านี้ถูกตราหน้าว่าเป็นผู้สร้างมลพิษให้กับโลก...
ผมมีอาชีพเป็นนักข่าว มีออฟฟิศเล็กๆบนชั้น 13 ของอาคารเกรด C ตึกเดียวในย่านนั้น ที่ยังไม่ตกแต่ง ยังไม่ยกระดับขึ้นชั้น เป็นเกรด B หรือเกรด A ไม่ rebuild reconstruct refurbish re-engineering revolution... ไม่ re อะไรทั้งนั้น... ผมจึงชอบตึกนี้... เพราะการไม่ re อะไรเลยกลายเป็นของสงวน เอ๊ะ...ใช้คำนี้ถูกมั๊ยนะ ผมหมายถึง ของเก่า ของที่ควรแก่การอนุรักษ์สงวนไว้... ได้อารมณ์ classic ดี... ที่สำคัญค่าเช่าราคาถูก...
จอรับภาพรายการจากเน็ตเวิร์คนำเสนอรายงานรำลึกเหตุการณ์เครื่องบินชนตึกเมื่อ 50 ปีที่แล้วในช่วงข่าวภาคค่ำ พนักงานในออฟฟิศนั่งพูดคุยกัน หากจะเกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก คงเป็นรถลอยฟ้าที่วนเวียนไปมาระหว่างตึกสู่ตึก โดยคนขับที่เมาแล้วขับแทน แต่ความเสียหายก็จะไม่มากมาย เพราะรถถูกจำกัดความเร็วไว้ไม่ให้เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และกระจกหน้าต่าง ผนังอาคารก็ถูกผลิตจากปิโตรเคมีที่มีความยืดหยุ่นสูง ทนแรงกระแทกได้ดีกว่าในอดีต ...ทุกชีวิตปลอดภัยในโมเดิร์นยอร์ค... ผมแอบตั้งชื่อเมืองของผมเองไว้เรียกขานพูดคุยในกลุ่มเพื่อนๆว่า "สามัญนคร" ผมชอบชื่อหลังนี้มากกว่า...
...
เย็นวันนั้นผมไม่ได้ขับรถมาทำงาน เพราะหวังจะไปดื่มด่ำบรรยากาศแห่งค่ำคืนให้ช่ำปอด ไม่อยากขับรถเอง... จึงใช้บริการของรถเมล์ลอยฟ้าร่วมบริการ เพื่อเดินทางไปยังร้านที่นัดหมายกับเพื่อนฝูงไว้
ผมขึ้นรถพร้อมกับวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง เด็กพวกนี้มักจับกลุ่มกันที่ชั้นล่างของอาคาร ผมไม่ค่อยสนใจว่าพวกเขาจะทำอะไรกัน... เพราะคิดว่าเราไม่ใช่พ่อแม่ของเขา... เพราะคิดว่า... มันไม่ใช่เรื่องของเรา... เรื่องของเราคือไปหาเพื่อนให้ทันเวลาดีกว่า...
บนรถมี MYP นอกเครื่องแบบสองนาย... ผมจำเขาได้ภายใต้เครื่องแบบโมเดิร์นยอร์คโปลิศมากกว่า... เขามีสถานีย่อยบนชั้นที่ 30 และดูแลความสงบเรียบร้อยอาคารแถบนี้หลายตึก... เห็นแบบนี้เลยดูไม่ค่อยคุ้นตานัก... " เขาคงทำภารกิจพิเศษ "
ที่เบาะหลังมีพี่คนหนึ่งนั่งสายตาเหม่อลอยในมือถือขวดที่หุ้มด้วยถุงสีกากีไว้ มีหลอดดูดโผล่ออกมาจากปากขวด ไม่อยากจะเดาว่า แกนั่งดูดเหล้าจากขวดเนี่ยอ่ะนะ... แต่ก็พอรู้ได้จากอาการกึ่มๆของเขาก็น่าจะใช้... ใช้เวลาเกือบนาที กว่าจะนึกขึ้นได้ว่า เขาเป็นลูกจ้างอู่ซ่อมรถที่บล็อคใกล้เคียงนี่เอง...
คุณลุงคนขับรถดูสูงวัยเกินกว่าจะมาทำหน้าที่นี้ ผมนึกภาพตัวเองถ้าต้องมาขับรถในวัยขนาดนี้คงรู้สึกแย่น่าดู สังเกตุจากจังหวะลีลาการขับ ก็อยากจะมอบเพลงนี้ให้คุณลุงเหลือเกิน... " ไม่รู้ไปโกรธใครมา ไม่พูดไม่จา ทำหน้าบึ้งตึง... "
ผมเลือกนั่งท้ายรถกับพี่ที่นั่งดวดอยู่คนเดียว กลุ่มวัยรุ่นนั่งกันอยู่หน้ารถปล่อยหมาออกมาจากปากวนเวียนกันกัดจิกคุณลุงคนขับรถ ผมไม่สนใจว่าเป็นเรื่องอะไร... ผมไม่อยากยุ่งเรื่องชาวบ้าน... จนกระทั่ง......คุณลุงก็ปรอทแตก...
รถเมล์ลอยฟ้าถูกลุงพาให้พุ่งลงไปที่สระน้ำหน้าอาคารแห่งหนึ่ง... ก่อนจะถูกยับยั้งความระห่ำเลยเถิดโดยบันไดทางขึ้นอาคารนั้นอย่างแรง...
ตัวผม พี่ที่นั่งอยู่ข้างๆ และขวดเหล้าของเขาไหลไปกองรวมกับกลุ่มวัยรุ่นที่หน้ารถ MYP นอกเครื่องแบบสองนายกระแทกกับที่นั่งและกระจกรถ... คนหนึ่งหัวแตกเลือดอาบ... เขาไม่ได้หัวแตกเพราะกระจกรถ... มันทำจากปิโตรเคมี... แต่หัวแตกเพราะขวดเหล้าของพี่ที่นั่งข้างๆผมละมั๊ง... ผมเดาเอาเอง...
...
ระหว่างที่ผมค่อยๆแกะตัวเองออกมาจากรถ... กลุ่มวัยรุ่นลากตัวคุณลุงออกมาแล้ว... เหยียบๆๆ...MYP ตามเข้าไปสมทบ... พี่ขี้เมาออกมานั่งกุมแขนที่เจ็บ... เขานั่งซึมเป็นนกป่วยเลย...แต่ยังปากดี... ผมนั่งฟังจับความได้ว่าถ้าเขาเดินไหวจะเข้าไปร่วมสหบาทาด้วยอีกคน...
รถเกิดอุบัติเหตุทำไม่เราไม่แจ้ง... เออ มีแล้วสองคน... กำลังกระทืบเขาอยู่เลย...
ผมลุกขึ้นไปจะห้ามปรามกลุ่มที่รุมทำร้ายลุงคนขับรถ... แต่ก็ไม่ได้ถึงไหน... ผมเปลี่ยนใจนั่งดู... " อย่าเลยว่ะ ไม่ใช่เรื่องเรา... เดี๋ยวโดนไปด้วย..."
เมื่อฝนจางนางหาย สลายตัวกันไปหมด ผมเข้าไปดูคุณลุง... เขาไม่ปริปากพูดสิ่งใด... ได้แต่จ้องหน้าผม... ในใจผมคิดว่า "คงไม่พาลุงไปโรงพยาบาลหรอกนะ ผมมีนัดกับเพื่อนไว้..." เมื่อเห็นคุณลุงพอจะประคองตัวเดินไปได้... ผมปล่อยพี่นกป่วยให้เกาะคอนอยู่แถวๆนั้นแหละ... ก่อนจะรีบจับรถเมล์ลอยฟ้าคันใหม่ไปหาเพื่อน...
คืนนั้น... ผมและเพื่อนๆร่วมกันแปรรูปแอลกอฮอล์ผสมกับแกล้มให้เป็นอาหารสุนัขตุหรัดตุเหร่แถวๆร้านเหล้า ก่อนจะแยกย้ายกันเก็บอาหารสุนัขบางส่วนที่ออกมาไม่หมดติดท้องกลับไป เผื่อแผ่สุนัขแถวๆที่พักของแต่ละคน
...
11 กันยายน ค.ศ. 2051
เช้าวันนี้ตึกที่อยู่ถัดออกไปในถนนอีกสายมีงานฉลองเปิดตัวใหญ่โต ผมมองเห็นได้ผ่านหน้าต่างอาคารที่นั่งทำงานอยู่ มีทีมงานแห่มังกรทองปีนขึ้นสู่ยอดตึก เข้าใจว่าถูกยึดโยงโดยสลิง และรอก... คาดว่าเสียงกลอง เสียงฉาบคงดังกึกก้องตลอดถนนสายนั้น... การจราจรทางอากาศที่บล็อคนั้นถูกปิดชั่วคราว และ... รถรารถลอยทั้งหลายก็มาขวักไขว่กันแถวๆอาคารสำนักงานที่ผมนั่งอยู่
" พี่ๆ มีคนมาหา..." เสียงเบนความสนใจของผมจากภาพแห่มังกรที่กำลังจะถึงยอดตึกอยู่แล้ว เป็นทีมงานฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทเอกชนรายหนึ่ง ยังไม่ทันที่จะได้เชิญให้สาวๆทีมงานประชาสัมพันธ์นั่ง คนหนึ่งก็เอ่ยขึ้นมาว่า " นั่น เค้ามีงานอะไรเหรอคะ..." " อ๋อ... เค้าเปิดตัวอาคารที่เพิ่งตกแต่งใหม่น่ะ... อัพเกรด แล้วก็ขึ้นค่าเช่า..." ไม่ทันไร สาวๆก็ส่งเสียงตกอกตกใจ ว๊ายยย กรี๊ดดด...
ผมหันไป มีประกายไฟที่ยอดอาคาร และเห็นภาพทีมแห่มังกรกำลังร่วงหล่นลงมาเริ่มจากส่วนหัว... " คงเป็นการแสดงน่ะ... เขามีสลิง..." ตามมาด้วยเสียงระเบิดดังสนั่น... เศษคอนกรีตจากอาคารค่อยๆทะลายลงกลืนกินซากมังกรที่ลอยละลิ่วลงมา... ยังไม่ทันที่จะเห็นฝุ่นควันฟุ้งกระจายบริเวณอาคารหลังนั้น
แรงอัดที่รุนแรงจากการระเบิดส่งผลให้รถลอยฟ้าหลายๆคัน ลอยมา ๆ... ปะทะอาคารที่เราอยู่ ผมคิดว่าอาคารของเรา แม้จะเป็นเกรด C ก็คงไม่เป็นอะไรแต่... เสียงระเบิดอีกครั้งดังขึ้นใกล้เรามากกว่าครั้งแรกมาก... มันอยู่บนอาคารของเรานี่เอง...น่าจะประมาณชั้น 20 ขึ้นไป " จะระเบิดเรา ทำไมไม่เอารถขนระเบิดมาจ่อที่ชั้น 13 ฟระ?..." ผมคิดในใจ ก่อนจะบอกกับสาวๆไปคำนึงว่า... " วิ่ง.!!!.."
ไม่มีใครทำตามที่บอก แม้กระทั่งตัวผมเอง... สติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว... เรายืนตัวสั่น อกสั่น ขวัญหาย... หลายคนร้องไห้ หลายคนกรีดร้องเสียงดัง... เมื่อผมตั้งหลักได้หายจากอาการช็อค ก็วิ่งตรงไปที่บันไดหนีไฟ... " ตึกนี้กำลังจะถล่ม... เราต้องโดนกองคอนกรีตพวกนี้ทับ... เราต้องตายแน่ๆ.." " ไม่ใช้ลิฟท์ ไม่ใช้ลิฟท์... ใช้บันได ใช้บันได..."
" จะทิ้งสาวๆไปได้ยังไง... กลับไปก่อน...กลับไป.. " ผมกลับไปไล่ต้อนสาวๆ ชี้ทางให้วิ่งลงบันไดหนีไฟลงไป... และคนที่อกสั่น... ผมต้องจูงมือเธอวิ่งไปด้วยตัวเอง... เพราะเธอยังไม่หายจากอาการช็อค....
" แค่ 13 ชั้นเอง... วิ่งเต็มที่เลยนะ... " ผมปล่อยมือให้เธอวิ่งลงไปก่อน... ช่างเป็นสุภาพบุรุษอะไรเช่นนี้... ความจริง ผมเหลือบไปเห็นตู้สายดับเพลิง... และเชื่อว่ามันจะพาผมลงไปชั้นล่างได้เร็วกว่าการวิ่งลงบันได...
ผูกเอวแบบในหนังฝรั่ง...วิ่งฝ่ากระจก...และ... " พลั่ก..!!!..." ลืมไปกระจกทำจากลามิเนตชั้นดี ผลิตผลจากปิโตรเคมี... ที่ตอนนี้มันกำลังจะทำให้เราซวยแล้วล่ะสิ.... หัวก็โน ไหล่แทบหลุด...
เสียงสะเทือนเลื่อนลั่น เริ่มดังมาจากชั้นบน และดังขึ้นๆเรื่อยๆ... ในระหว่างที่ผมกำลังแกะสายดับเพลิงที่มัดไว้อย่างแน่นหนา... เกินไป...
เมื่อหลุดจากพันธนาการสายดับเพลิง ผมก็โกยเถอะกรู...ตามเขาลงบันไดมา... " แค่ 13 ชั้นเอง... " ครั้งนี้ผมปลอบใจตัวเอง หวังจะรอดไปถึงชั้นล่างให้ได้...
" ชั้น 12 " " ชั้น 11 " " ชั้น 10 " ผมนับชั้นลงไปเรื่อยๆ
ระหว่างทางลงผมเห็น MYP คนหนึ่งเดินลงมาจากสถานีย่อยที่ชั้น 30 ท่าทางจะเริ่มหมดแรง " ระเบิดที่ชั้นไหนอ่ะพี่ " ผมลองถามเค้าดู " ชั้นไม่รู้... ชั้นโคดจะเหนื่อยเลย..." " ไปๆ ผมช่วยพยุงนะ..." ผมกึ่งลากกึ่งพยุง MYP คนนั้น... เป็นหนึ่งในคนที่ร่วมทุบคุณลุงคนขับรถนั่นแหละ
" อีกกี่ชั้นวะเนี่ย?... นี่ชั้นอะไรแล้ว?..." พี่ MYP ถามผมเสียงอ่อยๆ... " ชั้นไม่บอก ไม่บอก ไม่บอก... ถึงรู้ก็ม่ายบอก ม่ายบอก..." ผมเลยร้องเพลงนึงขึ้นมา... เขาละมือที่ผมพยุงเขาไว้ ให้ระยะห่างพอ... แล้วก็ถีบผมลงบันไดลงมา... มันเร็วขึ้นกว่าเดิมหน่อย... แต่น่วมไปหมดทั้งตัวเลย... โชคดีนะที่มันเป็นชั้นสุดท้ายพอดี...
...
เมื่อแลนดิ้งเรียบร้อย ก็ต้องรวบรวมพลังอึดวิ่งต่อให้ใกล้จากอาคารนี้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะมันกำลังจะถล่มลงมา... ผมไปต่ออีกประมาณ 200 เมตรจึงหันกลับมาดู... อาคารสำนักงานของเรายังไม่ถล่ม... มีแต่กลุ่มควันจากไฟไหม้... น่าจะเป็น...เอ่อ... " ชั้นไหนก็ช่างมันเหอะ... ชั้นไม่อยากรู้ละ..."
ผมคิดว่าจะกลับไปหิ้วปีกพี่ MYP คนนั้น เพราะท่าทางแกคงจะวิ่งต่อไม่ค่อยไหว... แต่ยังไม่ทันจะเข้าถึงตัวก็เห็นเพื่อน MYP มาช่วยเขาแล้ว...และ... ผมยังเหลือบไปเห็นคุณลุงคนขับรถเมล์... เขาล้วงอะไรออกมาจากกระเป๋าย่าม ก่อนจะขว้างใส่ MYP และ... " ตูม...!!! "
" อิ๊บอ๋ายยย... ระเบิดนี่หว่าาา...!!! " คุณลุงคนขับรถเมล์เงยหน้าขึ้นมามองผม... ก่อนที่จะวิ่งหนีไป เพราะเสียงของ MYP อีกหลายสิบนายที่ลงบันไดมา กรูเข้าหาคุณลุง... ผมได้ยินเสียงระเบิดอีกหลายตูม ดังขึ้นแถวๆนั้น...
เสียงไซเรนแผดดังรอบข้าง ผสานเสียงหวีดร้องอย่างหวาดผวาของผู้คนรอบกาย... ต่างคนต่างวิ่งไปหลากหลายทิศทาง... " ไปไหนดี ไปไหนดี.?..." ยังไม่ทันจะได้คำตอบ... กลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนั้นก็วิ่งมาทางผม... และแน่นอน... คุณลุงสะพายย่ามติดตามมาใกล้ๆ... ผมวิ่งหนีไปอีกทางหนึ่ง และคุณลุงเลือกจะติดตามกลุ่มวัยรุ่นนั้นไปอย่างไม่ลดละ...
และด้วยความอยากรู้อยากเห็นเป็นนิสัยพื้นฐานของมนุษย์...ผมจึง...ตามไปดู...
กลุ่มวัยรุ่นที่วิ่งหนี และเข้าไปหลบซ่อนตัวในห้องน้ำโรงภาพยนต์แห่งหนึ่ง นึกว่าจะพ้น... ความบังเอิญมักเกิดขึ้นเสมอๆในชีวิตประจำวัน... คุณลุงเข้าไปฉิในห้องน้ำนั้นพอดี... แล้วก็เดินออกมาตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น... สอดส่ายสายตามองหาทิศทางที่จะไปต่อ... กลุ่มวัยรุ่นนึกว่ารอดตัวแล้ว...
คนทำความสะอาดเห็นคุณลุงวิ่งตามกลุ่มวัยรุ่นมา และท่าทางจะหาไม่เจอจึงหวังดี ตะโกนบอกออกไป... " ลุง ๆ... ในห้องน้ำ ในห้องน้ำ..." เหมือนผึ้งกำลังจะแตกรัง... แต่ก็ช้าเกินกว่าที่คุณลุงกลิ้งระเบิดเข้าไป... มันกลิ้งผ่านไปทีละห้อง ทีละห้อง ทีละห้อง... กลุ่มวัยรุ่นหน้าซีด เหงื่อแตก และคิแตก นัยว่าพวกเขาได้ใช้ห้องน้ำกันเป็นครั้งสุดท้าย... ทุกคน... และ... " ตูมมม...!!!..."
" ช่วยด้วยยยย...!!!..." คนทำความสะอาดร้องเสียงหลง วิ่งไปไร้ทิศทาง....
ยังไม่ทันที่ผมจะออกวิ่งก็แว่วๆเสียง... ตูมมม !!!....
...
" เจ้าของตึกนั่น...มันยึดบ่อน้ำมันของฉัน... หนีไปทำนา มันก็ยึดที่ดินของฉัน... หนีไปขับแท็กซี่ มันก็ยึดแท็กซี่ของฉัน... รถเมล์ลอยฟ้านั่น ปกติลูกสาวฉันเป็นคนขับ... หลังจากที่เธอติดยา ก็ไม่เป็นผู้เป็นคน เพราะคบหาไอ้กุ๊ยพวกนั้น... เธอเป็นไงต่อฉันไม่อยากเล่า... MYP สถานีย่อยที่ตึกของแกไม่เคยพึ่งพาอะไรได้เลย...เพราะฉันมันจน... แถมวันนั้นมันยังมาช่วยพวกกุ๊ยรุมยำฉันอีก... ส่วนแก...นั่งทนดูคนถูกกระทืบได้ไง...ต่อหน้าต่อตา..."
การ์ดใบนี้เสียบอยู่บนช่อดอกลิลลี่ที่มาเยี่ยมไข้ผมที่โรงพยาบาล
ด้านหลังการ์ดเขียนว่า " หายป่วยไวๆ... แล้วพบกันใหม่..." ลงชื่อ นคร สามัญ
ผมเหงื่อแตกท่วมตัว... แต่ทำไม...ไม่มีร่องรอยบาดเจ็บจากอะไรเลย... ไม่ใช่โรงพยาบาล... นี่มันบ้านเรานี่หว่า...เอ๊ะ...ปฏิทิน...
มันเป็นวันที่ 11 กันยายน ค.ศ.2006
" เมื่อคืนก็ดูหนังตลก ไหงฝันได้เป็นตุเป็นตะขนาดนี้วะ?..."
...
Create Date : 11 กันยายน 2549 |
|
6 comments |
Last Update : 12 กันยายน 2549 2:23:36 น. |
Counter : 676 Pageviews. |
|
|
|
ถ้ารักแปะ แปะก็รักเธอด้วยจ้า...
...