แทนความรู้สึกจากใจ


"แทนความรู้สึกจากใจ"


วันนี้ผมออกเดินทางแต่เช้าตรู่ไปยังเมืองแปดริ้ว
เพื่อร่วมงาน สู่ขวบปีที่ 3 ของตลาดโบราณนครเนื่องเขต
ซึ่งผมได้รับเกียรติเข้าไปเป็นที่ปรึกษาตั้งแต่แรกเริ่ม
ปีนี้เราฉลองความสำเร็จที่ตลาดได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 3
ยิ่งทำให้ผมรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองจนเกินคาดหมาย

ทันทีที่เดินทางกลับถึงบ้านก็รีบโพ้สภาพขึ้นบน Facebook
ตามคำตกลงที่ผมให้ไว้กับมิตรต่างแดนที่เราคุยกันเมื่อวาน
เพื่อให้เขาได้เห็นภาพของตลาดโบราณนครเนื่องเขต
ซึ่งเป็นสนามพิสูจน์ฝีมือทางการตลาดของผมอีกแห่งหนึ่ง
และผมก็บรรลุเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ในเวลาเพียง 2 ปีเต็ม

ความสำเร็จในวันนี้ ถึงแม้ว่าจะมีผมได้เข้าไปมีส่วนร่วมด้วย
แต่องค์ประกอบสำคัญที่สุดก็คือ ผู้ประกอบการในตลาดนั่นเอง
ที่ล้วนแล้วแต่ร่วมมือร่วมใจจนเกิดความสำเร็จได้ในวันนี้
นอกไปจากนั้นก็ต้องยกความดีความชอบให้กับพาณิชย์จังหวัด
รวมถึงหัวหน้าหน่วยราชการที่สนับสนุนโครงการอย่างดีเยี่ยม

ด้วยรู้สึกอ่อนเพลีย ผมก็ได้งีบหลับไปตั้งแต่เมื่อเย็น
ตื่นนอนมาอีกทีก็เกือบ 1 ทุ่ม จึงได้เริ่มต้นเขียนบันทึกนี้ไว้
เพื่อเก็บเกี่ยวความรู้สึกดีๆ ในวันนี้ไว้เป็นความทรงจำที่ดีในชีวิต
รวมถึงฝากความรู้สึกดีๆ ที่ผมได้เก็บเกี่ยวมาฝากไปถึงเพื่อนต่างแดน
เพื่อให้เขาได้ร่วมแสดงความยินดีกับความสำเร็จของผมในวันนี้

ระหว่างที่ผมนั่งเขียนบทความนี้ผมก็ได้นึกถึงบทเพลงดีๆ
ที่ผมเคยฟังครั้งแรกตอนไปดูหนังเรื่องรักแห่งสยาม
ซึ่งผมรู้สึกชอบในทันทีที่บทเพลงได้เริ่มต้นขึ้นเลยทีเดียว
ความหมายของเพลงได้สะท้อนชีวิตของผมเป็นอย่างดี
ผมจึงเลือกเพลงนี้มาประกอบการบันทึกเรื่องราวในวันนี้ของผม

ในโลกใบนี้...ผมถือว่าบทเพลงดีๆ ทำให้โลกรู้สึกน่าอยู่ยิ่งขึ้น
หลายครั้งที่ผมเคยเอาตัวเองไปผูกไว้กับบทเพลงซึ้งๆ กินใจ
จนทำให้ผมรู้สึกราวกับว่า ผู้เขียนได้ตั้งใจเขียนเพลงนั้นเพื่อผม
ในความเป็นจริงแล้ว เปล่าเลยไม่เคยมีใครเขียนเพลงเพื่อผม
ผมแค่คิดเอาเองเมื่อความหมายของเพลงนั้นโดนใจผมเข้า

“ถ้าบอกว่าเพลงนี้แต่งให้เธอ...เธอจะเชื่อไหม”
“มันอาจไม่เพราะไม่ซึ้งไม่สวยงาม...เหมือนเพลงทั่วไป”
“อยากให้รู้ว่าเพลงรัก...ถ้าไม่รักก็เขียนไม่ได้”
“แต่กับเธอคนดีรู้ไหม...ฉันเขียนอย่างง่ายดาย”

ผมถือว่าคำขึ้นต้นของบทเพลงนี้โดนใจผมตั้งแต่ฟังครั้งแรก

ผมเปิดเพลง “กันและกัน” ฟังไปขณะที่เขียนบันทึกนี้ไปเรื่อยๆ
ผมรู้สึกไม่ต่างไปจากบทเพลงนั้น ที่บทความดีที่ผมเขียน
ล้วนเขียนขึ้นเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกดีๆ ไปยังมิตรต่างแดนคนหนึ่ง
ที่ผมเพิ่งรู้จักได้ไม่นาน แต่กลับรู้สึกราวกับคุ้นเคยมาทั้งชีวิต
ผมรู้สึกดีใจที่มิตรภาพระหว่างเราได้งอกงามขึ้นในวันดีๆ

เนื้อเพลงตอนที่ “อยากให้รู้ว่าเพลงรัก...ถ้าไม่รักก็เขียนไม่ได้”
มันทำให้เกิดผมรู้สึกสะกิดใจขณะกำลังนั่งเขียนบทความนี้
เพราะหากผมไม่มีความรู้สึกดีๆ ต่อกัน ผมก็คงเขียนบทความนี้ไม่ได้
ยิ่งเมื่อได้ฟังเพลงนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายรอบ ขณะนั่งเขียน
ก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกคล้อยตามไปกับความหมายในเพลง

แปลกจริงนะครับ...ที่คนเราชอบเอาชีวิตไปผูกพันกับเพลง
และบ่อยครั้งที่ผมยังเลยเถิดไปถึงผูกพันกับเรื่องราวของหนัง
จนผมรู้สึกกับตัวเองว่า ผมอาจเป็นคนที่มีจิตใจอ่อนไหวเกินไป
เพียงแค่คุยกันไม่กี่ครั้งผมก็รู้สึกผูกพันราวกับรู้จักกันมานาน
ทั้งๆ ที่ยังไม่เคยเจอหน้ากันเลยแม้สักครั้ง ผมกลับรู้สึกสนิทสนม

ในค่ำคืนนี้ผมจึงอยากเขียนบทความ “แทนความรู้สึกจากใจ”
เพื่อสื่อสารความรู้สึกอีกมุมของผมซึ่งบางทีผมก็นึกคำไม่ออก
ว่าจะเขียนอย่างไรจึงจะสามารถสื่อสารความรู้สึกจริงๆ ได้
มันเป็นความรู้สึกที่บ่งบอกถึงความรู้สึกอบอุ่นและความไว้วางใจ
และบางขณะมันอาจลึกไปถึงความหวังที่ยิ่งใหญ่ของชีวิต

แต่ถึงจะอย่างไรก็ตาม ผมอาจรู้สึกไม่สบายใจสักเท่าไหร่
ถ้าหากบทความของผมจะทำให้คนๆ หนึ่งถึงกับเปลี่ยนวิถีชีวิตไป
ผมแค่อยากให้บทความที่ผมเขียนได้เชื่อมโยงมิตรภาพระหว่างเรา
และสามารถคลายความรู้สึกเหงา ในช่วงเวลาที่รู้สึกอ้างว้าง
เพราะชีวิตคนไทยในต่างแดนย่อมรู้สึกเดียวดายบ้างเป็นธรรมดา

ผมรู้สึกดีใจที่มิตรภาพระหว่างเราได้เติบโตงอกงามขึ้นทุกวันๆ
แต่ผมก็รู้สึกเป็นกังวล ถ้าหากวันหนึ่งเมื่อเรามีโอกาสได้เจอหน้ากัน
เราอาจไม่รู้สึกอย่างที่เคยรู้สึกในวันนี้เพราะชีวิตจริงต่างจากความฝัน
เวลาสั้นๆ ที่ผ่านมาบางทีผมอาจนึกฝันไปไกลตามจิตนาการของผม
ขณะที่เขาก็ฝันไปตามจิตนาการของเขาที่อาจมองดูคล้ายกัน

แต่จริงๆ แล้วเรื่องราวของคนสองคนย่อมมีความแตกต่างแฝงอยู่
เราต่างผ่านชีวิตมาไม่เหมือนกัน วิถีชีวิตจึงต้องแตกต่างกันไป
หลายครั้งที่ผมเคยสัมผัสกับตัวเอง เมื่อผมรู้สึกดีๆ กับใครบางคน
ผมเคยได้ข้อสรุปว่า..บางคนอาจเกิดมาเพื่อที่จะเป็นเพื่อนที่ดีของเรา
แต่เพื่อนดีๆ บางทีก็สามารถเป็นเพียง “เพื่อนที่ดี” ได้เท่านั้น

“ความรู้สึกจากใจ” ของผมในวันนี้ที่มีต่อมิตรต่างแดนของผม
ที่มันได้เริ่มก่อตัวขึ้นจากคำทักทายเล็กๆ ในวันแม่แห่งชาติ
แล้วงอกงามขึ้นเป็นมิตรภาพหลังจากที่เราได้เริ่มคุยกัน
มันเริ่มขยายเป็นความรู้สึกผูกพัน รู้สึกอยากคุยกันในทุกๆ วัน
เวลาเพียงสั้นๆ มันทำให้วิถีชีวิตของเราเริ่มเปลี่ยนแปลงไป

ผมอยากให้ “มิตรภาพระหว่างเรา” ได้งอกงามยิ่งๆ ขึ้นไป
มิตรภาพที่ฉาบเคลือบไปด้วยความรู้สึกปรารถนาดีต่อกันอย่างจริงใจ
ผมไม่ได้วาดหวังให้มิตรภาพระหว่างเราต้องระคนไปด้วยความรู้สึกเป็นทุกข์
เพราะหากเป็นเช่นนั้นผมคงรู้สึกผิดหวังและรู้สึกเสียใจไม่น้อย
ที่มิตรภาพระหว่างเราแทนที่จะเป็นของขวัญกลับเป็นเรื่องตรงกันข้าม

ผมให้คำมั่นว่าจะเก็บความรู้สึกดีๆ ระหว่างเราเอาไว้ในใจของผม
และผมจะคอยเข้ามาแต่งเติม “มิตรภาพ” ของเราใน Loving Blue บ่อยๆ
เพื่อให้เราสามารถเชื่อมโยงถึงกันได้แม้ว่าจะอยู่ไกลกันจนสุดขอบฟ้า
ผมปรารถนาให้มิตรภาพระหว่างเราได้เติบโตงอกงามขึ้นในทุกๆ วัน
และมีความมั่งคงยั่งยืนตราบเท่าที่ชีวิตของเรายังคงดำเนินสืบไป



"บทความจากใจ"
โดย..ต้นครับ
เขียนขึ้นในวันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม 2554



Create Date : 20 สิงหาคม 2554
Last Update : 21 สิงหาคม 2554 9:18:59 น.
Counter : 503 Pageviews.

1 comments
  
....จริงๆแล้ว ผมไม่เคยฟังเพลงนี้มาก่อน และหนังเรื่องรักแห่งสยาม ผมก็ไม่เคยดูมาก่อน...ข้อจำกัดทางเวลาและสถานที่ ทำให้ผมเชยมากมาย....ฟังพร้อมอ่านบทความนี้หลายรอบแล้วอ่ะครับ ขอบคุณครับ
โดย: ...วันนี้ที่รอคอย IP: 1.115.106.204 วันที่: 21 สิงหาคม 2554 เวลา:12:28:07 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Loving Blue
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



สิงหาคม 2554

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31