My World
<<
เมษายน 2559
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
28 เมษายน 2559
 
 
28-04-16 อยู่กับความจริงให้ได้



28-04-16 อยู่กับความจริงให้ได้

2 hrs

#อยู่กับความจริงให้ได้

ผมขอเล่าเรื่องของตัวเองและประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับความจริงทั้งหลายที่เกิดขึ้นมาเรียบเรียง

ให้อ่านกัน แล้วท่านลองเปรียบเทียบกับตัวเองซิว่าท่านยอมรับความจริงได้แค่ไหน


ตั้งแต่เด็กๆ ครอบครัวผมมีฐานะยากจนมาก ผมก็ฝันอยากร่ำรวย อยากมีเงินไปโรงเรียนเหมือนเพื่อนๆ 

อยากมีขนมกินทุกมื้อ อยากมีเสื้อผ้าใหม่ๆ แต่ความจริงมันไม่มี ก็ได้แต่เป็นทุกข์ ทำให้คิดมาก 

จนกลายเป็นคนคิดมากจนถึงทุกวันนี้


โตขึ้นมาหน่อยก็เริ่มมีความรัก ก็ไปหลงรักผู้หญิงคนหนึ่ง หลงหลอกตัวเองว่าเขาก็รักเรามาเกือบยี่สิบปี 

ทั้งๆ ที่เขาคิดกับเราแค่เพื่อน เพราะผมหลอกตัวเองโดยไม่สนใจความจริง ผมก็เกือบจะฆ่าตัวตาย

เพราะเรื่องนี้ไปแล้ว


ตอนเริ่มทำงานแรกๆ ผมก็เรียนรู้เร็ว ตำราวิชาการต่างๆ ผมแม่นเป๊ะๆ หัวหน้าทำผิดผมก็หาเจอว่าผิด 

ผู้ตรวจสอบบัญชีหรือสรรพากรมาตรวจสอบก็ไม่มีทางเอาผิดผมได้ ผมทำอะไรก็ดีไปหมด เก่งโครตๆ ว่างั้น 

แต่ผมก็ไม่ก้าวหน้าในอาชีพการงาน ตอนนั้นผมรับไม่ได้กับการตัดสินผมแบบนั้น ผมเป็นทุกข์มาก 

คิดว่าทำดีไม่ได้ดี ส่วนพวกทำชั่วได้ดีมีเต็มไปหมดรอบๆ กาย 


ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าคนจะเป็นใหญ่มันต้องเก่งเรื่องคนด้วย ไม่ใช่เก่งเรื่องงานอย่างเดียว 

หลังๆ มานี่ผมเฉยๆ กับตำแหน่งการงานต่างๆ มีเพื่อนร่วมงานมาบ่นแทนผมเสียงั้นว่าทำไมๆๆๆๆ 

ผมถึงไม่ได้เลื่อนตำแหน่งเสียที ผมก็บอกไปว่าตำแหน่งน่ะไม่สำคัญหรอก พวกที่ได้เลื่อนตำแหน่งไปนั่นน่ะ 

เงินเดือนน้อยกว่าผมทั้งนั้น แล้วก็ต้องคอยรับนโยบายที่ผมคิดผ่านผู้บริหารสูงสุดเอาไปปฏิบัติเสียด้วยซ้ำ


เรื่องชาติบ้านเมือง เรื่องการเมือง ผมแรกๆ ผมก็หงุดหงิดกับการบริหารรัฐมาเป็นสิบๆ ปี ทำไมๆๆๆๆๆๆ 

เรื่องดีๆ ไม่เคยคิดจะทำ เรื่องชั่วๆ ถนัดทำกันนัก พวกที่ทำชั่วได้ดีเสียอีก 


ผมทะเลาะกับอาจารย์ผมเรื่องนี้มากที่สุด ทะเลาะกันจนไม่คุยกันไปสามปีด้วยซ้ำ 

แต่เมื่อมีประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น ก็เข้าใจว่า อ๋อ....การเมืองมันมีทุกแห่งนั่นแหละ 

มันต้องมีพวกมีพ้อง ต้องมีมือไม้เอาไว้ทำงาน ต้องมีพระเดชและพระคุณ 

แล้วก็ต้องพยายามทำให้ประชาชนพึ่งตัวเองไปไม่ได้นานๆ 

พวกนี้ก็จะกลายเป็นเหยื่อการเมืองให้เราเหยียบขึ้นสู่อำนาจได้


มาทำงานในตำแหน่งผู้บริหารในสายงานก็แทบจะสูงสุดแล้ว 

ก่อนหน้านี้ก็คอยบอก คอยเตือน คอยกำชับ บ่อยๆ ก็ด่าเจ้านายแรงๆ 

เรื่องการออกนโยบายที่ผิดพลาด เมื่อนโยบายผิดพลาด 

ผลของตัวเลขที่ออกมาก็ไม่ได้ดั่งใจหมาย งานของผมก็ยากขึ้น 

ผลประโยชน์ของพนักงานก็น้อยลง 


แต่ตอนหลังเมื่อรู้ความจริงว่าเจ้านายผมก็เป็นแค่ลูกจ้าง 

แล้วหุ้นส่วนที่เป็นเจ้าของตัวจริงเขาก็บังคับด้วยคำสั่งที่ไม่มีหลักฐาน

ให้บริษัทไปจัดหาวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ จากบริษัทอื่นๆ ที่เจ้าของตัวจริงเป็นเจ้าของ 

ทุกอย่างมันไม่ได้ตรงไปตรงมาอย่างที่เราคิด เมื่อรู้แล้วก็เข้าใจ 

แล้วก็พยายามรักษาผลประโยชน์ให้อยู่กับเราให้มากที่สุด


ผมคุยกับอาจารย์ในไม่กี่ปีที่ผ่านมาเรื่องบ้านเมือง เรื่องการพัฒนาอะไรต่างๆ 

ผมก็คิดตรงกันว่าเราน่ะคิดได้ แต่เขาจะเลือกเอาไปทำหรือเปล่าเราไม่รู้ 

ทำงานเป็นที่ปรึกษาที่ไม่ได้มีตำแหน่งใดๆ ทางการเมือง เป็นเพียงที่ปรึกษาส่วนตัวที่ไม่มีใครรู้จัก 

เราก็ไปบังคับใครไม่ได้ เรารู้ว่าถ้าทำแล้วมันดีแน่ๆ แต่ถ้าทำขึ้นจริง 

โครงสร้างของสังคมฐานรากจะเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง 


ความช่วยเหลือต่างๆ จากบนสู่ล่างจะลดน้อยลง คนรากหญ้าจะแข็งแกร่งมากขึ้น 

จะพึ่งพาตัวเองได้ แต่คนข้างบนเขาต้องการอย่างที่เราคิดหรือเปล่า 


สังคมไทยยังต้องการคนรากหญ้าไปใช้เป็นมือไม้อีกมาก 

หากปราศจากคนรากหญ้า สังคมชั้นสูงจะเดือดร้อน


การเมืองการปกครองต้องเป็นประชาธิปไตย ผมเคยคิดแบบนี้ตลอดมา 

ก็เพิ่งจะไม่เกินสิบปีมานี่เองที่ความคิดผมเปลี่ยน ผมไม่ต้องการประชาธิปไตยจ๋า 100% 

แต่ผมชอบแบบเผด็จการอ่อนๆ ผมคิดว่าให้ประชาธิปไตยได้สัก 99% ที่เหลืออีก 1% 

ให้เป็นอำนาจของผู้บริหารสูงสุดไว้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าจะเอาอย่างไร 


แบบนี้ผมชอบมากกว่า ถ้าปล่อยให้เสียงข้างมากลากไปลากมา ผมไม่คิดว่าประโยชน์จะได้สูงสุด 

ในอาชีพผมบ่อยๆ ที่ผมใช้เสียงเดียวของผมที่มีในที่ประชุมฝ่ายบริหารเกือบสามสิบคน 

แล้วผมก็สามารถหยุดมติเสียงข้างมากก่อนหน้านั้นได้ ก็เพราะเอาความจริงมาแสดงให้เห็น 

บอกให้รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ถ้าทำตามมติส่วนใหญ่แล้วความเสียหายจะตามมาอย่างไรบ้าง 

แล้วมติที่เสียงส่วนใหญ่เคยออกเสียงกันไว้นั้นก็ถูกยกเลิกไปแบบเงียบๆ และไม่ประกาศออกมาใช้อีก 


และเมื่อความจริงหลังจากนั้นปรากฏขึ้นมา พวกที่ออกเสียงทั้งหลายเหล่านั้น

ก็มาขอบคุณผมว่าถ้าผมไม่หยุดในวันนั้น เราคงมาไม่ถึงวันนี้ได้เลย


ความจริงมันเจ็บปวดเสมอเมื่อเรารู้ และถ้าเรายอมรับมันไม่ได้เราก็จะไม่มีความสุข 

แต่ถ้าเราเรียนรู้ความจริงแล้วยอมรับความจริงเหล่านั้น แล้วค่อยๆ ปรับปรุงกันไปเรื่อยๆ 

เราจะมีความสุขกันได้ไหม


เอาความจริงเป็นพื้นฐานแล้วเดินทางสายกลางไปด้วยกัน อย่าสุดโต่งไปขวาจัด หรือซ้ายจัด 

ทำแบบนั้นมันฝืนความจริง และเมื่อมันฝืนความจริงมากๆ เราก็อยู่กันไม่เป็นสุข 

ไม่มีใครเลยจะเป็นสุขได้ในสังคมแบบนี้


ตั้งสติกันใหม่ครับ แล้วกลับมาเริ่มต้นกันด้วยความจริงแล้วช่วยกันพัฒนา

ให้เป็นความจริงที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ไป แล้วเราจะเป็นสุข


ด้วยความเคารพ


ศราวุธ สุ




Create Date : 28 เมษายน 2559
Last Update : 28 เมษายน 2559 9:54:38 น. 2 comments
Counter : 330 Pageviews.

 
ขอบคุณที่นำมาฝากค่ะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 28 เมษายน 2559 เวลา:10:21:20 น.  

 
หลายร้อยกว่าปีก่อนหน้านี้...ไม่มีใครรู้จัก "ระบอบประชาธิปไตย" กันเลยนะคะ ..
และพอมีบางประเทศเริ่มนำเอามาใช้ หลายๆประเทศก็อยากจะเอาอย่าง เพราะคำสวยหรูที่ว่า "โดยประชาชน เพื่อประชาชน" มันจูงใจ..

ต่อมาอีกร้อยปีหลังจากนั้น ความจริงก็คือ ระบอบนี้ ไม่ได้ "เหมาะกับทุกประเทศ" บางประเทศใช้แล้วมันได้ผล บางประเทศใช้แล้วมีแต่ความวิบัติเพราะโดน "นักการเมือง" ปั่นหัวและใช้วิธีการประชานิยม..
แต่ละประเทศตีความหมายของคำว่า "ประชาธิปไตย" ไปในหลายรูปแบบที่ต่างกัน

..Fidel Castro ผู้นำคิวบาเคยพูดไว้ว่า ถ้าอยากจะดูรูปแบบประชาธิปไตยที่แท้จริงแล้ว ต้องหันมาดูที่ Cuba.... ห๊าาาา คิวบาเนี่ยนะ...

ทุกเรื่อง..อะไรก็ตาม..ถ้าเรา "ยอมรับ" ทุกอย่างก็ "จบ" และราบรื่น...
แต่ถ้าเรา "ไม่ยอมรับ"เราก็จะ "สู้" และต้องการ "เห็นการเปลี่ยนแปลง" ... มันจริงเช่นนี้เสมอมาค่ะ


โดย: Max Bulliboo วันที่: 28 เมษายน 2559 เวลา:15:33:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

องุ่นทอง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




New Comments
[Add องุ่นทอง's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com pantip.com pantipmarket.com pantown.com