ถนนสายนี้มีตะพาบ 133 : บันทึกวันฝนพรำกับคลาสเรียนเขียนนิยายบทที่ 1 ของฉัน
บันทึกวันฝนพรำ กับคลาสเรียนเขียนนิยายบทที่ 1 ของฉัน โจทย์โดย : Bloggang
ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงต้องลุกจากเตียงนอนแสนนุ่มตั้งแต่เช้า ฟ้ายังไม่สว่างสักเท่าไหร่เมื่อมองผ่านกระจกหน้าต่างบานใหญ่ ที่จริงแล้วกระจกอาจจะหลอกตาทำให้มองฟ้าฉ่ำน้ำในเช้านี้เป็นสีเขียว ความรู้สึกส่วนลึกของฉันบอกว่าสีของมันหดหู่หม่นหมองแปลกๆ ความขี้เกียจยังคงไม่ปล่อยให้ฉันทำอะไรอย่างที่ใจต้องการ ลมเย็นสบายเมื่อเปิดหน้าต่าง ผ้าม่านไหวพะเยิบพะยาบด้วยแรงลม สายฝนยังคงโปรยปรายต่อเนื่อง ฉันซุกตัวใต้ผ้าห่มต่อด้วยความเคยชินหลังจากเช็คสถานะเฟซบุคแล้วไม่มีอะไรเคลื่อนไหวจะนอนทั้งวันก็ยังไหวเลยถ้าหากร่างกายไม่ต้องหิว อีกอย่างภารกิจที่ต้องทำประจำทุกวันในช่วงนี้ปลุกฉันให้ลืมตาตื่นได้ชะงัดนัก ฉันต้องตื่นมาท่องเฟซบุคอีกแล้ว ช่วงนี้นอนไม่ค่อยหลับเพราะคลาสเรียนเขียนนิยายข้ามทวีปที่พี่สาวใจดีร่วมถนนนักเขียนชักชวนให้ฉันสมัครเข้าเรียนฉันไม่พลาดแน่นอน โอกาสดีแบบนี้หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ฉันตัดสินใจลงเรียนทันทีโดยไม่มีความรู้อะไรเลยว่าการเขียนนิยายที่ดีต้องเริ่มต้นยังไงฉันไม่เคยเข้าคลาสอบรมใดๆ แล้วฉันจะไหวรึเปล่า! บทเรียนแรกผ่านไปพร้อมการบ้านตอบโจทย์ ฉันรีบเขียนรีบส่งด้วยความกระตือรือร้น แต่ผลออกมาไม่ค่อยดี ฉันตีความผิด! ต้องลบแล้วเขียนใหม่ แต่ฉันก็ไม่ได้ลบข้อความเก่าเกือบครึ่งหน้าที่ผิดนั้นทิ้งไปกลับส่งครูไปทั้งที่ผิด มารู้ตัวอีกทีก็เมื่อฉันเปิดอ่านซ้ำอีกครั้ง สุดท้ายฉันก็เขียนและส่งให้ครูรอบสอง แต่การบ้านครั้งที่สองคงไม่ถูกตรวจเพราะฉันไม่ได้แจ้งให้ครูทราบและเพื่อนๆ รอคิวตรวจมากเหลือเกิน ฉันรอผลตรวจการบ้านอย่างใจจดใจจ่อ รู้ผลตอนเย็นที่ขับรถกลับบ้านแทบจะกรี๊ดเลยทีเดียวเพราะอ่านไม่ได้จากมือถือจอเล็ก ถึงอยากรู้แค่ไหนก็อ่านไม่ออก กรรมของคนไม่มีโทรศัพท์จอใหญ่บิ๊กแบบใครเขาจริงๆ อ่านการบ้านที่ครูตรวจแล้ว หัวใจฉันหล่นไปอยู่ตาตุ่ม! คราวหน้าต้องทำให้ดีกว่านี้ฉันสัญญากับตัวเอง นักเรียนคลาสข้ามทวีปกว่าห้าร้อยคน ฉันไม่รู้ว่าครูทำได้ยังไงที่ต้องตรวจการบ้านนักเรียนหนึ่งหน้าต่อหนึ่งคนและครูคอมเมนท์ให้คะแนนด้วยตัวหนังสือจากปลายปากกาของครู ในขณะที่ฉันพิมพ์แค่หนึ่งหน้าแต่ครูเขียนตอบนักเรียนกว่าห้าร้อยหน้า ฉันหวังว่าจะอ่านและคอมเมนท์เพื่อนได้ทุกคน หรือถ้าไม่ทุกคนแค่เกือบๆ ฉันก็พอใจ ในเมื่อมีตัวอย่างดีๆ จากเพื่อนนักเขียนที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ไม่มีอะไรที่ต้องเสียฉันพร้อมเต็มที่กับการเข้าสู่บทเรียนใหม่ ฉันมองออกไปนอกหน้าต่างในวันฝนพรำแบบนี้ คงไม่เหมาะที่จะออกไปไหนจริงๆ ฉันเปิดการบ้านที่เขียนใหม่รอบสองอ่านดูอีกครั้งอย่างเสียดาย เขียนลงบันทึกวันฝนพรำในตะพาบดีกว่าดูจะเข้าบรรยากาศยามเช้าดีเหมือนกัน แต่ต่างกันแค่ตัวละครในเรื่องต่างออกไป..ไม่ใช่ฉันแต่เป็นปัณณ์หนุ่มน้อยวัยสิบแปดปี
การบ้านบทที่ 1 : Point of View (ส่งรอบ 2)
ยังจำได้ดีเมื่อตอนอายุสิบแปดปี ผมเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้เป็นครั้งแรกกับครอบครัว เราสามคนพ่อแม่ลูกในเมืองใหญ่ที่เคยเห็นผ่านสายตาเพียงแค่ภาพในจอโทรทัศน์ขนาดเล็ก ไม่เคยแม้แต่จะเยี่ยมกรายเข้ามาสัมผัสประสบการณ์จริง ถนนหนทางรถราขวักไขว่และมากมายผู้คน สีสันรายล้อมน่าตื่นตาตื่นใจจนผมรู้สึกได้ว่าตัวเองเป็นเพียงเศษเสี้ยวส่วนเล็กๆ ณ.สถานที่แห่งนี้ที่เรียกว่า..กรุงเทพเมืองฟ้าอมร ผมชื่อ ปัณณ์ เป็นว่าที่นักศึกษาแพทย์ของมหาวิทยาลัยรัฐอันดับหนึ่งของประเทศด้วยคะแนนเกือบจะสูงสุดของภาคเหนือ พ่อของผมชื่อ ปกรณ์ เป็นครูประชาบาลสอนหนังสือชั้นประถมอยู่อำเภอฮอดที่ห่างไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่มาก ส่วนแม่เป็นผู้ใหญ่บ้านอำเภอสันกำแพงไม่มีใครไม่รู้จักแม่หลวงวิณีผู้บำเพ็ญคุณงามความดีจนได้รางวัลประจำปีนี้มาครอง พ่อและแม่เป็นต้นแบบผู้อุทิศตนเพื่อสังคมโดยแท้จริงจนผมซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวอยากเดินตามรอย ครอบครัวเราเดินทางเข้ากรุงเทพครั้งแรกเพื่อพาผมมาสอบสัมภาษณ์ที่มหาวิทยาลัยผมเตรียมความพร้อมและพกความฝันมาเต็มเปี่ยม ด้วยว่าสักวันจะเป็นแพทย์ที่ใช้หนึ่งสมองสองมือเพื่อช่วยเหลือผู้คนและมันคงไม่ไกลเกินเอื้อม ผมแหงนหน้ามองท้องฟ้าสดใสยามเช้าสูดลมหายใจลึกแล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อเสียงพ่อลอยมาจากท้ายรถขณะหยิบของยื่นส่งให้แต่ผมไม่ได้สนใจจะรับมัน เหม่ออะไรอยู่รึเจ้าปัณณ์ ทำเหมือนไม่เคยเห็นกรุงเทพ เสื้อผ้าหน้าผมจัดให้เรียบร้อยอย่าให้เสียชื่อ ลูกครูปกรณ์แห่งฮอดวิทยา ผมจำได้แล้วครับพ่อ เสียงดังขนาดนี้ผมอายคนนะ ถ้าใครได้เห็นคงนึกขำน่าดูที่อยู่มาป่านนี้ยังต้องให้พ่อกับแม่มาส่งและคอยบ่น ผมได้แต่ก้มหน้าก้มตาไม่กล้ามองผู้คนที่มองมายังรถของเราขณะรอรถเมล์มาจอดเทียบ นึกในใจว่าพวกเขาอาจจะจ้องมองดูผมอย่างขบขัน แต่ผมคิดมากเกินไปเมื่อเสียงแตรรถประจำทางดังขอทางมาแต่ไกล ผู้คนขวักไขว่ไปมาพากันลุกยืนโดยไม่ได้นัดหมายเพื่อจะไปเล่นเก้าอี้ดนตรีบนรถประจำทางคันใดคันหนึ่งที่กำลังแล่นตามกันมา ข้ามสี่แยกไฟแดงเลี้ยวซ้ายก็ถึงแล้วเดินไปรอก่อนเลยนะ พ่อกับแม่จะไปหาที่จอดรถก่อนแล้วจะรีบตามเข้าไป อย่าเถลไถลล่ะ แม่ยื่นกระเป๋าเป้ใบย่อมส่งให้ผมรับมาถือไว้ก่อนจะรีบขึ้นนั่งประจำที่ข้างพ่อที่ติดเครื่องรออยู่แล้ว ผมรับคำแล้วรีบเดินแกมวิ่งรีบข้ามถนนทันทีที่สัญญาณไฟเขียวให้คนข้ามสว่างขึ้น แน่นอน..จุดหมายปลายทางของผมคือมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งที่ซึ่งจะทำให้ฝันของผมเป็นจริง...
ผลตรวจการบ้านจากครู สำหรับบทเรียนแรกและนามปากกาใหม่ ปฏิปทา ที่ครูกรุณาตั้งให้ ฉันตื่นเต้นจริงๆ เพราะเป็นนามปากกาภาษาไทยนามแรกของฉัน หวังว่าจะมีโอกาสได้ใช้ในอนาคต
และนี่เป็นหนังสือที่กำลังจะพิมพ์ใหม่อีกครั้งของครู ฉันไม่พลาดแน่นอนเพราะเป็นละครในดวงใจของแม่ แม่ต้องดีใจแน่ๆ ที่ครูคนแรกในชีวิตการเขียนของฉันคือ กีรติ ชนา
+++++++++++++++++++++++++++++++++++ ตะพาบหนนี้มาช้ามากจริงๆค่ะ ขอบคุณของแต่งบล็อคสวยๆ จากคุณยายเก๋าและคุณญามี่ ขอบคณเพลงเพราะ ๆ จากอินเตอร์เนต ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ ^______^
Create Date : 02 กรกฎาคม 2558 |
|
49 comments |
Last Update : 3 กรกฎาคม 2558 13:34:04 น. |
Counter : 1697 Pageviews. |
|
|
|
บรรยากาศยามเช้าที่ฝนตก นี่มันไม่อยากจะตื่นจากที่นอนจริงๆ
ตื่นมาอัพเดทเฟชบุ๊คด้วย เหมือนคนข้างๆเลย 555+
ขอให้ประสบความสำเร็๗ในการเขียนคอร์สนี้นะครับ สู้ๆ
ผมอาจเป็นคนไม่ค่อยเข้าใจเรื่องการเขียนนิยายเท่าไหร่
แต่ก็ขอเป็นกำลังใจให้ครับ ชื่อที่ครูตั้งให้นี่เพราะจัง
ครูก็ตั้งใจเขียนคอมเม้นท์เพื่อให้นักเรียน ได้นำไปปรับหรุงให้ดีขึ้น
ยกย่องคุณครูด้วยอีกคนครับ