ถนนสายนี้มีตะพาบ 153 : พักร้อนพักบล็อก
ถนนสายนี้มีตะพาบ 153 พักร้อนพักบล็อก โจทย์โดย : คุณต่อ toor36
สวัสดีค่ะ มารายงานตัวตะพาบฉบับพักร้อน ค่ะ โจทย์นี้เข้ากับสภาวะตอนนี้มากๆ คือเป็นช่วงที่กำลังลาพักบล็อกพอดี มีภารกิจมากมายหลายอย่างทำให้ไม่ค่อยมีเวลาประจำการที่บล็อกแบบทุกทีเลย เดี๋ยวจะเล่าค่ะว่าไปทำอะไรมาบ้าง
เรียนเขียนนิยายกับครูเหน่ง กีรตี ชนา
อย่างที่เคยเล่าในบล็อกก่อนๆ ค่ะ ว่าตอนนี้กำลังเรียนเขียนนิยายทางออนไลน์ร่วมกับเพื่อนๆ ในกลุ่ม กับครูเหน่งกีรตี ชนา ตั้งแต่เดือน ส.ค. ปีที่แล้ว แต่มาเริ่มเรียนจริงจังประกอบหนังสือ เขียนนิยาย ที่ครูเป็นผู้เขียน กับนามปากการตชา เมื่อต้นปีนี้เองค่ะ และนักเรียนทุกคนก็ได้รับมอบหมายให้เขียนนิยายหนึ่งเรื่องภายในครึ่งปีทีนี้ก็เลยเกิดเป็นโปรเจคขึ้นมา เริ่มจาก สเต็ปที่ 1 เริ่มแรกเลย หลังจากเรียนข้อมูลเบื้องต้นของการเขียนนิยายเรื่องหนึ่งไปเมื่อปลายปีที่แล้ว คราวนี้ครูก็ให้นักเรียนทุกคนส่งพล็อตนิยายของตัวเอง ขนาดไม่เกิน 1 หน้ากระดาษ A4 ก็มาคิดๆๆๆ ว่าจะเขียนเรื่องอะไรดี พอดีมีเรื่องที่คิดไว้คือ AMHARA
สุดปลายทางที่ความรัก ก็เลยเกิดแรงบันดาลใจ เอามาทำพล็อตตั้งแต่ต้นจนจบใน 1 หน้า ไม่ได้คิดอะไรมากจริงๆ กะว่าส่งพล็อตแล้วก็คือมีเส้นเรื่องรางๆ ไว้ให้ตัวเอง และยังได้ให้ครูตรวจให้ด้วย งานผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ ครูตรวจแล้วคอมเมนต์มากำลังใจมาเลย (ขอแปะเมนต์ครูเก็บไว้เป็นกำลังใจค่ะ)
แต่...ครูให้นักเรียนทุกคนทำพล็อตขยายจาก 1 หน้าเป็น 13-15 หน้า และทำชาร์ตตัวละครในเรื่องที่มีบทพูดด้วย นับไปนับมาได้ประมาณ 12 คน จะเยอะไปไหน! ตอนนั้นเริ่มปาดเหงื่อแล้ว เพราะว่าทำพล็อตหนึ่งหน้ากับเรื่องนี้ที่ทิ้งค้างไว้มานานและเคยคิดจะเขียนเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เตรียมข้อมูลคร่าวๆ ไว้แต่ก็ยังไม่ได้ลงลึกรายละเอียด แต่พอจะทำจริงๆ ลืมสิคะ ข้อมูลหายไปจากสมองหมดเพราะนานเกิน พอต้องทำพล็อตขยายครูให้ตอบคำถาม 8 ข้อเกี่ยวกับพล็อตเรื่องนี้ด้วย! ก็เลยงานเข้ารอบสอง... แต่ก็เสร็จตามเวลาเสร็จก่อนด้วย (โม้ซะเลย... อิอิ) สเต็ปที่ 2 เรื่องของพล็อตขยาย ครูให้เวลาค่อนข้างนานมาก แต่เพราะข้ออ้างที่บอกว่าลืมเรื่องข้อมูลไปแล้ว ต้องหาข้อมูลใหม่ แล้วตัวเองก็ไม่เคยทำพล็อตนิยายตั้งแต่ต้นจนจบมาก่อน แบบว่าตลอดมาคือเขียนตามใจฉัน เรื่อยเปื่อยมาก ไม่เคยมีนิยายเป็นเล่มแบบใครเขา ทีนี้คือทำผิด คิดไม่ตก ครูบอกว่าให้เรียงลำดับสิ คิดเหตุการณ์ตามเข็มนาฬิกา อะไรเกิดก่อน อะไรเกิดหลัง พอได้ครบจบเรื่องแล้ว ค่อยมาทำ พล็อตการ์ดก่อนลงมือเขียนนิยายจริงก็ได้ จะสลับเล่าเรื่องตามแต่การดำเนินเรื่องของตัวเอง จะเอาเหตุการณ์ไหนขึ้นก่อนหรือหลังขึ้นอยู่กับความพอใจของผู้เขียน ที่จะทำยังไงก็ได้ให้นิยายน่าอ่าน ครูแนะนำในหนังสือเขียนนิยายว่า ไม่ควรเริ่มเรื่องด้วยเหตุการณ์ย้อนอดีตในบทต้นๆ เพราะบทแรกมีความสำคัญมากจะจับคนอ่านให้อยู่ บทแรกต้องดึงดูด ต้องน่าสนใจ ยกเว้นจะเป็นการเล่าเรื่องตามสเต็ปตั้งแต่วิวัฒนาการเริ่มแรกของตัวละครตั้งแต่เด็กจนโต อันนั้นก็ว่ากันไป ซึ่งยากมากจริงๆ สำหรับคนที่ไม่เคยผ่านการเรียน อบรมหรือแม้แต่มีนิยายเล่มแรก! สเต็ปที่ 3 ตามมาติดๆ พล็อตขยายยังไม่เสร็จ คราวนี้งานเข้าของจริง! มีประกาศจากครูว่าให้นักเรียนทุกคนเริ่มเขียนนิยายเรื่องที่ส่งพล็อตให้ครูตรวจแล้วโพสในล็อกเกอร์ของตัวเอง (ต้องทำอัลบั้มของตัวเองในกลุ่มด้วย!) พวกเราสนุกกันใหญ่ที่ได้ทำปกนิยายของตัวเอง ถึงจะเป็นแค่ปกนิยายในจินตนาการของตัวเองก็ยังดี จนครูแซวมาในคอมเมนต์ (ขออนุญาตแปะนะคะ)
ทีนี้ต้องเขียนนิยายให้ได้ 60% ภายในเวลาที่กำหนดคือไม่เกินวันที่ 23 เม.ย. นี้ เพราะครูอยากให้นักเรียนออนไลน์ได้มีโอกาสเข้าร่วมคลาสกับนักเรียนที่อบรมทำเวิร์คช็อปกับอมรินทร์ในวันที่ 23-24 เม.ย. นี้ด้วย ทีนี้จากที่เคยชิลๆ ก็เริ่มไฟลน และหาข้อมูลเขียนนิยายสุดฤทธิ์ เขียนทุกวันเก็บเล็กผสมน้อย ก็ได้มา 93 หน้า ทยอยโพสในกลุ่มไปเรื่อยๆ ตอนนี้ได้เกือบ 60% แต่ยังไม่ถึงดี แต่... สเต็บที่ 4 งานเสนอต้องมา... ทำเล่มนำเสนอพล็อตการบ้านชิ้นล่าสุดจากครูคือให้ทำเอกสาร 3 เล่ม ส่งให้ถึงมือพี่หยก (แอดมินกลุ่ม /ผู้ช่วยครู และเป็นนักเขียนด้วย) ก่อนวันที่ 23 เพื่อนำเสนอพล็อตให้กับ 1.สำนักพิมพ์อรุณ 2.ค่ายละครบรอดคาซท์ฯ 3.ครูเหน่ง แต่ก่อนจะทำเล่มได้ต้องส่งพล็อตขยายให้ครูตรวจทางอีเมลก่อนตอนนั้นทำใจแล้วว่าจะทันไหม? จะได้แก้พล็อตไหม? อาจจะไม่ทันเพราะขึ้นชื่อเรื่องสปีดเยี่ยงเต่าขนาดนี้เขียนทันก็เก่งแล้ว แต่... แต่... คำตอบจากครูที่ส่งมาทางเมลเรียกกำลังใจมาก(ขออนุญาตแปะเรียกขวัญค่ะ)
ในที่สุดเล่มนำเสนองานก็สำเร็จและส่งถึงมือพี่หยกทันเวลาพอดีแต่สุดท้ายก็ไม่มีโอกาสไปอบรมร่วมกับเพื่อนๆ อยู่ดีเพราะตรงกับช่วงสอบและอยู่ต่างจังหวัดด้วยกลัวจะกลับไม่ทัน แต่ไม่เป็นไรถือว่างานนี้ทำดีที่สุดแล้ว ผลจะออกมาเป็นยังไงค่อยเอามาเล่าให้เพื่อนๆ อ่านอีกทีนะคะ (เอาเล่มมาโชว์อีกแล้ว^^)
ยังไม่หมดค่ะนอกจากเรียนออนไลน์กับครูเหน่งแล้ว ยังเรียนเขียนนิยายออนไลน์อีกแห่งหนึ่งด้วยค่ะคลาสออนไลน์นี้ชื่อว่า นกฮูกน้อยหัดเขียน
เรียนเขียนนิยายกับครูอี๊ด อาริตา / กันยามาส
เริ่มเรียนเขียนนิยายออนไลน์กับครูอี๊ดมาได้หลายเดือนแล้ว มีการบ้านหลายชิ้นที่ผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ ตั้งแต่เริ่มแรกครูสอนเรื่องวิธีการบรรยายเริ่มจาก... สเต็ป 1 แนะนำตัว...พร้อมนิยายที่ชอบอ่าน 20 เรื่อง ครูต้องการทำความรู้จักกับนักเรียนในเบื้องต้นก่อน ตอนส่งไม่ทันได้ดูครูระบุว่าเอาเป็นนิยายไทยก็เลยผิดอีกแล้วที่ไม่อ่านโจทย์ให้ดี สอบตกเรื่องความรอบคอบ เพราะอุตส่าห์แอบมีนิยายญี่ปุ่นฝรั่ง ติดอันดับไปด้วยนิดนึง! สเต็ป 2 บรรยายภาพ...ครูมอบการบ้านเป็นภาพถ่าย ให้นักเรียนจินตนาการบรรยายเป็นร้อยแก้วหรือร้อยกรองก็ได้ ครูจะมีคะแนนและมีของรางวัลเป็นหนังสือนิยายครูให้ด้วย เป็นคนไม่ถนัดร้อยกรองเลยแต่ก็พยายามทำส่งครูให้ได้ทั้งสองแบบที่ครูสั่ง เป็นครั้งแรกที่แต่งกลอนออกสื่อหลังจากไม่มั่นใจและไม่คิดจะแต่งมาก่อนค่ะ ผลออกมาก็ชอบนะแต่ไม่รู้จะได้เรื่องแค่ไหน! สเต็ป 3 บรรยายรส กลิ่น สัมผัส การบ้านชิ้นใหม่มาพร้อมกันสามเรื่อง ครูให้เวลาพอสมควรให้นักเรียนในคลาสทำและโพสลงในล็อกเกอร์ของตัวเองแล้วจึงเริ่มเรียนเรื่องพล็อตนิยาย สเต็ป 4 เรียนเรื่องพล็อตนิยาย...ครูสอนเรื่องการทำพล็อตตั้งแต่ร่างแรก / พล็อตขยาย /มีทั้งเอกสารและคลิปประกอบการสอนโดยยกนิยายครูเรื่องหนึ่งที่ยังไม่เป็นหนังสือมาประกอบการสอน (ขออุบชื่อเรื่องไว้ค่ะ) สเต็ปนี้ครูไปอย่างช้าๆ เพื่อให้นักเรียนเข้าใจมากขึ้นแล้วการบ้านชิ้นล่าสุดก็ตามมาให้เวลาถึง 2 เดือน
การบ้านชิ้นนี้ยากที่สุด หัวข้อไม่ยากแต่ต้องละเอียด และที่สำคัญครูให้เขียนด้วยลายมือตัวเอง ไม่ต้องลบให้ขีดฆ่าได้ในกรณีเขียนผิด เขียนจับใจความตามหัวข้อที่ครูให้ ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร รวมถึงรายละเอียดทั้งหมดในพล็อตขยายและคลิปประกอบการสอนของครู ทีแรกก็ย่ามใจว่ามีเวลานานมาก แต่พอถึงเวลาทำจริงไม่ง่ายอย่างที่คิดเลยเพราะการบ้านครั้งนี้นอกจากจะต้องจับประเด็น รายละเอียดต่างๆ แล้ว ยังต้องเขียนด้วยลายมือนี่สิคะ คิดแล้วกลุ้ม! ลายมือแบบว่าไก่เขี่ยมากแต่ตอนนี้ก็ทำไปได้เยอะพอสมควรแล้ว เห็นเงียบๆ แต่หนูก็เก็บเรียบนะคะ คาดว่าเสร็จทันตามกำหนดแน่นอน
ยังจำบทสัมภาษณ์ครูอี๊ดจากนิตยสาร WRITER ได้ยกมาให้อ่านกันค่ะ ครูบอกว่าครูเป็นนักเขียนที่ไม่ดังเลย (เอิ่ม! ขนาดครูจะไม่ดังได้ยังไงคะ หนูเถียง วงเล็บอีกว่า..ในใจ..อิอิ)
ในบทสัมภาษณ์ถามครูว่า เขียนนิยายสนุกตรงไหน ครูตอบว่า เราชอบเขียนงานแนวดราม่า เพราะหลังจากที่ตั้งพล็อตได้แล้ว เราซึ่งเป็นนักเขียนจะกระโจนลงไปในท้องเรื่องทั้งตัว ต้องคิดรายละเอียดที่จะใส่ต้องขยี้ ขยี้ให้แรงที่สุด มันจะมีมุมที่พีคที่สุด ต้องขยี้ให้ได้อารมณ์ที่สุดตรงนั้น ความยากคือการขยี้ด้วยไดอะล็อกและพล็อตเรื่อง การครีเอทตรงนี้ก็ทำให้สนุกกับงานและก็ยังรู้สึกว่าท้าทาย คือเวลาที่ตั้งพล็อต เราว่าเราอยู่บนพื้นฐานของความจริงนะ ความจริงที่มีคุณค่าควรแก่การเล่า เราเขียนเพื่อสอนบางอย่าง สิ่งที่จะพูดเสมอคือถ้าคุณไม่เคยอ่านงานของอาริตา อย่าเพิ่งมาตัดสินว่า อาริตาคือนักเขียนน้ำเน่าที่ไม่มีอะไรให้
ทำไมตอนจบต้องเป็นแบบแฮปปี้เอนดิ้งครูตอบไว้น่าสนใจมากว่า ต้องยอมรับว่าเราไม่ได้เขียนนิยายเป็นงานศิลปะอย่างเดียว เรากำลังประกอบอาชีพ แล้วสูตรหนึ่งของการเขียนนิยายคือ ต้องมีความรื่นรมย์ของชีวิตไม่ใช่กูจะตายทั้งเรื่อง ลูกค้าต้องได้สาระ ความบันเทิงครบถ้วน แล้วถ้าอาริตาฆ่าพระเอกหรือนางเอก เท่ากับอาริตาฆ่าตัวเองด้วย เพราะหนังสือเล่มนั้นจะขายไม่ได้ ยอมรับว่าบารมีไม่ถึง เท่าที่เห็นในเมืองไทยมีคนเดียวที่ฆ่าตัวละครแล้วยังขายได้คือ ป้าอี๊ด (ทมยันตี) จริงๆ บทสัมภาษณ์ครูยังมีประเด็นเผ็ดร้อนอีกมาก และน่าสนใจมากแต่คงเล่าไม่ได้เพราะมันก็เสี่ยงอยู่ในประเด็นอื่น หาอ่านได้จากนิตยสาร WRITER ฉบับที่ 28 น่าจะยังพอมีขายอยู่ค่ะ
จากการบ้านงานเขียนนิยายที่ต้องใช้วัตถุดิบนำออกแล้ว งานอ่านก็ต้องมาค่ะ อ่านเพื่อบันเทิง อ่านเพื่อให้รู้ อ่านเพื่อรับวัตถุดิบนำเข้ามาเติมในสมอง นิยายหรือหนังสืออะไรก็ได้ที่อยู่ในความสนใจในช่วงนั้นๆ อ่านเมื่ออยากอ่าน อ่านโดยไม่จำกัดว่าเป็นงานใหม่ หรืองานตามกระแสนิยม เมื่อเราสนใจสิ่งที่อยากอ่านก็จะทำให้การอ่านยิ่งเร็วขึ้น แต่ถ้าจะให้อ่านนิยายเรื่องหนึ่งในเวลา 2-3 วันนี้ตอบได้เลยว่าไม่สามารถค่ะ อย่างน้อยต้องมีแล้วเรื่องละสองอาทิตย์ (สกิลการอ่านช้าเยี่ยงเต่าอีกแล้ว) ยิ่งรอบสองเดือนมานี้อ่านได้น้อยมาก ได้แค่ไม่กี่เล่มเท่าที่ภาพค่ะ
ไม้ป่า / กฤษณาอโศกสิน เล่มนี้อ่านแล้วชอบ แนวสะท้อนสังคมของตัวละครที่เปรียบพวกเขาเป็นเหมือนไม้ป่าหลากพันธุ์จะงดงามเติบโตอย่างไรในสังคมที่แตกต่างกัน และอยู่ที่พื้นฐานของตัวละครนั้นด้วยว่าจะเป็นดั่งไม้พันธุ์ใด ฉันชอบเล่มนี้ของกฤษณาอโศกสิน / ชมัยภร บางคมบาง เล่มนี้ได้จากบล็อกคุณเสี้ยวป่าเป็นบทรวบรวมรีวิวที่นักอ่านเขียนถึงคุณกฤษณา เป็นเล่มที่เหมือนกับเป็นฮาวทูในการอ่านเล่มอื่นของท่านได้ดีมากค่ะ ภาพรักลวงใจ /กันยามาส เล่มนี้เคยอ่านตอนเด็กมากๆ พอมีโอกาสเรียนกับครูก็เลยถามเกี่ยวกับตัวละครครูบอกว่าตัวละครเรื่องนี้โดยเฉพาะนางรอง ร้ายมาก จริงๆ ค่ะ ครูเขียนจนอินตามไม่ใช่นางรองคนเดียวด้วยนะ ตัวละครที่คิดว่าดีที่สุดยังมีมุมที่เห็นแก่ตัวเรียกว่าทุกคนในเรื่องไม่ใสสะอาดเหมือนผ้าขาวสักคน แต่นี่คือคนจริงๆที่รู้สึกได้ เอาไว้ค่อยเล่าในบล็อกหนังสือคราวหน้าค่ะ สิ้นแสงฉาน /มนันยา แปล เรื่องนี้ชอบมาก ได้ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 8 มา แถมยังต้องรอนานเป็นเดือนกว่าเพราะของหมดสต็อกปกติชอบหนังสือที่เกี่ยวกับทางเหนือ ไทยใหญ่ เชียงตุงอยู่แล้วอ่านเล่มนี้ยิ่งอยากศึกษาประวัติศาสตร์ช่วงนั้นมาก จนหาคลิปยูทูปและก็บทความเก่าๆมาอ่านมาดูกันเลยค่ะ เป็นอีกเล่มที่ชอบมาก ไม่ว่าประเด็นความรัก เชื้อชาติแต่ชอบสุดในเรื่องคงเป็นประเด็นการเมือง เรื่องลับระหว่างรัก/ นินามism เรื่องนี้ชอบทั้งการดำเนินเรื่องและการนำเสนอ เป็นนักเขียนที่เล่าเรื่องธรรมดาให้ไม่ธรรมดาได้อ่านเล่มนี้ตอนที่อยากหาอะไรแปลกใหม่ได้อ่านตรงกับช่วงเวลาที่ต้องการพอดี ทำให้เป็นอีกเรื่องที่อ่านจบในเวลารวดเร็วเหลือเชื่อ
เอาไว้เสร็จธุระปะปังหลายอย่างค่อยมาเขียนบล็อกค่ะคิดว่าเดือนหน้าคงได้อัพสลับกับงานตะพาบเหมือนเดิมค่ะ
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องราวที่ต้องบังคับตัวเองให้พักร้อนพักบล็อกไปก่อน คิคว่าภายในเดือนหน้าคงได้กลับมาประจำการเหมือนเดิมค่ะ ตะพาบหนนี้ขอปิดคอมเมนต์ไปก่อนนะคะ เกรงใจเพื่อนๆ มากถ้ามาอ่านแล้วไม่ได้กลับไปหาที่บล็อกค่ะ
ขอบคุณของแต่งบล็อกสวยๆจากคุณยายเก๋าและคุณญามี่ค่ะ ขอบคุณเพลงเพราะๆ จากอินเตอร์เน็ต ชอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ ^______^
Create Date : 21 เมษายน 2559 |
|
0 comments |
Last Update : 5 พฤษภาคม 2559 17:20:38 น. |
Counter : 1881 Pageviews. |
|
|
|