... Live Well ❤ Laugh Often ❤ Love Much ...
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
17 ตุลาคม 2553
 
All Blogs
 

ตามรอยบ้านเกิดคีตกวีเอกของโลก วูฟกังก์ อมาเดอุส โมสาร์ท @ Salzburg ประเทศออสเตรีย◕‿◕✿•:*´¨`*:•.☆❤`•.



วันนี้มาต่อกันที่เมืองที่ได้ขึ้นชื่อว่าThe Sound of Music นั่นก็คือซาลส์บวร์ก (Salzburg) ประเทศออสเตรียนั่นเอง ช่วงที่มาคือปลายๆเดือนสิงหาคมซึ่งฝนกำลังตกและตกได้เกือบทุกวัน ฉะนั้นถ้าจะท่องเที่ยวช่วงหน้าฝนก็ต้องทำใจสักหน่อยล่ะค่ะ ทั้งแฉะ ทั้งเปียกปอนไปตามๆกัน ฟ้าฝนเดี๋ยวครื้มเดี๋ยวฝนเทลงมา บางทีแถมมีแดดมาด้วยอีกแหนะ จะไปมุมใหนก็ต้องพกร่มติดตัวตลอดเลย



วิวของแม่น้ำซาลส์ซักค์





เมืองในยุโรปส่วนใหญ่ประกอบด้วยโบสถ์ จัตุรัส หอคอยสูง รูปปั้น เช่นเมืองซาลส์บวร์ก (Salzburg) ประเทศออสเตรียนี่ก็เหมือนกัน นอกจากมีทุกสิ่งที่ว่ามาแล้ว ยังมีธรรมชาติและทิวทัศน์อันสวยสดงดงามเนื่องจากอยู่ใกล้เทือกเขาแอลป์ นอกจากนั้นยังเป็นที่ชุมนุมของผู้ที่ชื่นชอบในเสียงดนตรีอีกด้วย





ซาลส์บวร์กเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสี่ของประเทศออสเตรีย ตั้งอยู่ริมแม่น้ำซาลส์ซักค์ (Salzach) มีฉากหลังเป็นเทือกเขาแอลป์ และเป็นเมืองชายแดนก่อนจะข้ามไปสู่แคว้นบาวาเรียของประเทศเยอรมนี ที่นี่เต็มไปด้วยศิลปะแบบบาร็อค จนได้ชื่อว่าเป็นนครหลวงแห่งศิลปะบาโรค เป็นบ้านเกิดของคีตกวีเอกของโลก วูฟกังก์ อมาเดอุส โมสาร์ท (Wolfgang Amadeus Mozart) เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์อมตะเรื่อง The Sound of Music และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ. 1997 อีกด้วย

ในภาพข้างล่างนี้คือ จตุรัสเรสซิเดนท์(Residenzplatz) ซึ่งเป็นจตุรัสย่านกลางเมืองและอยู่ติดกับ มหาวิหารแห่งเมืองซาลบวร์ก(Salzburg Cathedral)


มีนํ้าพุสไตล์บาร็อคอยู่เป็นจุดเด่นอย่างสวยงาม




คำว่าซาลส์ (Salz) ในภาษาเยอรมันแปลว่าเกลือ ซาลส์บวร์ก แปลตามตัวได้ว่าปราสาทเกลือ ซึ่งเป็นคำเปรียบเทียบเรือขนเกลือว่าเหมือนเป็น ปราสาทเกลือ ดินแดนแถบนี้เป็นแหล่งค้าเกลือเก่าแก่มาแต่โบราณ เกลือทำหน้าที่ถนอมอาหาร ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งในแถบเมืองหนาว ฉะนั้นใครมีเกลือจึงเปรียบเสมือนมีทองคำเลยทีเดียว แถวนี้จึงมั่งคั่งร่ำรวยมาตั้งแต่อดีตยุคโรมัน


ภาพนี้คือจตุรัสเรสซิเดนท์(Residenzplatz)กับ มหาวิหารแห่งแห่งเมืองซาลบวร์ก(Salzburg Cathedral)





มหาวิหารแห่งเมืองซาลบวร์ก(Salzburg Cathedral)สร้างในสมัยเรอนาซองส์ตอนปลายต่อจากบาโรคตอนต้น ถือว่าเป็นโบสถ์บาโรคยุคแรก สร้างขึ้นแทนโบสถ์หลังเดิมที่ถูกไฟไหม้ มหาวิหารแห่งนี้เคยถูกระเบิดถล่มช่วงสงครามโลกครั้งที่2แต่ภายหลังได้รับการบูรณะให้งดงามดังเดิม




ในอดีตซาลส์บวร์กเป็นรัฐอิสระปกครองด้วยอาร์ชบิชอป (archbishop) ซึ่งเป็นตำแหน่งของพระในศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก (เช่นเดียวกับที่วาติกันถูกปกครองด้วยพระสันตะปาปา) จึงเป็นศูนย์กลางของศาสนาทางตอนเหนือของเทือกเขาแอลป์






ป้อมปราการสูงโดดเด่นบนยอดเขาเป็นฉากหลังของซาลส์บวร์กมีชื่อว่า ป้อมปราการโฮเฮนซาลส์บวร์ก (Festung Hohensalzburg)เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงพลังอำนาจทางโลก สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1077 และมีการสร้างต่อเติมมาเรื่อย ๆ จนถึงศตวรรษที่ 17 เพื่อเป็นที่พำนักของอาร์ชบิชอปผู้ครองนคร ไว้ป้องกันข้าศึกศัตรูจากความขัดแย้งระหว่างจักรพรรดิที่เป็นประมุขทางโลก กับอาร์ชบิชอปประมุขทางธรรม ปัจจุบันได้รับการยกย่องว่าเป็นป้อมปราการซึ่งหลงเหลือความสมบูรณ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในมีตำหนักใหญ่ คุกใต้ดิน ห้องทรมานนักโทษ และสิ่งที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือเตาผิงที่ปูด้วยกระเบื้องที่มีความทนทานมาตั้งแต่ปี1501 ในห้องทอง รวมทั้งมีภาพจากจากพระคัมภีร์ไบเบิลอีกด้วย

นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นเขาไปชมปราสาทด้านบน หรือจะขึ้นรถเคเบิ้ลซึ่งเป็นรถเคเบิ้ลที่เก่าแก่ที่สุดของออสเตรียได้



เรามากล่าวถึงประวัติของคีตกวีเอกโมสาร์ทกันซักหน่อย วูฟกังก์ อมาเดอุส โมสาร์ท ถือกำเนิดที่เมืองซาลส์บวร์กเมื่อวันที่ 27 มกราคม ค.ศ.1756 เขาแสดงอัจฉริยภาพทางดนตรีตั้งแต่อายุเพียงสามขวบ และเริ่มประพันธ์เพลงตั้งแต่อายุ 5 ขวบ หลังจากตระหนักถึงความสามารถของลูกชาย พ่อของโมสาร์ทจึงพาลูกชายตระเวนแสดงไปทั่วยุโรปตั้งแต่อายุเพียง 6 ขวบ การแสดงที่เป็นที่กล่าวถึงบ่อยที่สุดคือการแสดงต่อหน้าพระพักตร์พระนางมาเรีย เทเรซา ณ พระราชวังเชินบรุนน์ และได้ขอเจ้าหญิงมารี อังตัวเน็ตต์พระธิดาของพระองค์แต่งงาน จริง ๆแล้วซาลส์บวร์กเล็กเกินไปสำหรับความสามารถของโมสาร์ท และตัวเขาเองดิ้นรนที่จะไปจากเมืองนี้ให้ได้ เรียกได้ว่าความสัมพันธ์ของโมสาร์ทกับซาลส์บวร์กอยู่ในขั้นแย่เลยก็ว่าได้


(ภาพตอนเด็กนี้จิ๊กมาจากอากู๋และล็อคอินCherokee1ค่ะ)




จตุรัสโมสาร์ท(Mozart Square)




ขณะที่โมสาร์ทตายนั้น เขาอายุเพียง 35 ปีเท่านั้น เขาตายอย่างน่าอนาถ เพราะเขาต้องเผชิญกับความหิว ความหนาวและเข็ญใจ ไร้ญาติขาดมิตร ขณะที่นำศพไปฝังในตอนบ่ายวันที่เขาตายนั้น มีพายุฝนอย่างรุนแรง หิมะและลูกเห็บตกลงมาอย่างหนัก ทำให้คนเดินติดตามไปฝังศพต้องยอมแพ้ไม่ยอมตามไป ภรรยาของเขาก็ไม่ได้ตามไปด้วยเพราะกำลังป่วยอยู่ ฉะนั้น จึงไม่มีญาติมิตรคนใดไปดูการฝังศพของเขา คงปล่อยให้สัปเหร่อ 2-3 คน จัดการไปตามลำพัง ณ ป่าช้าสำหรับคนอนาถาที่ เซนต์ มารุกซ ในกรุงเวียนนา โดยไม่ได้ทำเครื่องหมายอันใดไว้เลย เพราะทำกันอย่างรีบ ๆ จึงเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจอย่างยิ่ง พอมีการระลึกถึงคุณค่าทางดนตรีของเขาขึ้นมา ต้องการที่จะคาราวะศพ และจะจัดสร้างอนุสาวรีย์ให้แก่เขา ก็ไม่สามารถจะค้นหาหลุมฝังศพของเขาพบ นี่แหละคือชีวิตของ วุล์ฟกัง อมาเดอุส โมสาร์ท นักดนตรีชื่อก้องโลกผู้อาภัพที่สุด


รูปปั้นโมสาร์ทยืนตระหง่านอยู่





ปัจจุบันซาลส์บวร์กใช้ชื่อโมสาร์ทเพื่อโปรโมตการท่องเที่ยวอย่างกับเป็น ลูกรักของเมืองเลยทีเดียว มีรูปปั้นโมสาร์ท จัตุรัสโมสาร์ท วิทยาลัยดนตรีโมสาร์ท แม้แต่ช็อกโกแลตโมสาร์ท


บ้านเลขที่9ของโมสาร์ท




พิพิธภัณฑ์โมสาร์ทในเมืองซาลส์บวร์กมีอยู่สองแห่ง แห่งแรกคือพิพิธภัณฑ์โมสาร์ทเกบูร์ตสเฮาส์ Mozart Geburtshaus (Mozart Birthplace) คือบ้านเลขที่9 เป็นสถานที่ที่โมสาร์ทเกิดและเขาอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ จริงๆครอบครัวโมสาร์ทเช่าห้องเล็ก ๆ ชั้นสามในอาคารหลังนี้และอยู่รวมกัน 4 คน พ่อ แม่ พี่สาว และตัวเขาเอง จนมีอายุได้ 17 ปี ต่อมาเขาได้ย้ายไปอยู่อีกหลังหนึ่งที่มีพื้นที่มากกว่า ต่อมาทางการได้ขอซื้อทั้งอาคารเพื่อจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์โมสาร์ท ที่นี่มีขนาดเล็กกว่าพิพิธภัณฑ์แห่งที่สอง แต่เป็นที่รู้จักมากกว่าเพราะทำเลที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเก่าบนถนน Getreidegasse ภายในบ้านหลังนี้ออกแบบโดยRobert Wilson นักศิลปะชาวอเมริกัน โดยมีการออกแบบให้เหมือนตอนที่โมสาร์ทยังมีชีวิตอยู่ให้มากที่สุด ภายในได้รวบรวมเรื่องราวและเครื่องดนตรีในสมัยเด็กของโมสาร์ท ไม่ว่าจะเป็นไวโอลินหรือเปียโนและยังมีรูปภาพและจดหมายที่เขียนถึงกันในครอบครัวด้วย


บ้านเลขที่9ของโมสาร์ท ตึกสีเหลืองๆนี้ติดกับร้านไอศครีม





ส่วนพิพิธภัณฑ์โมสาร์ทโวนเฮาส์ Mozart Wohnhaus (Mozart Residence) อยู่ตรงหน้าจัตุรัส Makartplatz อีกฝั่งของแม่น้ำซาลส์ซักค์ คือบ้านที่ครอบครัวโมสาร์ทย้ายมาอยู่เมื่อลูกโตขึ้น เป็นบ้านสองชั้นมีเนื้อที่กว้างขวางกว่าเดิม โมสาร์ทใช้ชีวิตที่นี่เป็นเวลาถึง 7 ปี ในช่วงปี ค.ศ. 1773-1780 ภายในจัดแสดงเอกสารต้นฉบับ เครื่องดนตรี ภาพวาด เพื่อแสดงประวัติชีวิตและผลงานของท่าน

ภาพวาดแสดงครอบครัวโมสาร์ท จากพิพิธภัณฑ์โมสาร์ทโวนเฮาส์ โมสาร์ทนั่งหน้าเปียโนคู่กับพี่สาว พ่อถือไวโอลินนั่งอีกฝั่งของเปียโน รูปตรงกลางคือแม่ของท่านซึ่งเสียชีวิตลงก่อนหน้านี้

(ภาพนี้เอามาจากอากู๋และล็อคอินCherokee1ค่ะ เป็นภาพวาดครอบครัวโมสาร์ท)




นอกจากเป็นบ้านเกิดของโมสาร์ทแล้ว ซาลส์บวร์กยังเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์อมตะเรื่อง The Sound of Music หรือในชื่อไทยว่า''มนต์รักเพลงสวรรค์''เป็นเรื่องราวของครอบครัววอนแทรปป์ที่ประกอบด้วยพ่อหม้ายลูกติดถึง 7 คน ต้องหาพี่เลี้ยงเด็กที่จะสามารถปราบเด็กแก่นเฮี้ยว ใคร ๆ ก็เอาไม่อยู่ จนกระทั่งวันหนึ่งนางเอกของเรื่องคือมาเรีย (นำแสดงโดยจูลี่ แอนดรูว์) ถูกส่งตัวมาจากสำนักชีเนื่องจากเธอซุกซนเกินกว่าจะเป็นแม่ชีให้มาเป็นพี่เลี้ยงเด็กในครอบครัวนี้ เธอนำความสามารถทางดนตรีเอาชนะใจเด็ก ๆและมัดใจพ่อหม้ายจนอยู่หมัด ใครที่เคยร้องเพลงโดเรมี ทราบไหมคะว่ามาจากภาพยนตร์เรื่องนี้เอง ด้วยดนตรีที่ไพเราะจนเป็นอมตะประกอบกับฉากหลังที่งดงามของเมืองซาลส์บวร์ก และธรรมชาติตระการตาของเทือกเขาแอลป์ในประเทศออสเตรีย ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ชนะใจคนดูมาทุกยุคทุกสมัยจนเป็นอมตะนิรันดร์กาล


นี่ก็เป็นอีกฉากในภาพยนตร์ตอนที่มาเรียและเด็ก ๆ หัดร้องเพลงโดเรมีกัน
Doe, a deer, a female deer
Ray, a drop of golden sun
Me, a name I call myself
Far, a long, long way to run
Sew, a needle pulling thread
La, a note to follow Sew
Tea, a drink with jam and bread
That will bring us back to Do (oh-oh-oh)


(ขอบคุณภาพนี้จากอากู๋และล็อคอินCherokee1อีกครั้งนะคะ)




ทางเข้าสวนมิราเบล





สวนมิราเบลเป็นสวนสาธารณะที่สวยที่สุดในซาลส์บวร์ก เดิมทีเป็นสวนในพระราชวังเดิมถูกออกแบบโดยJohann Bernhard Fischer von Erlach สวนสร้างในรูปทรงเรขาคณิต ถูกตกแต่งด้วยพันธุ์ไม้หลากสี มีรูปปั้นเทพเจ้าและนํ้าพุ เป็นสวนแบบบาร็อคที่สวยงาม เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมความงามของสวนในปี1858โดยพระเจ้าFranz Joseph และยังเป็นสถานที่ถ่ายทำเรื่องThe Sound of Music อีกด้วย



สวนดอกไม้สวยๆ มองเห็นป้อมปราการโฮเฮนซาลส์บวร์ก (Festung Hohensalzburg)อยู่ไกลๆ





อีกมุมนึง มีฝูงนกบินบ่งบอกว่าฝนกำลังจะมาแล้ว





มีนํ้าพุตรงกลางสวนสวยๆ+เมฆตั้งเค้ามาแต่ไกล





จะมีรูปปั้นเทพเจ้ากรีก ล้อมรอบสวนสวยงามมาก






อ๊ะ อีกมุม






ซุ้มโค้งๆนี่ก็สวยจัง





นักท่องเที่ยวหรือกรุ๊ปทัวร์เยอะมากๆ ทำให้เวลาถ่ายรูปจะต้องติดภาพคนมาด้วยตลอด





เห็นป้อมปราการโฮเฮนซาลส์บวร์ก (Festung Hohensalzburg)ตั้งตระหง่านอยู่ไกลๆ



สวนมิราเบลล์ (Mirabell Garden) สวนสาธารณะที่สวยงาม มีเนื้อที่กว้างขวาง เต็มไปด้วยรูปปั้นและน้ำพุแบบบาร็อค

มาเรียพาเด็กๆวอนแทรปป์มาวิ่งเล่นในสวนนี้จะมีฉากวิ่งรอบม้าเพกาซัสด้วย






ถนนเกทรัยเดอกาสเซอ (Getreidegasse) เป็นย่านการค้าสำคัญของเมืองมาตั้งแต่ยุคกลาง ปัจจุบันเป็นแหล่งช้อปปิ้งของนักท่องเที่ยว จุดเด่นของร้านค้าบนถนนเส้นนี้คือป้ายเหล็กที่แสดงสัญลักษณ์ของร้านที่แขวนไว้เหนือทางเข้าแต่ละร้านจะมีรูปแบบเอกลักษณ์เฉพาะตัว












เหตุผลในการมีป้ายสัญลักษณ์ของแต่ละร้านก็เพราะว่าในสมัยยุคกลาง ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่รู้หนังสือ แต่ละร้านจึงทำสัญลักษณ์ของร้านเพื่อให้ลูกค้าจำได้ว่าร้านไหนเป็นร้านไหน ปัจจุบันประชาชนอ่านออกเขียนได้ แต่ร้านค้าก็ยังคงป้ายร้านกันไว้อยู่เพื่อความสวยงาม






ขอบคุณข้อมูลดีดีจากอากู๋และล็อคอินCherokee1 มากๆนะคะทำให้พวกเราท่องเที่ยวได้อย่างสนุก ก่อนจะเที่ยวที่ใหนถ้าศึกษาข้อมูลก่อนเดินทางก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้วค่ะ



ขอบคุณทุกๆท่านที่แวะมาชมและขอบคุณเพื่อนๆชาวบล็อคแกงค์ที่น่ารักที่ฝากเม้นต์ไว้ที่บล็อคทีผ่านๆมาด้วยค่ะ ขอให้ทุกๆคนมีความสุขนะคะ แล้วพบกันใหม่ค่ะ





@@@@@ บล็อคนี้อาจมีผลต่อเพื่อนๆที่ใช้ firefox เป็น browser ซึ่งอาจจะทำให้Comment ไม่ได้ ยังไงลองกดตัวอีโมก่อนสักหนึ่งตัวก่อนComment นะคะ @@@@@






 

Create Date : 17 ตุลาคม 2553
16 comments
Last Update : 19 ตุลาคม 2553 17:45:03 น.
Counter : 5884 Pageviews.

 

 

โดย: LoveParadise 17 ตุลาคม 2553 18:26:46 น.  

 

ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมเสมอๆนะคะ
รูปสวยมากค่ะ
คงต้องไปเยี่ยมบ้านคุณโมสาร์ทซักครั้งแล้ว

 

โดย: apple.007 17 ตุลาคม 2553 18:51:20 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณนก ตามมาเที่ยวด้วยคนนะคะ
ว้าว the sound of music เรื่องนี้อมตะจริงๆ
น้ำพุดูสวยงดงามมากค่ะ
พูดถึงเกลือแล้ว ใช้ได้สารพัดประโยชน์จริงๆ นะคะ
ทุกบ้านในครัวเนี่ย ต้องมีเกลือกันหมด
มหาวิหารอลังการมากค่ะ สงครามโลกเนี่ยทำลายสิ่งสำคัญไปเยอะ
ที่อิตาลีก็โดนเต็มเหมือนกันค่ะ ต้องบูรณะกันยกใหญ่
อ่านเรื่องโมสาร์ทแล้วเศร้าตามไปด้วยนะคะ
อัจฉริยะทางดนตรีที่มีจุดจบอนาถจริงๆ แต่ยังดีที่ทิ้งผลงานไว้
ชอบสวนมิราเบลมากค่ะ สวยจริงๆ

ปล. อากู๋เนี่ยคือ กูเกิ้ล รึป่าวคะ คริคริคริ

 

โดย: diamondsky 17 ตุลาคม 2553 19:21:55 น.  

 

เข้ามาชมชัดๆอีกรอบค่ะ เมื่อกี๊ดูกะ ip ไม่ชัดเท่าไรค่ะ ไปทานข้าวกะเพื่อนมา เพิ่งดูหนังเรื่อง letters to juleit จบ กำลังบ่นกับเพื่อนว่าอยากไปเห็นบ้าน จูเลียท กาลิเลโอ โมสาร์ท แล้วก็หยิบ ip มานั่งจิ้มๆ ปรากฏว่าเห็นบล็อคคุณนกพาไปพอดี ดีใจมากค่ะ เหมือนรู้ใจกันเลยนะคะนี่ เห็นแล้วยิ่งอยากไปมากขึ้นเลยค่ะ
ปล.ขอบคุณอีกครั้งสำหรับความห่วงใยและกำลังใจที่คุณนกมักจะมีให้เปิ้ลเสมอๆเลย นะคะ

 

โดย: apple.007 17 ตุลาคม 2553 20:26:40 น.  

 

สวยมากคะ เห็นแล้วอยากไปจัง

 

โดย: We Are FroM BeLGiUM 17 ตุลาคม 2553 20:48:19 น.  

 

งานนี้ได้ศัพท์ใหม่ "อากู๋" คริคริคริคริ
วันหลังจะเอาไปใช้บ้างนะคะ อิอิอิอิ
เอิงเพิ่งอัพบล็อกไปเหมือนกัน มาชวนคุณไปเที่ยวอีกรอบ
วันนี้มาหลายรอบ หุหุหุหุ
พากิน พาเที่ยว วันว่างๆ สุดสัปดาห์น่ะค่ะ

 

โดย: diamondsky 17 ตุลาคม 2553 20:56:23 น.  

 

จำผนังสีเหลืองได้

 

โดย: jejeeppe 17 ตุลาคม 2553 21:28:24 น.  

 



รูปสวยมากอ่านแล้วก็ได้ความรู้ด้วยค่ะคุณนก

salzburg นี่น่ะเมืองในฝันเราเลยนะคะ
มีทั้งบ้านเกิดของโมสาร์ท
แล้วยังเป็นที่ถ่ายทำหนังเรืื่อง The Sound of Music อีกด้วย

เมื่อไหร่จะได้มีโอกาสไปเยือนบ้างน๊ออออออ

 

โดย: Suessapple 17 ตุลาคม 2553 23:26:29 น.  

 

เมื่อวานได้ช้อปปิ้งนิดๆๆๆๆ รู้สึกสดชื่นยังไงบอกไม่ถูก
คริคริคริคริคริคริ
สงสัยเอิงเป็นโรค ไอเลิฟช้อปปิ้งค่ะ
ทั้งช้อปจริงๆ หรือวินโดว์ช้อปปิ้ง ชอบหมด อิอิอิ
ขอบคุณที่ชมหัวบล็อกค่ะ สไตล์แบบท้องทุ่งอิตาลีนะคะ
คันทรี่ๆๆๆ ลูกทุ่งว่างั้นเถอะ
ปีหน้าช่วงใกล้หน้าร้อน จะชวนสามีไปถ่ายรูปเล่นน่ะค่ะ
จากมิลานไปแถบทัสคานีก็ประมาณสามชั่วโมง
ตอนนี้ถ่ายรูปคงไม่สวย เพราะไม่มีแดด เริ่มหนาวแล้ว

รูปของคุณนกก็สวยมากๆๆๆ ค่ะ
เห็นแล้วอยากไปเที่ยวจังเลยนะคะ

 

โดย: diamondsky 17 ตุลาคม 2553 23:56:23 น.  

 



ไม่ท่องอย่างเดียวนะคะคุณนก
สวดมนต์ภาวนาด้วย

ขอให้สักวันนึงได้ไปเที่ยว Salzburg ด้วยเทิ๊ด

คุณนกอยากมาเที่ยวแถวๆบ้านเรา
ก็ทำอย่างเรานะคะ

สมหวังแน่นอนจ้า

 

โดย: Suessapple 18 ตุลาคม 2553 1:48:47 น.  

 

ตามมาเที่ยวเมืองในตำนาน เมื่อครั้งยังเป็นนางเอกเดอะซาวด์ออฟมิวสิค อิอิ พี่ชอบหนังเรื่องนี้มากจ้ะ ตอนอยู่มหาลัยอาจารย์เอามาให้ดูแล้วก็ติดใจแต่ตอนนี้ลืมไปเกือบหมดแระ แต่เป็นหนังที่คลาสสิคอมตะมากๆ

เมืองดูมีมนต์ขลังจัง ภาพก็สวยแจ่ม โอ๊ยยยย อิจฉาๆๆ อยากไปๆ ด้วยอ่ะแม่นก

 

โดย: Thairabian 18 ตุลาคม 2553 10:56:21 น.  

 

ว้าว..น้องนกบล็อคนี้ ถูกใจพี่จิ๊บอย่างแรง..กำลังสนใจจะไปเที่ยวเมืองนี้อยู่พอดี..ประมาณเดือนหน้าค่ะ..แต่คุณสามียังลังเลอยู่..เขาไม่ชอบเที่ยวหน้าหนาว..มืดไว.และหนาวด้วย..เหตุผลเยอะจัง...5555

 

โดย: คุณนายเยอรมัน 18 ตุลาคม 2553 20:40:09 น.  

 

สวัสดีค่ะน้องนก แฮ่ เป็นทางการแร่ะ เอ๊ะ หรือจะยังเป็นแม่นกดี อยากให้เรียกแบบไหนจ๊ะ

แวะเข้ามาชมภาพสวยๆของบ้านเกิดเมืองนอนของโมสาร์ทจ้า พี่เคยดูหนังเรื่อง amadeus เลยพอคุ้นๆประวัติเค้า น่าสงสารเนอะ เป็นตั้งคนดัง ไม่น่าต้องจบชีวิตลงแบบอนาถาเลย เหมือนตอนจบพี่มีแอบน้ำตาเล็ดๆด้วยแหล่ะ


สวยค่ะ ออสเตรียเป็นไรที่สวย ทุกรูปอย่างทั้งบ้านเมืองและภูมิประเทศ สมแล้วที่เค้าใช้เป็นโลเกชั่นถ่ายหนัง the sound of music อ่ะเนาะ

ขอบคุณมากๆกับคำอวยพรนะคะ ขอให้น้องนกและครอบครัว สุข สดชื่น สมหวังด้วยนะจ๊ะ


 

โดย: anigia 19 ตุลาคม 2553 0:54:43 น.  

 

มีต่อหลังไมค์เด้อ ลับลมคมในเเยะ

 

โดย: anigia 19 ตุลาคม 2553 0:57:34 น.  

 

มาเทสท์เทคนิคจ้า
เวิร์คจ้า ขอบคุณน๊าน้องนก

 

โดย: anigia 19 ตุลาคม 2553 20:45:27 น.  

 



จ้าคุณนก..
คราวนี้เวลาก่อนนอน
เราจะสวดมนต์ทุกคืนเรย
ให้เราสองคนสมหวังได้ไปเที่ยวที่ที่อยากไปเนาะ

เริ่มคืนนี้เรยนะคะ
เรามาสวดพร้อมๆกัน
ว่าแต่ว่าสวิสกับนิวซ์นี่มันห่างกันกี่ชั่วโมงคะคุณนก

 

โดย: Suessapple 20 ตุลาคม 2553 0:00:52 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


LoveParadise
Location :
~~เฮลซิงกิ ~~ Finland

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 96 คน [?]






NB: All my photos are copyrighted by LoveParadise, please do not use them without my permission! Thanks :)


สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ.ศ. 2539
ห้ามมิให้ผู้ใดละเมิดไม่ว่าการลอกเลียน ดัดแปลง ตัดทอนหรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดทั้งข้อความ รูปภาพใดๆใน blog แห่งนี้ไปใช้
ทั้งในการเผยแพร่หรือเพื่อการอ้างอิงโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าของบล็อกจะดำเนินการตามคดีที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด!!!
















































































































"สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับการเดินทาง" คือ "การตัดสินใจออกเดินทาง" แต่สิ่งที่ยากยิ่งกว่า "การตัดสินใจออกเดินทาง" อาจจะเป็น "แรงบันดาลใจจากสถานที่ใดที่หนึ่ง" ที่แรงพอจนทำให้เราออกเดินทางไปถึง...มีแรงบันดาลใจ...มีฝัน...ทำมันให้เป็นจริง...



... หลายๆคนอาจจะมองว่า... ความทรงจำ.. เป็นเพียงแค่.. อดีต... แต่สำหรับฉันขอเก็บมันไว้เป็นความทรงจำที่ดี - ดี... และขอเก็บเกี่ยวช่วงเวลาเหล่านั้นให้ดีที่สุด... และสวยงามที่สุด... เพื่อจะได้เรียงร้อยเป็นถ้อยคำ.... เป็นความทรงจำที่ไม่ว่าจะหยิบขึ้นมาดูเมื่อไร่ก็ทำให้คิดถึง... มีความสุข... ยิ้มได้เสมอและไม่รู้เบื่อ ...

... ยามว่างๆเก็บภาพถ่ายและความทรงจำมาใส่ในบล็อค ใครใคร่ชม ชม ใครใคร่เม้นต์ ก้อเม้นต์....



จงภาคภูมิใจในโอกาสที่ตัวเองได้รับ ศรัทธาในตัวเองให้มากๆและทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด







Friends' blogs
[Add LoveParadise's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.