*.:。✿*゚’゚・✿.。.:* *.:。✿*ღ♥uาJมาSร้าE♥ღÄpaHoLic ☆•:*´¨`*:•. *.:。✿*゚‘゚・✿.。.:*
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
23 มีนาคม 2553
 
All Blogs
 

เทพบุตรสุดหล่อ ‘กากา’ : ว่าที่นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปี 2007?

เทพบุตรสุดหล่อ ‘กากา’ : ว่าที่นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปี 2007?





หลายคนยอมรับว่าเขาคือหนึ่งในนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดของโลกในยุคปัจจุบัน อีกหลายคนฟันธงว่าเขาคือนักฟุตบอลที่หล่อที่สุดในโลก

แต่จากนี้ อีกหลายต่อหลายคนจะต้องบอกว่าเขาคือนักฟุตบอลที่หล่อ และเก่งที่สุดในโลก !

เพราะเขาคือ ว่าที่นักฟุตบอลยอดเยี่ยมประจำ ปี 2007 ของทุกสถาบัน !

เขาคือ ริคาร์โด อิเซคสัน ดอส ซานโตส เลเต ? ...หรือ กากา เพลย์เมกเกอร์แห่งทีมชาติบราซิล และ เอซี มิลาน นั่นเอง




คงจะมีแฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ความจำเสื่อมเท่านั้น ที่จะจำ กากา ไม่ได้ หลังจากที่เขาผลิตฟอร์มที่ต้องบอกว่า “ระดับเทพ” ในเกมยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ ทั้ง 2 นัด ที่ ผีแดง พบกับ มิลาน เมื่อฤดูกาลที่แล้ว

ส่วนแฟนบอล ลิเวอร์พูล ก็คงจะจำ กากา ได้ขึ้นใจ หลังจากที่เขาทำให้ “หงส์แดง” ชวดคว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 ด้วยการพา ทีมปิศาจแดงดำ เอาชนะ ลิเวอร์พูล ในรอบชิงชนะเลิศ ที่เอเธนส์

ผลงานที่สุดยอด ในการแข่งขันที่สุดยอดของยุโรปดังกล่าว ทำให้ กากา อาจจะเป็นตัวเต็งที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวที่จะคว้ารางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมประจำปีนี้ของฟีฟ่า เพราะบรรดาตัวเต็งคนอื่น ๆ อย่าง ฟรานเชสโก ตอตติ ดาวซัลโวรองเท้าทองคำของยุโรป เมื่อฤดูกาลที่แล้ว และ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ที่นำ อินเตอร์ มิลาน คว้าแชมป์กัลโช เซเรีย อา กลับไม่มีชื่อติดอยู่ในโผ 30 คนสุดท้ายซะอย่างนั้น !




เช่นเดียวกับนักเตะที่โดดเด่นอย่าง ดาวิด บีญา, ลูกา โทนี หรือแม้แต่ เชส ฟาเบรกาส ดังนั้น นอกจากตัวเองแล้ว คู่แข่งที่อาจจะมีลุ้นกับ กากา มากที่สุด จึงเป็นนักเตะวัยแค่ 20 ปีกว่า ๆ อย่าง ลิโอเนล เมสซี หรือไม่ก็ คริสเตียโน โรนัลโด เท่านั้น ขณะที่ เพื่อนร่วมทีม มิลาน อย่าง อันเดรีย ปิร์โล ถึงแม้จะมีส่วนไม่น้อยในการพาทีมคว้าแชมป์แชมเปียนส์ ลีก แต่ช่วงหลังก็แผ่วลงไปเยอะเหมือนกัน ดังนั้น เมื่อดูจากฟอร์มการเล่น, ความสำคัญต่อทีม และความสำเร็จ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักที่ใช้ตัดสินแล้ว ต้องยอมรับว่า กากา ยังเหนือกว่าทั้ง 3 คนพอสมควร

กากา มาจากครอบครัวที่เรียกได้ว่ามีอันจะกิน (ค่อนข้างเหลือเฟือ) ในกรุงเซา เปาโล ซึ่งค่อนข้างแตกต่างจากนักเตะบราซิลทั่ว ๆ ไป ที่ต้องปากกัดตีนถีบส่งตัวเองออกจากครอบครัวที่ยากจน แต่แม้ที่มาจะต่างกัน ฝีเท้าของเขาหาได้ต่างจากบรรดาสุดยอดนักเตะแซมบ้าในอดีตไม่ เพราะด้วยวัยเพียงแค่ 20 ปี กากา ก็ได้ลงเล่นฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ครั้งแรกในชีวิต ที่เกาหลีใต้ และ ญี่ปุ่น เมื่อปี 2002 ซึ่ง บราซิล คว้าแชมป์โลกเป็นสมัยที่ 5




กากา ต้องแบกรับความกดดันมหาศาลเต็ม 2 บ่าตั้งแต่ยังเด็ก เพราะเพียงแค่เห็นลีลาบนพื้นหญ้าของเขาไม่กี่ครั้ง บรรดาสื่อในบราซิลก็พากันประโคมข่าวเสียใหญ่โตไปแล้วว่า เขานี่แหละที่จะก้าวขึ้นมาเป็นตำนานของทีมชาติคนต่อไปเหมือนอย่าง ริเวลิโน หรือ โซคราเตส และนั่นก็ไม่น่าแปลกใจเลย ที่ทำให้ยักษ์ใหญ่ในยุโรปอย่าง เอซี มิลาน กระชากตัวเขาไปร่วมทีม เมื่อปี 2003

ปีแรกในอิตาลี สิ่งที่ชาวเมืองมะกะโรนีสนใจในตัว กากา มากที่สุด ไม่ใช่เรื่องฝีเท้า หรือหน้าตา แต่กลายเป็นเรื่อง “ชื่อ” ของเขา เพราะได้ยินเมื่อไหร่ ทำให้รู้สึกจั๊กกะจี้รูหูพิกล ลูชาโน มอจจี อดีตผู้จัดการทั่วไป (จอมฉาว) ของ ยูเวนตุส ถึงกับหล่นคำพูดเกี่ยวกับชื่อ กากา ที่ยังโด่งดังมา จนถึงทุกวันนี้เอาไว้ว่า “กากา เหรอ ? ไม่มีทางที่เราจะเซ็นสัญญากับผู้เล่นชื่อแบบนี้แน่ ๆ”




แต่เพียงแค่ฤดูกาลแรกที่ลงสนาม กากา ก็ทำให้ทุกคนลืมเรื่องชื่อของเขาไปสนิท เมื่อเขาสามารถเบียดหนึ่งในนักเตะตัวทำเกมที่ดีที่สุดในโลกของยุคนั้นอย่าง รุย คอสตา ไปเป็นตัวสำรองได้อย่างเหลือเชื่อ และ เป็นกุญแจสำคัญที่ คาร์โล อันเชลอตติ ใช้ไขไปสู่ตำแหน่งแชมป์ลีกใน ฤดูกาล 2003-2004 ซึ่ง มิลาน ทิ้งห่างอันดับ 2 อย่าง โรมา ถึง 11 คะแนน จึงถือเป็นอีกครั้งที่พิสูจน์ว่าวลี “หัวเราะทีหลังดังกว่า” เป็นความจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ ที่เขาได้รับการยอมรับว่าเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในอิตาลี หรือแม้แต่ในโลกไปแล้ว

ด้วยวัยเพียงแค่ 25 ปี และความมุ่งมั่นที่ไม่มีหมด กากา ยังสามารถพัฒนาฝีเท้าได้อีกมาก ดังนั้นมันจึงไม่ยากเลยที่เขาจะจารึกชื่อตนเองให้เป็นอีกหนึ่งในนักเตะระดับตำนานของโลกเหมือนที่ได้รับการคาดหมายในตอนเด็ก นอกจากตำแหน่ง ว่าที่นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีแล้ว กากา ยังถือว่าเป็น ว่าที่นักฟุตบอลค่าตัวแพงที่สุดในโลกคนใหม่ด้วย เมื่อมีข่าวที่อาจจะฟังดู ตลก แต่มีความเป็นไปได้ไม่น้อยว่า “เสี่ยหมี” โรมัน อบราโมวิช เจ้าของทีมเชลซี จะทุ่มเงินถึง 100 ล้านปอนด์ หรือราว 7,000 ล้านบาท เพื่อแลกกับตัวเขา ขณะที่ รีล มาดริด ก็มีข่าวกับ กากา มาทั้งซัมเมอร์ที่แล้ว และประกาศว่าพร้อมทุ่มเงินไม่น้อยกว่า เชลซี เหมือนกัน โดยตัวเลขที่สื่อในสเปน เคยรายงานว่า อยู่ที่ประมาณ 90 ล้านยูโร หรือราว 4,500 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี ประธานสโมสรมิลาน ได้ออกมายืนยันแล้วว่า “มันไม่มีความเป็นไปได้แม้แต่ 0 เปอร์เซ็นต์ที่ มิลาน จะขายกากา ขณะที่ผมก็เชื่อว่า ตัวเขาเองก็ไม่ต้องการไปจากเรา เพราะตอนนี้ กากา กลายเป็นสัญลักษณ์ของ มิลาน ไปแล้ว”




นอกจากผลงานในสนามแล้ว เรื่องนอกสนาม กากา ก็มีความสำคัญต่อ มิลาน ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เพราะใบหน้าหล่อ ๆ และลีลาอันเร้าใจเมื่ออยู่ในสนามของเขา ทำให้ทีม “รอสโซเนรี” มีแฟนบอลทั่วโลกเพิ่มขึ้นอีกมหาศาล ขณะที่บรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ก็พากันคลั่งไคล้เขาราวกับซูเปอร์สตาร์แห่งวงการฮอลลีวู้ด โดยไม่สนใจว่า กากา มีภรรยาแล้ว

ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาคือสินค้าระดับ “แบรนด์เนม” ที่ มิลาน จะไม่มีวันปล่อยให้หลุดมือ และมันจึงไม่แปลกที่ มิลาน จะประเคนเงินค่าจ้างให้เขาถึง 6 ล้านยูโร (ราว 300 ล้านบาท) ต่อปี เพื่อให้อยู่ในถิ่นซาน ซิโร ต่อไป และนั่นทำให้เขาเป็นนักฟุตบอลที่มีรายได้มากที่สุดในอิตาลีตอนนี้




แต่ถึงอย่างนั้น ถ้าหากคิดจะขายจริง ๆ มิลาน รอให้ใกล้ ๆ ปี 2011 ซึ่งสัญญาของ กากา กับทีมจะหมดลงก็ยังได้ เพราะตอนนั้น เขาจะยังอายุไม่ถึง 30 ปีด้วยซ้ำ และยังสามารถเล่นฟุตบอลในระดับสูงสุดได้อีกหลายปีอย่างแน่นอน

เพราะฉะนั้น คงไม่ผิด ถ้าหากจะบอกว่า กากา คือนักฟุตบอลที่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลกต่อจากเพื่อนร่วมชาติอย่าง โรนัลโด, โรนัลดินโญ หรือ ซีเนอดีน ซีดาน ได้ไม่ยาก และสำหรับปีนี้ ถ้าหากเขากวาดรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีทั้งของโลก, ของยุโรป หรือของสถาบันต่าง ๆ มาครองอยู่คนเดียว ก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเลยแม้แต่นิดเดียว.





 

Create Date : 23 มีนาคม 2553
0 comments
Last Update : 23 มีนาคม 2553 12:30:02 น.
Counter : 1125 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


รักหนักแน่น
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add รักหนักแน่น's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.