Group Blog
สิงหาคม 2563

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
12
13
14
15
16
17
18
19
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
เมื่อเขียนลงกระดาษความโกรธจะหายไป | ถนนสายนี้...มีตะพาบ หลักกิโลเมตรที่ 259 "คำสาปหรือคำสอน"
ถนนสายนี้...มีตะพาบ หลักกิโลเมตรที่ 259 "คำสาปหรือคำสอน"

โจทย์โดย คุณ กะว่าก๋า




คำสอนที่ทำให้เปลี่ยนชีวิต
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - 
เมื่อเขียนลงกระดาษความโกรธจะหายไป
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - 
 

ตอนสมัยวัยรุ่น ก็มีเรื่องให้คิด ให้ทุกข์ใจอยู่หลายเรื่อง ซึ่งตอนนั้น วุฒิภาวะด้านอารมณ์ ด้านความคิด ก็ยังมีไม่มากนัก เวลาที่เกิดปัญหาหรือมีเรื่องทุกข์ใจขึ้นมา ก็อยากจะระบายให้ใครสักคนได้ฟัง แต่ก็มักจะพบว่า พอได้พูดให้คนหนึ่งฟัง บางทีก็ยังไม่รู้สึกดีขึ้น ก็ต้องเล่าให้อีกคนฟัง มันก็จะรู้สึกดีขึ้นมาอีกนิดนึง ถ้ายังไม่ดีขึ้น ก็จะเล่าให้คนต่อๆ ไปฟัง จากความทุกข์ที่มีในใจอยู่ 100 ก็ลดลงๆ เหลือ 90 80 70 ตามลำดับ

โดยที่ตอนนั้น เราก็ไม่ได้คิดเลยว่า คนที่รับฟัง เขาจะรู้สึกอย่างไร หลังจากที่ฟังเรื่องของเราไปแล้ว คนที่คิดดีกับเรา เค้าก็คงจะเป็นห่วง แต่ถ้าคนที่คิดไม่ดีกับเรา เค้าก็คงจะเอาเรื่องของเราไปพูดต่อ หรือ บางคนก็อาจจะไม่ได้ตั้งใจรับรู้รับฟังอะไรเลย แค่ปล่อยให้เราพูดๆ ไป ซึ่งเราก็ได้เจอกับคนทั้ง 3 ประเภทนี้

ด้วยความที่เป็นคนชอบอ่าน ก็ได้เจอกับประโยคนึง ทำให้เราคิดได้ "ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า" เพราะเราไม่มีทางรู้หรอกว่า คนที่เราเห็นอยู่ตรงหน้า แท้จริงในใจเขาคิดอย่างไร และคนเราทุกคน ก็ย่อมมีเรื่องทุกข์อยู่ในใจเป็นของตน แล้วเรายังจะเอาเรื่องของเรา ไปให้เขารับรู้ ไปให้เขาเป็นห่วงเรา ทำให้เขาเป็นทุกข์เพิ่มเข้าไปอีกทำไม 

หลังจากนั้น เราจึงเลิกเล่าให้คนอื่นฟังไปเลย แม้ว่าเราจะมีเรื่องทุกข์แค่ไหนก็ตาม เราก็ไม่เล่าให้ใครฟังอีกเลยแม้แต่คนเดียว โดยเฉพาะผู้เป็นแม่ ท่านอายุมากขนาดนี้แล้ว จะให้มาทุกข์ใจจนนอนหลับไม่สนิท เพราะเป็นห่วงเราอีกหรอ

 

 


แล้วเราจัดการความทุกข์ในใจของตนเองอย่างไร?

เราเคยอ่านเจอในหนังสือเล่มหนึ่ง เขียนไว้ว่า "ให้รู้จักแยกแยะความโกรธ" บางทีคนที่ทำให้เราโกรธ อาจจะไม่ใช่ต้นเหตุของความโกรธ แต่เป็นเพียงคนที่มาสะกิดแผลเก่าในใจเราให้เจ็บขึ้นมาอีก เมื่อรู้ต้นเหตุของแผลนั้น ก็ให้ เขียนถึงคนที่ทำให้เราเกิดแผล แล้วส่งให้คนๆ นั้นอ่าน ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณรู้สึกโกรธที่มีคนโกหกคุณ ให้พิจารณาไปว่า ใครในอดีตที่ทำให้คุณเกลียดการโกหก ถ้าคุณนึกถึงใครเป็นคนแรก ก็ให้เขียนเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้น และส่งให้คนๆ นั้นอ่าน

 
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - 
บางทีคนที่ทำให้เราโกรธ อาจจะไม่ใช่ต้นเหตุของความโกรธ
แต่เป็นเพียงคนที่มาสะกิดแผลเก่าในใจเราให้เจ็บขึ้นมาอีก

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - 



ซึ่งเราก็เคยเขียนๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แล้วอ่านซ้ำ เขียนแล้วอ่านซ้ำ ว่าเราเขียนเรื่องไหนตกไป เราเขียนผิดตรงไหนหรือเปล่า แล้วเราจะพบว่า เมื่อเราอ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก ความโกรธของเรามันจะเบาบางลงไปเรื่อยๆ คล้ายๆ กับการเล่าให้คนหลายๆ คนฟัง หลายๆ รอบ จนกระทั่ง อารมณ์โกรธของเราหายไป และทุกครั้ง เราก็ไม่เคยส่งสิ่่งที่เราเขียนลงไปในกระดาษ ให้คนที่เป็นต้นเหตุของความโกรธเลย เพราะเราไม่อยากจะรื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ เพราะจะยิ่งทำให้มีเรื่องใหม่เกิดขึ้นเปล่าๆ เมื่อเราหายโกรธแล้ว ก็ปล่อยมันไปเถอะ
 
 
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - 
เฟซ...เรื่องส่วนตัว ที่ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - 
 

บ่อยครั้ง ที่เราเห็นเพื่อนในเฟซ มักจะโพสต์แคปชั่น บ่น ด่า ตัดพ้อ ต่อว่า บางคนถึงกับใช้ถ้อยคำหยาบคาย จะด้วยอารมณ์ชั่ววูบ หรือเพราะเป็นนิสัยปกติอยู่แล้วก็ตาม เราก็คิดว่า มันก็ไม่สมควรจะทำอย่างนั้น ถึงแม้จะบอกว่า เฟซเป็นพื้นที่ส่วนตัว เป็นเรื่องส่วนตัว เป็นสิทธิ์ส่วนตัว แต่เฟซเหมือนจะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวนะ เพราะถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวจริงๆ ย่อมไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น แต่เวลาที่คุณโพสต์ที ถ้าตั้ง public นี่เห็นกันเกือบทั่วโลกเลย ถึงจะบอกว่า ก็อย่าอ่านดิ บางครั้งก็ไม่ได้อยากอ่าน แต่พอจะเลื่อนผ่านยังไงมันก็เห็นรูปประโยคอยู่ดี แน่จริง ตั้ง only me ดิ่ 


 


 

หลายครั้ง ที่เราต้อง unfriend หรือ unfollow เพื่อนในเฟซบางคนไป เพราะทุกโพสต์ที่โพสต์มา แทบจะไม่มีคำพูดดีๆ เลย บางคนก็โพสต์แต่คำหยาบคาย ด่าสามีบ้าง ด่าญาติ ด่าน้อง ด่าพี่ ด่าเพื่อนบ้านบ้าง ด่าหัวหน้างานบ้าง จนเรารู้สึก เฮ๊ย! โลกใบนี้ ไม่มีอะไรที่ทำให้เขารู้สึกดีๆ บ้างเลยหรอ จนเราต้องตัดสินใจ ขอ unfollow เถอะนะ 

เพราะถึงแม้ว่า เมื่อคุณหายโกรธ คุณจะลบโพสต์นั้นออกไป แต่คุณไม่สามารถลบความคิดของคนที่ได้อ่านโพสต์ของคุณไปแล้วได้นะ คุณโกรธกัน คุณดีกัน คุณกลับไปรักกันเหมือนเดิม แต่คนที่ได้อ่านโพสต์ของคุณ เค้าก็ได้ฝังความคิดไปแล้วว่า สามีคุณ ญาติคุณ พี่น้องคุณ เพื่อนคุณ หัวหน้าของคุณเป็นคนไม่ดีอย่างไร แล้วเวลาที่พวกเขาต้องเจอหน้ากัน จะมองหน้า จะคิดกันยังไง



แล้วเราจะมีวิธีจัดการกับอารมณ์โกรธชั่ววูบ อยากด่า อยากระบายนี้อย่างไร?


เขียนสิคะ อยากด่า อยากตะโกนว่าอะไร เขียนลงไปในกระดาษเลย จะหยาบคายแค่ไหนก็ได้ เขียนให้หมดทุกคำ ที่อยากจะพูด เขียนแล้วอ่าน เขียนแล้วอ่าน เมื่ออารมณ์ดีแล้ว ก็ทิ้งมันลงถังขยะไปเลยค่ะ ยิ่งถ้าเป็นคู่รัก คู่สามีภรรยา ถ้าด่ากันแล้ว ทะเลาะกันแล้ว ไม่ได้คิดจะหย่ากัน ก็อย่าด่ากันให้กลายเป็นความทรงจำที่ไม่ดีเลยค่ะ ลองเจรจากันด้วยกระดาษโน๊ตดู แล้วจะรู้ว่า บรรยากาศมันจะดีขึ้นเร็วกว่าที่คิดอีก

 

 

ปัจจุบันเราอยู่กับคอมฯ เป็นส่วนใหญ่ เลยไม่ได้เขียนลงกระดาษแล้ว แต่ใช้วิธีพิมพ์ใส่ Notepad แทน เมื่ออ่านวนหลายๆ รอบ จนพอใจ จนหายโกรธ ก็กดลบทิ้งไป พิมพ์แล้วอ่านซ้ำ พิมพ์แล้วอ่านซ้ำ ความโกรธก็จะหายไปเอง 

 
Diarist Blog

cr.ภาพ จากอินเตอร์เน็ต

 
 
ใครนำข้อความไปใช้ให้เครดิตด้วยนะคะ
----------------------------------------------------------
My Blog
เรื่องย่อซีรีส์ : https://reuangyor-series.blogspot.com/
นางฟ้าเดินดิน : https://rainliliesbyearthangelgarden.blogspot.com/
The Reason Why Is : https://thersyis.blogspot.com/
การศึกษาทางไกล DLTV : https://distancelearningforu.blogspot.com/
 
----------------------------------------------------------
 
เรื่องย่อซีรีส์
 



Create Date : 20 สิงหาคม 2563
Last Update : 13 มกราคม 2564 22:10:58 น.
Counter : 1785 Pageviews.

14 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณกะว่าก๋า, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณหอมกร, คุณTui Laksi, คุณnonnoiGiwGiw, คุณThe Kop Civil, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณธนูคือลุงแอ็ด, คุณnewyorknurse, คุณhaiku

  
สมัยเป็นนักศึกษา
ผมก็ใช้วิธีนี้ครับ
รู้สึกอย่างไรก็เขียนลงไปในสมุดบันทึก
ช่วยได้มากจริงๆครับ
แถมเวลาผ่านไป เอากลับมาอ่าน
ยังได้ทบทวนตัวเองด้วยว่า
เราเคยมีวิธีคิดอย่างไร

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 สิงหาคม 2563 เวลา:7:17:42 น.
  
อ่านแล้วอมยิ้มเลย ข้อความในเฟซเรื่องส่วนตัว ที่ไม่ส่วนตัว (ก็เขียนในแง่ดีกับตัวเอง 555) คงเป็นแบบนั้นจริง ๆ

....

ปัจจุบันใช้ปากกาเขียนหนังสือ "ไม่เป็นตัว"
แล้ว จริง.. เพราะใช้คีย์บอร์ดเขียนหรือพิมพ์
หนังสือแทนมานาน ๆ เหลือเกิน
โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 20 สิงหาคม 2563 เวลา:7:37:23 น.
  

blue_medsai Diarist ดู Blog


ดีที่กลับมาบล็อกบ้างนะคะ

โดย: หอมกร วันที่: 20 สิงหาคม 2563 เวลา:7:51:40 น.
  
อรุณสวัสดิ์จ้าคุณแอน
เป็นวิธีการลดโทสะ-โมหะ ในตนได้ดีเหมือนกัน
เคยใช้วิธีนี้ตอนวัยรุ่น แต่ไม่เคยส่งให้คนที่เราไม่ชอบอ่านเลย
สาธุธรรม ที่น้อมนำจิตของเราเปลี่ยนไปเป็นดีได้นะคะ...
สุขทั้งวันในวันนี้ด้วยค่ะคุณแอน

โดย: Tui Laksi วันที่: 20 สิงหาคม 2563 เวลา:8:16:16 น.
  
@กะว่าก๋า

ใช่ค่ะ เป็นวิธีที่รู้สึกว่าดีมากๆเลย
ย้อนกลับมาอ่าน ก็ยังได้ทบทวนตนเอง

โดย: Love Memoirist (blue_medsai ) วันที่: 20 สิงหาคม 2563 เวลา:13:31:52 น.
  
@ไวน์กับสายน้ำ

ใช่ค่ะ เขียนแต่เรื่องดีๆ จะดีกว่า
ความคิดดีๆ จะได้นำพาสิ่งดีๆ เข้ามาหาเรา

โดย: Love Memoirist (blue_medsai ) วันที่: 20 สิงหาคม 2563 เวลา:13:34:35 น.
  
@หอมกร

มาเป็นระยะๆ คร่า ^^

โดย: Love Memoirist (blue_medsai ) วันที่: 20 สิงหาคม 2563 เวลา:13:35:12 น.
  
@Tui Laksi

ทุกวันนี้ คนรอบตัว ก็เลยมองว่าเราเป็นคนใจเย็น ไม่เห็นเคยจะโกรธอะไรเลย ทำไมจะไม่เคยโกรธ คนเราทุกคนมี รัก โลภ โกรธ หลง แต่เราเลือกที่จะจัดการและแสดงออกมาแบบไหน แค่นั้นเองค่ะ

โดย: Love Memoirist (blue_medsai ) วันที่: 20 สิงหาคม 2563 เวลา:13:38:06 น.
  
สงสัยน่าจะมีคำที่โดนแบนนะครับ
โดย: The Kop Civil วันที่: 20 สิงหาคม 2563 เวลา:22:01:35 น.
  
โดย: ธนูคือลุงแอ็ด วันที่: 20 สิงหาคม 2563 เวลา:23:49:57 น.
  
หลายคนชอบบอกว่าเฟซเป็นพื้นที่ส่วนตัว แต่ตราบเท่าที่เราเปิดเป็น สาธารณะ มันก็ไม่ส่วนตัวหรอก นักจากจะตั้งวค่าส่วนตัวดูคนเดียว

โกรธใครก็ปล่อยมันไปเถอะ เดี๋ยวอีกไม่เกิน 20,000 วัน มันก็ตายแล้ว ไม่แน่เราอาจชิงตายก่อนมันไปด้วยซ้ำ ดังนั้นปล่อยมันไปเถอะเป็นอภัยทาน
โดย: toor36 วันที่: 21 สิงหาคม 2563 เวลา:0:17:02 น.
  
@The Kop civil

เห็นแล้วคร่า

โดย: Love Memoirist (blue_medsai ) วันที่: 21 สิงหาคม 2563 เวลา:16:58:53 น.
  
@ธนูคือลุงแอ็ด

สวัสดีค่าลุงแอ็ด

โดย: Love Memoirist (blue_medsai ) วันที่: 21 สิงหาคม 2563 เวลา:17:05:01 น.
  
@toor36

ก็จริงนะคะ อีก 20000 กว่าวัน ก็ไปกันคนละทางๆ แล้ว 555+

โดย: Love Memoirist (blue_medsai ) วันที่: 21 สิงหาคม 2563 เวลา:17:06:03 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

blue_medsai
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]



✿♥‿♥✿ เขียนบทความเกี่ยวกับความรัก ข้อคิดดีๆ ในการใช้ชีวิต(★^∀^★) (✿♥‿♥)เรื่องย่อซีรีส์ที่ชอบ🌟🌟
🌸🌸และบัวดิน...ดอกไม้ที่ใช่🌸🌸
เรื่องย่อซีรีส์ by i-Jira
Love Memoirist
นางฟ้าเดินดิน-Rain Lily
The Reason Why Is
การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม
My Bloggang
My Maggang
New Comments