A free online Thai community magazine for trendy Thais living and visiting to the United Kingdom.
Group Blog
 
 
ธันวาคม 2555
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
19 ธันวาคม 2555
 
All Blogs
 

โครเอเชีย ตอนที่ 3: วันสุดท้ายที่ดูบรอฟนิกกับ City Tour ของ Dubrovnik Bus




วันสุดท้ายในดูบรอฟนิก พวกเราตกลงซื้อตั๋ว City Tour ของ Dubrovnik Bus ที่จะพาเราขับวนไปยังจุดชมวิวของเมืองนี้ ลักษณะคล้ายๆกับ Hop on Hop off Bus ของเมืองต่างๆในยุโรปรวมไปถึงลอนดอนที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่ของดูบรอฟนิกนั้นจะเป็นรถชั้นเดียวแบบเปิดโล่งให้นักท่องเที่ยวได้เห็นวิวและดื่มด่ำกับบรรยากาศข้างทางได้อย่างเต็มที่ ราคาตั๋วรถบัสนั้นรวม Audio Guide หลายภาษาที่เราสามารถเลือกเองได้ แน่นอนครับสำหรับพวกเราภาษาอังกฤษคงจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด จุดที่พวกเราขึ้นรถนั้นเป็นจุดแรกที่รถมาหยุดรับนักท่องเที่ยว อยู่บริเวณปางทางเข้าเมืองเก่า ด้านหน้าของศูนย์บริการนักท่องเที่ยวหรือ Tourists Information นั่นเอง

3-2

ถึงแม้จะมี Audio Guide ภาษาต่างๆ แต่รถคันนี้ก็ยังมีไกด์ท้องถิ่นซึ่งเป็นคนจริงๆ คอยอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยของพวกเรา เธอเป็นสาวสวยอายุเพียง 24 แต่พูดได้ถึง 6 ภาษา รถรอบนี้ค่อนข้างที่จะหนาแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยว อย่างที่ผมบอกไว้ในตอนแรกๆ ว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่มีเรือสำราญมาจากประเทศต่างๆ จอดเทียบท่าที่ดูบรอฟนิกแห่งนี้ จึงทำให้รถบัสคันนี้ออกเร็วกว่ากำหนดเนื่องจากเต็มทุกที่นั่ง ไกด์สาวบอกว่าไม่มีความจำเป็นจะต้องรอให้ถึงเวลารถออก เพราะยิ่งเราออกเร็วเท่าไรพวกคุณก็จะมีเวลาถ่ายรูปจากจุดหยุดพักต่างๆ ได้มากขึ้น รถเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ มุ่งหน้าไปยังทิศตะวันออกของเมือง จุดแรกที่เราแวะถ่ายรูปกันคือจุดชมวิวเมืองเก่า หลายท่านอาจะจะเริ่มเบื่อกับคำว่าเมืองเก่า เมืองเก่า ซึ่งผมก็เริ่มรู้สึกเหมือนกันแล้ว พอผ่านมาหลายวันได้ยินแต่คำว่าเมืองเก่า แต่จุดชมวิวจากด้านนี้ ต่างจากจุดชมวิวจากมุมสูงที่เราไปเยือนกันวันแรก ถึงจะเป็นเมืองเก่าที่เห็นมาแล้วหลายวัน แต่ก็เป็นเมืองเก่าที่ได้มองจากอีกมุม ซึ่งก็ให้ความประทับใจไปอีกแบบ ไกด์ให้เวลาลงไปถ่ายรูปแค่ 10 นาทีจึงกลับมาที่รถเพื่อเดินทางต่อไปยังมุมอื่นๆ

3-4

ไม่ว่าจะเป็นบริเวณท่าเรือขนาดใหญ่สำหรับเรือสำราญและสะพานแขวนอันสวยงามซึ่งตั้งอยู่บริเวณด้านทิศตะวันตกของเมืองนี้ การใช้บริการรถบัสในวันนี้ผมถือว่าค่อนข้างคุ้มเพราะมีหลายจุดที่เราไม่สามารถเดินทางไปโดยระบบขนส่งมวลชนสาธารณะได้นอกจากจะขับรถไปเอง นักท่องเที่ยวต่างถิ่นอย่างเราจึงต้องพึ่งการบริการแบบนี้ นอกจากนั้นยังทำให้เราได้เห็นอีกมุมหนึ่งของชาวโครเอเชีย เพราะรถบัสวิ่งออกมาจากเมืองเก่า ผ่านที่ทำการรัฐบาล อาคารต่างๆ รวมไปถึงโรงเรียน โรงพยาบาล สถานีอนามัย ย่านการค้าธุรกิจของชาวโครเอเชียที่ไม่ค่อยจะมีนักท่องเที่ยวมาเดินขวักไขว่เหมือนในเมืองเก่านัก

3-3

วันนี้เป็นวันสุดท้ายในดูบรอฟนิกพวกเราเลยเลือกร้านอาหารเก๋ๆ เปิดไวน์ขาวหนึ่งขวด พร้อมอาหารทะเลแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นหอยนางรมสดๆ กุ้งเผา ปลาหมึกย่าง สปาเกตตี้หอยลายมาฉลองความสำเร็จของการได้มาเยือนสถานที่ที่อยากมาเห็นด้ายตาตัวเองมานาน พวกเราวางแผนกันถึงเมืองต่อๆ ไปว่าจะทำอะไร ไปที่ไหน บริหารเวลาอย่างไรดี โดยจุดหมายต่อไปที่เราจะเดินทางคือเมือง Split เมืองสปลิตเป็นอีกหนึ่งเมืองที่ได้รับความนิยมสูงสุดไม่แพ้ดูบรอฟนิก เพราะสปลิตมีชายหาดที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในยุโรป สปลิตอยู่ห่างจากดูบรอฟนิกประมาณ 240 กิโลเมตร ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 5-6 ชั่วโมงโดยรถบัส ในช่วงที่ผมหาข้อมูลการเดินทางจากดูบรอฟนิกไปสปลิตนั้นค่อนข้างที่จะปวดหัวและมึนงง เนื่องจากทราบมาว่าเส้นทางการเดินรถนั้นจะต้องวิ่งผ่านประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา เพราะภูมิประเทศของโครเอเชียถูกแบ่งเป็นสองส่วนแบบไม่ติดกัน ทำให้คิดไปต่างๆ นานาว่าเราหนังสือเดินทางไทยต้องขอวีซ่าในการผ่านแดนครั้งนี้หรือไม่ หาคำตอบอยู่นานไม่ว่าจะเป็นติดต่อไปยังสถานฑูตบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาในลอนดอน อีเมลไปถามบริษัทรถทัวร์ที่ให้บริการในเส้นทางนี้ และค้นหาข้อมูลจากเวบไซท์และบล๊อกท่องเที่ยวต่างๆ สรุปได้คำตอบเป็นเอกฉันทน์ว่าไม่มีการตรวจคนเข้าเมืองแบบประทับตราระหว่างทางที่รถบัสวิ่งเข้าไปในประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา แต่อาจจะมีการตรวจเอกสารและหนังสือเดินทางเพื่อความปลอดภัยทั่วไป เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องมีการขอวีซ่าเพิ่มเติมให้ยุ่งยาก อย่างไรก็ตามอุตส่าหาข้อมูลจนเหนื่อยกว่าจะได้คำตอบที่เคลียร์ก็ดันมาเปลี่ยนใจไปนั่งเรือเฟอร์รี่แทน เพราะผมดันไปอ่านเจอใน Lonely Planet ว่า 1 ใน 20 กิจกรรมที่คุณห้ามพลาดคือ Cruising along the Croatian coast ทำให้ผมนำโปรแกรมนี้ไปเสนอเพื่อนๆ แทนการนั่งรถ ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าเราจะเดินทางโดยเรือถึงแม้ว่าจะต้องใช้เวลาถึง 9 ชั่วโมงด้วยกัน ผมหาข้อมูลในเวบไซท์เพื่อดูว่ามีบริษัทเรือเจ้าไหนให้บริการในเส้นทางนี้บ้าง โดยสรุปตกลงซื้อตั๋วไปกับบริษัท Jadrolinija ผ่านเวบไซท์ภาษาอังกฤษที่ www.jadrolinija.hr บริษัทนี้นอกจากจะให้บริการเดินเรือไปยังเมืองต่างๆของโครเอเชียแล้วยังเปิดบริการไปยังประเทศอิตาลีอีกด้วย ซึ่งพวกเรานับว่าโชคดีมาก เพราะเส้นทางนี้เปิดให้บริการแค่สัปดาห์ละสองครั้งซึ่งตรงกับวันที่เราจะเดินทางออกจากดูบรอฟนิกพอดี ทำให้ไม่ต้องปรับเปลี่ยนแผนอะไรกันมาก

3-5

สนนราคาค่าตั๋วรวมอาหารกลางวันที่ผมเลือกอยู่ที่ประมาณคนละ 30 ปอนด์ ราคานี้เรียกว่าตั๋ว Deck ซึ่งอนุญาติให้นั่ง นอน เดินไปเดินมา ถ่ายรูปตรงไหนของเรือก็ได้ยกเว้นการใช้บริการห้องพักส่วนตัวซึ่งจะต้องจ่ายค่าบริการเพิ่มอีกหลายเท่า ผมคำนวนดูแล้วว่าพวกเราจะใช้บริการในตอนกลางวันและเรือยังมีกำหนดการหยุดพักแวะส่งรับคนตามจุดต่างๆอีก 4-5 จุด ถือเป็นโอกาสดีที่จะลงไปถ่ายรูปเก็บบรรยากาศ เพราะฉะนั้นไม่มีความจำเป็นจะต้องซื้อตั๋วพร้อมห้องพักให้เปลืองตังค์แต่อย่างใด วิธีการจองตั๋วผ่านเวบไซต์ก็แสนจะง่ายดายเพียงแต่อาจจะต้องมีการกรอกข้อมูลเกี่ยวกับตัวผู้โดยสารมากหน่อย โดยผู้โดยสารสามารถชำระเงินผ่านบัตรเครดิตได้เลย

หมดเวลาอาหารเย็นพวกเราเดินกลับที่พักนั่งมองพระอาทิตย์ตกลงสู่ทะเลจากระเบียงห้อง ถือเป็น 3 วันที่สนุกและคุ้มค่ามากๆ วันนี้เราเข้านอนกันเร็วเป็นพิเศษเพราะจำเป็นต้องตื่นเช้าในวันรุ่งขึ้นเพื่อไปให้ทันขึ้นเรือที่จะออกในเวลา 8.30 ป้าเจ้าของบ้านและลูกสาวทราบว่าเราจะเดินทางต่อในวันรุ่งขึ้นจึงขึ้นมาบอกลาพร้อมทั้งสวมกอดอวยพรให้พวกเราเดินทางโดยสวัสดิภาพ ขอให้ใช้เวลาในโครเอเชียให้เต็มที่ หวังว่าพวกคุณจะกลับมาอีก ป้าและลูกสาวกล่าว ทั้งสองให้พวกเราทิ้งกุญแจไว้ในห้องแล้วออกไปยังท่าเรือได้เลยในวันรุ่งขึ้นโดยที่ไม่ต้องเช็คความเสียหายอะไรให้วุ่นวาย

3-7

7.00 เราออกจากที่พักพร้อมฝนที่ตกลงมาโปรยปราย อากาศขมุกขมัว ซึ่งทำให้ผมมั่นใจว่าวันนี้อาจจะได้รูปที่ไม่สวยนัก  รวมไปถึงน้ำทะเลซึ่งอาจจะไม่ใสอย่างที่คิดเนื่องจากขาดแสงแดดที่ส่องลงมาสะท้อน อย่างไรก็ตามมาถึงตอนนี้คงจะทำอะไรไม่ได้นอกจากทำใจและภาวนาให้ฝนหยุดตกเร็วๆ เพราะตั๋วก็ซื้อไปแล้ว แถมเรือยังไม่ได้ออกทุกวันอีกด้วย ประมาณ 7.30 พวกเรามาถึงบริเวณ Ticket office เพื่อเอาใบจองที่ปรินท์มาจากคอมพิวเตอร์มาแลกตั๋วขึ้นเรือฉบับจริงจากเจ้าหน้าที่
ใกล้ถึงเวลาเรือออกก็ยังไม่มีท่าทีว่าฝนจะหยุดตก เราทั้งสามจึงเลือกที่จะเข้าไปนั่งในส่วนที่เป็นห้องแอร์ซึ่งมีลักษณะคล้ายๆกับค๊อฟฟี่ชอป ตามร้านอาหารทั่วไป ตอนแรกผมกะว่าจะขึ้นไปนั่งบนดาดฟ้าเรือตากแอร์ธรรมชาติเพื่อที่จะชมวิวระหว่างทางให้ได้มากที่สุด แต่ในเมื่อฝนยังตกอยู่แบบนี้ที่นั่งบนดาดฟ้าจึงเปียกไปหมดแถมยังไม่มีนักท่องเที่ยวเลยซักคน

เรือลำที่เราจะโดยสารกันไปในวันนี้เป็นเรือสำราญขนาดเล็กประกอบไปด้วยห้องพักส่วนตัวประมาณ 10-15 ห้อง ห้องอาหาร 1 ห้องพร้อมบาร์เครื่องดื่มพร้อมมุมพักผ่อนอีก 2-3 ห้อง นอกจากนั้นก็ยังมีบริเวณดาดฟ้าของเรือให้ออกไปนั่งอาบแดดได้อีกด้วย.

By Panda Tour:>>  แบกเป้มาเล่า







 

Create Date : 19 ธันวาคม 2555
0 comments
Last Update : 19 ธันวาคม 2555 23:56:53 น.
Counter : 1805 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Games LoudSi
Location :
London United Kingdom

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add Games LoudSi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.