"You are cursed, Jack. Everything you touch, One way or another, ENDS UP DEAD !...." ประโยคกระแทกใจแจ๊ค บาวเออร์ จาก "24" Day 6

รวบรวมบทความจากเวบฟิล์ม - คลับ#4 จบบริบูรณ์ (Retro to Film - Club#The End)

หลังจากที่โพสมาหลายหน้า นี่คือหน้าสุดท้ายแล้วครับ
ขอขอบพระคุณล่วงหน้าที่ตามอ่านกันครับ


ตั้งแต่โยกย้ายตัวเอง
มาปรับลุคใหม่หมดตั้งแต่หัวจรดเท้าใน Bloggang

ได้พบปะบล็อกของน้องๆ วัยละอ่อนหลายๆ คน......
แล้วนึกครึ้ม.....ไปถึงสมัยตัวเองยังละอ่อนพอกัน
เคยได้เขียนบทความเกี่ยวกับหนังลงเวบ film - club (ไม่ใช่เวบแฟนคลับของฟิล์ม รัฐภูมิเน้อ)

มาวันนี้ได้ลองเข้าไปอ่านทบทวนความทรงจำ
แล้วขำๆ กับความคิดเห็นของตัวเองตอนรุ่นเยาว์
ว่าทำม้าย ถึงได้คิดแรง คิดซึ้งได้ขนาดนั้น

ลองอ่านดูครับ ไม่ต้องรีบ เพราะจะทยอยลง(อายุบทความเหล่านี้ก็ประมาณ 4 - 6 ปีที่แล้วครับ)
และจะไม่มีการแก้ไขต้นฉบับใดๆ เพื่อฟิลลิ่งแบบเด็กๆ จะได้คงอยู่ครบถ้วน แหะๆ(แต่อาจเพิ่มรูปจากหนังเข้าไปให้สวยนิดนึง)
พอลงครบก็คงไม่มีมาให้ดูกันอีกแล้ว(เพราะเขียนลงฟิล์มคลับได้ไม่กี่ปี ก็หยุดลาพักร้อนยาววววว)
สำหรับคนที่ยังไม่เคยไปเวบ film - club มาก่อน คลิกที่นี่ครับ

อ่านขำๆ นะครับ
ผมว่าเด็กๆ สมัยนี้ เขียนดีกว่าตัวผมสมัยโน้นเยอะ อย่างบล็อกน้องนาโน(ตี้-ตีความหนังดีมาก) บล็อกน้องต้น (Unravel คนนี้ไม่เกี่ยวกับหนัง แต่บทความของน้องเขาเขียนสวยมาก) น้องเมอร์(merveillesxx - คนนี้คงไม่ต้องนิยามอะไรกันอีกแล้ว เหอๆ).......

ดูบทความของผมไว้เป็นอุทธาหรณ์ครับ หุๆ


คำเตือน
บทความในสมัยนั้น ผมจะเขียนสปอยล์เรื่องราวของหนังค่อนข้างมากนะครับ





X-Men2




ปูทางสู่. . .มหากาพย์ฮีโร่กลายพันธุ์




เมื่อ 3 ปีที่แล้ว X-Men ได้สร้างปรากฎการณ์อย่างหนึ่งขึ้นมา ปรากฎการณ์นั้นอาจไม่ได้แปลกใหม่หรือน่าตื่นเต้นสำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับคนที่บ้าหนังเข้าไส้แล้ว น่าจะรู้ดีว่า X-Men นี่ล่ะ คือ ผู้กอบกู้ให้หนังแนวซุปเปอร์ฮีโร่ได้กลับมาฟื้นคืนชีพกันอีกครั้ง

X-Men ภาคแรก ถือได้ว่าเป็นหนังที่คนดูและสตูดิโอไม่ได้คาดหวังไว้มากนัก และยังถูกติติงจากแฟนการ์ตูน ว่าตัวหนังได้บิดเบือนเรื่องราวจากการ์ตูนไปมากพอสมควร (เช่น ตัวละคร"โร้ก" ที่สามารถดูดพลังและความทรงจำจากสิ่งมีชีวิตทุกๆ ชนิดได้นั้น แท้จริงแล้วในหนังสือการ์ตูน เธอเป็นฝ่ายแมกนีโต้ ก่อนที่จะได้มาอยู่กับดร.ซาเวียร์ เป็นต้น)

แต่ถึงกระนั้น เมื่อหนังได้ออกฉายในวงกว้าง ข้อครหาต่างๆ ก็เป็นอันยุติลง
อีกทั้งยังมีนักวิจารณ์บางท่าน ได้กล่าวไว้ว่า " X-Men เป็นหนังซุปเปอร์ฮีโร่ที่ดีที่สุดแห่งยุค"
จะจริงหรือไม่นั้น. . . .คิดว่าหลายๆ คน คงได้พิสูจน์ไปแล้วนะครับ

ตัวผมเอง ค่อนข้างจะชื่นชอบ X-Men มากเป็นพิเศษ อาจจะเป็นเพราะว่าไม่ได้ดูหนังแนวนี้มานานมากแล้วก็ได้ จึงสนุกกับ X-Men ค่อนข้างจะมากหน่อย อีกทั้งเมื่อได้มองดูดีๆ แล้วจะพบด้วยว่า X-Men ไม่เหมือนกับหนังแนวนี้โดยทั่วไป โดยเฉพาะเรื่องความสามารถพิเศษต่างๆ ที่ไม่ได้ไปฝึกฝนค้นหาด้วยตัวเอง หรือว่าไปโดนแมลงสัตว์กัดต่อยรวมทั้งโดนสารกัมมันตภาพรังสีต่างๆ แล้วจึงกลายร่างไปเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ แต่ที่พวกเขาได้รับความสามารถพิเศษนั้นมา ก็เป็นเพราะว่า พวกเขาคือมนุษย์กลายพันธุ์ (. . . . . หูยยยย คิดได้ไงเนี่ย)

อีกทั้งพวกมนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้ ก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบพรสวรรค์ของตัวเองเท่าไหร่นัก และก็มีบ่อยครั้งที่ในหนังภาคแรกแสดงให้เห็นว่า พวกเขาไม่ได้มีความคิดที่อยากจะเป็นซุปเปอร์ฮีโร่เสียด้วยซ้ำ

แต่สุดท้าย เมื่อหนังได้ออกฉาย พวกมนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้ ก็กลายเป็นฮีโร่พันธุ์ใหม่ของคนดูในยุคนี้โดยทันที

จึงไม่แปลก ที่ X-Men2 จะกลายเป็นความคาดหวังของใครหลายๆ คนไปโดยปริยาย ซึ่งตัวหนัง X2 ที่ออกมา ก็ไม่ใช่ผลงานที่สร้างความผิดหวังให้แก่ใครมากนัก แต่มันยังดูดีกว่าภาคแรกด้วยซ้ำ และ X2 ก็น่าจะเป็นการปูทางไปสู่ ซีรี่ย์ X-Men ทางจอเงิน เฉกเช่น 007 ก็เป็นได้

ไหนๆ X2 ก็ทำได้ดีกว่าภาคแรกแล้ว ผมจะขอแจกแจงความดีความชอบของหนัง ออกเป็นข้อๆ ดังนี้ก็แล้วกัน (จะได้เขียนง่ายๆ หน่อย . . . ช่วงนี้ขี้เกียจอ่ะ)

ดีอย่างแรก . . . . ฉากแอ๊คชั่นที่มีมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ในภาคแรกที่ใครหลายคน บ่นว่ามีน้อยไป(น้อยจริงๆ นะ) มาในภาคนี้ คงจะจุใจขึ้น เพราะมีฉากแอ๊คชั้นหลายฉากมากขึ้น แถมแต่ละฉากยังกินเวลานานนนนอีกด้วย

ดีที่สอง . . . . เหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ดั้งเดิม
ทั้งไซครอปส์ , จีน เกรย์ , วูล์ฟเวอร์รีน , ดร.ซาเวียร์ , แมกนีโต้ , มิสติก , โร้ก และ สตอร์ม กลับมาครบ หล่อขึ้นสวยขึ้นทุกๆ คน (โดยเฉพาะแมกนีโต้ ปู่แกเท่ห์มากกก) แถมแต่ละคน ยังได้โชว์พาวต่างๆ อย่างถ้วนทั่ว และมีพัฒนาการที่ดีขึ้น(ที่เห็นได้ชัด ก็คือ จีน เกรย์)

ดีที่สาม . . . . เหล่ามนุษย์กลายพันธุ์หน้าใหม่(และหน้าอ่อน)
ไนท์ครอว์เลอร์ , ไอซ์แมน(หรือในชื่อบ๊อบบี้ เครก) และ ไพโร สามหน้าใหม่ของภาคนี้(สองในนั้นคือหน้าอ่อน) ที่มาร่วมกันสร้างสีสันให้กับภาคนี้ (และน่าจะได้เจอในภาคต่อไป) โดยเฉพาะไพโร ผู้มีพลังในการเคลื่อนย้ายเปลวไฟได้ นั้นเท่ห์ระเบิดเถิดเทิง และคาดว่าตัวละครไพโรน่าจะมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งใน X3 . . . . .ไพโร แสดงโดย แอรอน สแตนฟอร์ด ดาราหนุ่มที่แจ้งเกิดมาจากหนังตลก(ปนร้าย)ที่สนุกเอามากๆ อย่าง Tadpole ใครสนใจฝีมือการแสดงของพ่อหนุ่มคนนี้ ก็ลองหาเช่ามาดูได้แล้วนะครับ ลิขสิทธิ์ของแมงป่อง หรือไม่ก็ลองอ่านบทความที่ผมเคยเขียนถึงหนังเรื่องนี้เอาก็ได้นะครับ (อ่านหน่อยเถอะ...คนอ่านTadpoleของผมน้อยเหลือเกิน)

ดีที่สี่ . . . . ดราม่ามีแจม
ถึงจะเป็นหนังแนวซุปเปอร์ฮีโร่ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีส่วนของความเป็นดราม่าเอาซะเลย X2 เทน้ำหนักลงในส่วนของความเป็นดราม่าค่อนข้างมาก เรียกได้ว่า เป็นหนังแนวซุปเปอร์ฮีโร่ ที่ถูกครอบคลุมด้วยความเป็นดราม่าตลอดทั้งเรื่อง (อ่านแล้วงงมั้ยเนี่ย ...ดราม่า ... เยอะเจงเจง)

ดีที่ห้า . . . .โรแมนซ์ที่แม้นแมน
ไม่รู้ทำไม หนังแนวนี้ มักจะต้องทำให้ความรักของเหล่าซุปเปอร์ฮีโร่ต้องมีอุปสรรคขวางกั้นเสมอ ในภาคแรกเรื่องของความรักของพวกเขาเป็นเช่นไร ภาคนี้อุปสรรคของความรักจะยิ่งมีมากขึ้นกว่าเดิม. . .(แล้วมันดีตรงไหนฟะ!!!)

ดีที่หก . . . .ไคลแมกซ์ที่เป็นไคลแมกซ์ของจริง
บางคนบอกว่า X-men ภาคแรกไม่มีไคลแมกซ์ ทั้งที่จริงแล้วมันก็มีอ่ะนะ แต่มันสั้นเกินไปแถมผู้กำกับเค้ายังตั้งใจไม่ให้มันพีคอีก มาภาคนี้จะสัมผัสถึงไคลแมกซ์ได้อย่างเนื้อต่อเนื้อ แถมยังเป็นไคลแมกซ์ที่ยาวมากๆ (ประมาณ 30 นาที เฮ้อ. . . .)

ดีที่เจ็ด . . . . บทเจ๋ง . . .แสดงดี
บทหนังกระจายไปให้กับนักแสดงทุกคนอย่างทั่วถึง จะมีน้อยหน่อยกว่าเพื่อนก็บทของไซครอปส์ แต่ถึงนายแว่นคนนี้จะมีบทเยอะเพียงใด กระผมคิดว่าก็ยังต้องโดนทั้งวูล์ฟเวอร์รีน(ฮิวจ์ แจ๊คแมน) และ จีน เกรย์ (ฟามเก้ เจนเซ่น) ข่มซะมิดอยู่ดี

ดีสุดท้าย . . . . . ดีที่ตอนจบ
ไม่ได้หมายถึงฉากโรแมนซ์อะไรนั่นกลางทะเลสาปหรอกนะ แต่ผมหมายถึงตอนจบจริงๆ น่ะ ภาพสุดท้ายก่อนที่จะขึ้น End Title นั้นสุดยอด คำพูดสุดท้ายของจีน เกรย์ก็น่าขบคิดและน่าตีความถึงภาคต่อไปที่จะตามมาอย่างแน่นอน(ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า)

ทั้งหมด 8 ข้อที่ว่ามา คุณอาจจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ได้ เพราะแต่ละคนย่อมมองเห็นสิ่งสวยงาม(หรือสิ่งที่อัปลักษณ์)จากสิ่งเดียวกัน ได้ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว แต่ที่ผมแน่ใจที่สุด ผมคิดว่าทุกคนที่ได้ดู X2 จะต้องได้ข้อคิดดีๆ ติดตัวกลับไปทุกคน (เพราะหนังสอดแทรกสิ่งเหล่านี้ไว้เกือบตลอดทั้งเรื่อง) ซึ่งผมนับว่าเป็นของแถมที่คุ้มค่ายิ่งกว่าการได้รับแม็กเน็ตหรือโปสการ์ดเสียอีก

สุดท้ายแล้วนะครับ . . . . ผมมีเรื่องอยากจะถามคุณๆ หน่อยน่ะ
จำได้มั้ยว่า ในตอนต้นเรื่อง ที่มีมนุษย์กลายพันธุ์ตนหนึ่ง ซึ่งถูกครอบงำจิตใจโดยพลังจิตของใครบางคน ให้เข้าไปทำร้ายประธานาธิบดีถึงในทำเนียบขาวน่ะ (ซึ่งนั่นก็ก่อให้เกิดกระแสต่อต้านมนุษย์กลายพันธุ์อย่างรุนแรง จนถึงขั้นจะประกาศสงครามระหว่างมนุษย์พันธุ์แท้กับมนุษย์กลายพันธุ์)

ทำไมมนุษย์กลายพันธุ์ตนนั้น ต้องเป็น "ไนท์ครอว์เลอร์" ด้วย

ไนท์ครอว์เลอร์ มนุษย์กลายพันธุ์ที่มีความศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้าอย่างแรงกล้า ทำไมต้องตกเป็นเหยื่อของคนคนหนึ่ง ที่ต้องการให้โลกใบนี้เกิดสงครามล้างเผ่าพันธุ์


ทำไม . . . . . .ต้องทำให้เป็นอย่างนี้ด้วยน๊า!!!! HOLLYWOOD !!!!





เรื่องรัก น้อยนิด มหาศาล




คู่กรรมฉบับเหงาๆ ที่ไม่เศร้า ไม่รันทด (และยังมีหวัง!!!)



ครั้งแรก ที่ได้กลับมาเขียน หลังจากหายหน้าไปนานนับเดือน
ครั้งแรก ที่ได้เขียนแบบด้นสด ไม่มีการโน้ตลงกระดาษล่วงหน้า
และครั้งแรก ที่เขียนเพราะอยากเขียนถึงมันจริงๆ

เรื่องรัก น้อยนิด มหาศาล
หนังใหม่ของคุณต้อม เป็นเอก คงเป็นที่รอคอยของแฟนคลับของเขา ซึ่งนั่นก็รวมไปถึงผมด้วย และครั้งนี้ผมรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ เนื่องจากจะเป็นครั้งที่สองที่จะได้ดูหนังที่เป็นฝีมือของผู้กำกับภาพ(สุดยอด)อย่างคริสโตเฟอร์ ดอยล์ (หลังจากตื่นตามาแล้วจากHero)ในโรงภาพยนตร์

เรื่องราวของหนังเป็นมาอย่างไร ผมก็ไม่ขอเล่าอีกเช่นเคย (แต่อาจมีอ้างอิงถึงบ้างเล็กน้อย) เพราะขืนเล่าหมด ซึ่งก็คงจะเล่าได้ไม่กี่บรรทัด คุณก็อาจไม่จำเป็นต้องไปดูหนังเรื่องนี้ก็ได้ เพราะถ้าจะว่าไป หนังเรื่องมีพล็อตแค่เพียงคนสองคนมาเจอกัน รักกัน แค่นั้นเอง ส่วนที่เหลือในหนัง ล้วนเป็นเรื่องของอารมณ์ และวิธีเล่าเรื่องของผู้กำกับโดยแท้ (ซึ่งวิธีเล่าเรื่องของคุณเป็นเอกในครั้งนี้ ทำได้เหนือชั้นมาก โดยคุณจะรู้ได้ทันทีว่ามันเหนือชั้นอย่างไร ก็ต่อเมื่อคุณได้เห็นฉากสุดท้ายของหนังนั่นล่ะ!!!)

ก่อนดูหนังของคุณเป็นเอกเรื่องนี้ ผมได้มีการเตรียมใจพอสมควรครับ ว่าจะไม่คิดมากไปกับมัน หรือคาดหวังกับมันมากเกินไป เพราะแต่ละครั้งแต่ละเรื่องของคุณเป็นเอก ผมจะสังเกตเห็นได้ว่า หนังของเขาจะพยายามฉีกออกไปจากเรื่องก่อนๆ อะไรที่เราเห็นในฝันบ้า เราจะไม่เห็นในเรื่องตลกหกเก้า เช่นเดียวกัน อะไรที่เราเห็นในมนต์รัก เราก็จะไม่เห็นในเรื่องนี้เหมือนกัน เพียงแต่มันยังมีกลิ่นบางอย่างเจือปนอยู่ กลิ่นที่ว่านั่นก็คือวิธีการเล่าเรื่องของคุณเป็นเอก ที่มักจะประชดประชันสังคมไทย และอารมณ์ขันร้ายๆ ที่นำมาใส่ลงในหนังอย่างพอเหมาะพอเจาะ แต่คงไม่มีเรื่องไหนของเขา ที่จะเรียบและเรื่อย เท่าเรื่องนี้

Last Life in the Universe

"หนังจบแล้ว รู้สึกดีจัง ไม่รู้สิ มันไม่ใช่หนังที่ทำให้เราเดินออกมาแล้วยิ้มร่า แต่มันค่อยๆ ซึมเข้าไป และจะยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงมันอีกครั้ง"
คือความเห็นของผมเองแหล่ะ หลังจากดูหนังเรื่องนี้จบไป 48 ชั่วโมง ซึ่งระหว่างที่นั่งดูอยู่นั้น มันก็เป็นหนังที่เปิดให้เรารู้สึกร่วมกับมัน โดยที่ไม่ต้องบีบเค้นอารมณ์เราเลย ไม่มีฉากสะเทือนใจเกินไป ไม่มีฉากกุ๊กกิ๊กหวานฉ่ำจนเยิ้ม แต่เมื่อทุกอย่างมารวมกัน มันกลับกลายเป็นหนังรักที่น่ารักน่าชังไปซะได้

คุณเป็นเอก ทำได้อย่างไรกันนี่?

ก็อยากให้คุณๆ ได้ไปพิสูจน์หนังเรื่องนี้นะครับ มีหลายส่วนที่ผมอยากชม โดยเฉพาะการแสดงของ อาซาโน่ ทาดาโนบุ ดาราอิมพอร์ต ที่แสดงได้น่ารักเหลือเชื่อ (ใครที่เคยดูหนังแต่ละเรื่องของหนุ่มยุ่นคนนี้มาก่อนคงจะเห็นด้วยนะครับ) เช่นเดียวกับการกำกับภาพของคริส ดอยล์ ที่สไตล์ของเขาไม่ได้มาบดบังสไตล์หนังของคุณเป็นเอกแต่ประการใด หากแต่ช่วยเกื้อหนุนให้หนังดูดีขึ้น ซึ่งนับว่าคุณเป็นเอกคุมหนังได้เก่งเช่นเคย

เอาล่ะต้องไปแล้ว คงนานกว่าจะได้เห็นผมมาพูดถึงหนังอีก เพราะไม่มีคอมพ์เป็นของตัวเอง(และสตางค์ก็เช่นกัน) สุดท้ายใครที่สงสัยถึงฉากจบของหนังว่ามันเป็นยังงัยกันแน่ (รวมไปถึงคนที่ยังไม่ได้ดูด้วย) ขอบอกใบ้ว่าลองเข้าไปดูอีกรอบ หรือ ถ้าพอยังจำหนังทั้งเรื่องได้ ก็ลองให้นึกถึง ฉากที่น้อยชวนให้เคนจิไปอาบน้ำดิ หลังจากฉากนั้นจะมีภาพภาพหนึ่งแทรกเข้ามา(ซึ่งหนังจะมีภาพแทรกเข้ามาโดยไม่มีที่มาที่ไปตลอดทั้งเรื่อง แต่จะมีผลทันทีต่อความรู้สึกของคนดูเมื่อหนังจบลง) ภาพที่แทรกเข้ามาหลังฉากนั้น คงจะบอกใบ้ให้เราได้ทราบว่าเมื่อหนังจบแล้วตัวเอกของเรื่องจะทำอย่างไรกับชีวิตของตนเองต่อไป

และยังบอกเราด้วยว่า ชีวิตยังมีหวังอยู่เสมอ





YOU CAN COUNT ON ME




ที่พึ่งสุดท้ายของผู้เป็นที่พึ่งพา



ในกระบวนการสร้างหนังทั้งหลายแหล่จากฮอลลีวู้ด มักเป็นที่คุ้นชินของนักดูหนังทั่วโลกอยู่แล้วว่า หนังจากที่นี่มักมีอารมณ์ประมาณ "เร้าใจ" คนดูเป็นหลัก
ไม่ว่าจะเป็นหนังแนวไหน เราก็จะสัมผัสได้ถึงความจงใจที่จะ "เร้าใจ" ของผู้สร้างอยู่เสมอ

เพราะฉะนั้น จึงน่าแปลกใจอยู่ไม่น้อย ที่จะมีหนังเรื่องหนึ่งหลุดออกมาจากสตูดิโอ(ที่ปัจจุบันถือว่า)ใหญ่ยักษ์อย่าง MIRAMAX ให้เราได้เห็นถึงความแตกต่างในข้อนี้

YOU CAN COUNT ON ME คือ ความแตกต่างอันมหัศจรรย์จนน่าที่จะกล่าวถึงจริงๆ
หนังออกฉายในปี 2000 เป็นหนังเรียบๆง่ายๆที่ถูกกล่าวขวัญถึงในด้านบทและการแสดง โดยตัวบทหนังเรื่องนี้ได้ถูกนักวิจารณ์ต่างประเทศท่านหนึ่งให้ขนานนามว่า "หนึ่งในบทหนังที่ดีที่สุดในโลก เท่าที่เคยบรรจงสร้างมา"(มันดีขนาดไหน...จะกล่าวถึงในย่อหน้าต่อไป) เช่นเดียวกันกับการแสดงของลอร่า ลินนี่ย์ และมาร์ก รัฟฟาโล่ที่ไม่เพียงให้การแสดงที่น่าเชื่อถือเท่านั้น แต่ปฏิกิริยาเคมีการแสดงของคู่นี้เมื่อเข้าฉากร่วมกันทีไรนั้นชวนมองชวนชมจนน่าอัศจรรย์ใจ(ทั้งคู่เล่นเป็นพี่น้องกันครับ)

YOU CAN COUNT ON ME เล่าเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างพี่สาว-น้องชายคู่หนึ่ง......ในช่วงระยะเวลาที่หนังเล่านั้น คือช่วงที่น้องชายมีเหตุจำเป็นต้องกลับมาอาศัยกับพี่สาวชั่วคราว ก่อนที่จะออกเดินทางต่อไป
หนังเล่าแค่นี้จริงๆ ครับ
แล้วบทมันเยี่ยมได้อย่างไร?
นั่นสิครับมันเยี่ยมได้อย่างไร.......ผมเองก็ไม่อยากจะบอกเล่าเรื่องราวมากมายนัก เกรงว่าอาจจะทำให้คนที่อยากดูหนังเรื่องนี้เสียอรรถรสเอาได้ แต่เชื่อเถอะว่ามันเป็นหนังที่เราเดาเรื่องได้ตลอดเวลา ไม่มีการหักมุม ไม่มีจุดคลี่คลาย(เพราะมันไม่มีการวางปมใดๆ)
แต่ทว่า....ทุกสิ่งทุกอย่างในหนังเมื่อดำเนินมาถึงฉาก(เกือบ)สุดท้าย ตรงป้ายรอรถประจำทาง
ทำเอาเขื่อนน้ำตาแตกได้ง่ายๆ เชียวล่ะครับ
นั่นจึงทำให้ผมได้เห็นความเยี่ยมยอดของบทหนัง (อยากให้สัมผัสเองแล้วจะรู้ครับ)ว่าไม่จำเป็นต้องมีความซับซ้อนมากมาย ไม่ต้องมีบทพูดสวยหรูคมคาย ไม่ต้องมีฉากไคลแมกซ์สุดยอด
......แค่คำพูดธรรมดาๆ ก็ทำเอาเราใจละลายได้เลยล่ะครับ

ทั้งนี้ทั้งนั้น เคนเน็ธ โลโนแกน ผู้เขียนบท+กำกับ ได้ปูอารมณ์คนดูมาอย่างทีละเล็กละน้อย จนเรารู้สึกร่วมกับความเป็นพี่น้องคู่นี้ ทำให้ผูกพันกับสองตัวละครอย่างไม่รู้ตัว
พอรู้ตัวอีกที เราก็กลายเป็น "พี่น้อง" กับสองตัวละครนั้นเสียแล้ว

ถ้าไม่นับฉากจบตรงป้ายรอรถประจำทางที่กล่าวไป ยังมีฉากธรรมดาๆ อีกฉากหนึ่งที่ผมชอบมากๆ นั่นคือตอนที่แซมมี่(ลอร่อ ลินนี่ย์)กำลังกลุ้มใจกับปัญหาบางเรื่อง ครั้นพอเธอจะโทรไประบายเรื่องราวให้ชู้รักฟัง ก็กลับพบว่าภรรยาของชู้รับสายแทน ครั้นพอเธอโทรไปหาคู่รักที่คบกันมานานเพื่อจะปรึกษา เธอก็กลับรู้สึกผิดที่ตัวเองนอกใจเขาไปมีอะไรกับคนอื่น!
คืนนั้นผมเดาว่าเธอคงนอนไม่หลับ รุ่งเช้าเธอไปโบสถ์(เธอเป็นคนเคร่งศาสนามาก....แต่เธอก็มีชู้!?) เธอเจอชู้รักมากับภรรยาของเขาซึ่งเขาไม่ได้มีทีท่าจะสนใจใยดีอะไรเธอเลย ไม่ทันไรผู้ที่มาช่วยให้เธอหายกลัดกลุ้มใจก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ไม่ใช่โบสถ์ ไม่ใช่พระเจ้า ไม่ใช่คนรัก
...........แต่เป็นน้องชายที่ไม่เอาไหนของเธอเอง

ท้ายที่สุดมันทำให้เธอ(และเรา-คนดู)รู้ว่า ไม่ใช่แค่เธอที่เป็นเสาหลักให้กับน้องชายเท่านั้น แต่เสาหลักต้นนี้ก็ยังต้องการที่พึ่งพิงพึ่งพาจากผู้ที่เธอคอยค้ำจุนด้วยเช่นกัน
น้อยครั้งที่เธอจะคิดถึงข้อนี้
ซึ่งนั่นก็รวมถึงเราด้วยเช่นกัน........ก็กี่ครั้งล่ะที่เราจะคิดถึงพี่น้องก่อนคนอื่น เรามักจะไปปรึกษาเรื่องราวกับคนอื่นก่อนเสมอ ก่อนที่จะกลับเข้ามาหาคนในบ้าน ซึ่งก็เป็นคนในบ้านนี่แหล่ะ ที่สามารถช่วยเราได้จริงๆ (อันนี้เข้าตัวสุดๆ....เหอะๆ)

ไม่บ่อยหรอกครับ ที่ผมดูหนังเรื่องใดเรื่องหนึ่งจบ แล้วต้องจารึกไว้ในใจว่า นี่คือ TOP TEN หนังในดวงใจของผม

ตอนนี้ YOU CAN COUNT ON ME เข้ามาอยู่ใน TOP FIVE แล้วครับ....


หมายเหตุ : หนังเรื่องนี้ยังไม่มีวีซีดีหรือดีวีดีลิขสิทธิ์ในบ้านเรา(น่าแปลกใจมากกกก หนังนานแล้วนะ) เพราะฉะนั้นที่พึ่งพาสุดท้ายของคุณๆ ก็คือร้านเฟม ท่าพระจันทร์ครับ หรือถ้าจะลงทุนหน่อยก็มี DVD Zone 1 ขายที่ร้านบูมเมอแรงนะครับ(สั่งซื้อทางเน็ตก็ได้ ผมซื้อแล้วเรียบร้อยครับ) ส่วนผมเองต้องขอขอบคุณ 3 บอมบ์ซีเนียร์แห่งหนังหน้าไมค์มา ณ ที่นี้ ที่ให้ได้ชมหนังจี๊ดๆ เรื่องนี้

ขอยืมสโลแกน ที่ป๋าเต๊ดได้นิยามให้หนังเรื่องนี้ มาให้อ่านกันครับ
"หนังจี๊ด. . . .เรื่องอื่นๆ ถ้าไม่จี๊ดเท่าเรื่องนี้ ก็อย่าเรียกว่าจี๊ดเลยก็แล้วกัน!"
เอ้า! อ ย า ก ดู กั น รึ ยั ง!!!





LANTANA




แก้วที่มันร้าว...มันไม่ใช่แก้วใบเดิม



LANTANA ว่ากันว่าเป็นพืชดอกประจำชาติของออสเตรเลีย ลักษณะดอกและต้นนั้นมีส่วนละม้ายคล้ายกับดอกผกากรองของบ้านเรามาก แต่ผกากรองฝรั่งหรือLANTANAนั้น จะมีขนาดใหญ่กว่าบ้านเราหลายเท่านัก ใหญ่ขนาดที่ว่าคุณสามารถเอาร่างคนตายไปซ่อนไว้ใต้พุ่มไม้หนาๆ ของต้นLANTANAได้อย่างสบายๆ

และฉากเปิดเรื่องของหนังเรื่องนี้ ก็เป็นภาพของศพหญิงสาวที่เราไม่ทราบหน้าตา นอนจมอยู่ใต้พุ่มไม้LANTANAที่กำลังเบ่งดอกบานอย่างสวยงาม...
ใครฆ่าเธอ? หรือใครนำศพมาซ่อนไว้? อาจไม่สำคัญเท่ากับว่า เพราะเหตุใดเธอจึงมานอนตายอยู่ตรงนี้. . .

หลังจากเปิดเรื่องด้วยภาพชวนฉงน ตัวหนังกลับมาเล่าเรื่องอีกแนวในฉากต่อมา ที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องใดๆกับฉากเปิดเรื่องเลย...

ใน LANTANA ครึ่งเรื่องแรกเล่าเรื่องราวดราม่าของคู่ชีวิต 4 คู่ ที่แน่นอนว่าพวกเขามีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันค่อนข้างจะยุ่งเหยิงทีเดียว ซึ่งช่วงครึ่งเรื่องแรกนี้ทำให้นึกถึง "สวัสดี. . .คนแปลกหน้า" หรือ Closer ขึ้นมาตะหงิดๆ แต่หลังจากตัวละครหลักตัวหนึ่งได้หายสาปสูญไป หนังก็พลิกแนวกลายเป็นหนังสืบสวนสอบสวนที่เข้าขั้นสนุก ตื่นเต้นมาก(ทั้งๆ ที่ไม่มีฉากแอ็คชั่นไล่ล่าใดๆ เลย) และเมื่อมาถึงบทสรุปสุดท้าย หนังก็ทำให้เราอึ้ง. . .ขนลุก. . .และน้ำตาซึมได้อย่างอัศจรรย์

ไม่ว่าหนังเรื่องไหนก็ตามที่มีประเด็นว่าด้วยความซื่อสัตย์ไว้เนื้อเชื่อใจในชีวิตคู่หรือคนรัก หนังเรื่องนั้นมักจะโดนใจผมอยู่เสมอ(อาทิ Closer,Constant Gardenner,Wicker Park เป็นต้น) แต่สิ่งที่ทำให้หนังออสเตรเลียอย่างLANTANA เรื่องนี้ประทับจิตประทับใจผมเหลือกำลัง ก็คงเป็นเพราะว่าหนังตอบโจทย์เรื่องของการไว้วางใจในคู่รักได้อย่างตรงจุด และนำเสนอผลสรุปของการไว้ใจต่อคู่รักออกมาอย่างหลายรูปแบบ ให้เราได้ดู ได้คิด และได้เลือกว่าอยากให้ชีวิตคู่ของเราเป็นแบบไหน. . .เพราะถึงแม้ว่ารักจะออกแบบไม่ได้. . .แต่เราก็มีสิทธิ์เลือกไม่ใช่เหรอว่า อยากให้มันลงเอยในรูปแบบไหน?

ชีวิตคู่ก็ไม่ต่างจากแก้วน้ำ ที่พร้อมจะแตกร้าวได้ทุกเมื่อ เมื่อถูกกระทบกระเทือน
ถ้ามันแตก. . .เติมน้ำเท่าไหร่ก็ไม่เต็มเหมือนเดิม
ถ้ามันร้าว. . .ต่อให้เติมได้เต็มเหมือนเดิม แต่คุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่าหากยกขึ้นดื่มแล้วมันจะไม่บาดปากคุณเอง

เพราะแก้วที่มันร้าว. . . . .มันไม่มีวันเป็นแก้วใบเดิมได้อีก

และชีวิตคู่ที่ความไว้เนื้อเชื่อใจต่อกัน ถูกทำลายด้วยความไม่ซื่อสัตย์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ชีวิตคู่คู่นั้นก็ไม่มีวันกลับมาหวานชื่นเหมือนเดิมได้อีก
จะเหลือก็แต่ความระแวงคลางแคลงใจต่อกันไม่สิ้นสุด. . . . . .

ไม่ต่างจากพุ่มดอกของต้นLANTANA ที่กำลังเบ่งบานชูช่อดอกสีสันสวยงาม แต่ภายใต้พุ่มดอกแสนงามนั้น อาจกำลังซ่อนซากศพของความรักอยู่ก็เป็นได้. . .

หมายเหตุ:หนังได้รับสองนิ้วโป้งจากนายอีเบิร์ต และได้รับการยกย่องจากTIMEให้ติด1 ใน 10 หนังยอดเยี่ยมของปี2001

คะแนน:10 เต็ม(สุดตรีนจ้า..........)





หมดก๊อกแล้วครับ
จบเสียที กับช่วงรำลึกความหลังวัยเยาว์ของผม
ขอบคุณที่ตามอ่านกันครับ
อาจมีอะไรที่เชยๆ ความคิดเห็นที่แรงๆ แบบเด็กๆ ไปบ้างก็ขออภัยด้วยถ้าไปขัดคอใคร

แล้วเจอกันในห้องบล็อกปกติครับ
ส่วนห้อง Dejavu หรือ Retro to Film-Club ก็คงจบบริบูรณ์แต่เพียงเท่านี้

อวสานเอย....




 

Create Date : 05 กันยายน 2550
7 comments
Last Update : 5 กันยายน 2550 1:18:35 น.
Counter : 2253 Pageviews.

 

ลายแทงครับ(แต่ที่สุดปลายทางมิใช่สมบัตินะฮ่ะ)

อ่านแล้วก็อายตัวเองจังง

//www.geocities.com/arttraz/main.html

 

โดย: BloodyMonday comes a Long Way... IP: 124.120.60.250 5 กันยายน 2550 13:54:42 น.  

 

หง่ะ เข้าไปแล้วครับคุณ BloodyMonday (comes a Long Way)

ไหงเขียนเป็นภาษาไทยอ่ะครับ

มีแต่หนังเก่าๆ ยุค 80 ด้วยครับ เกี่ยวกับอายุไหมครับเนี่ย หุๆ

ขอบคุณมากครับ
เท่าที่อ่าน ค่อนข้างเป็นธรรมชาติดีครับ

แต่คงเหนื่อยน่าดู กว่าจะจัดเวปให้ได้ออกมาสวยอย่างที่เห็น วู้....สุดยอดครับ

 

โดย: คำห้วน-lopzang-เฉือนคำรัก 5 กันยายน 2550 14:12:00 น.  

 

พี่ก็เขียนดีนะ ผมชอบอะ
แต่อ่านข้ามมาหลายเรื่องอยู่ เพราะเตือนสปอยล์เอาไว้ แหะๆๆๆ

 

โดย: nanoguy 5 กันยายน 2550 21:42:32 น.  

 

เจ้าน้องตี้
- ขอบคุณที่ตามอ่านนะครับ

 

โดย: คำห้วน-lopzang-เฉือนคำรัก 6 กันยายน 2550 4:17:10 น.  

 

[ต่อจากหน้า Retro #3]
+ และแล้วก็ถึงหน้าสุดท้ายของ "เติ้ง's เดจาวู" ซะที (นี่พอดีวันนี้เป็นวันศุกร์ พี่เลยแอบอู้งานเล็กๆ มาอ่านบล็อกเติ้งซะเยย เหอๆๆ) ใช้เวลาอ่านนานเหมือนกันอ่ะครับเนี่ย กว่าจะอ่านจบ (แต่ก็เจอช่วง 'คีย์ไปบ่นไป' หลายช่วงอยู่เหมือนกัน)
+ โดยภาพรวม พี่ว่าเติ้งก็เขียนได้ดีออก (ตั้งแต่สมัยนั้นแล้ว) นะครับ ... พี่ซะอีก เวลาเขียนถึงหนัง พี่กลับจะสื่อไอเดียและความรู้สึกที่ตัวเองมี ออกมาได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่อ่า ... รู้ตัวๆ

+ X2 พี่ชอบมากกว่า X1 เหมือนกันครับ (ไม่นับ X3 นะ อันนี้เหวอไปหน่อย) ... แต่ไม่เคยได้นั่งแจกแจงจุดต่างๆ เป็นข้อๆ แบบที่เติ้งเขียนนี่ซะทีอ่า

+ Last life - ขำ(ขื่นๆ)ดีครับพี่เพิ่งได้ดูหนังคุณเป็นเอกเรื่องแรกคือ พลอย นี่เอง ดังนั้นย่อมแน่นอนว่ายังไม่ได้ดู Last life แน่

+ กี๊ซซซซซาหลบ ... U can count on me เป็นหนังที่พี่อยากดูมานานนนน มากแว้ว เพราะเคยได้ยินชื่อเสียงมานานอ่ะครับ ... และพออ่านที่เติ้งเขียนจบ ก็ยิ่งกี๊ซซซซ อีก 8 ตลบ ...

... ยืมดูหน่อยดิครับ ......... อ่ะ ล้อเล่ง 555 ไว้จะไปหามาดูให้ได้เลยครับผม

+ อู๊วววว Lantana นี่แค่เคยได้ยินชื่ออ่ะครับ ... คงต้องเป็นอีกเรื่องที่เก็บชื่อไว้ในลิสต์ 'หนังควรค่าแก่การหามาชม' เสียแล้ว

+ ขอบคุณเติ้งด้วยนะครับ ที่อุตส่าห์อดตาหลับขับตานอน หลังขดหลังแข็ง ตั้งกรุ๊ปเดจาวูนี้ขึ้นมารีวิวหนังดีๆ เก่าๆ ให้อ่าน พี่อ่านอย่างจุใจราวกับได้ไปดูในโรงเลยอ่ะครับผม

 

โดย: บลูยอชท์ 7 กันยายน 2550 15:38:48 น.  

 

เพ่วินใจร้อนจังอ่านซะรวดเดียวจบเลย
- มีคนบอกว่างานผมไม่ใช่งานวิจารณ์(และผมก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองวิจารณ์เป็นอ่ะครับ) เขาบอกว่าอ่านงานผมเหมือนอ่านนิยาย....อืม ก็คงจริงครับ ผมชอบแทรกเรื่องบางอย่างที่อยากเล่าที่เกี่ยวพันกับตัวหนังนิดนึงลงไป แล้วก็ให้คนอ่านไปแตกยอดแสดงความคิดเห็นกันต่อไป...
หรือพูดง่าย อ่านที่ผมบ่นให้ดูเสร็จก็ไปวิจารณ์งานผมอีกทีนั่นแล

- ชอบ X 2 มากที่สุดในบรรดา 3 ภาคเช่นกันครับ แต่ตอนนี้ถ้าหนังแนวซุปเปอร์ฮีโร่ผมว่า สไปเดอร์แมน 2 ก็ทำีดีนะ...

- ง่าดูได้นะครับผมว่า ดีไม่ดี อาจดูสนุกกว่าพลอยด้วยซ้ำ

- กลายเป็นของหายากอีกเรื่องครับ เคยซื้อตั้งแต่เป็นโซน 1 จนมีแม่ค้าเพิ่งโมหนังเรื่องนี้ออกมาเป็นซับไทยสดๆ ร้อนๆ เพิ่งสอยมาอีกทีครับ...หนังจี๊ดจริง ถ้ามีพี่สาวน่าจะชอบครับพี่วิน

- Lantana หนังดีมากๆ เล่นเอาน้ำตาซึม กับบทสรุปสุดท้ายของหนัง อ้อ ในหนังไม่มีการใช้ซิมโบลิคเป็นแก้วหรืออะไรนะครับ อันนี้ผมเปรียบเทียบของผมเอง หึๆ....


ขอบคุณที่อุตส่าห์หาบล็อกที่แอบๆ นี้จนเจอ แล้วอ่านจนจบนะครับแฮ่ๆ

 

โดย: คำห้วน-lopzang-เฉือนคำรัก 7 กันยายน 2550 18:14:59 น.  

 

เฮ้อ เสียดายจังที่เคยเขียนไปใน filmclub ไม่ได้เก็บเอาไว้เท่าไหร่ พี่โทรศัพท์คุยกับคนที่ทำครั้งสุดท้ายบอกให้ช่วยแก้ปัญหา หรือเลือกว่าจะปิด คำตอนท้ายนี่เองที่ดูเหมือนเขาเสียใจ แล้วก็ปิด ไม่จ่ายค่าจดทะเบียนต่ออีกเลย ...

 

โดย: yuttipung 7 กรกฎาคม 2551 18:55:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


คำห้วน-lopzang-เฉือนคำรัก
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




หัวใจของผมทำด้วยเซลลูลอยด์คร้าบบบบบ
รายการ Blog ที่Update ล่าสุด
ชอบBlogไหนคลิกที่รูปได้เลยครับ
รีวิวซีรี่ส์ 1 Litre of Tears
คลิปเปิดตัว 24 DAY 7
เป็นตุเป็นตะกับบอดี้ ศพ 19
มันติดมาจากในโรง#3
เพลงสุดโหยหวนจากหนัง The Brave One
รีวิวซีรี่ส์ HouseMD และเฉลยปม Lost
Retro to Film - Club

เพลง เธอทั้งนั้น
ให้เจ้าหลาน Bay
Group Blog
 
 
กันยายน 2550
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
5 กันยายน 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add คำห้วน-lopzang-เฉือนคำรัก's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.