ซานะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
18 กรกฏาคม 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ซานะ's blog to your web]
Links
 

 

วันวานของฉัน...กับเวลาที่เหลืออยู่ของพ่อแม่

วันวานของฉัน...กับเวลาที่เหลืออยู่ของพ่อแม่

บทความดีๆ เครดิต : คุณสรณธรรม จากบอร์ดเรือนชาน เว็บพันทิพ
______________________________________________________

ฉันเติบโตมากับความเงียบเหงา ว้าเหว่.....
เนื่องจากต้องออกจากบ้านไปเรียนต่อที่กรุงเทพตั้งแต่มัธยม
จนกระทั่งเรียนจบ ทำงาน มีครอบครัว....

นับตั้งแต่เดินออกจากบ้านต่างจังหวัดในครั้งนั้น
ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่า มันจะทำให้ฉันห่างจากพ่อแม่มากมายขนาดนี้

แม้ว่าเราสองคนพี่น้องจะกลับบ้านเกือบทุกอาทิตย์
แต่มันก็ไม่ทำให้ความสุขของเรากลับคืนมา

บ้าน ที่เคยอยู่กันพร้อมหน้า แม้ว่าพ่อจะมีปัญหาเรื่องผู้ชายเจ้าเสน่ห์บ้าง
แต่ฉันก็ถือว่ามันเป็นที่ที่ทำให้ฉันมีความสุข อบอุ่น ปลอดภัย
.
.
.
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
พวกเราโตขึ้น ต่างมีชีวิตเป็นของตัวเอง แยกย้ายกันไปทำงานหาเลี้ยงชีพ
แต่พวกเราก็ยังเคยชินกับการอยู่คนเดียว ในอพาร์ทเมนท์
วันเสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดจึงจะได้กลับบ้านกัน
มันเป็นช่วงเวลาที่ฉันรู้สึกว่า "โคดจะเหงา"
.........
เพราะแม้จะมีคนมากมายรอบข้าง มีเพื่อนร่วมงาน เพื่อนสมัยเรียน ฯลฯ
แต่มันไม่ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นหรือหายเหงาได้เลย
ความเหงากัดกินหัวใจมากกกกก
จนบางครั้งทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเอง และโดนเพื่อนประนามว่า "ติดเพื่อน"

เพราะทุกวันหยุดต้องนัดเจอเพื่อน วันไหนไม่มีใครว่าง
เป็นอันว่าต้องเหงาที่ห้องคนเดียว หรือไม่ก็ออกไปดูหนัง กินข้าวคนเดียว
ฉันไม่รู้หรอกว่าทำไมตัวเองถึงเป็นคนขี้เหงา และซึมเศร้าขนาดนั้น

จนกระทั่งตัวเองแต่งงาน มีครอบครัว
การตั้งท้อง ทำให้ฉันได้มีโอกาสอ่านหนังสือเกี่ยวกับการดูแลแม่ตั้งครรภ์
ทำให้ฉันเข้าใจสิ่งที่แม่พูดว่า
"ถ้าสมัยก่อนมีหนังสือ มีความรู้แบบนี้ แม่คงไม่ทำให้ลูกเป็นแบบนี้"

เพราะแม่บอกว่าตอนแม่ท้องฉัน แม่เครียด เศร้า เหงา ทุกข์ สารพัดความรู้สึกไม่ดี
เนื่องจากพ่อฉันเป็นผู้ชายเจ้าเสน่ห์ ที่มักมีปัญหาอื่น ๆ ตามมา
แม้กระทั่งวันคลอด ที่แม่บอกว่า พ่อพาผู้หญิงอื่นมาด้วย แต่แอบอยู่ในรถ
แม้แม่จะเล่าขำ ๆ แต่ฉันก็รู้สึกได้ ถึงความน้อยใจ เสียใจ
.
.
ฉันไม่เคยโทษแม่ ไม่เคยโทษพ่อ ที่ทำให้ครอบครัวเราต้องแยกย้ายกันอยู่
เพราะ 1 ต่างคนต่างไปมีวิถีชีวิตของตัวเอง 2.เราไม่คุ้นเคยกับการอยู่ด้วยกัน

แม่สอนฉันเสมอว่า ไม่ว่าพ่อจะทำอะไรไม่ดีกับแม่ไว้
แต่พ่อก็คือพ่อของลูก ต้องเคารพ และกตัญญูตลอดไป

หลังจากฉันมีลูกเป็นของตัวเอง
สิ่งที่ฉันตั้งใจจะให้ลูกมากที่สุดคือ "ความรัก"
ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงทุกวันนี้ ฉันมั่นใจว่าให้ความรักและความอบอุ่นลูกอย่างดีที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นการกอด การบอกรัก คำปลอบใจ ที่ปรึกษา ความเป็นเพื่อน
อาการของ "โรคเหงา" ของฉันจึงสิ้นสุดลง เพราะฉันไม่ต้อนรับมันอีกต่อไป
เนื่องจากมีความรักของลูกและสามีเข้ามาเติมเต็ม
.
.
.
วันนี้ แม่และพ่อแก่ลงไปมาก
ฉันกับแม่ พูดคุยกันทางโทรศัพท์เกือบทุกวัน
และไปเยี่ยมทุกครั้งที่มีโอกาส เนื่องจากอยู่ห่างจากบ้านแม่หลายร้อยกม.

ครั้งล่าสุด ...ฉันกลับไปเยี่ยมบ้าน
พ่อ...จากผู้ชายที่รูปร่างหน้าตาดีแม้จะเริ่มสูงวัยใกล้ 60 ยังมีผู้หญิงมาติดพัน (ควรจะภูมิใจพ่อตัวเองใช่ไม๊คะ....)

มาวันนี้ พ่ออายุเกือบ 80 ปี....เริ่มเดินไม่ไหว หูและตา เริ่มไม่ค่อยดี
เวลาที่เหลือในชีวิตพ่อ ส่วนใหญ่คือบนเตียงนอน ที่มีแม่คอยดูแล
ทั้งหยูกยา ข้าวปลาอาหร รวมทั้งเพื่อนคุย (แบบทะเลาะบ้าง คุยดีบ้าง)
แม้ในวันที่ผ่านมาพ่อแทบจะไม่ค่อยอยู่บ้านให้แม่ดูแลก็ตาม

ฉันเห็นพ่อ...ชายแก่ที่เคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ ..น้ำตาซึมเมื่อเห็นลูกหลานมาเยี่ยม
ฉันนึกถึงวันที่....พ่อไปรับที่โรงเรียนตอนป.4 (ปีนึงจะไปรับสัก1-2ครั้งเพราะกลับรถนักเรียน)
ฉันวิ่งถือกระเป๋านักเรียน และกระติกน้ำไปหาพ่อด้วยความดีใจอย่างสุดชีวิต
ซึ่งเป็นภาพที่พ่อติดตา และเอามาพูดตอนฉันเป็นผู้ใหญ่แล้ว

ฉันคิดถึงวันที่พ่อหาพวกเราพี่น้องไปเที่ยวทะเลในวันปิดเทอม

ฉันคิดถึงพ่อ ที่สอนฉันขับรถตั้งแต่วัยรุ่น

ฉันคิดถึงวันที่พ่อพาเราไปไหน ๆ โดยมีลูก ๆ อยู่กระบะท้ายรถเกาะหลังคากินลมชมวิว อ้าปากรับลม
และปล่อยให้ผมบ๊อบสั้นแค่ติ่งหูปลิวกระจาย

และอีกหลาย ๆ เหตุการณ์....

พ่อ จากวันนั้น หนุ่มใหญ่ร่างสมาร์ท กลายเป็นคนเดินกระย่องกระแย่ง
พ่อ จากวันนั้น ที่เคยพูดคุยเสียงดังสนุกสนาน กลายเป็นคนพูดน้อยและอ่อนไหว

ฉันคิดถึงวันเก่า ๆ ที่เคยเป็นลูกตัวเล็ก ๆ ของพ่อ
เคยกระโดดขี่หลังพ่อแม้จะอายุ 10 ขวบเข้าไปแล้ว

มาถึงวันนี้ ฉันก็ยังรู้สึกภูมิใจที่เกิดมาเป็นลูกพ่อ
เพราะถ้าฉันไม่ได้เกิดมา ฉันก็คงจะไม่ได้เป็นคน
และอาจจะไม่เคยรู้จักความสุขในวันนี้

เวลาที่เหลืออยู่ของแม่...
ส่วนใหญ่หมดไปกับการดูแลพ่อ ที่เพิ่งกลับมาให้แม่ดูแลที่บ้านเมือ่ไม่กี่ปีที่ผ่านมา
แล้วก็ไปปฏิบัติธรรมตามวัดต่าง ๆ ที่มีเพื่อนวัยเดียวกัน

เวลาของพ่อและแม่ คงเหลือไม่มากแล้วสินะ
..........

.
.
.
เวลาที่เหลืออยู่ของพ่อและแม่ในวันนี้
ฉันคิดอยากจะให้มีต่อไปอีกนาน ๆ
เพื่อให้ครอบครัวเราได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีก
แต่เวลาที่เหลือ อาจจะไม่นานอย่างที่ฉันคิด

ฉันจึงอยากบอกกับพ่อว่า
ฉันรู้สึกดีใจ และภูมิใจเสมอ

ฉันอยากจะส่งแผ่นซีดีเพลงเก่า ๆ ที่พ่อชอบไปให้ฟัง
เผื่อว่าพ่อจะลุกขึ้นมาเต้นรำเหมือนเมื่อก่อน

ฉันอยากจะพาพ่อไปทะเล
เหมือนกับวันที่พ่อพาพวกเราไปหัวหิน บางแสน

ฉันไม่ควรได้แต่คิดใช่ไหม ????
ฉันควรจะลงมือทำเสียก่อน....

....ก่อนที่จะไม่มีเวลาเหลือให้ฉันได้ทำ หรือแม้แต่เวลาที่จะให้คิด.....




 

Create Date : 18 กรกฎาคม 2554
1 comments
Last Update : 18 กรกฎาคม 2554 14:31:46 น.
Counter : 689 Pageviews.

 

อ่านแล้วมองเห็นสัจจะธรรมของชีวิตค่ะ

เห็นด้วยอย่างยิ่งที่ควรลงมือทำเสียแต่ตอนนี้
คุณพ่อคุณแม่คงดีใจมากมากและมีความสุขที่ได้เห็นเราได้อยู่ใกล้ๆ เรา เหมือนกับที่เรามีความสุขที่ได้ทำให้ท่านค่ะ

 

โดย: PrettyNovember 18 กรกฎาคม 2554 15:25:31 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.